เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้าบทที่ 1932 แผนการอันบ้าคลั่ง (1)

Now you are reading เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า Chapter บทที่ 1932 แผนการอันบ้าคลั่ง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1932
ผู้ฝึกชั่วร้ายใบหน้าเย็นชา ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของลู่ฝาน

หรือจะพูดว่าพวกเขาฟังที่ลู่ฝานพูดรู้เรื่องหรือเปล่าก็ไม่รู้

ผู้ฝึกชั่วร้ายที่ยังลุกขึ้นมาได้ ปล่อยทะเลโลหิตพลุ่งพล่านออกมาทุกคน

เสียงหนานกงสิงดังขึ้นทันที “อย่าทำลายตำหนักเด็ดขาด”

เมื่อลู่ฝานได้ยินคำพูดของหนานกงสิง เขาล้มเลิกความคิดใช้ท่าไม้ตายทันที

ดูเหมือนวิญญาณกะพริบเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

คิดแล้วลงมือทันที เป็นสไตล์ของลู่ฝานมาโดยตลอด

แสงสว่างวาบนัยน์ตา พลังวิญญาณพุ่งออกมา

จู่ๆ ผู้ฝึกชั่วร้ายคนหนึ่งชะงักฝีเท้าลง แสงโลหิตนัยน์ตาสลายหายไปเหมือนฟองอากาศ

ตามมาด้วยเสียงระเบิดแล้วล้มลงพื้น ตัวเริ่มชักกระตุกไม่หยุด

ลู่ฝานเพิ่งรู้ว่าวิญญาณผู้ฝึกชั่วร้ายพวกนี้ ไม่ได้อ่อนแอธรรมดาๆ

หรือจะพูดว่าพวกเขาไม่มีวิญญาณเลยก็ได้ มีเพียงเศษความทรงจำที่เหลืออยู่ในสมองเท่านั้น

ใช้วิธีของค่ายกลพิเศษบางอย่าง ยื้อไม่ให้เศษความทรงจำสลายหายไป

เมื่อเป็นเช่นนี้ มั่นใจได้ว่าผู้ฝึกชั่วร้ายพวกนี้สามารถรักษาพลังการต่อสู้ไว้ได้ อีกทั้งยังกำจัดโอกาสทรยศของพวกเขาไปจนหมดด้วย

คนที่วางค่ายกล ควบคุมทุกอย่างของพวกเขาโดยสมบูรณ์

เพราะถ้าค่ายกลหายไป พวกมันจะกลายเป็นก้อนหินที่ขยับไม่ได้

เมื่อเข้าใจจุดนี้แล้ว ลู่ฝานยิ้มกว้างทันที

ผู้ฝึกชั่วร้ายระดับนี้ สำหรับพวกคนที่ไม่เข้าใจวิถีวิญญาณ ไม่รู้จักพลังวิญญาณ

อาจเป็นปัญหาใหญ่มาก อาจถึงขั้นตายได้เลย!

แต่สำหรับคนที่มีพลังวิญญาณ และเคยฝึกวิถีวิญญาณแบบลู่ฝาน

ค่ายกลในหัวผู้ฝึกชั่วร้ายเหล่านี้ เหมือนก้อนหินที่ไม่ค่อยแข็งเท่าไร

เขาแน่ใจเลยว่าคนที่วางค่ายกลนี้ ใช้พลังวิญญาณได้แย่กว่าเขาเยอะ

ลู่ฝานลงมือเพียงครั้งเดียว ก็ล่วงรู้โครงสร้างของค่ายกลนี้แล้ว แสดงว่าระดับของค่ายกลวิญญาณนี้ธรรมดาทั่วไป!

ตอนนี้ผู้ฝึกชั่วร้ายที่เหลือพุ่งมาข้างหน้าลู่ฝานแล้ว

แสงโลหิตพลุ่งพล่านบนตัวพวกเขา มีท่าทีจะปะทะกับเขตวิถีของลู่ฝาน

หนานกงสิงแอบอยู่ด้านข้าง มองลู่ฝานยืนนิ่งรอพวกผู้ฝึกชั่วร้ายพุ่งเข้ามาหา

หัวใจเขาแทบหลุดออกมาแล้ว

แม้เขารู้ว่าลู่ฝานเก่งมาก แต่เจอสถานการณ์แบบนี้ ยังไงก็ต้องรู้สึกเป็นกังวล

เบิกตาโต เพ่งมอง กำหมัดแน่น

หนานกงสิงเตรียมลงมือทุกเมื่อ

ถ้าลู่ฝานต้านทานไม่ไหว สิ่งที่หนานกงสิงสามารถทำได้เพียงอย่างเดียวคือพาลู่ฝานที่บาดเจ็บหนีไป

แต่จู่ๆ หนานกงสิงรู้สึกว่ามีสายลมเบาๆ ปะทะเข้าใบหน้า พัดเสื้อผ้าเขาจนสะบัดปลิว ทำให้แสงในตำหนักหมิงฉี่สั่นไหวไปมา

ทันใดนั้นผู้ฝึกชั่วร้ายทั้งหมดยืนนิ่งไม่ขยับ เหมือนกลายเป็นหินกะทันหัน

แสงโลหิตหายไป ประกายสีแดงนัยน์ตาผู้ฝึกชั่วร้ายหายไปจนหมด ยืนนิ่งอยู่ข้างหน้าลู่ฝาน

หนานกงสิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองภาพนี้อย่างตกตะลึง

นัยน์ตาลู่ฝานเป็นประกายสว่างจ้า เหมือนอาทิตย์ร้อนแรงตรงขอบฟ้า

“ล้ม!”

ลู่ฝานยื่นมือออกมากดเบาๆ ลงกลางอากาศ

จู่ๆ ตัวของผู้ฝึกชั่วร้ายโงนเงน ล้มลงบนพื้นเหมือนไร้เรี่ยวแรง

เสียงล้มลงพื้นของพวกเขาดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

หนานกงสิงเห็นแล้วอ้าปากกว้างจนสามารถยัดกำปั้นเข้าไปได้

ตอนนี้ประกายนัยน์ตาลู่ฝานเพิ่งหายไป เขารีบเดินมาข้างหนานกงสิงแล้วพูดว่า “เรียบร้อยแล้ว เร็วใช่ไหมล่ะ!”

ตอนนี้หนานกงสิงเพิ่งหุบปากลง เขาพูดว่า “นายทำได้ยังไง ช่างเถอะ ฉันไม่ถามแล้ว ถึงนายพูดฉันก็คงไม่เข้าใจ เรารีบทำเรื่องสำคัญดีกว่า ธิดาเทพแห่งความมืดมีโอกาสกลับมาได้ทุกเมื่อ!”

ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ใช่ รีบกันเถอะ!”

เมื่อพูดเช่นนี้ ทั้งสองคนเหาะไปด้านบน เริ่มมองม่านแสงรอบๆ อย่างละเอียด

อย่างที่หนานกงสิงคิดไว้ เหมือนม่านแสงของที่นี่ปกคลุมทั้งประเทศฉิงเทียน ทั้งกำแพงเมืองทั้งสถานที่ต่างๆ ด้วยเหตุนี้ทำให้ม่านแสงที่ลอยขึ้นมา ดูเยอะจนไม่หมดไม่สิ้น

ทั้งสองคนดูม่านแสงทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ลู่ฝานรวบรวมสมาธิ ปราณชี่มารวมอยู่ที่ดวงตา แบบนี้ช่วยให้เขามองชัดและครอบคลุมขึ้นเยอะมาก

กวาดตามองไป ภาพในม่านแสงเกือบร้อยอยู่ในสายตาลู่ฝานทั้งหมด

แต่ลู่ฝานไม่เห็นจุดไหนน่าสนใจเลย ทั้งประเทศฉิงเทียนดูเงียบสงบมาก

สิ่งที่ลู่ฝานจินตนาการไว้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่ผู้ฝึกชั่วร้ายสร้างความวุ่นวาย สถานที่ที่ผู้ฝึกชั่วร้ายเข่นฆ่า สถานที่ลึกลับของผู้ฝึกชั่วร้าย ไม่เห็นภาพเหล่านี้เลยสักนิด

หนานกงสิงก็พบปัญหานี้เหมือนกัน เขาขมวดคิ้วพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ ที่นี่มีความลับแน่ๆ ไม่งั้นจะคุ้มกันแน่นหนาทำไม อีกทั้งยังมีจอมมารคอยดูแลที่นี่ด้วย แต่ทำไมถึงหาไม่เจอล่ะ เป็นไปไม่ได้!”

ลู่ฝานตอบอย่างราบเรียบ “หาต่อ!”

หนานกงสิงดูร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด “หรือพวกเขาซ่อนสถานที่สำคัญที่สุดไว้ หรือที่นี่ไม่มีสิ่งที่เราต้องการ หรือครั้งนี้คือความผิดพลาด ให้ตายเถอะ ฉันน่าจะสืบให้ชัดเจนกว่านี้แล้วค่อยมา ตอนนี้เราฆ่าคนไปแล้ว เผยพิรุธไปไม่น้อย ถ้าครั้งหน้าอยากมาอีกครั้ง แค่พวกผู้ฝึกชั่วร้ายไม่โง่ เราไม่มีโอกาสอีกแน่ๆ”

หนานกงสิงตาแดงก่ำ เขาเอามือกุมหัวแล้วบ่นไม่หยุด

ลู่ฝานเหาะมาข้างหนานกงสิง คว้าคอเสื้อหนานกงสิงแล้วกดเสียงต่ำตำหนิว่า “หนานกงสิง! ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาบ่น สิ่งที่เราทำได้คือพยายามหาจุดสำคัญให้เจอ นายไม่ได้ตัดสินใจผิด การกระทำของนายก็ไม่ได้ผิด ฉันเชื่อนาย นายก็ต้องเชื่อตัวเองเหมือนกัน!”

เสียงตำหนิของลู่ฝาน ทำให้แววตาวูบไหวของหนานกงสิงค่อยๆ นิ่งลง

หนานกงสิงพยักหน้าพูดว่า “สหายลู่ฝาน นายเชื่อฉันจริงเหรอ”

ลู่ฝานพูดว่า “ใช่ เชื่อโดยไม่มีเงื่อนไข เราต้องหาจุดสำคัญเจอแน่นอน”

จู่ๆ หนานกงสิงหัวเราะ “เหมือนที่นายเชื่ออู่คงหลิงน่ะเหรอ”

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “อย่าบอกนะว่านายหึง ฉันไม่ชอบผู้ชาย รีบทำงานเถอะ เราเสียเวลาไปมากแล้ว!”

หนานกงสิงพยักหน้า สูดหายใจลึกแล้วหาต่อ

ลู่ฝานเหาะขึ้นไปดูด้านบนเรื่อยๆ

ม่านแสงเยอะขนาดนี้ ไม่มีทางดูหมดแน่นอน ดังนั้นลู่ฝานจึงหาม่านแสงเกี่ยวกับเมืองฉิงเทียน

ถ้าพวกผู้ฝึกชั่วร้ายคิดทำการใหญ่จริงๆ มั่นใจได้เลยว่าต้องเริ่มที่เมืองฉิงเทียนแน่ๆ

ลู่ฝานคิดว่าถ้ามีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น น่าจะอยู่ในม่านแสงที่เกี่ยวกับเมืองฉิงเทียน

ในที่สุดลู่ฝานเห็นม่านแสงที่เกี่ยวกับเมืองฉิงเทียนแล้ว

แค่กำแพงเมือง จำนวนม่านแสงก็เยอะจนน่าทึ่งแล้ว

แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภาพในม่านแสงละเอียดมาก ลู่ฝานเห็นถนนทุกสาย เห็นสิ่งก่อสร้างทุกหลัง อีกทั้งพวกสิ่งที่อยู่ใต้ดินด้วย

ลู่ฝานอ้าปากเบาๆ เขาเห็นสิ่งที่น่าตกตะลึงสุดๆ

ตอนนี้เหมือนหนานกงสิงเจออะไรเหมือนกัน เขาตะโกนอย่างตกใจว่า “สหายลู่ฝานรีบมาดูนี่สิ นายดูสิว่าฉันเจออะไร พระเจ้า พวกผู้ฝึกชั่วร้ายจะทำลายทั้งประเทศฉิงเทียนเหรอ นี่มันอะไรกันแน่!”

ลู่ฝานไม่ได้หันไปดู เขาชี้ภาพในม่านแสงแล้วพูดว่า “ฉันเห็นแล้ว พวกผู้ฝึกชั่วร้ายจะกลืนกินทั้งประเทศฉิงเทียน”

ลู่ฝานสูดหายใจลึกแล้วพูดต่อ “สิ่งนี้เรียกว่าสัตว์อสูรอากาศธาตุ!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *