เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้าบทที่ 1949 ก็คือพวกเขา!

Now you are reading เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า Chapter บทที่ 1949 ก็คือพวกเขา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1949
ฝานกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างต่อเนื่อง เขารู้ว่าอาจารย์หวูเฉินจะพูดแบบนี้

ลู่ฝานส่ายหัว และพูดว่า “ฉันกลัวจะช่วยชีวิตคนได้ไม่มากเท่าไหร่”

หวูเฉินพูดว่า “ช่วยได้คนหนึ่งก็คือคนหนึ่ง ฉันสามารถช่วยนายติดต่อกับอริยบุคคลบางคนได้ ฉันไม่กล้ารับประกันได้ว่าจะมีคนเชื่อมากแค่ไหน แต่ก่อนที่เรื่องราวจะเกิดขึ้น พวกเขาก็จะเลือกที่จะยืนอยู่ข้างเรา นายต้องหาทางเชื่อมสัมพันธ์กับคนของเก้าประเทศที่ทรงพลัง อย่างน้อยๆต้องทำให้ราชาของเก้าประเทศที่ทรงพลังเตรียมพร้อม นอกจากนี้ ต้องรายงานให้กับหอฝึกสัตว์ และสำนักเงินปาฟาง หากกองกำลังขนาดใหญ่เหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันได้ในเวลานั้น พวกเรายังมีโอกาสของการอยู่รอดเส้นทางหนึ่ง!”

ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “นี่เป็นสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ ฉันได้แจ้งให้หอฝึกสัตว์ทราบแล้ว เพียงแต่ความคิดของผู้นำหลีซี ฉันไม่แน่ใจ”

หวูเฉินพูดว่า “รีบไขว้โอกาสแจ้งให้ทราบ ตอนนี้พวกเราต้องการวิธีการออกจากประเทศฉิงเทียน ปลอมตัวเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายหนีออกไป อย่างมากสุดก็หนีได้แค่สิบคนยี่สิบคนเท่านั้นเอง มากกว่านี้จะทำยังไง สิ่งที่พวกเราต้องการ คือช่องทางเดินที่สมบูรณ์ หรือช่องว่างในการล้อมรอบของผู้ฝึกชั่วร้าย นายมีความมั่นใจทำได้หรือเปล่า?”

ลู่ฝานหยิบไข่มุกออกมา และวางบนโต๊ะแล้วพูดว่า“นี่น่าจะมีความช่วยเหลือทั้งหมดได้”

หวูเฉินหยิบไข่มุกออกมา ใส่พลังชี่ และปลดปล่อยม่านแสงออกมา

ในชั่วพริบตา ทุกคนมองเห็นฉากที่ไม่เป็นระเบียบ กะพริบอย่างสุดชีวิต

หานเฟิงพูดว่า “นี่มันของบ้าอะไรเนี่ย!”

ลู่ฝานอธิบายว่า “นี่เป็นวิธีการที่ผู้ฝึกชั่วร้ายคนอื่นๆภายนอกเข้ามา สิ่งที่พวกเขาได้ยินได้เห็น ก็อยู่ข้างในทั้งหมด ถ้าหากนำภาพรวมที่พวกเขาเห็นมารวมกัน ก็คือแบบนี้!”

จากนั้น ลู่ฝานก็สะบัดมือใหญ่

ม่านแสงทั้งหมดหายไป เหลือแต่แสงรำไร

ที่ใจกลางของจุดแสงคือลำแสงที่พุ่งสูงขึ้น และด้านนอกมีจุดแสงที่หนาแน่นนับไม่ถ้วน

ลู่ฝานชี้ไปที่จุดแสงวงกลมรอบนอกสุดแล้วพูดว่า“นี่คือการล้อมรอบของผู้ฝึกชั่วร้าย ดูเหมือนแนบเนียนไม่มีที่ติ แต่ในตำแหน่งนี้ พวกเขาอยู่ใกล้ลำแสงมากเกินไป!”

สายตาของลู่ฝานลุกเป็นไฟ ศิษย์พี่ใหญ่และคนอื่นๆถามอย่างงุนงง “ใกล้แล้วยังไง?”

หลิงเหยาดูเหมือนจะเข้าใจ และเปล่งเสียงพูดว่า“ใกล้เกินไป พวกเขาอาจถูกดึงโดยตรง เมื่อสัตว์อสูรอากาศธาตุปรากฏตัวขึ้น ถ้าอย่างนั้น จะเกิดช่องว่าง!”

ลู่ฝานพูดว่า “ใช่ ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”

หวูเฉินพูดว่า “นายได้ของสิ่งนี้มายังไง? ใครช่วยนายตรวจสอบเหรอ?”

ลู่ฝานพูดช้าๆว่า “อู่คงหลิง เธอเดาได้ว่าฉันอาจจะหนีไปได้ ดังนั้นจึงให้สิ่งนี้กับฉันล่วงหน้า”

เมื่อได้ยินอู่คงหลิงชื่อนี้ สีหน้าของหลิงเหยาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ศิษย์พี่หานเฟิงและคนอื่นๆมองหน้ากันไปมา และไม่พูดอะไร

หวูเฉินพูดต่อ “หล่อนไว้ใจได้เหรอ?”

ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ไว้ใจได้สิ”

หวูเฉินพูดว่า “เอาล่ะ งั้นก็เอาตามนี้ สามารถเตรียมการได้ทันที หานเฟิง พวกนายต้องเข้มงวดกับปากหน่อย ลู่ฝานไว้ใจพวกนายขนาดนี้ ถ้ามีอะไรผิดพลาดจากบนตัวของพวกนาย พวกนายจะเสียรังวัด”

สีหน้าของหานเฟิงและคนอื่นๆดูเคร่งขรึม และพยักหน้าอย่างหนัก

ศิษย์พี่ใหญ่พูดว่า “ไม่ว่าพวกเราจะโง่แค่ไหน ก็ไม่มีทางหักหลังศิษย์น้องลู่ฝานหรอก”

หวูเฉินพยักหน้า “งั้นก็ดี พวกนายออกไปได้ สามารถให้ข้อมูลเล็กน้อยกับราชาอู่อานได้ ฉินซาง ให้เขาช่วยพูดคุยกับประเทศอื่นๆ”

หานเฟิงขมวดคิ้วพูดว่า “แบบนี้ได้เหรอ?”

หวูเฉินมองไปทางลู่ฝาน ขมวดคิ้ว และลู่ฝานพูดว่า“น่าจะได้”

ศิษย์พี่หานเฟิงและคนอื่นๆพยักหน้าอย่างเข้าใจ กางมือทั้งสองออก ศิษย์พี่ใหญ่กอดลู่ฝานแล้วพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน ต้องพึ่งนายอีกแล้ว”

ศิษย์พี่หานเฟิง ศิษย์พี่ฉู่สิง ศิษย์พี่ฉู่เทียนก้าวไปข้างหน้ากอดลู่ฝานไว้

ศิษย์พี่หานเฟิงพูดข้างหูของลู่ฝานว่า “ต้องมีชีวิตอยู่นะ”

ลู่ฝานกระซิบกลับมาว่า“แน่นอน!”

ศิษย์พี่หลายคนจากไปอย่างรวดเร็ว หวูเฉินเดินไปที่ประตู แต่จู่ๆก็ปิดประตูอีกครั้ง

ลู่ฝานมองดูอาจารย์หวูเฉินด้วยความประหลาดใจ

เห็นได้ชัดว่า การกระทำนี้ของอาจารย์ เป็นเพราะมีเรื่องจะคุยกับเขา

“ลู่ฝาน เรื่องต่อไปที่ฉันจะคุยกับนาย ออกจากปากของฉัน เข้าสู่หูของนาย ไม่อนุญาตให้บุคคลที่สามรู้!”

ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “พูดมาเถอะครับอาจารย์ ผมฟังอยู่”

หวูเฉินหันหน้ามา ด้วยสายตาเฉียบขาด และมองดูลู่ฝานพูดว่า “นายเจอกับซู่มั่นเหรอ?”

ลู่ฝานพูดว่า “เจอแล้ว จิตใจเต๋าสำนักมาร ผู้อาวุโสซู่มั่น หัวหน้าสำนักอย่างฉัน ก็ได้รับการอนุมัติจากเธอ”

หวูเฉินพูดว่า “นายคิดว่าหล่อนเป็นยังไง?”

ลู่ฝานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าความอธิบายยังไง ตอนที่ได้เจอกับหล่อนครั้งแรก หล่อนยังบังคับให้ฉันฆ่าคน แต่ต่อมา กลับช่วยเหลือฉันหลายครั้ง อาจารย์ท่านไว้ใจหล่อนได้ แต่ฉันกลับไม่สามารถไว้ใจหล่อนได้ทั้งหมด”

หวูเฉินพูดว่า “นายทำสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ฉันพูดก็ผิดเช่นกัน หล่อนให้นายฆ่าคน ฉันเดาว่ามันเป็นการทดสอบว่านายเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายหรือเปล่า ฉันมั่นใจได้ว่าถ้านายลงมือจริงๆ เธอจะต้องฆ่านายตายโดยไม่ลังเล ต่อจากนั้นยึดแหวนจิ่วเซียวในมือของนาย”

ลู่ฝานพูดด้วยความประหลาดใจ “เป็นแบบนี้เหรอ? อาจารย์ท่านหมายความว่า อันที่จริงหล่อนเป็นคนดีเหรอ? ไม่ใช่ผู้ฝึกชั่วร้าย?”

หวูเฉินพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้ฝึกชั่วร้าย? นี่เป็นเพียงตัวตนหนึ่งเท่านั้น ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ ซู่มั่นมีความเชี่ยวชาญวิถีห้าธาตุแห่งฟ้าดิน ศพเลือดสามวิถีของผู้ฝึกชั่วร้ายก็น่าจะเชี่ยวชาญทั้งหมด ถ้านายบอกว่าหล่อนเป็นผู้ฝึกชั่วร้าย ก็ถูกต้อง ออร่าปีศาจบนตัวของหล่อน ตราบใดที่ปลดปล่อยออกมา มันอาจจะหนักกว่าปีศาจ แต่นายบอกว่าหล่อนไม่ใช่ผู้ฝึกชั่วร้าย ก็ได้ หล่อนเป็นคนจิตใจดีจริงๆ!”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สายตาของหวูเฉินก็พร่ามัวเล็กน้อย

ลู่ฝานพูดว่า “ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ คนแบบนี้ ทำไมถึงได้เป็นผู้อาวุโสอยู่ในจิตใจเต๋าสำนักมาร”

สายตาของหวูเฉินกลายเป็นโศกเศร้าในทันที และพูดว่า “เพราะหล่อนเหมือนกับฉัน มุ่งมั่นที่จะสร้างวิชาของบู๊กับซี่รวมเป็นหนึ่งเดียวออกมา”

ลู่ฝานอ้าปากเล็กน้อย ใบหน้าก็มีความประหลาดใจ

หวูเฉินมองดูลู่ฝานพูดว่า “นายไม่รู้จักฉายาของฉันสินะ ลู่ฝาน?”

ลู่ฝานไม่เข้าใจอาจารย์หวูเฉิน ทำไมจู่ๆถึงได้พูดถึงเรื่องนี้ และส่ายหัวพูดว่า “ไม่รู้ว่า อาจารย์ท่านเป็นอริยบุคคลอะไร?”

หวูเฉินพูดเสียงดังว่า “ปีนั้นตอนที่ฉันเที่ยวเร่ร่อนไปในโลก ถูกคนเรียกว่าอริยบุคคลเฉียน ชื่อนี้เป็นยังไง?”

ลู่ฝานปรบมือพูดว่า “ดังพอ!”

หวูเฉินพูดต่อ “และซู่มั่น ในปีนั้นถูกเรียกว่าอริยบุคคลคุน ยังต้องการให้ฉันอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้มั้ย?”

ลู่ฝานพูดด้วยความประหลาดใจ “อริยบุคคลเฉียนคุน? พวกท่านก็คืออริยบุคคลเฉียนคุนในตำนานเหรอ!”

ลู่ฝานเคยได้ยินชื่อนี้ พูดอย่างแม่นยำคือ ไม่มีใครในโลกที่ไม่รู้จักชื่อนี้

หวูเฉินพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถูกต้อง นั่นเป็นปีรุ่งโรจน์ที่สุดของเรา จากนั้น ตามด้วยพวกเราเริ่มคิดหาทางสร้างวิธีของวิชาของบู๊กับซี่รวมเป็นหนึ่งเดียว พวกเรามีความขัดแย้งกัน ฉันคิดว่า พลังชี่กับพลังปราณสามารถอยู่ร่วมกันได้ เพราะไม่มีความแตกต่างระหว่างพลังฟ้าดิน ตามวิวัฒนาการต้าเต๋า คือหนึ่งให้กำเนิดสอง

สองให้กำเนิดสาม สามให้กำเนิดสรรพสิ่ง ตราบใดที่พลังดั้งเดิมได้รับการฟื้นฟู ก็คือวิชาของบู๊กับซี่รวมเป็นหนึ่งเดียว ฉันเรียกมันว่าแหล่งกำเนิดดั้งเดิม”

หวูเฉินวาดวงกลมบนโต๊ะ และพูดต่อไปว่า “แต่ว่าผู้อาวุโสซู่มั่นหล่อนคิดว่า วิธีการนี้ใช้ไม่ได้ หล่อนคิดว่า เอกภาพแห่งพลังนั้น ไม่ดีเท่าเอกภาพของต้าเต๋า สิ่งที่เรียกว่าวิชาของบู๊กับซี่รวมเป็นหนึ่งเดียว ก็คือจุดจบของต้าเต๋า หล่อนเรียกว่าวิธีการที่แตกต่างแต่บรรลุเป้าหมายเดียวกัน เช่นเดียวกับไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกชี่ หรือว่านักบู๊ สุดท้ายก็ต้องฝึกวิถีแห่งสวรรค์ ก็ต้องรวมเขตวิถี กลายเป็นโลกใบหนึ่ง ดังนั้นหล่อนกำลังตามหา วิธีการของต้าเต๋าเป็นหนึ่งเดียว และในโลก เชี่ยวชาญที่สุดในการรวมพลัง ความแตกต่างที่แยกไม่ออกที่สุดระหว่างผู้ฝึกชี่กับนักบู๊ก็คือ…….”

ลู่ฝานพูดต่อ“ผู้ฝึกชั่วร้าย!”

หวูเฉินพูดว่า “ใช่ ดังนั้นหล่อนไปแล้ว ฉันทะเลาะกับหล่อนครั้งใหญ่ ฉันด่าว่าหล่อนเป็นปีศาจ นังผู้หญิงบ้า หล่อนบอกว่าฉันโง่จนคนอื่นเทียบไม่ติด โบราณคร่ำครึเกินไป พวกเราแยกทางกัน หล่อนไปจิตใจเต๋าสำนักมาร ฉันเสียใจมาก ต่อจากนั้นก็เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้อย่างเต็มที่ ทดสอบความคิดของฉัน แต่ตอนที่ฉันฝึกฝนจนถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด มีคนสามคนมา ต้องการแย่งผลสำเร็จของฉันไป พวกเขาทำร้ายฉัน ทำลายความหวังที่จะประสบความสำเร็จในการฝึกฝนสุดท้ายของฉัน ในเวลาเดียวกัน ฉันยังพบว่าพวกเขาเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายสำนักจิ่วเซียวในปีนั้นด้วย นายเดาว่าพวกเขาเป็นใคร?”

ลู่ฝานฝานเข้าใจแล้ว และพูดเบาอย่างราบเรียบว่า “สามอริยบุคคล!”

หวูเฉินพูดว่า “ถูกต้อง ก็คือพวกเขา”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *