เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอบทที่ 458 เวลาไม่พอแล้ว!

Now you are reading เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ Chapter บทที่ 458 เวลาไม่พอแล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 458 เวลาไม่พอแล้ว!

ยิ่งไปกว่านั้น เฉินชางยังพบว่าที่อยู่อีเมล์แนบท้ายมานั้นเป็นอีเมล์ส่วนตัว! เขาถึงกับชะงักไปเล็กน้อย…หรือว่าวารสารระดับสูงเช่นนี้จะต้องติดต่อกับบรรณาธิการด้วย

เฉินชางยังไม่ทันตอบกลับก็มีข้อความฉบับหนึ่งส่งมาจากอีเมล์ไม่คุ้นเคยอีกครั้ง!

“สวัสดีครับคุณเฉินชาง ผมคือถังเซิน บรรณาธิการของวารสาร BJS ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ต่อไปพวกเราจะติดต่อกับคุณอย่างต่อเนื่องนะครับ…”

เฉินชางเงียบไป นี่คือวารสารระดับไฮเอนด์ ทั้งยังมีบริการส่วนตัวแนบมาด้วย มาพร้อมกับบรรณาธิการที่ใช้ภาษาจีนอีก…นี่มันจะดีเกินไปหรือเปล่า

เมื่อคิดถึงวารสารการปลูกถ่ายตับ เฉินชางก็ต้องส่ายหน้า จากนั้นก็นอนหลับต่อไป!

……

……

เช้าวันต่อมา เฉินชางตื่นแล้วก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อย สิ่งเดียวที่ขาดไปก็คือสูทเพียงตัวเดียวของตนที่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว!

วันนี้คงต้องใส่ชุดลำลองไปก่อน

ทว่าทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เฉินชางชะงักไปเล็กน้อย

ใครมาเคาะประตูแต่เช้าแบบนี้เนี่ย

เมื่อเขาเปิดประตูออกไป ก็พบว่าฉินเยว่วิ่งถือสูทชุดหนึ่งเข้ามาในห้อง!

เฉินชางชะงักไปทันที

“คุณบอกว่ายังหลับอยู่ไม่ใช่เหรอครับ”

ฉินเยว่หัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงเปิดถุงสูทใบใหญ่ในมือออกแล้วพูดว่า “เร็ว ลองสวมดูหน่อยค่ะ! พอดีตัวหรือเปล่า…”

พูดพลางก็หยิบสูทออกมาจากถุงสำหรับใส่สูท ตัวสูทเรียบกริบและเป็นสีกากีเหมือนเดิมราวกับซื้อมาใหม่!

เฉินชางชะงักไปทันที “คุณไปเอามาจากไหนครับ”

ฉินเยว่หน้าแดง “ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ ยังไงก็ใส่แค่วันเดียว! ลองก่อนเถอะค่ะว่าพอดีตัวหรือเปล่า”

จู่ๆ เฉินชางก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “คงไม่ใช่ว่าคุณ…เอาสูทของพ่อคุณมาหรอกนะครับ”

ฉินเยว่เห็นว่าตนเองถูกจับได้แล้วจึงยิ้มกระอักกระอ่วนออกมาทันที “ยังไงวันนี้พ่อก็ไม่ต้องใส่ เดี๋ยวคุณใส่แล้วฉันจะซักคืนให้เขาเองค่ะ แล้วว่างๆ ฉันจะไปซื้อสูทกับคุณสักชุด!”

ฉินเยว่ไม่เหมือนเฉินชาง เธอมีความละเอียดอ่อน พิจารณารอบคอบ

เธอคิดว่าวันนี้เฉินชางจะต้องใช้สูทแน่นอน แต่เมื่อวานดึกเกินไป และเธอเห็นว่าเฉินชางเหนื่อยมากแล้วจึงไม่ได้พาเขาไปเดินซื้อสูท และไม่ได้เลือกซื้อมามั่วๆ ขณะนั้นเธอก็คิดถึงสเวตเตอร์ของพ่อที่เฉินชางใส่ได้พอดี ทั้งสองมีรูปร่างต่างกันไม่มาก ดังนั้นสูทก็น่าจะสวมด้วยกันได้

คิดแล้ว เมื่อคืนเธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อเอาสูทมาให้ได้

……

……

ฉินเสี้ยวหยวนกำลังนอนอยู่บนโซฟา วันนี้เป็นวันพักผ่อนที่หาได้ยากยิ่งของเขา เขาจึงนอนยาวสักหน่อย ทว่า…เมื่อคิดถึงท่าทางแปลกประหลาดของฉินเยว่เมื่อครู่นี้ เหล่าฉินก็เกิดแปลกใจขึ้นมาทันที รีบถามขึ้นว่า

“ที่รัก ผมใส่สูทตัวนั้นไปเมื่อไหร่นะครับ ทำไมผมไม่เห็นจำได้ว่ามันจะสกปรกตรงไหนเลย”

จี้หรูอวิ๋นขมวดคิ้ว “ฉันก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกันค่ะ ฉันจำได้ว่าคุณสวมสูทตัวนั้นครั้งเดียวเอง คุณสวมตอนไปร่วมงานสัมมนาที่เมืองหลวงของปีนี้ ส่วนตอนอื่น…ฉันก็จำไม่ได้นะคะ”

ฉินเสี้ยวหยวนยิ้ม “เฮ้อ…ลูกสาวโตแล้วจริงๆ รู้ความกับเขาบ้างแล้ว รู้จักเอาเสื้อผ้าของผมไปซักให้แล้ว!”

จี้หรูอวิ๋นพูดยิ้มๆ “ฝันหวานไปแล้วค่ะ! ลูกเอาไปส่งร้านซักรีดต่างหาก! ฉันสิ ซักผ้าให้คุณมาทั้งชีวิตแล้ว ไม่เห็นพูดอะไรบ้างเลย”

ฉินเสี้ยวหยวนยิ้มเล็กน้อย หันไปกอดจี้หรูอวิ๋นแล้วพูดขึ้นว่า “สวรรค์ดีกับผมจริงๆ มอบภรรยาสวยๆ ให้ผม แล้วยังมอบลูกสาวดีๆ ให้ผมอีก จริงสิ…แล้วก็มีลูกเขยที่เก่งกาจตั้งแต่ยังหนุ่มด้วย! คุณว่าเป็นบุญวาสนาตั้งแต่ชาติปางไหนของผมกันครับ”

จี้หรูอวิ๋นเห็นฉินเสี้ยวหยวนแสดงออกมาเช่นนี้ก็อดพูดไม่ได้ว่า “บอกแล้วว่าฉันเป็นภรรยาที่ดี! คุณควรขอบคุณฉันนะคะ! จริงสิ เสี่ยวเฉินเป็นยังไงบ้างคะ เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”

จี้หรูอวิ๋นได้ยินข่าวของเฉินชางแล้วก็แปลกใจ จึงรีบถามขึ้นทันที

ฉินเสี้ยวหยวนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เธอฟังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตั้งแต่การกู้ชีพจนถึงคำวิจารณ์ของทุกคนตอนเย็นของเมื่อวาน!

จี้หรูอวิ๋นฟังแล้วก็ตื่นเต้นราวกับมีคลื่นซัดสาดอยู่ในใจ!

ฉินเสี้ยวหยวนพูดจบก็ถอนใจออกมา “เฮ้อ ตอนนี้ผมพอใจเจ้าเด็กนี่ขึ้นทุกวันแล้วละครับ”

……

……

เฉินชางมองฉินเยว่ “คุณหันไปก่อนสิ!”

ฉินเยว่หัวเราะออกมาทันที “ฉันยังไม่รังเกียจคุณเลย แล้วคุณจะมาอายทำไมคะ”

เฉินชางกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ในห้องกันสองต่อสองเช่นนี้มันเกิดเรื่องไม่คาดคิดได้ง่ายๆ เลยนะ! แต่เมื่อเห็นท่าทางซุกซนของฉินเยว่ เฉินชางก็ได้แต่ยิ้มออกมาแล้วถอดเสื้อและกางเกงออก…

ฉินเยว่อยากจะหันหนีไป แต่หากหันไปแล้วจะดูเหมือนว่าตัวเองขี้ขลาด เธอคือลูกหลานตระกูลฉินผู้สง่างามสูงส่ง เรื่องทรยศบิดาก็ยังกล้าทำมาแล้ว กับอีแค่เรื่องดูคนเปลี่ยนเสื้อผ้าทำไมจะไม่กล้าล่ะ

เพียงแต่เมื่อเห็นเฉินชาง…ฉินเยว่ก็หน้าแดงหูแดง ลมหายใจกระชั้นถี่!

เจ้าหมอนี่จะหน้าไม่อายเกินไปแล้ว!

เปลี่ยนจริงๆ ซะด้วย…

เฉินชางถูกฉินเยว่มองเช่นนี้ก็รู้สึกใจวาบหวิว บางสิ่งบางอย่างเริ่มเกิดปฏิกิริยาไม่หยุดหย่อน จากเดิมที่ควบคุมได้ จู่ๆ ก็กลายเป็นมีปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณ…

ฉินเยว่เห็นดังนั้นก็ต้องเบิกตากว้าง!

รู้สึกหายใจลำบากเข้าไปใหญ่!

เฉินชางรีบยืดตัวขึ้น ดึงฉินเยว่เข้ามาในอ้อมกอด

ฉินเยว่ถูกเฉินชางดึงเข้ามาก่อนเช่นนี้ก็ใจเต้นแรงจนได้ยินเสียงตึกตัก ใบหน้าแดงก่ำ

กล่าวตามตรง ตอนนี้เฉินชางก็เริ่มรู้สึกอะไรขึ้นบ้างแล้ว ส่วนฉินเยว่…เธอรู้สึกว่าเธอควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นกัน

มือของทั้งสอง…เริ่มไม่อยู่นิ่ง

ขณะที่สถานการณ์กำลังแปรเปลี่ยนไปในทางที่ยากจะอธิบาย โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทั้งสองชะงักไปทันที

ฉินเยว่รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พบว่าเป็นสายของฉินเสี้ยวหยวน เธอรีบสงบอารมณ์ของตนก่อนจะกดรับโทรศัพท์แล้วพูดไปว่า “ฮัลโหล พ่อคะ มีอะไรคะ”

ฉินเสี้ยวหยวนพูดยิ้มๆ “ลูกพ่อ ลูกซักสูทให้พ่อใช่ไหม พ่อส่งซองแดงให้ลูกทางวีแชทแล้วนะ…อย่าลืมล่ะ ลูกยังหาเงินได้ไม่มาก พ่อไม่ยอมให้ลูกออกค่าซักผ้าเองหรอก คืนนี้ก็กลับช้าหน่อยก็ได้ ไปกินอะไรอร่อยๆ กับเสี่ยวเฉินสักหน่อยเถอะ!”

“อีกอย่าง อย่าใช้เงินเสี่ยวเฉินนะลูก ฟังพ่อนะ ลูกสาวบ้านเราต้องยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ไม่มีเงินก็มาขอพ่อ”

พูดจบก็วางสายไป

ทั้งสองถูกโทรศัพท์สายนี้ขัดจังหวะ ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนไปบ้าง…

ฉินเยว่ดูเวลา พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว เธอจ้องเฉินชาง กล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เอ่อ…ใกล้ถึงเวลาแล้ว คุณรีบสวมเสื้อผ้าเถอะค่ะ จัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วรีบไปกันเถอะ”

เฉินชางพยักหน้า แต่ไม่นานก็ต้องชะงักไป!

ไม่ถูกสิ

การประชุมเริ่มแปดโมงครึ่ง ตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมง ใช้เวลาเดินทางยี่สิบนาที ต่อให้ใช้เวลาไปทำนู่นทำนี่ก็ยังเหลือเวลาอีกห้าสิบกว่านาที…

ยัยตัวร้าย…เธอจะหวังมากเกินไปหรือเปล่า!

คิดแล้วเฉินชางก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ บอกกับตัวเองว่าต่อไปคงต้องฟิตร่างกายให้ดีซะแล้ว ไม่สิ…ฟิตร่างกายแล้วจะมีประโยชน์อะไร จะต้องพยายามหาหินเสริมแกร่งที่เพิ่มความอดทนต่างหาก…มิฉะนั้น…คงปรนนิบัติยัยขี้ประจบฉินนี่ไม่ไหวแน่

คิดแล้วเฉินชางก็อดถอนหายใจไม่ได้

ภาพฉินเยว่ในสายตาเฉินชางแปรเปลี่ยนไป กลายเป็นนางปีศาจถือแส้อยู่ในมือ…

เฉินชางถึงกับเสียวสันหลังวาบ…และเพราะประโยคนี้ของฉินเยว่ ทำให้เฉินชางรู้สึกกดดันไปตลอดทาง

ฉินเยว่มองเฉินชาง คิดว่าอีกฝ่ายตื่นเต้น จึงพูดปลอบไปว่า “ไม่ต้องกดดันไปค่ะ! คุณเก่งที่สุดแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด