เพราะรักสลักใจ 827-828

Now you are reading เพราะรักสลักใจ Chapter 827-828 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 827 ถึงกับซ่อนยาพิษไว้ในผักของห้องเครื่อง

 

 

ตอนซูเซียงออกประตูพระพันปียังกำชับเป็นพิเศษอีกหนึ่งประโยค “วาจาที่อายเจียพูดกับเจ้าเมื่อครู่ คงจำได้?”

 

 

ซูเซียงทบทวนความคิดอย่างละเอียด ดูเหมือนเมื่อครู่พระพันปีจะพูดกับนางหลายคำทีเดียว? แต่หางตาของนางเหลือบเห็นเข็มเงินที่พระพันปีส่งให้แม่นม พริบตานั้นก็เข้าใจขึ้นมาแล้ว ขานตอบอย่างว่าง่ายทันที “เซียงหรงล้วนจดจำได้ ขอพระพันปีทรงวางพระทัย เซียงหรงจะดูแลตัวเองและลูกในท้องเป็นอย่างดีแน่นอน”

 

 

โดยรวดเร็ว ซูเซียงกับแม่นมคนสนิทของพระพันปีก็ถูกนำทางมาถึงห้องเครื่อง เวลานี้คนในห้องเครื่องส่วนใหญ่ถูกไล่ให้ออกไปหมดแล้ว ภายในห้องกว้างเหลือเพียงหญิงสาวรับใช้ช่วยงานจิปาถะสองคน และตอนพวกนางเข้ามาเด็กรับใช้สองคนนี้ก็อธิบายชัดเจนแล้วว่าเป็นคนของพระพันปี ดังนั้นจึงขอให้พวกนางใช้งานได้อย่างสบายใจ

 

 

ซูเซียงจึงค่อยวางใจ มองวัตถุดิบรอบห้องเครื่อง ยังมีพวกเครื่องปรุงรสล้วนค่อนข้างครบครัน ทว่าในใจนางยังไม่วางใจ อย่างไรนี่ก็ทำอาหารถวายจักรพรรดิเหล่าชนชั้นสูง หากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น ไม่เพียงแต่ไม่อาจรักษาตัวนางกับลูกในท้องได้ แม้แต่จ้าวเซิงและคนในครอบครัวนางเองก็ไม่มีทางรอดพ้น

 

 

นางสั่งการกับแม่นมข้างกายเสียงเบา แม่นมพยักหน้าแล้วตรวจดูบานประตูหน้าต่างอย่างละเอียดหนึ่งรอบ มั่นใจแล้วว่าด้านนอกไม่มีคนแอบดูจึงค่อยวกกลับเข้ามา และมิได้ละเว้นหญิงรับใช้สองคนนั้น นำวัตถุดิบและเครื่องปรุงทั้งหมดตรวจสอบดูอีกรอบ อย่างที่คิด ตรวจพบของใส่ยาพิษไม่น้อยในนั้น

 

 

แม้ทั้งหมดมิใช่ยาพิษพวกหงอนกระเรียนแดง[1] เห็นเลือดผนึกคอ[2] เป็นแค่ยาพิษอ่อนๆ ทว่านี่เป็นอาหารที่ทำขึ้นถวายจักรพรรดิและพระพันปี หากถูกค้นพบเข้าจะเกิดอะไรขึ้น?!

 

 

แม่นมชราโกรธจนตัวสั่น อยากโยนข้าวของพวกนั้นทิ้งเสีย แต่ถูกเสียห้ามปรามไว้

 

 

 “อย่าเพิ่งโมโห บัดนี้โมโหไปก็ไม่มีประโยชน์ เราเลี่ยงของมีพิษพวกนั้นก็เป็นอันได้แล้ว”

 

 

ซูเซียงกับแม่นมตั้งใจละเอียดรอบคอบ ตอนซูเซียงใช้วัตถุดิบใด แม่นมก็จะตรวจสอบดูอย่างละเอียดซ้ำอีกรอบ ตรวจถึงก้านผักทุกก้าน ใบผักทุกใบ ก็ยังแยกส่วนที่มียาพิษออกมาได้ไม่น้อย

 

 

แม่นมชราโกรธจนขั้วหัวใจปวดแปลบ แต่กลับเห็นซูเซียงจับตะหลิวทำกับข้าวอยู่ตรงนั้นอย่างสุขุมเยือกเย็น ใครว่าเป็นหญิงโง่เขลามาจากบ้านนอก? สติอารมณ์เช่นนี้ เกรงว่าแม้แต่ฮองเฮาในวังก็ยังสู้ไม่ได้!

 

 

ซูเซียงระมัดระวังอย่างยิ่ง โดยเฉพาะทุกครั้งที่หันตัวไปหยิบของล้วนตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีสิ่งใดอันตรายถึงตนและลูกในท้องบ้าง ยามเข้าใกล้เตาไฟก็ยิ่งระมัดระวังเป็นพิเศษ ด้วยกลัวส่วนที่นูนออกมาจะกระแทกท้องของตน

 

 

แม่นมชราตื่นตะลึงอยู่ในใจ สตรีมีสติไม่ตื่นตูม ทั้งรู้ควรรู้ไม่ควร รู้จักปกป้องตัวเองเช่นนี้ ถ้ามิใช่…เกรงว่าตำแหน่งไท่จื่อเฟยหรือฮองเฮาในอนาคตนางก็สามารถเป็นได้

 

 

เวลานี้ในใจของแม่นมชรามีความตั้งใจอื่นแล้ว หากฝ่าบาทและองค์รัชทายาทสำนึกผิด นางก็จะปล่อยความคิดนั้นให้เน่าอยู่ในท้อง แต่หาก…ต่อให้นางถึงตายก็ต้องกราบทูลขอร้องพระพันปีให้เปลี่ยนมารดาของแผ่นดิน! ในเมื่อมารดาของใต้หล้าเปลี่ยน เช่นนั้นก็…

 

 

จ้าวเซิงไปเข้าเฝ้าถวายบังคมองค์จักพรรดิก่อน จักรพรรดิเพียงพยักหน้ารับอย่างไม่ยินดียินร้ายแล้วโบกมือให้เขาออกไป

 

 

อย่างไรเสียจ้าวเซิงก็ไม่อยากรั้งอยู่ในตำหนักของพระบิดานานอยู่แล้ว จึงมิได้จิตตกพิรี้พิไรอะไร ร้อนใจรีบเร่งไปพระตำหนักของพระพันปี ทว่าเดินไปได้ครึ่งทางก็ถูกรัชทายาทขวางทางไว้ ต้องการลากคนไปนั่งในตำหนักให้ได้ พูดไปพูดมาจ้าวเซิงไร้ทางปฏิเสธ คิดว่าซูเซียงอยู่ในตำหนักพระพันปีคงไม่เกิดเรื่องอะไร จึงเดินตามองค์รัชทายาทไป

 

 

ไปนั่งในตำหนักของรัชทายาทได้ไม่ถึงสองนาที องค์รัชทายาทก็ทอดถอนพระทัยหนึ่งเสียง เปิดปากตรัส “ข้าผู้เป็นพี่ชายปรารถนาดีต่อเจ้าจากใจจริง หญิงอำมหิตเช่นนั้นเลิกราเสียเถิด เจ้าเป็นอ๋องสงครามผู้องอาจ สตรีใดเล่าหาไม่ได้ พี่ชายเสาะแสวงหาหญิงที่ดีกว่าให้เจ้าไม่ดีหรือ?”

 

 

จ้าวเซิงอารมณ์ไม่ดีอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว พอฟังวาจาเช่นนี้ของรัชทายาทก็ยิ่งอารมณ์เสีย  แต่เขายังข่มกลั้นอารมณ์เอาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย อย่างไรที่แห่งนี้ก็เป็นวังหลวง พวกเสือสิงห์ผีสางล้วนมี หากเขากับรัชทายาทเกิดบาดหมาง ข่าวสองพี่น้องไม่ปรองดองเล่าลือออกไปผลลัพธ์ที่ตามมานั้นไม่กล้าแม้แต่จะคิด!

 

 

 

 

——

 

 

[1] หงอนกระเรียนแดง (鹤顶红) คืออาร์เซนิกไตรออกไซด์ (Arsenic trioxide) สารตั้งต้นของสารประกอบสารหนู เป็นผลพลอยได้จากการถลุงแร่ทองแดงและ ตะกั่วโดยที่สารหนูจากแร่ทั้งสองจะอยู่ในรูปควัน และถูกจับด้วยความเย็นได้เป็น arsenic trioxide มีลักษณะเป็นผงสีขาว

 

 

[2] เห็นเลือดผนึกคอ (见血封喉) คือต้นน่องยางขาว มีชื่อเรียกภาษาจีนอีกชื่อหนึ่ง คือ ลูกศรพิษ ออกดอกในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ออกผลสีแดงในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อผลสุกเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำเข้ม ผลมีรสขม และมีพิษ ยางไม้ก็มีพิษด้วยเช่นกัน ซึ่งพิษของพืชชนิดนี้มีผลต่อการเต้นของหัวใจ จัดเป็นพืชอนุรักษ์ระดับสามของจีน  

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 828 ข้าไม่มีทางหย่ากับนางเด็ดขาด

 

 

แต่เขายังปฏิเสธเสียงแข็ง “ซูเซียงเป็นภรรยาที่ข้าแต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณี ข้าไม่มีทางหย่ากับนาง ลำบากพี่ชายใส่ใจแล้ว”

 

 

รัชทายาทสดับวาจานี้แล้วในใจไม่รู้รส ยามปกติ หากเขาพูดสิ่งใดที่ทำให้จ้าวเซิงไม่เห็นด้วย เจ้าหนูนี่ต้องเถียงเขาจนรู้แพ้รู้ชนะแล้ว ด้วยเหตุนี้ พวกเขาสองพี่น้องหยิกข่วนกันไม่น้อย กลิ้งบนพื้นจนหมวกหลุด เสื้อผ้ายับยู่ยี่ก็ไม่น้อยครั้ง

 

 

ทว่าบัดนี้กิริยาท่าทางของจ้าวเซิงกลับเด็ดเดี่ยวและเย็นชา ทำให้องค์รัชทายาทไม่สบายใจอย่างยิ่ง ทั้งหมดเป็นเพราะคนสารเลวคนนั้น! ถ้าไม่มีหญิงชั่วคนนั้นล่ะก็ ไยน้องชายของตนจะเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้ ปีศาจจิ้งจอกสมควรตาย คนสารเลวต้องไม่ได้ตายดี!

 

 

เป็นดั่งที่องครักษ์ลับเขาพูด กาลกิณีทำลายบ้านเมือง! หารู้ไม่ว่าถ้าระหว่างพวกเขาสองพี่น้องเกิดบาดหมางผิดใจกัน จะอันตรายต่อชาติบ้านเมืองมากเพียงใด?!

 

 

ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของคนสารเลวนั่น!

 

 

รัชทายาทสูดหายใจเข้าลึกๆ สุดท้ายก็ประนีประนอมอย่างอดมิได้

 

 

 “ในเมื่อตอนนี้นางอุ้มท้องลูกของเจ้า ข้าเองเป็นพี่ชายก็พูดอะไรไม่ได้ แต่งก็แต่งแล้ว เช่นนั้นก็ลดขั้นนางเป็นซู่เฟย เช่นนี้คงได้กระมัง? ดีเลวก็ยังนับว่าไว้พระพักตร์เสด็จย่าแล้ว ชาติกำเนิดเช่นนาง เป็นซู่เฟยก็ถือว่ายกย่องอย่างใหญ่หลวงแล้ว แต่ลูกของนางคลอดออกมา หากเป็นเด็กหญิงก็แล้วไป อย่างไรก็เป็นลูกเจ้า เลี้ยงดูภายใต้ชื่อของชายาเอกก็แล้วกัน หากเป็นเด็กชายต้องส่งไปจวนองค์หญิงเต๋อฮุ่ยทันที ต่อไปเจ้าก็ห้ามพบเจอเขาอีก…”

 

 

จ้าวเซิงไม่เปล่งเสียง ยกชาดื่มด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่ามืออีกข้างกำหมัดแน่น

 

 

รัชทายาทนึกว่าจ้าวเซิงคล้อยตามเขาแล้ว จึงอ้าปากตรัสต่อ “ข้ารู้ว่านางมีบุญคุณต่อเสด็จย่า แต่บุญคุณนี้เป็นมาอย่างไร หากบอกว่าไม่ใช่แผนการของนางอย่างไรข้าก็ไม่เชื่อ! เจ้าเองไม่เห็นหรือตอนอยู่ชายแดนนางขู่ขวัญคนทรยศผู้นั้นเช่นไร ทั้งตัดมือ ทั้งเฉือนใบหู ควักลูกตา ซ้ำยังโยนแช่ในน้ำหมักโสมมจนกลายสภาพเป็นมนุษย์สุกร…ข้า ข้าไม่กลัวเสียหน้าต่อหน้าเจ้า คืนนั้นข้าฝันร้ายจนสะดุ้งตื่นถึงสองครา! เจ้าคิดดู นี่เป็นสิ่งที่สตรีคนหนึ่งควรคิดได้หรือ? นี่ต้องนางชั่วร้ายอำมหิตมากแค่ไหน?! ข้าไม่อาจให้สตรีเช่นนี้อยู่ข้างกายเจ้า ไม่มีทางเด็ดขาด! เจ้าเชื่อฟังเถิด พี่ชายไม่มีทางทำร้ายเจ้า…”

 

 

 “อีกอย่าง นางเป็นสตรีคนหนึ่ง รู้จักช่วยเหลือสามี สั่งสอนบุตรก็พอแล้ว หญิงชนบทบ้านป่าคนหนึ่งไยถึงเข้าใจงานราชกิจมองทะลุปรุโปร่งถึงเพียงนี้? ซ้ำยังรู้ว่าข้างกายข้าต้องมีไส้ศึกเป็นแน่ จึงให้คนส่งจดหมายมา? สตรีจิตใจลึกล้ำอำมหิตแบบนี้จะพูดอย่างไรเราก็เก็บไว้ไม่ได้! ถ้ามิใช่เห็นแก่พระพักตร์เสด็จย่า ข้าคงส่งคนไปลอบสังหารนางตั้งนานแล้ว น้องชายเอ๋ยเจ้าต้องตื่นได้แล้ว หญิงอำมหิตเช่นนี้ปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด กาลกิณีบ้านเมือง จะทำลายทั่วทั้งแว่นแคว้นเชียวล่ะ…”

 

 

 “น้องชายเจ้าต้องเชื่อฟัง ข้าเห็นแล้วว่าซูย่วนเสี้ยนจู่ไม่เลวทีเดียว นางเองก็จริงใจต่อเจ้า วันนี้ข้าก็จัดการให้นางเข้าวังมาแล้ว หรือไม่แล้วเจ้าสองคนลองพบหน้ากัน? นางเป็นธิดาของฮู่กั๋วกงกับต้าจ่างกงจู่ เป็นชายาเอกของเจ้าก็เหมาะสมคู่ควร เจ้าเชื่อฟังคำเกลี้ยกล่อมของพี่ชายได้หรือไม่…”

 

 

รัชทายาทจ้ำจี้จำไช พร่ำสอนด้วยวาจาเปี่ยมความถูกต้อง สีหน้าของจ้าวเซิงเย็นลงถึงขีดสุด ทรวงอกกระเพื่อม สุดท้ายเขากลับขยับถ้วยชาเบาๆ เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านพี่รัชทายาท ท่านคิดดีแล้วหรือ ต้องทำร้ายความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องเพียงเพราะสตรีคนเดียวจริงหรือ?”

 

 

ประโยคนี้ของจ้าวเซิงพูดถึงซูย่วนเสี้ยนจู่ แต่รัชทายาทกลับเข้าใจผิดว่าจ้าวเซิงจะตัดขาดเขาเพราะซูเซียง จึงไม่พอพระทัยอย่างยิ่ง

 

 

เพลิงโทสะและจิตสังหารขุมใหญ่ลุกโหมในใจของรัชทายาท อยากสับคนชั่วซูเซียงผู้นั้นเป็นชิ้นๆเสียเดี๋ยวนี้! ถ้ามิใช่เพราะหญิงแพศยาคนนี้ พวกเขาสองคนพี่น้องตลอดยี่สิบกว่าปีปรองดองกันอยู่ดีๆ ไหนเลยจะเดินมาถึงขั้นนี้!

 

 

จ้าวเซิงไม่อยากรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปอีกแล้ว ด้วยกลัวว่าวินาทีถัดไปตนจะทนไม่ไหวแตกหักกับรัชทายาท เขารู้ตัวดีว่าตนมีฐานะอะไร และรู้ดีว่าหลังการแตกหักครั้งนี้จะนำพาให้บ้านเมืองเผชิญพายุฝนคาวโลหิตเช่นไร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด