เพราะรักสลักใจ 897 กอบกู้สถานการณ์สุดกำลัง / 898 นโยบายของฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ใจราษฎร

Now you are reading เพราะรักสลักใจ Chapter 897 กอบกู้สถานการณ์สุดกำลัง / 898 นโยบายของฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ใจราษฎร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 897 กอบกู้สถานการณ์สุดกำลัง

 

 

จักรพรรดิผู้เพิ่งลงจากตำแหน่งพระองค์นี้แท้จริงแล้วกระทำเรื่องโง่เขลาไว้มากเพียงใดในใจทุกคนล้วนรู้ชัดกระจ่างแจ้ง ฉะนั้นราชสำนักจึงมิได้ปั่นป่วน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสนับสนุนจักพรรดิ ฝ่ายสายกลางหรือฝ่ายที่เอนเอียงไปทางจ้าวเซิงนั้น ต่างทยอยกันแสดงออกว่าสนับสนุนหรือไม่ก็มีความเห็นเป็นกลาง

 

 

กอรปกับภายในราชสำนักได้เถียนเฉิงรุ่ยและจ้าวชิงเฟิงร่วมมือกันช่วยควบคุมสถานการณ์ สนับสนุนการสถาปนากษัตริย์องค์ใหม่ ราชสำนักจึงสงบลงได้อย่างรวดเร็ว สถานการณ์นับว่าค่อนข้างมั่นคง ไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้น

 

 

ภายหลังเขาถึงค่อยสืบรู้ว่าเรื่องราวต่างๆ แท้จริงแล้วทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นความผิดของเขากับเสด็จพ่อ ซูเซียงช่วยเหลือพวกเขาไว้มากมายจริงๆ

 

 

อีกทั้งในตอนที่เขาจัดเก็บสิ่งของที่พระพันปีทิ้งไว้ยังพบสมุดพับจำนวนมาก อ่านดูอย่างละเอียดรอบหนึ่งถึงกับพบว่าเป็นข้อเสนอแนะที่ซูเซียงเคยใช้ป้องกันและบรรเทาภัยแล้ง ไปจนถึงนโยบายในบางพื้นที่

 

 

เห็นได้ว่าสิ่งของเหล่านี้ผ่านการจัดการใส่ใจอย่างรอบคอบของเสด็จย่า ทว่าเพราะตนกับเสด็จพ่อไม่ได้เรื่อง กลับต้องทำให้เสด็จย่าเหนื่อยยาก ไม่เพียงแต่ต้องวุ่นวายเพราะงานราชกิจยังต้องกังวลใจลูกหลานอกตัญญูอย่างพวกเขาทำเรื่องเหลวไหลลับหลัง

 

 

คำแนะนำที่นำพาไปสู่สิ่งที่ดีเหล่านี้ยังไม่ทันได้ใช้จริง มันช่าง…

 

 

บัดนี้แม้รัชทายาทประทับบนตำแหน่งจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นตำแหน่งที่คนทั้งใต้หล้าเฝ้าฝันปรารถนา ทว่าเขากลับนั่งอย่างไม่มีความสุขแม้แต่น้อย

 

 

ก่อนอื่นไม่พูดถึงเดิมทีเขาก็ไม่ได้มีความสนใจต่อตำแหน่งฮ่องเต้นี้มากนัก บัดนี้เป็นเพราะความผิดพลาดของตัวเอง ถูกคนงามล่อลวง ไม่ได้ห้ามปรามเสด็จพ่อให้ดีจนบัดนี้เสด็จพ่อถูกส่งเข้าศาลบรรพชน ออกมาไม่ได้ตลอดชีวิต น้องชายแท้ๆ ที่เติบโตด้วยกันมา บัดนี้ยังเอาใจออกห่างเขายอมที่จะพาภรรยาและลูกไปยังสถานที่ห่างไกล ไม่ยอมไปมาหาสู่กับเขาอีก

 

 

รัชทายาทนึกเสียใจอย่างแท้จริง แต่เสียใจอย่างไรตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ทำได้เพียงพยายามไปกอบกู้ ไปชดเชยอย่างเต็มกำลัง

 

 

รัชทายาทจึงเรียกขุนนางชั้นผู้ใหญ่เข้าพบ ใช้เวลากว่าห้าเดือนเต็มๆ นำข้อเสนอแนะเหล่านี้ของซูเซียงมาปรับปรุงแก้ไขรวบรวมพิมพ์เป็นหนังสือ แจกจ่ายไปยังแต่ละจวนว่าการมณฑล ให้ทุกคนร่วมกันหารือเตรียมพร้อมป้องกันภัยแล้ง ภัยพิบัติทั้งทางธรรมชาติและมนุษย์สร้าง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางการทหารในอนาคต

 

 

แม้เป้าหมายของซูเซียงในตอนนั้นเป็นเรื่องป้องกันภัยแล้ง แต่ความคิดเห็นหลายข้อ วิธีการหลายๆ วิธีในนั้นก็เหมาะกับช่วงลาโกลาหล ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหวเอย น้ำท่วมเอย หรือกล่าวถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงกองทัพเหล่านั้นก็ล้วนสอดคล้อง

 

 

และตามข้อเสนอแนะที่ซูเซียงทิ้งไว้ ให้นักโทษแต่ละพื้นที่ที่ยังไม่ถูกตัดสินลดขั้นเป็นทาสทั้งหมดเข้าร่วมทำงาน ผลผลิตที่ได้ทั้งหมดให้ใช้กับการศึกษาของเด็กยากไร้ในพื้นที่นั้น

 

 

จักรพรรดิทุกพระองค์ขึ้นครองราชย์ล้วนพระราชทานอภัยโทษทั่วใต้หล้า สิ่งนี้แม้มิใช่กฎระเบียบที่ระบุไว้ชัดเจนอะไร แต่ทุกคนล้วนกระทำเช่นนี้ ทว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน จวนเจิ้นกั๋วเจียงจวินตามหาทายาทผู้สืบทอดกลับมาได้ พระพันปีจึงมีพระราชเสาวนีย์พระราชทานอภัยโทษและให้ลดส่วยทางการเกษตรแล้ว

 

 

               แต่เขาเป็นขุนนางใหม่ไฟแรงต้องการพิสูจน์ตัวเอง รวมถึงเรื่องเหลวไหลของเขากับเสด็จพ่อพวกนั้น คงต้องทำผลงานหยิบอะไรออกมาปลอบขวัญราษฎรบ้าง

 

 

เวลานี้ต้องขอบคุณที่ซูเซียงทิ้งสิ่งเหล่านี้เอาไว้ เขายึดตามคำแนะนำของซูเซียง บัญญัตินโยบายใหม่จำนวมาก ทั้งหมดล้วนเป็นคุณต่อบ้านเมืองเป็นประโยชน์ต่อประชาชน

 

 

โดยเฉพาะข้อหนึ่งในนั้น เขาส่งเสริมการศึกษาภายในหมู่บ้าน การศึกษาท้องถิ่นพื้นบ้าน และยังออกนโยบายส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นที่หมู่บ้านใด ตระกูลใดต้องการจัดตั้งสำนักศึกษาทางการก็จะช่วยออกเงินให้ส่วนหนึ่งและสำหรับเด็กที่เรียนหนังสือ ขอเพียงสอบติดถงเซิงก็จะได้รับการลดหรือยกเว้นส่วยภาษี ยกเว้นการเกณฑ์แรงงาน

 

 

แต่เดิมมีเพียงสอบเป็นซิ่วไฉถึงจะได้รับการงดเว้นเช่นนี้ ทว่าซิ่วไฉมิได้สอบง่ายขนาดนั้น แต่ถงเซิงนั้นต่างไป อย่างน้อยก็ง่ายกว่าการสอบซิ่วไฉมาก เป็นการเพิ่มความหวังให้ทุกคนได้ไม่น้อย

 

 

ซูเซียงกับจ้าวเซิงแม้เบื้องหน้าไม่ได้สนใจอีกต่อไปแล้ว แต่ในใจจ้าวเซิงมากน้อยก็ยังมีเขาผู้เป็นพี่ชายคนนี้อยู่ อย่างไรแล้วก็เป็นครอบครัวที่เติบโตมาด้วยกัน มิใช่เพียงบอกว่าจะตัดขาดก็ตัดขาดได้ รวมถึงพี่ชายรัชทายาททำเรื่องเลอะเลือนพวกนั้นไปก็เพราะหวังดีต่อเขา ถึงที่สุดแล้วก็ไม่ได้เกิดความเสียหายเป็นจริงเป็นจังอะไร

 

 

สำหรับเรื่องนี้ซูเซียงเองก็ลืมตาข้างปิดตาข้าง หลังรัชทายาทประกาศกฎระเบียบใหม่เหล่านี้ลงมา พวกเขาแม้อยู่ทางชายแดนห่างไกล ทว่าภายในเวลาครึ่งเดือนก็ได้รับสารส่งมาถึง

 

 

 

 

ตอนที่ 898 นโยบายของฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ใจราษฎร

 

 

ซูเซียงถือจดหมายถอนหายใจเล็กน้อย “ช่างเถอะ ช่างเถอะ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถิด ขอเพียงเขาปฏิบัติดีต่อราษฎร ใช้ยาสมุนไพรพวกนั้นของเราในทางที่ถูกที่ควร ข้าเองก็ไม่มีอะไรให้ต้องแค้นเคืองแล้ว”

 

 

“ที่รัก ข้าเคยรับปากเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าไม่ยินดี ข้ายืนยันว่าจะไม่ไปมาหาสู่ใดๆ กับราชวงศ์อีก เราอยู่ที่นี่แม้พายุทรายแรงไปหน่อย พืชพรรณปลูกยากไปหน่อย แต่ข้าเชื่อมั่นว่าภรรยาจะต้องทำให้ชีวิตของทุกคนเจริญรุ่งเรืองเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา” จ้าวเซิงนั่งข้างซูเซียงกุมมือไว้แล้วตบเบาๆ

 

 

หลังรัชทายาทขึ้นครองราชย์ ทรงประกาศนโยบายใหม่ชุดนี้ลงมา พร้อมทั้งให้ตีพิมพ์ทั้งหมดรวมเป็นหนังสือ มอบให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอ่านให้ชาวบ้านฟังทีละคำทีละประโยค ทั้งยังบอกอย่างชัดเจนว่าเป็นนโยบายที่ซูเซียงเสนอและร่วมหารือกับอ๋องสงคราม ราชสำนักเพียงแค่ดำเนินการต่อประกาศแจ้งลงมา

 

 

ราษฎรในใต้หล้าย่อมซาบซึ้งในบุญคุณของซูเซียงกับจ้าวเซิง ขณะเดียวกันพวกเขาก็เปลี่ยนความคิดต่อจักรพรรดิองค์ใหม่ไปไม่มากก็น้อย

 

 

ล้วนกล่าวกันว่า “เกิดเป็นมนุษย์ ใครเล่าไม่เคยพลาดพลั้ง?” เมื่อรัชทายาทรู้จักปรับปรุงตัวเป็นคนใหม่แล้วก็นับเป็นเรื่องดี

 

 

สุดท้ายแล้วจักรพรรดิเมตตาการุณา มีความสัมพันธ์อันดีกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ ก็นับเป็นโชคดีของพวกเขาราษฎร ดังนั้นทุกคนจึงตอบรับในทางที่ดี

 

 

เพราะมีฐานมวลชนดี รัชทายาทจึงออกราชโองการแต่งตั้งจ้าวเซิงเป็นอ๋องเคียงไหล่และแต่งตั้งซูเซียงเป็นเจิ้นกั๋วฟูเหรินขั้นหนึ่งอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งกระพรวนน้อยหรือตอนนี้ก็คือหวังเสวี่ยให้เป็นกู้หลุ่นกู้กั๋วกงจู่เป็นกรณีพิเศษ แต่งตั้งก้อนแป้งน้อยหรือก็คือหวังเฮ่าเป็นองค์รัชทายาท

 

 

น่าเสียดาย ราชโองการถูกส่งกลับโดยไม่ผ่านการแตะต้อง รางวัลพระราชทานใดๆ จ้าวเซิงกับซูเซียงล้วนไม่รับไว้ อีกทั้งยังแจ้งกับกงกงผู้มาประกาศราชโองการอย่างจริงจัง “เฮ่าเฮ่าบ้านข้าแซ่หวัง ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับราชวงศ์ ไม่เป็นรัชทายาทเด็ดขาด! พวกข้าก็ไม่ใช่ของแปลกอย่างอ๋องเคียงไหล่เจิ้นกั๋วฟูเหรินน่ารำคาญอะไรนั่น ขอแค่หัวใจยังยืนหยัดปรารถนาดีต่อราษฎร พวกข้าสามีภรรยาก็ซาบซึ้งขอบพระคุณมากแล้ว”

 

 

แม้ราชโองการถูกส่งกลับไปในสภาพปิดผนึกดังเดิม แต่ราชโองการลงมา รับไม่รับก็ประกาศทั่วทั้งใต้หล้าแล้ว

 

 

สถานที่ใหม่ที่สองสามีภรรยามาถึง สมแล้วที่เป็นซาโจว(ดินแดนทะเลทราย) ทรายเหลืองฟุ้งทั่วฟ้าอย่างแท้จริง

 

 

เซียงซูเซียงผ่านการพิจารณามาเป็นขั้นตอนแล้ว คิดว่าสถานที่แห่งนี้ยังปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อีกมาก ไม่ร้ายแรงเหมือนกับที่นางจิตนาการไว้

 

 

เนื่องด้วยซูเซียงไม่กลับไปมณฑลชิงเหอแล้ว ดังนั้นชาวบ้านในมณฑลชิงเหอและมณฑลใกล้เคียงหลายคนก็ลากคนในครอบครัวถึงขั้นย้ายบ้านตามมายังซาโจว

 

 

เพราะหลายปีนี้พวกเขาอยู่ใต้ปีกของซูเซียงมาโดยตลอด รู้สึกได้ว่าชีวิตอยู่ดีกินดี ดังนั้นซูเซียงอยู่ที่ไหนพวกเขาก็ยินดีตามไปที่นั่น แม้ว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นดินแดนแร้นแค้นในสายตาผู้อื่น นั่นก็ไม่เห็นเป็นไร

 

 

นอกจากนี้ ทุกคนล้วนเคยได้รับน้ำใจจากซูเซียง รู้ว่าซูเซียงกับจ้าวเซิงถูกลดขั้นไปยังสถานที่ห่างไกลแบบนั้นคงไม่มีกำลังคนของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเพาะปลูกหรืออย่างอื่น ล้วนต้องการกำลังคน กำลังสิ่งของจำนวนมาก

 

 

พวกเขาไม่มีทรัพย์สินมากมาย แต่พวกเขามีคน! พวกเขาไปด้วยหลายคน มากน้อยก็สามารถช่วยทำงานได้มิใช่หรือ?

 

 

ทีแรกซูเซียงกับจ้าวเซิงยังกังวลอยู่บ้าง อย่างไรเสียในสถานที่แบบนี้ คิดจะก่อตั้งขุมกำลังขึ้นอีกครั้ง การจะคุ้มครองความปลอดภัยของบ้านตัวเองนั้นไม่ง่ายนัก ใครจะรู้จักรพรรดิชราที่ถูกปลดไปแล้วนั้นอาจยังมีคนสนิทบางคน บางทีอาจสร้างปัญหาอะไรให้พวกเขาอีก เช่นนั้นคงตั้งรับไม่ไหว!

 

 

แต่เพราะมีคนเหล่านี้เข้าร่วม ชาวบ้านในพื้นที่เองก็ทราบกิตติศัพท์ของซูเซียงกับจ้าวเซิง ย่อมทยอยกันเข้ามาหา

 

 

อย่างไรพื้นที่พวกนี้ปลูกอะไรก็ไม่ค่อยรอด จวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงบอกให้ปลูกอะไรพวกเขาก็ปลูกตาม อย่างแย่ก็แค่ไม่รอด ไม่มีอะไรต่างจากปกติ ก็แค่เปลืองแรงกายนิดหน่อย

 

 

เรื่องที่เหนือความคาดหมายก็คือภายในเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปี ข้าวโพด ถั่วลิสง มันเทศ มันฝรั่งที่พวกเขาปลูกไว้เหล่านี้ล้วนให้ผลผลิตสูงมาก แม้ไม่มีข้าวที่กินแล้วรสชาติดีเหล่านั้น แต่ก็ไม่ต้องทนท้องหิวอีกต่อไป

 

 

ซูเซียงใช้วิธีการพิเศษปรับปรุงคุณภาพดิน อาทิเช่นการชักน้ำชลประทาน การทุ่มกำลังคน กำลังของจำนวนมากไปเพาะปลูกต้นไม้และสมุนไพรทนแดดทนแล้ง

 

 

ปีที่สอง เถียนเฉิงรุ่ยกับจ้าวชิงเฟิงเจ้าทึ่มทั้งสองคนถึงขั้นขอพระราชาอนุญาตองค์จักรพรรดิ วิ่งส่ายก้นมาทางนี้ พูดเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าต้องการการสร้างเรือนอยู่ข้างบ้านซูเซียง

 

 

จ้าวเซิงเห็นท่าทางหน้าด้านหน้าทนของพวกเขาทุกวันก็อยากจะพ่นไฟโทสะ เขาคิดว่าถ้าไม่มีเจ้าทึ่มสองคนนี้ชีวิตคงจะสมบูรณ์แบบ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด