เพราะรักสลักใจ 833 ขอเพียงเทพสวรรค์เบิกเนตร / 834 ไม่กลับชาติมาเกิดในราชวงศ์อีกเด็ดขาด

Now you are reading เพราะรักสลักใจ Chapter 833 ขอเพียงเทพสวรรค์เบิกเนตร / 834 ไม่กลับชาติมาเกิดในราชวงศ์อีกเด็ดขาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 833 ขอเพียงเทพสวรรค์เบิกเนตร

 

 

เขากอดขาจ้าวเซิงร่ำร้อง “จั้นอ๋อง ขอร้องท่านแล้ว ท่านโปรดละเว้นหวังเฟยเหนี่ยงเนี่ยงกับซื่อจื่อน้อยเถิด หวังเฟยเหนี่ยงเนี่ยงเหนื่อยยากตรากตรำเพื่อช่วยเหลือราษฎร บุญคุณใหญ่หลวง ท่านปล่อยให้หวังเฟยเหนี่ยงเนี่ยงไปสบายเถิด ขอร้องท่านแล้ว… ”

 

 

จ้าวเซิงมิได้สนใจ ยกเท้าถีบเขาออก คว้ากล่องยาที่ติดมือเขาแล้วเปิดออก เห็นใบมีดเล็กและเส้นด้ายเย็บแผลจำนวนมาก ของเหล่านี้ล้วนใช้สำหรับแผลภายนอก

 

 

จ้าวเซิงรับสั่งคนต้มน้ำร้อน ส่งน้ำแกงโสม ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องคนอื่นให้ออกไปทั้งหมด

 

 

 “เสด็จย่า เชิญท่านหลบเท้าด้วยเช่นกัน”

 

 

ตอนหมอหลวงอาวุโสร่ำไห้ขอร้องพระพันปีก็ได้สติกลับมาแล้ว มองหลานชายบ้านตนอย่างตะลึงงัน ทว่าเวลานี้แม่นมกลับเข้ามาประคองพระนางอย่างแน่วแน่ “พระพันปี นี่เป็นประสงค์ของหวังเฟยเหนียงเนี่ยง ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องลองสู้ดูก่อน แม้ว่าสุดท้าย สุดท้าย…”

 

 

แม่นมพูดไม่ทันจบ แต่พระพันปีกลับเข้าใจดี ในเมื่อเป็นประสงค์ของซูเซียง แม้สุดท้ายไม่มีผลดีอะไร แต่พวกเขาก็ทำความปรารถนาของนางสำเร็จมิใช่หรือ ส่วนเรื่องธรรมเนียมบ้าบอนั่น อยากไปไหนก็ไป

 

 

ตอนนี้แม้แต่แรงร้องไห้เขาก็ยังไม่มี ไม่รู้ว่าวันนี้ทุกคนต้องมนตร์ชั่วร้ายอันใด เหตุใดต้องผ่าท้องเอาเด็กออกด้วย หวังเฟยสิ้นแล้ว เด็กเองก็ย่อมสิ้นแล้วเช่นกัน ไยไม่ยอมให้พวกนางจากไปด้วยร่างอันสมบูรณ์ แท้จริงแล้วนี่ยังเป็นภรรยากับลูกของตนอยู่หรือไม่?

 

 

พระพันปีก็เตะหมอหลวงคนนั้นเข้าหนึ่งที “ห้ามก่อกวน ร่วมมือช่วยเหลือจั้นอ๋องเต็มกำลัง มิเช่นนั้นอายเจียจะเอาชีวิตของเจ้าทั้งตระกูล”

 

 

 “หมอหลวงหลิว ท่านก็พูดเอง หวังเฟยเหนี่ยงเนี่ยงเป็นคนดี เรามีโอกาสกลับไม่ช่วยรักษาลูกนางไว้ เช่นนี้เป็นการตอบแทนคุณหรือ? ” แม่นมเองก็เกลี้ยกล่อมอยู่ข้างๆ

 

 

แต่หลังได้คำของแม่นมอาวุโสเขาก็ตื่นรู้ในทันใด จริงด้วย พวกเขามีโอกาสอาจช่วยชีวิตบุตรของผู้มีพระคุณได้ เหตุใดต้องมองเขาตายไปต่อหน้าต่อตา? นี่เป็นการตอบแทนบุญคุณจริงหรือ?

 

 

เขาพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะทุ่มเทสุดกำลังความสามารถ”

 

 

ขอเพียงเทพสวรรค์เบิกเนตร ให้โอกาสเด็กในท้องมีชีวิตรอด

 

 

แม้ แม้รู้ดีว่าเด็กที่คลอดเช่นนี้อาจถูกคนทั้งใต้หล้าประณามหวาดกลัว เขาเองก็ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้แล้ว นี่เป็นลูกของหวังเฟย เป็นลูกของผู้มีพระคุณของเขา

 

 

ขอเพียงแค่เด็กสามารถผ่านด่านนี้ไปได้ ต่อให้ภายภาคหน้าต้องทำทุกวิถีทาง เขาก็จะปกป้องเด็กคนนี้ให้เติบโตอย่างสงบสุข ใครก็อย่าคิดทำร้ายเขา

 

 

จ้าวเซิงรู้ชัดแก่ใจว่าซูเซียงช่วยกลับมาไม่ได้แล้ว แต่การเคลื่อนไหวของเขายังคงระวังทุกกระเบียดนิ้ว หัวใจกำลังสั่นสะท้าน ทว่ามีดในมือกลับนิ่งมั่นคง เลือดเนื้อไม่ฉีกขาดแม้แต่น้อย

 

 

อย่างรวดเร็ว ทารกตัวเปื้อนคราบเลือดเขียวม่วงคนหนึ่งก็ถูกอุ้มออกมา แม่นมของจวนองค์หญิงเต๋อฮุ่ยมารับไป เห็นเป็นเด็กผู้ชาย แต่ไม่ว่าจะตีอย่างไรเด็กก็ยังไม่ร้องไห้ ลมหายใจสักนิดยังไม่มี

 

 

แม่นมของจวนองค์หญิงเต๋อฮุ่ยกอดเด็กน้อยร้องไห้โฮขึ้นมา คุกเข่าลงบนพื้น โขกศีรษะให้แผ่นฟ้าทางหน้าต่าง “เทพสวรรค์โปรดเมตตา ท่านเทพโปรดเมตตาด้วยเถิด ฮือฮือฮือ นายน้อย… ”

 

 

เวลานี้ เหล่าหมอหญิงผู้รับใช้ด้านข้างต่างอดมิได้ที่จะปิดหน้าหลั่งน้ำตา คุกเข่าลงโขกศีรษะไม่หยุด ปรารถนาเพียงให้เทพสวรรค์มีเมตตา เห็นแก่ความดีคุ้มครองราษฎรนับหมื่นของหวังเฟย โปรดเมตตาลูกของนางด้วย

 

 

จ้าวเซิงได้ยินเสียงร่ำไห้ หัวใจหยุดชะงัก ทว่าความเคลื่อนไหวบนมือกลับมิได้ช้าลงแม้แต่น้อย ป้อนยาห้ามเลือดลงไปให้ซูเซียงหลายเม็ดแล้วเย็บประสานแผลให้นางอย่างรวดเร็ว

 

 

เขาไม่โง่ รู้ว่าซูเซียงในตอนนี้ลมหายใจรวยริน เลือดในตัวหลั่งไหลออกมาด้านนอก เขาทำอย่างไรก็ไร้ประโยชน์…

 

 

แต่เขาไม่อยากยอมแพ้ มือเท้าคล่องแคล่ว กรอกน้ำแกงโสมให้ซูเซียงอีกสองหน สายตาเห็นลมหายใจซูเซียงมีแต่ออกไม่มีเข้า ในที่สุดเขาก็แข้งขาอ่อนทรุดนั่งลงกับพื้น

 

 

คนทั้งหลายล้วนร้องไห้อ้อนวอน มีเพียงจ้าวเซิงกับซูเซียงบนเตียงที่เงียบงันราวกับตายไปแล้ว

 

 

คนหนึ่งใกล้ตาย คนหนึ่งอยู่ไม่สู้ตาย…

 

 

“สวรรค์โปรดเมตตา…เอาชีวิตข้าไปแลกอีกหนึ่งชีวิตก็ได้…” หมอหลวงชรากล่าวพลางลุกยืน พุ่งเข้าไปชนเสาตรงประตู

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 834 ไม่กลับชาติมาเกิดในราชวงศ์อีกเด็ดขาด

 

 

พระพันปีอยู่ข้างนอกได้ยินความเคลื่อนไหวก็นั่งไม่ติดตั้งแต่แรก พอได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากข้างใน ไม่ทันหายใจก็เป็นลมลงไป บัดนี้เพิ่งถูกแม่นมคนสนิทหยิกให้ตื่น

 

 

จู่ๆ ก็เห็นหมอหลวงชราผลักประตูออกมาตรงดิ่งไปทางเสากลม ก็ตะลึงงันอยู่กับที่

 

 

 “เร็ว ขวางเขาไว้” พระพันปีไม่ทันพูดจบ อากาศพลันผันผวน เห็นเพียงแพรพรรณสีเขียวครามชุดหนึ่งโฉบผ่าน หมอหลวงชราก็ค่อยๆ ร่วงลงไปห่างจากเสาเพียงครึ่งก้าว

 

 

มือของแม่นมจวนองค์หญิงเต๋อฮุ่ยว่างเปล่า ศีรษะของจ้าวเซิงถูกขวดกระแทก

 

 

เงาร่างสองสายลอยล่อง เสียงใสกระจ่างของสตรีเลือนรางและน่าพิศวง “หนึ่งเม็ดทุกหนึ่งชั่วยาม”

 

 

นอกจากนี้ยังมีเสียงหนึ่งตามมา สุขุมไกลโพ้น “เด็กพวกข้าจะพยายามสุดกำลัง แต่โอกาสคงมีไม่มาก ขอให้เตรียมใจ”

 

 

 “……”

 

 

ทั้งลานพลันตกสู่ความเงียบงันได้ยินเสียงเข็มตก เป็นพระพันปีเรียกสติกลับมาได้ก่อน “เรื่องวันนี้หากแม้นมีใครบังอาจแพร่งพรายแม้แต่ครึ่งคำ เอียจายจะประหารห้าม้าแยกร่างมันผู้นั้นทั้งตระกูล จดจำได้หรือยัง?”

 

 

 “เพคะ พระพันปี (นายท่าน)” ทุกคนขานรับอย่างพร้อมเพรียง

 

 

ข้าราชบริพาร องครักษ์ที่สามารถเข้าลานพระตำหนักในวันนี้ได้ล้วนเป็นคนสนิทจงรักภักดีต่อพระพันปี แม้ไม่มีกระแสรับสั่งของพระพันปี พวกเขาเองก็ตัดสินใจไม่เปิดเผยออกไปข้างนอกแม้แต่คำเดียว กอรปกับเรื่องของซูเซียง แม้พวกเขาอยู่ในวังลึกแต่ก็ได้ยินมาไม่น้อย จะแพร่งพรายเรื่องที่ทำให้นางเสียเปรียบได้อย่างไร มิใช่น้ำเข้าสมองแล้วเสียหน่อย!

 

 

หลังสั่งการเสร็จแล้ว แม่นมก็รีบประคองพระพันปีเข้ามาในตำหนัก จ้าวเซิงในตอนนี้กำลังย่อตัวลงเบื้องหน้าซูเซียง ป้อนน้ำแกงโสมให้นางทีละคำเล็กครั้งแล้วครั้งเล่า

 

 

เมื่อครู่เขาเกือบจะยอมแพ้แล้ว คิดว่าเลวร้ายถึงที่สุดแล้ว หลังดูแลจัดการลูกทั้งสองคนและคนในครอบครัวซูเซียงเรียบร้อยแล้วเขาก็จะตามนางไป ถึงอย่างไรก็เปลี่ยนสถานที่เป็นสามีภรรยากัน เพียงแต่ชาติหน้า ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เกิดในราชวงศ์อีก

 

 

           ผ่านพ้นงานยุ่งพัลวันตลอดทั้งบ่าย และการดูแลสุดหัวใจของจ้าวเซิง ในที่สุดอาการของซูเซียงจึงนับว่าคงที่เลือดหยุดไหลอย่างสมบูรณ์แล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีความกังวลถึงแก่ชีวิตแล้ว

 

 

เพียงแต่ร่างกายบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ต่อไปจะหลงเหลืออาการแทรกซ้อนหรือไม่ก็พูดยาก คิดอยากจะมีลูกอีกก็เกรงว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว

 

 

 “เซิงเอ๋อร์ เจ้าพักผ่อนเถิด ย่าเฝ้าให้เจ้าแล้วเจ้ายังไม่วางใจหรือ?” พระพันปีเห็นหลานชายของตนที่แก่ลงไปหลายปีเพียงชั่วครึ่งวันก็ปวดใจเหลือประมาณ ตบๆ ไหล่ของเขา เอ่ยปลอบเสียงอ่อน

 

 

จ้าวเซิงกลับส่ายหน้า พูดเบาๆ “ถ้าตื่นแล้วไม่เห็นข้านางจะกังวล”

 

 

พระพันปีผ่อนลมอ่อนใจ “เอาเถิด เอาเถิด…”

 

 

ในเมื่อหลานชายต้องการอยู่เฝ้าที่นี่ เช่นนั้นนางก็ไม่ยินดีจากไปเช่นกัน เอ่ยกับแม่นมที่อยู่ด้านข้างทันที “เจ้าไปย้ายตั่งนุ่มเข้ามาให้อายเจีย อายเจียเองก็จะเฝ้าอยู่ที่นี่”

 

 

ทางซูเซียงเคลื่อนไหวใหญ่โตถึงเพียงนี้ ฮ่องเต้กับรัชทายาทไม่มีทางไม่รู้ เพียงแต่นานแล้วก็ยังไม่เข้ามาเยี่ยมดูสักสายตา สุดท้ายได้ยินว่าพระพันปีให้คนช่วยย้ายตั่งนุ่มให้พระนาง ประสงค์อยู่เฝ้าด้านในด้วยพระองค์เอง พวกเขาจึงค่อยรู้สึกถึงความร้ายแรงของปัญหา

 

 

ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ พวกเขาสองพ่อลูกถูกพระพันปีขับไล่ออกจากตำหนักโซ่วอัน นานมากทีเดียวกว่าคำวิจารณ์ในราชสำนักจะซาลง บัดนี้พระพันปียังอยู่เฝ้าข้างกายคนชั่วผู้นั้น ต่อให้พวกเขาไม่ชอบแต่ก็ไม่อาจไม่ไปเยี่ยม

 

 

ทว่า หลังฮ่องเต้และรัชทายาทเข้ามาในตำหนักแล้วกลับเห็นผ้าใบสีขาวแขวนอยู่ในลาน คนทั้งสองใจเต้นตึกตัก

 

 

เหตุใดพวกเขาจึงไม่ได้รับข่าวอะไรเลย มิใช่บอกว่าสตรีคนนั้นเพียงชนกระแทกจนท้องเลือดออกหรอกรึ ไหนเลยจะรู้ว่าร้ายแรงถึงขั้นนี้ นี่มิถูก ในเมื่อแขวนผ้าขาว สตรีคนนั้นคงตายแล้วไม่ใช่หรือ? พระพันปียังอยู่เฝ้าข้างในทำอะไร?!

 

 

สองคนเดินเข้าข้างในด้วยความสงสัย ทว่าไม่ทันเข้าถึงประตูชั้นรองก็ถูกองครักษ์พกดาบ ตรงเข้ามาดึงดาบสกัดไว้ “ขอฝ่าพระบาทและองค์รัชทายาททรงยั้งพระบาท”

 

 

ในพระเนตรของจักรพรรดิปลดปล่อยจิตสังหารสายหนึ่ง รัชทายาทเองก็ทรงกริ้วเดือดดาล “พวกเจ้ามันเป็นตัวอะไร บังอาจยกดาบขวางเสด็จพ่อกับรัชทายาทเยี่ยงข้า ชีวิตของคนเก้าชั่วโคตรไม่คิดจะเอาไว้แล้วใช่หรือไม่?!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด