เพราะรักสลักใจ 847 หย่ากับข้าเถอะ / 848 ไม่อยากให้ครอบครัวติดร่างแห

Now you are reading เพราะรักสลักใจ Chapter 847 หย่ากับข้าเถอะ / 848 ไม่อยากให้ครอบครัวติดร่างแห at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 847 หย่ากับข้าเถอะ

 

 

พระพันปีชะงัก ตามด้วยสีหน้าอ่อนลงมาทันที นางกังวลมาตลอดว่าหลังองค์หญิงเต๋อฮุ่ยฟื้นแล้วจะกระทำเรื่องโง่เขลา บัดนี้ดูท่าว่าคงไม่เกิดขึ้นแล้ว ลูบๆเส้นผมยุ่งเหยิงของนางพลางกล่าว “ฮุ่ยเอ๋อร์วางใจ ป้าเองก็ไม่ยอมปล่อยวางรามือ เด็กคนนั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของป้าเหมือนกัน”

 

 

สองคนมองตากัน พระพันปีลุกขึ้นโดยไม่ลังเล รุดหน้าเร่งไปทางซูเซียง

 

 

จ้าวเซิงในตอนนี้นั่งทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงหน้าเตียง ไม่ว่าเขาถามอะไร ซูเซียงก็เอาแต่เหม่อมองเพดาน สักคำก็ไม่พูด สีหน้าสักนิดก็ไม่มี ราวกับคนตายทั้งเป็น

 

 

 “เซียงเอ๋อร์ เซียงเอ๋อร์ เจ้าพูดสิ เจ้าอยากจัดการอย่างไร? ขอเพียงเจ้าบอก ข้าสามีล้วนตกลงรับปากเจ้าทั้งหมด ตกลงหรือไม่ เซียงเอ๋อร์…”

 

 

แต่ซูเซียงไม่พูดจา ในดวงตาไม่มีจุดสนใจใดๆ ผู้คนล้วนคิดว่าตอนนั้นนางสลบไปไม่รู้สึกตัวโดยสมบูรณ์ แต่หลังลูกออกมาแล้วตาย นางกลับรับรู้อย่างชัดเจน

 

 

เมื่อครู่ในฝันของนางทั้งหมดล้วนเป็นเด็กคนนั้น เสียงยิ้มหัวเราะร้องเรียกนางว่าแม่ เด็กคนนี้ยังเล่นซุกซน ทำให้ทั้งตัวเปรอะเปื้อนดินโคลนเพราะจับจิ้งหรีด กลับมาทำออดอ้อนน่ารัก นางถือแส้แต่ใจอ่อน ตีลงไปอย่างนิ่มนวลเบามือ

 

 

ผ่านไปเนิ่นนาน ซูเซียงจึงปริปากพูดด้วยเสียงแหบแห้ง เพียงโพล่งออกมาอย่างเฉยชาหนึ่งประโยค “เจ้าหย่าข้าเถอะ ปล่อยข้าไป”

 

 

ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด แม้รัฐบาลก็มิได้ใสสะอาดเต็มร้อย อาจมีคนกลุ่มน้อยทุจริตติดสินบน อาจมีปกป้องคนชั่วรู้เห็นเป็นใจคนเลว ทว่าสุดท้ายแล้วยังมีศาลยุติธรรม ยังมีสำนักงานอัยการ ไม่ไหวแล้วก็ยังเขียนจดหมายถึงผู้นำประเทศได้ ไม่เชื่อว่าไม่มีสถานที่ที่พูดคุยกันด้วยเหตุผล

 

 

แต่ที่นี่น่ะหรือ เป็นยุคโบราณที่อำนาจจักรพรรดิเป็นที่ตั้งสูงสุด อย่าว่าแต่ยั่วโทสะจักรพรรดิ แม้กระทั่งกับขุนนางชั้นสูงทั่วไปคนหนึ่ง นางซึ่งเป็นแค่ชาวบ้านตาดำๆก็ยังหาเรื่องด้วยไม่ได้ ราษฎรคนอื่นยิ่งไม่อาจต่อต้านจักรพรรดิได้อย่างเปิดเผย นี่มิใช่แค่รนหาที่ตาย ถึงขั้นนำพาคนเก้าชั่วอายุไปตายด้วย

 

 

นางแค่อยากมีชีวิตมั่นคงปลอดภัย มีรายได้เล็กๆน้อยๆ ใช้ชีวิตกับคนในบ้านอย่างมีความสุข ต่อมานางพบเจอจ้าวเซิง ชมชอบเขา คิดว่าระหว่างสามีภรรยาควรร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน แต่ถึงปลายทางแล้วนางเพิ่งค้นพบว่าตัวเองผิดไป สามีที่นางอยากร่วมทุกข์ด้วยมิใช่คนธรรมดาสามัญ แต่เป็นลูกชายของจักรพรรดิ เป็นองค์ชายมีตำแหน่งอำนาจสูงส่ง เป็นท่านอ๋องสงครามผู้สูงศักดิ์ของแคว้นต้าหรง

 

 

ส่วนนางหรือ ก็แค่วิญญาณทะลุมิติมาในโลกแปลกประหลาด จะหน้าตางดงามก็ไม่งดงาม จะรูปร่างดีก็ไม่ดี อีกทั้งก่อนนางแต่งให้จ้าวเซิง เรือนร่างของเจ้าของเดิมเปื้อนมลทินแล้ว ทั้งยังเคยคลอดลูก ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเองก็นับว่าเป็นผู้หญิงแต่งงานซ้ำสองแล้ว

 

 

หญิงชาวนาแต่งงานใหม่ ในยุคปัจจุบันแม้คิดจะแต่งให้ลูกชายนายอำเภอนั่นก็ยังเป็นความคิดเพ้อฝัน นับประสาอะไรกับผู้ชายตรงหน้านี้เป็นถึงลูกชายของผู้ปกครองสูงสุดของแคว้น นางชมชอบ แต่ครอบครองไม่ได้

 

 

จ้าวเซิงเคยคิดว่าซูเซียงคงร้องไห้โวยวาย คิดว่านางคงร้องตะโกนต้องการแก้แค้นให้ลูก คิดว่านางคงเรียกร้องให้ตนตัดขาดสัมพันธ์กับราชวงศ์แล้วพานางจากไป…เคยคิดไปมากมาย แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายซูเซียงจะละทิ้งเขา

 

 

อีกทั้งแม้แต่จากกันด้วยดีนางก็ยังไม่ต้องการ พอเอ่ยปากก็บอกว่าต้องการหนังสือหย่าทันที ในใจของนาง ต้องสิ้นหวังมากเพียงใด…

 

 

หัวใจทั้งดวงของจ้าวเซิงพังทลายลงในชั่วพริบตานั้น แต่เดิมนั่งบนเตียงเพียงครึ่งก้น บัดนี้เพราะทั้งกายไร้เรี่ยวแรง ร่วงตกพื้นดังปัง ล้มลงกระดูกสะบ้าและข้อมือเสียงดังกร๊อบ

 

 

พระพันปีรีบเร่งเข้ามา เพิ่งก้าวข้ามประตูใหญ่ก็ได้ยินประโยคนี้ของซูเซียง พลันชะงักค้างอยู่กับที่

 

 

ทันใดนั้น มวลความโกรธมหาศาลโหมพุ่งขึ้นกบาล

 

 

หลานชายดีๆของนาง หลานสะใภ้ดีๆของนาง ยังมีเด็กที่ไม่ได้เกิดมาคนนั้น ทั้งหมดล้วนถูกลูกชายโง่เขลาเนรคุณนั่นทำลาย! ยอมไม่ได้ ยอมไม่ได้เด็ดขาด!

 

 

พระพันปีหมุนกายคิดจะเดินไป แม่นมคิดว่านางเคืองคำพูดซูเซียง รีบร้อนมาเกลี้ยกล่อม “นายหญิง จ้านหวังเฟยเองก็จนใจ จ้านหวังเฟยเองก็เดือดดาล พระองค์อย่าทรงกริ้ว…”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 848 ไม่อยากให้ครอบครัวติดร่างแห

 

 

พระพันปีถลึงตาใส่แม่นมข้างกาย “เจ้าคิดว่าอายเจียเลอะเลือนถึงเพียงนี้หรือ! อายเจียย่อมมิใช่โมโหเซียงเอ๋อร์ แต่เป็นลูกอตัญญูนั่น! กับครอบครัวตัวเองยังถึงเพียงนี้ นับประสาอะไรกับราษฎร! ครานี้อายเจียต้องเฉดหัวเขาไปให้ได้!”

 

 

 “…” คนข้างกายเหงื่อตกอยู่ในใจ นายหญิง พระองค์ห้าวหาญเช่นนี้จักพรรดิองค์ก่อนรู้หรือไม่เพคะ…

 

 

 “พระองค์ท่าน ระงับโทสะ ระงับโทสะ” แม่นมโล่งใจ ขอเพียงพระพันปีไม่เอาความจ้านหวังเฟยก็ดีแล้ว แม้เมื่อวานอยู่ร่วมกันเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แม่นมก็ชื่นชอบจ้านหวังเฟยคนนี้แล้ว อ่อนโยนจิตใจดีทั้งไม่วางมาด ทำให้คนอยากใกล้ชิดสนิทสนม

 

 

พระพันปีสูดลมหายใจเข้าลึกๆหลายเฮือก เดินเข้าข้างหน้า เตะจ้าวเซิงหลีกออกไป “ไสหัวไปทางโน้นเลย ภรรยาตัวเองยังปกป้องไว้ไม่ได้ สิ่งของไร้ประโยชน์!”

 

 

แม่นมโอดครวญอยู่ในใจ โธ่เอ๋ยไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยงของข้า เรื่องนี้มันเกี่ยวอันใดกับท่านอ๋องเล่า…

 

 

วิจารณ์ในใจก็ส่วนวิจารณ์ในใจยังเร่งข้าไปประคองจ้าวเซิงที่ถูกเตะนอนราบกับพื้น “ท่านอ๋องรีบลุกขึ้นเถิดเพคะ ไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยงมิได้โมโหพระองค์…มีพระพันปีอยู่ จะไม่เป็นไรเพคะ จะไม่เป็นไร…”

 

 

ซูเซียงเห็นพระพันปีมาแล้ว สายตาวูบไหวเล็กน้อย มากน้อยก็ยังเห็นได้ในระยะสายตา

 

 

พระพันปีดึงมือของซูเซียง ไม่ทันพูดก็สะอื้นก่อน “เด็กน้อยน่าสงสาร…”

 

 

ซูเซียงเงียบงันไม่เปล่งเสียง พระพันปีเห็นสีหน้าท่าทางของนางหัวใจก็เต้นตึกตัก เปลี่ยนใจเล็กน้อยแล้วรีบกล่าว “เจ้าดูสิ เมื่อกี้ข้าจัดการสั่งสอนตัวไม่ได้เรื่องผู้นี้แล้ว เจ้าอย่าโกรธเคือง ระหว่างสามีภรรยามีเรื่องอันใดแก้ไขไม่ได้ พูดอีกอย่าง เรื่องนี้มิใช่ความผิดของเซิงเอ๋อร์ทั้งหมด เจ้าวางใจ อายเจียจักจัดการให้คำตอบแก่เจ้า!”

 

 

เปลือกตาซูเซียงปิดลง แล้วยกขึ้นอีกครั้ง สายตาเย็นเยือกและเด็ดเดี่ยว “ขอบพระทัยไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยงปรารถนาดี หม่อมฉันตัดสินใจแล้ว เสียบุตรนับว่าหม่อมฉันอาภัพ ข้าซูเซียงชีวิตนี้ถือศีลกินเจเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ลูก แต่ไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยง หม่อมฉันไม่อยากทำร้ายให้ครอบครัวติดร่างแห ขอพระองค์ทรงช่วยเกลี้ยกล่อมท่านอ๋อง รีบเขียนหนังสือหย่าร้าง ปล่อยหม่อมฉันไปเถิดเพคะ”

 

 

ไม่อยากให้ครอบครัวติดร่างแห…ประโยคนี้ไยพระพันปีจะไม่เข้าใจ แต่เพราะเข้าใจ จึงเจ็บปวดผิดหวังในตัวจักรพรรดิรัชทายาท

 

 

หัวใจพระพันปีดิ่งจมลงทีละนิด ราวกับตกสู่ห้วงเหวน้ำแข็งพันปีลึกหมื่นจั้ง เป็นเมื่อวานนี้เอง สาวน้อยคนนี้ยังจับมือของตนอย่างดีอกดีใจ เรียกเสียงอ่อนนุ่มนวลว่า”เสด็จย่า” บัดนี้กลับแก้คำเรียกเป็นไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยงเสียแล้ว

 

 

เมื่อก่อนนางรู้สึกว่าคำเรียกขานว่าไท่โฮ่วเหนียงเนี่ยงนี้คือการเคารพนับถือ ทว่าบัดนี้ครั้นฟังแล้วกลับถากถางและเย็นชา ไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย

 

 

 

 

จ้าวเซิงที่ได้แม่นามพยุงขึ้นกำลังจะนั่งบนม้านั่ง พอได้ยินคำพูดประโยคนี้ของซูเซียงก็ทนไม่ไหว มือบีบเก้าอี้ เสียงไม้ปริแตกดังแคร๊ก ทั้งตัวเขาหล่นลงบนพื้นอีกหน

 

 

มองดูหลานสะใภ้บนที่เตียงใบหน้าเย็นชา เด็ดเดี่ยว ซีดขาว และหลานชายท้อแท้หมดอาลัยบนพื้น แม้แต่หายใจก็ยังแทบทำไม่ได้ พระพันปีเดือดดาลจนคนทั้งคนใกล้จะระเบิดอยู่แล้ว

 

 

พระพันปีบีบกำปั้นเกร็งแน่นอยู่ในแขนเสื้อ จิกจนเลือดสดเต็มมือ บนพระพักตร์กลับเค้นยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนสายหนึ่ง “เซียงเอ๋อร์ เด็กดี ร่างกายเจ้าตอนนี้ยังไม่เหมาะขยับตัวตามใจชอบ รอให้หายดีก่อนเราค่อยว่ากัน ตกลงไหม?”

 

 

ซูเซียงปิดเปลือกตา เบือนศีรษะไปอีกด้าน ไม่พูดอะไรอีก นางรู้ว่าพระพันปีปรารถนาดี ทว่าวังหลวงแห่งนี้แค่เพียงวันเดียวนางก็ไม่อยากรั้งอยู่ต่อ

 

 

พระพันปีไม่รู้ว่าซูเซียงไร้คำตอบจึงพลิกตัวไม่พูดจา ยังคิดว่านางยอมรับโดยปริยายแล้ว ในใจมีความหวังสายหนึ่งแวบผ่าน กล่าวกับแม่นมของตน “นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าอยู่ที่นี่คอยดูแลจ้านหวังเฟยมิให้ห่างย่างก้าว เรื่องที่เหลือข้าจะจัดการให้เรียบร้อย!”

 

 

พระตำหนักบรรทมของจักรพรรดิ

 

 

ฮ่องเต้เองก็ทราบข่าวว่าซูเซียงฟื้นแล้ว โกรธกริ้วจนโผล่งปากผรุสวาจา “คนสารเลว! นางหญิงชั่วช้า! คนดีอายุสั้น คนชั่วอยู่ยงคงกระพัน! ทำไมไม่ตายตามผลผลิตนอกคอกนั่นไปเสีย! ไยถึงไม่ตายไป…”

 

 

พระพันปีผู้ซึ่งโทสะพลุ่งพล่านอยู่ก่อนแล้วเร่งรุดหน้าเข้ามาคิดบัญชีกับองค์จักรพรรดิ บังเอิญอยู่หน้าประตูก็ได้ยินวาจาอำมหิตเลวรามเช่นนี้เข้าพอดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด