เพราะรักสลักใจ 885 หญิงชนบทไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น / 886 คนหนุนหลังข้าคือฮ่องเต้

Now you are reading เพราะรักสลักใจ Chapter 885 หญิงชนบทไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น / 886 คนหนุนหลังข้าคือฮ่องเต้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 885 หญิงชนบทไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น

 

 

ก่อนหน้านี้เฉิงยวนแค่สงสัย แต่ตอนนี้ได้เห็นท่าทางของคนเหล่านี้ มีหรือจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

 

 

มุมปากยกขึ้นเยียบเย็น ในใจหัวเราะเยาะสองเสียง ทว่าสีหน้าท่าทางกลับเป็นธรรมชาติ “สิ่งของในยาสมุนไพรนี้สตรีผู้น้อยย่อมต้องเขียน และต้องเขียนสองฉบับ ด้านล่างมีลายมือชื่อของผู้น้อยเป็นหลักฐานรับรอง ฉบับหนึ่งส่งเข้าวัง ฉบับหนึ่งแปะไว้ตรงกำแพงประตูตรงนี้ ให้ทุกคนเห็นโดยทั่วกัน สมุนไพรนี้เกิดปัญหา สตรีผู้น้อยต้องการตรวจสอบออกมาด้วยตนเอง มิได้ส่งเข้าวังหลวง ขอให้ทุกท่านเป็นพยานให้กับสตรีผู้น้อยและผู้เป็นนายในบ้าน อย่าให้ถึงเวลาแล้วถูกคนป้ายสี…”

 

 

ขันทีได้ยินถึงว่าเดี๋ยวจะส่งเข้าวัง ในใจยังตื่นเต้นยินดี สุดท้ายก็เป็นแค่สตรีโง่เง่ามาจากบ้านนอกจะจัดการเรื่องอันใดได้? ผลกลับได้ยินเฉิงยวนบอกต่อว่าต้องติดประกาศตรงประตูกำแพงด้วย ให้ตายเถอะ ตอนนี้เขารู้สึกหน้าผากโป่งนูนขึ้นมาแล้ว!

 

 

นี่จะเป็นหลักฐานพิสูจน์ได้หรือไม่ได้ไม่สำคัญ สำคัญคือการแปะกระดาษแผ่นใหญ่อล่างฉ่างตรงหน้าประตูแบบนี้ สายตาของพระพันปีย่อมรู้เข้าน่ะสิ!

 

 

ดังนั้นขันทีจึงรีบกล่าวขึ้นอีกหน “ขออภัย ขออภัย เฉิงฮูหยิน แท้จริงเป็นเราขันทีจัดการไม่ดีจนเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันเช่นนี้! ท่านวางใจ ต่อไปเราจะตรวจสอบให้ชัดเจนอย่างแน่นอน สมุนไพรนี้ สมุนไพรนี้ท่านกทำลายเสียที่นี่เถิด ”

 

 

แท้จริงแล้วในหัวใจเฉิงยวนกำลังหลั่งเลือด สมุนไพรมากมายขนาดนี้ อีกทั้งของที่ส่งเข้าวังย่อมเป็นของที่ดีที่สุด น่าเสียดายเหลือเกิน เฮ้อ บาปกรรมจริงๆ เลย…

 

 

แต่จะทำอะไรได้ ในสมุนไพรพวกนี้ถูกของอื่นปนเปื้อนแล้ว ต่อให้ล้างแล้วล้างอีกก็ไม่สามารถใช้เป็นยาได้อีกแล้ว

 

 

ดังนั้นจึงแข็งใจ หยิบแท่งจุดไฟ เผาสมุนไพรทั้งหมดจนเกลี้ยงตรงนั้น รวมถึงโสมโลหิตอายุเกือบห้าร้อยปีอีกสองรากด้านในก็กลายเป็นขี้เถ้าไปเช่นเดียวกัน

 

 

บัดนี้ไม่เพียงแต่เฉิงยวน แม้กระทั่งขันทีสองสามคนนั้นก็ยังปวดใจหัวคิ้วกระตุก ของดีๆ ทั้งนั้น อย่าว่าแต่โสมโลหิตห้าร้อยปีเลย โสมธรรมดาอายุสิบกว่าปี ตัดแค่รากฝอยมายังขายได้หลายตำลึงเงินเชียวล่ะ…

 

 

ทว่าเฉิงยวนเป็นคนใจถึงคนหนึ่ง แม้คับแค้นก็ส่วนคับแค้น ปวดใจก็ปวดใจ แต่ยังจุดไฟเผาจนเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งเถ้าถ่านตอนสุดท้ายก็ถูกนางบดขยี้เป็นผุยผง สำหรับส่วนที่ไม่ติดไฟเหล่านั้น นางยังดึงดาบใหญ่ของผู้อื่นออกมาสับฉับๆ จนทั้งหมดเละเป็นโคลน!

 

 

เห็นนางถือดาบใหญ่ด้วยท่าทางฮึกเหิมห้าวหาญ เหล่าขันทีแต่ละคนก็อกสั่นขวัญหาย แม่เจ้า สมแล้วที่เป็นหญิงชาวป่ามาจากบ้านนอก ดูกิริยาป่าเถื่อนของนางนั่นสิ มันช่าง จิ๊ๆ …

 

 

เฉิงยวนเองก็ถูกยั่วโทสะเข้าแล้ว อันที่จริงยามปกตินางเป็นคนอบอุ่นน่ารักคนหนึ่ง แต่เพราะติดตามซูเซียงนานวันเข้า มากน้อยก็ได้เรียนรู้การระบายอารมณ์ ในเมื่อเจ้าไม่เมตตา ก็อย่ามาหาว่าข้าไม่ปรานี อีกอย่างสิ่งของเหล่านี้อย่างไรก็ไม่ได้ใช้งานแล้ว มิสู้กำจัดให้สิ้นซาก จะได้ไม่เกิดปัญหาอีก!

 

 

คิดอยากจับจุดอ่อน ก็ดูด้วยว่าตัวเองมีปัญญาหรือไม่ หึ!

 

 

สำหรับเรื่องนี้ฮ่องเต้เองก็ทำอะไรไม่ได้อย่างแท้จริง ทำได้เพียงจับแพะรับบาปอยู่หลายครั้ง บอกว่าเป็นไส้ศึกที่แคว้นศัตรูส่งมาให้ใส่ของปลอมปนลงในนั้น เรื่องนี้จึงนับว่าฝืนจบลงได้

 

 

แต่เฉิงยวนก็มิใช่คนโง่ เบื้องหน้าแม้ไม่พูดอะไร เบื้องหลังกลับเขียนจดหมายลับไปให้พวกซูเซียงแล้ว

 

 

จดหมายนี้ใช้เลขอารบิกเขียน ซึ่งถอดตามหลักหนังสือที่ซูเซียงกำหนดไว้โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น 1224 ก็คือหน้าที่หนึ่ง บรรทัดที่สอง คำที่ยี่สิบสี่ของหนังสือเล่มนั้น ต่อให้คนที่ทะลุมิติมาเหมือนกันจะรู้ความหมายของตัวเลข แต่ใครจะรู้ว่าถอดความตามหนังสืออะไร?

 

 

เพราะจักรพรรดิยับยั้งอย่างเข้มงวด ทั้งยังลอบฆ่าปิดปาก ดังนั้นเรื่องนี้ทางพระพันปีจึงได้รับเพียงข่าวลือเล็กๆ น้อยๆ ถึงที่สุดแล้วก็จับไม่ได้ และมิได้เกิดเรื่อง นางเองก็พูดอะไรมากไม่ได้

 

 

การกระทำครั้งนี้รัชทายาทก็มีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน แม้รัชทายาทไม่เคยคิดจัดการซูเซียงถึงตาย แต่คิดว่าคราวนี้ตำแหน่งเช่อเฟยเองก็คงให้ไม่ได้แล้ว ถึงเวลาสุดวิสัยทางด้านเสด็จพ่อนั้นเขาค่อยขอร้องอีกครั้ง ไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็ใช้แมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชาย[1] จับตัวซูเซียงแล้วส่งไปสถานที่ห่างไกลก็ได้แล้ว

 

 

แต่ไหนเลยจะคิดถึงว่าเฉิงยวนคนนี้ฉลาดมีไหวพริบ แป๊บเดียวก็อ่านเกมพวกเขาออก ไม่แน่ว่าทางพวกซูเซียงเองก็คงนึกเอะใจเอาไว้แล้ว!

 

 

เรื่องในวังพวกเขาจัดการแล้ว แต่ถ้าซูเซียงเกิดสงสัยแล้วกราบทูลพระพันปี…

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] แมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชาย (狸猫换太子) มาจากนิทานพื้นบ้านเรื่องแมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชายและถูกนำมาสร้างในละครเปาปุ้นจิ้น เรื่องราวเกิดขึ้นในสมัยจักรพรรดิซ่งเจินจงแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ สนมหลิวและสนมหลี่ตั้งครรภ์ไล่เลี่ยกัน สนมหลิวจึงวางแผนทำร้ายสนมหลี่เพื่อให้โอรสของตนเป็นใหญ่ สั่งการให้ขันทีคนสนิทแอบนำแมวดาวถลกหนังไปสับเปลี่ยนตัวกับโอรสของสนมหลี่ ใส่ร้ายว่าสนมหลี่ให้กำเนิดสัตว์ประหลาดจนสนมหลี่ต้องถูกขังในตำหนักเย็น แต่โอรสของสนมหลี่ได้นางกำนัลและขันทีใจบุญช่วยไว้แอบส่งไปยังจวนท่านอ๋องแปด ต่อมาเรื่องราวผ่านไปกว่าสิบปีเปาปุ้นจิ้นได้พบสนมหลี่ที่หลบหนีออกมาจึงเริ่มสืบสวนคืนความยุติธรรมให้สนมหลี่ สำนวนแมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชายจึงใช้หมายถึงการสับเปลี่ยนแทนที่อะไรบางอย่าง การสลับตัว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 886 คนหนุนหลังข้าคือฮ่องเต้

 

 

หลายวันนี้ รัชทายาทกำลังว้าวุ่นใจอยู่ในตำหนักบูรพาของตนเอง ด้วยกลัวว่าวันใดวันหนึ่งจะถูกเสด็จย่าเรียกเข้าตำหนักไปตำหนิเขารอบใหญ่

 

 

แต่หลังซูเซียงได้รับจดหมายแล้วก็ไม่ได้โมโห เพียงแค่กำชับอย่างเรียบเฉย “ต่อไปไม่จำเป็นต้องส่งสมุนไพรเข้าวังหลวงแล้ว ถ้าพระพันปีขอมาค่อยให้คนของเราส่งเข้าไปให้โดยตรงก็พอ”

 

 

และไม่รู้ว่าเป็นใครปล่อยข่าวลือ ภายในเวลาเพียงสองสามเดือน ทั่วแว่นแคว้นล้วนทราบกันว่าซูเซียงไม่ยินดีติดต่อสัมพันธ์กับราชวงศ์ ยินดีถวายสมุนไพรให้แค่พระพันปี

 

 

ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอีกครั้ง บอกว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในอะไรเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ยังดีๆ กันอยู่ ไฉนเกิดเหตุขัดใจกันอีกแล้ว?

 

 

ชาวบ้านวิจารณ์กันอยู่ลับหลัง

 

 

“ที่เคยได้ยินมาก่อนหน้าบางทีอาจไม่ใช่ข่าวลือก็ได้ ดูเถิดจวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงเป็นคนจิตใจดีคนหนึ่ง ถ้ามิใช่คนในวังทำเกินขอบเขต แล้วจะเป็นไปได้อย่างไร?”

 

 

“ใช่แล้ว ซื่อจื่อท่านนี้ก็ตามหากลับมาได้แล้ว จวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงเองก็ลดไฟโทสะลงแล้ว เจ้าดู ผู้อื่นไม่ติดใจหาความแล้ว ทั้งยังเทียวส่งยาสมุนไพรให้กองทัพโดยไม่คิดเงิน จัดหาแพทย์หมอ ยังต้องการอะไรอีก?”

 

 

“คนเราหนอ ต้องรู้จักพอบ้าง…”

 

 

คำที่แพร่เข้าถึงวังหลวงยังเป็นคำที่ดีหน่อย ส่วนคำที่ฟังไม่รื่นหูเหล่านั้น ย่อมไม่มีใครกล้าเล่าถึงพระกรรณจักรพรรดิ มิเช่นนั้นจักรพรรดิทรงพิโรธเดือดดาลขึ้นมาคนเล่าข่าวนี่แหละที่จะปกป้องศีรษะไว้ไม่ได้ ใครมันจะยอมเอาหัวไปเสี่ยง!

 

 

ดังนั้นฮ่องเต้จึงมิได้ตระหนักถึงความร้ายแรงแท้จริงของปัญหานี้ มิได้ตระหนักว่าตนได้สูญเสียศรัทธาจากราษฎรไปแล้ว

 

 

เอาแต่โมโหคิดว่าซูเซียงคนชั่วผู้นี้ก็แค่โชคดี ครั้งนี้ไม่ได้ เขาก็ต้องจัดการครั้งต่อไป เขาไม่เชื่อว่าพระพุทธโพธิสัตว์จะคอยคุ้มครองนางได้ตลอดเวลา

 

 

ครานี้ฮ่องเต้ถึงกับปิดบังรัชทายาท ใช้ยาลูกกลอนตันเซินที่ส่งออกไปช่วยชีวิตราชวงศ์แคว้นหลินมาเป็นอุบาย

 

 

ใครจะรู้ เดิมทีเรื่องจัดการไว้เรียบร้อยดีแล้ว ผลคือเฉิงยวนกับหวังต้าหมาจื่อคนนั้นไม่รู้เป็นวิญญาณตามติดมาอย่างไร พวกเขามาถึงเมืองหน้าด่านสุดท้ายแล้วจึงค่อยลงมือ ผลกลับถูกสองคนนี้จับได้

 

 

พอกันที เฉิงยวนหมดความอดทนแล้ว! จวิ้นจู่บ้านนางยุ่งทั้งวันทั้งคืนก็เพื่อให้ช่วยเหลือคนได้มากขึ้น แต่จักรพรรดิน้ำเข้าหัวสมองไปแล้วหรือไร ยาดีแท้ๆ ประเดี๋ยวก็จะได้ใช้ช่วยชีวิตคนแล้ว กลับถูกเขามาทำลาย!

 

 

สมควรรู้ไว้ว่าผู้มีความจำเป็นต้องใช้ยาครั้งนี้เป็นฮองเฮาของแคว้นหลิน ก่อนอื่นไม่ต้องพูดถึงผู้อื่นมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับท่าน แม้นไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด การช่วยเหลือชีวิตคนคนหนึ่ง ได้บุญยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นมิใช่หรือ?

 

 

ผู้อื่นใช้ยาเม็ดของแคว้นท่านรักษาประคองชีวิต ราชวงศ์ผู้อื่นย่อมยอมถอยเท้าก้าวใหญ่ให้ท่านในหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเศรษฐกิจการค้าหรือการนำเข้าส่งออก คงได้ผลประโยชน์กลับมาเล็กน้อย

 

 

ท่านไม่อยากผูกมิตรก็แล้วไป ท่านยังจงจงใจก่อกวนผูกศัตรู นี่มิใช่น้ำเข้าสมอง ประตูหนีบหัวแล้วจะเป็นอะไรไปได้!

 

 

ตอนนี้เฉิงยวนไม่ทนแล้ว ร้องโวยขึ้นมาทันที “พวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่? สมุนไพรที่ส่งเข้าวังคราก่อนพวกเจ้าก็เข้ามาแส่ สตรีผู้น้อยเห็นแก่เป็นสายเลือดของจวิ้นหม่าก็เลยไม่พูดอะไร พวกเจ้าทำเกินไปไหม?! ฮองเฮาแคว้นหลินนางมีแค้นพยาบาทอะไรกับพวกเจ้าหรือ? เจ้าถึงต้องการให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย!”

 

 

“พูดมาสิ! วันนี้ไม่พูดให้รู้เรื่อง อย่าคิดว่าแม่จะปล่อยให้ผ่านด่านนี้ไปได้!”

 

 

“เจ้าเป็นผู้หญิง ข้าเตือนเจ้าให้หุบปากเสียดีกว่า! นายผู้หนุนหลังข้าคือท่านบนฟ้าผู้นั้น เจ้าหาเรื่องด้วยได้รึ!” หัวหน้าคนจัดการงานผู้นั้นไม่พกสมองมาด้วยอย่างแท้จริง เขากำหมัดคารวะไปทางทิศตะวันออก บนหน้าแสนภาคภูมิใจ รูจมูกแทบจะชี้ขึ้นฟ้าแล้ว

 

 

ข่มขู่! ข่มขู่กันชัดๆ !

 

 

เจตนาของผู้อื่นก็คือบอกว่าเจ้านายที่หนุนหลังตนเป็นองค์จักรพรรดิ ต่อให้ไม่เป็นธรรมแล้วเจ้าจะทำอะไรได้?!

 

 

แม้กล่าวเช่นนี้ไม่ผิด แต่ท่านเล่นใหญ่พูดออกมาโจ่งแจ้งมันก็ไม่เหมือนเดิมแล้วล่ะ!

 

 

“ฮ่องเต้แล้วอย่างไร ฮ่องเต้เองก็ต้องมีคุณธรรม! ฮ่องเต้เองก็ไม่อาจเห็นชีวิตคนเป็นต้นหญ้า! พูดอีกอย่าง นี่ก็มิใช่คนของแคว้นท่านนี่ มือของพวกท่านมันยื่นออกมายาวไปหน่อยไหม!” ในใจเฉิงยวนมากน้อยก็ยังมีสติอยู่ส่วนหนึ่ง คิดอยากพูดกับคนด้วยเหตุผล อย่างไรคนที่อยู่เบื้องหลังก็เป็นจักรพรรดิ นางไม่อาจทำเกินไปได้

 

 

ใครจะรู้ ผู้อื่นไม่ยินดีเปลืองน้ำลายด้วย!

 

 

“ใครก็ได้ รุมสาดดาบให้ข้าที พล่ามจ๊อกแจ๊กน่ารำคาญ ผู้หญิงแม่งเหมือนกับเป็ด…” หัวหน้าคนนั้นเห็นเฉิงยวนยังพูดไม่รู้จักถอยก็สั่งการคนด้านข้างทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด