เพราะรักสลักใจ 861 อ๋องสงครามตกห้วงคนคลั่งรักภรรยา / 862 พวกเขาไม่คู่ควรครอบครองความสุข

Now you are reading เพราะรักสลักใจ Chapter 861 อ๋องสงครามตกห้วงคนคลั่งรักภรรยา / 862 พวกเขาไม่คู่ควรครอบครองความสุข at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 861 อ๋องสงครามตกห้วงคนคลั่งรักภรรยา

 

 

แท้ที่จริงหัวใจเขาเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าซูเซียง แต่เขาเป็นบุรุษ ยังมีภรรยากับลูกที่โตแล้วสองคนต้องดูแล เขาจำเป็นต้องเข้มแข็ง

 

 

หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามน้ำแกงไก่ก็เคี่ยวได้ที่แล้ว หวังต้าเหนียงกับผู้เฒ่าหวังสามีภรรยาก็หันกายกลับมาอีกครั้ง เห็นซูเซียงยังหลับลึก ลูกเขยบ้านตนกุมมือของลูกสาวไว้ไม่ยอมปล่อย ทั้งสองคนก็ทอดถอนใจ

 

 

 “พ่อ ให้ลูกสาวพักอีกหน่อยเถอะ ในใจลูกเขยเองก็คงเสียใจเหมือนกัน ให้เขาระบายหน่อย เราอย่าไปกวนเลย”

 

 

เวลากลางดึกซูเซียงถึงค่อยตื่นขึ้น จ้าวเซิงรีบไปยกน้ำแกงไก่อุ่นร้อนให้นาง คะยั้นคะยอให้ดื่มแล้วจึงประคองคนเอนกายกลับลงไป

 

 

 “ภรรยา ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?” จ้าวเซิงเอ่ยถามอย่างค่อนข้างกังวล

 

 

ซูเซียงส่ายหน้าเบาๆ บนหน้าไม่มีอารมณ์ใดๆ เอียงหน้าไปอีกทางแล้วก็หลับตา แม้นอนไม่หลับแต่นางไม่อยากพูดคุยกับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะกับผู้ชายที่อยู่ข้างกายคนนี้ แค่เห็นเขา นางก็นึกถึงลูกของตนที่เกิดมาก็ไร้ลมหายใจคนนั้นแล้ว

 

 

จ้าวเซิงเองไม่ถือโทษ จัดการตัวเองนั่งอยู่ข้างเตียง พูดพึมพำไปเรื่อยเปื่อย บอกว่าไม่กี่วันข้าวโพดน่าจะเก็บเกี่ยวได้แล้ว รากป่านหลานที่ปลูกเจริญเติบโตดีมาก ถั่วลิสงยังเหลืออีกสองหมู่ ยังบอกอีกว่านาดีร้อยกว่าหมู่ที่พระพันปีพระราชทานให้ ตอนนี้พวกหลี่ปั๋วหมิงก็กำลังจัดการอย่างดี ทั้งหมดปลูกสมุนไพรตามที่นางต้องการ…

 

 

พูดจ้อเป็นครึ่งค่อนวัน แต่ซูเซียงก็ยังไม่ลืมตาเหลือบมองเขาสักสายตา แม้แต่เสียงตอบอืมสักเสียงยังไม่มี เพียงแต่ขนตาขยับเล็กน้อย บอกได้ว่านางไม่ได้หลับ

 

 

วันถัดมา องครักษ์มังกรทางชายแดนเห็นสถานการณ์ท่าไม่ดีแล้วจริงๆ ไม่อาจไม่ส่งข่าวมาให้จ้าวเซิง บอกว่าชายแดนใกล้เสียการรักษา เหล่าทหารศึกในใจมีโทสะ ทำศึกได้ไม่ดี

 

 

ตอนจ้าวเซิงรับพิราบส่งสารทีแรกยังหลบเลี่ยงซูเซียง ด้วยกลัวเรื่องน่าเคืองใจเหล่านี้จะกระตุ้นให้นางรู้สึกไม่ดีอีก แต่คิดไม่ถึง ซูเซียงกลับเป็นคนไปเรียกนกพิราบตัวนั้นเข้ามาเอง ซ้ำยังล้วงหยิบเม็ดข้าวจากในเอี๊ยมออกมาป้อนอย่างคล่องมือเหมือนอย่างที่เคยชินมาตลอด

 

 

จ้าวเซิงยังไม่ทันได้อ่านจดหมาย ซูเซียงก็เปิดออกก่อนแล้ว หลังเหลือบมองเสร็จแล้วก็ยัดลงในมือจ้าวเซิง หมุนตัวเดินไปไม่เปล่งวาจา

 

 

 “เซียงเอ๋อร์? ที่รัก…” หน้าจ้าวเซิงค่อนข้างมึนงง ภรรยาเขาหมายความว่าอย่างไร ดูเสร็จแล้วไม่พูด หรือว่าไม่พอใจ?

 

 

จ้าวเซิงร้องเรียกสองเสียงแล้วซูเซียงยังไม่สนใจเขา มุ่งตรงกลับเข้าในห้อง คลุมเสื้อคลุมตัวใหญ่ จากนั้นออกประตูหยิบเคียว หิ้วตะกร้าเดินไปทางนอกบ้าน

 

 

ซูเซียงพักอยู่ในวังหลวงกว่าครึ่งเดือน ตอนเดินทางจ้าวเซิงก็คอยระมัดระวังทุกเวลาทุกวินาที เวลาระหว่างการเดินทางรอบนี้รวมที่แวะพักผ่อนตามจวนมณฑลต่างๆนับไปนับมารวมแล้วก็เป็นยี่สิบสามสิบวัน แม้ซูเซียงพักฟื้นอยู่ไฟไม่สงบมากนัก แต่อย่างไรก็เป็นเวลาเกือบสี่สิบกว่าวันแล้ว มากน้อยก็ยังพอเดินขยับได้บ้างเล็กน้อย

 

 

เห็นซูเซียงสวมเสื้อแล้วถือตะกร้าเดินไปทางนอกประตู ในใจจ้าวเซิงแม้นึกสงสัยทว่ายังปลาบปลื้มยินดี อย่างน้อยภรรยาก็รู้จักดูแลร่างกายของตัวเอง ดีกว่าท่าทางในตอนแรกที่ไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่พูดจาตั้งเยอะ

 

 

 “ที่รัก ที่รัก เจ้าจะไปไหนหรือ? ข้าสามีไปเป็นเพื่อนนะ” จ้าวเซิงเสนอหน้าตามไปอยู่ข้างๆ เขาไม่กล้าบอกให้ซูเซียงรีบกลับไปพักผ่อน กลัวขัดใจนางแล้วจะอารมณ์ไม่ดี

 

 

จ้าวเซิงช่วงนี้น่าสงสารมาก กลายเป็นคนคลั่งรักภรรยาอย่างสมบูรณ์แบบ กิริยาวาจาล้วนระมัดระวัง ด้วยกลัวจะทำให้ซูเซียงไม่พอใจ

 

 

ซูเซียงหันหน้ามองเขาหนึ่งสายตา ไม่พูดอะไรสักคำ หิ้วตะกร้าเดินไปข้างหน้าต่อ เพียงแต่ฝีเท้ากลับช้าลงเล็กน้อย แค่นิดเดียวเท่านั้น ให้จ้าวเซิงไล่ตามมาทัน

 

 

 “ที่รัก มาข้าช่วยถือ นี่เจ้าจะไปทำอะไรหรือ?” จ้าวเซิงใบหน้ามีสีสันขึ้นทันที ขึ้นหน้าเข้ามารับตะกร้าในมือซูเซียงไว้ กลัวเหลือเกินว่าสิ่งของมีกิ่งมีก้านพวกนี้จะบาดมือของนาง

 

 

เห็นซูเซียงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวสองผืนออกมาจากเสื้อตัวใน และไม่ใช่ผ้าซับเหงื่อทั่วไป แต่ทำรูปทรงเหมือนรูปนิ้วมือ ของสิ่งนี้เขาเคยเห็นมาก่อน ก็คือสิ่งที่ภรรยาเขาเรียกว่าอะไรนะ อืม ดูเหมือนจะเรียกว่าถุงมือ ทำนองนั้น

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 862 พวกเขาไม่คู่ควรครอบครองความสุข

 

 

ทุกครั้งที่ซูเซียงสวมถุงมือคู่นี้โดยพื้นฐานแล้วจะใช้จัดการกับสมุนไพร จ้าวคิดในใจ คงมิใช่ภรรยาคิดจะไปเก็บสมุนไพรล้ำค่าอะไรหรอกนะ

 

 

ซูเซียงยังคงไม่สนใจเขาเหมือนเดิม จัดการหยิบถุงมือใส่ให้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว ดวงตาทั้งคู่กวาดมองไปรอบๆคันนา แต่เดินไปเรื่อยๆสิบกว่าคันนาแล้วก็ยังไม่เห็นของที่ตัวเองต้องการ

 

 

แม้นางพักฟื้นหลังคลอดดีมากแล้ว แต่เดินไกลขนาดนี้ก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้า ดังนั้นจึงหันกลับมาโพล่งถามบุรุษผู้เหมือนสุนัขภักดีข้างกาย “วิชาตัวเบาเจ้าดีไหม? เราขึ้นภูเขาสักเที่ยว?”

 

 

จ้าวเซิงพยักหน้าทันที นำตะกร้ากับเคียวให้ซูเซียงถือแล้วอุ้มตัวคนขึ้นมา หนำซ้ำยังเป็นการอุ้มท่าเจ้าหญิงประเภทนั้น พาให้ซูเซียงทนไม่ไหวขวยเขินอยู่บ้าง

 

 

จ้าวเซิงเห็นท่าทางของซูเซียงก็อบอุ่นในหัวใจ น้ำเสียงอ่อนลงหลายส่วนอย่างอดมิได้ “ภรรยาอยากไปที่ไหนเราก็ไปที่นั่น”

 

 

ซูเซียงแค่นเสียงมิได้รับถ้อยคำของเขา ผู้ชายเย็นชาเป็นน้ำแข็งคนนี้ เดี๋ยวนี้ถึงกับรู้จักพูดจาน่าฟังเอาใจคนแล้ว หายากจริงๆ แต่เพราะเรื่องของลูกยังเป็นหนามยอกอกนาง อย่างไรก็เหยียดยิ้มไม่ออก พูดเพียงหนึ่งประโยค “ไปดูตรงที่ปลูกต้นหลิวหน่อย ข้าจะหาของบางอย่าง”

 

 

จ้าวเซิงอุ้มซูเซียงไปยังบริเวณที่ปลูกต้นหลิวซึงก็คือริมฝั่งแม่น้ำสายนั้น

 

 

 

 

ซูเซียงหาดูอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ในที่สุดก็พบพืชพุ่มใหญ่ที่ตัวเองต้องการ พยักหน้าอย่างพึงพอใจ พูดอย่างมั่นอกมั่นใจกับจ้าวเซิง “ไป ขุดของนั่นขึ้นมาให้ข้า เอารากที่อยู่ข้างล่าง” พูดแล้วก็หยิบถุงมือสองข้างยัดลงใส่มือจ้าวเซิง “เจ้าระวังหน่อย สวมถุงมือไว้ อย่าโดนใบกับเหง้าที่ขาดออก ระวังเจ้าจะคันแทบตาย”

 

 

จ้าวเซิงมองดูของสิ่งนั้นอย่างละเอียดแล้วตามด้วยตอบสนองกลับมาทันที ครานั้นตอนพวกเขากำลังจัดการพื้นที่ภูเขาผืนนี้ก็มีคนงานเผลอชนเข้ากับพืชชนิดนี้ กลับไปคันอยู่สามวันสามคืน ถ้าไม่ได้ยาสมุนไพรของซูเซียงทันเวลา กลัวว่าคงเกาจนทั้งตัวยับเยิน คิดมาถึงตรงนี้ จ้าวเซิงผู้ซึ่งเป็นลูกผู้ชายองอาจไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดินก็ขนพองสยองเกล้าขึ้นมาทั้งร่างกาย

 

 

ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว สภาพคันคะเยอของบุรุษคนนั้นยังติดตาอยู่จนถึงทุกวันนี้ ฉะนั้นเขาไปมีทางไปโดนใบนั่นเด็ดขาด

 

 

แม้จะประหลาดใจว่าภรรยาบ้านเขาจะเอาสิ่งที่ทำให้คนคันจนเกือบตายได้นี้ไปทำอะไร แต่ดีร้ายนี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนกว่าที่ซูเซียงเรียกใช้งานเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะต้องทำงานนี้ให้ดี ทำให้ภรรยามีความสุข

 

 

ดังนั้นจึงรีบรับถุงมือทันที พยักหน้า “อื้ม เช่นนั้นที่รักรออยู่ตรงนี้สักประเดี๋ยว ข้าจะลงไปจัดการให้เจ้าเดี๋ยวนี้”

 

 

ก่อนจ้าวเซิงลงไปยังถอดเสื้อคลุมตัวนอกของตนปูรองบนก้อนหิน เลี่ยงมิให้ไอเย็นบนก้อนหินส่งถึงภายในร่างกายของซูเซียง อย่างไรนางก็เพิ่งผ่านช่วงอยู่ไฟมา รับความเย็นไม่ไหว

 

 

หลังทำทั้งหมดนี้เสร็จ จึงคว้าตะกร้าถือมีด ไปตะลุมบอนกับพืชที่ทำให้คนคันแทบตาย

 

 

ซูเซียงนั่งบนหินรองเสื้อคลุมก้อนนั้นอย่างว่าง่าย สายตาจ้องจับผิดจ้าวเซิง เมื่อก่อนผู้ชายคนนี้ชอบเรียกนางว่าเซียงเอ๋อร์ไม่ก็ภรรยา บัดนี้เปลี่ยนคำเรียกขานเรียกนางว่าที่รักทุกที

 

 

ซูเซียงรู้ เพราะตัวเองชอบฟังคำว่า “ที่รัก” คำนี้จ้าวเซิงจึงเรียกเช่นนี้ ถ้าจะบอกว่าในใจไม่รู้สึกหวั่นไหว นั่นคงโกหกแล้ว

 

 

เห็นบุรุษผู้สังหารศัตรูอย่างห้าวหาญยามอยู่ในสนามรบ แข็งแกร่งกระดูกเหล็ก บัดนี้กำลังขดตัวเป็นนกกระทาอยู่ตรงซอกมุมตรงนั้นขุดของให้ตัวเองอย่างระวังเต็มอัตรา กระแสอุ่นสายหนึ่งในใจซูเซียงแผ่ซ่านทั่วร่างกาย นางถึงกับคิดว่า ถ้าครานั้นพวกเขาไม่ได้เข้าวังจะดีมากเพียงใด เด็กคนนั้นคงไม่ต้องจากไปอย่างไม่ยุติธรรม เช่นนั้นนางกับจ้าวเซิงจะมีความสุขมากขนาดไหน?

 

 

แต่บัดนี้ พวกเขาซึ่งเป็นบิดามารดาไม่อาจดูแลลูกให้ดี พวกเขาไม่คู่ควรให้มีความสุข!

 

 

โดยรวดเร็ว จ้าวเซิงขุดสิ่งของที่นางอยากได้ขึ้นมา เหมือนกันกับเผือกแดงนั่น หัวใหญ่มากทีเดียว ส่วนที่ไม่ระวังเผลอทำให้ปริแตกเล็กน้อยขาวโพลนราวกับหิมะ

 

 

เพราะนึกสงสัย จ้าวเซิงใช้นิ้วที่สวมถุงมือ ลูบเบาๆตรงส่วนที่แตกออก เนื้อสัมผัสลื่นๆมันๆ แต่ไม่ทันรอให้เขาได้พูดอะไร บนนิ้วมือก็มีความปวดแปลบแหลมคมระลอกหนึ่งส่งผ่านเข้ามา ตามด้วยอาการคันยุบยิบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด