เพราะรักสลักใจ 867 หัวใจไร้ที่ยึดเหนี่ยวดวงหนึ่ง / 868 ช่วยชีวิตแม่ลูกคู่หนึ่ง

Now you are reading เพราะรักสลักใจ Chapter 867 หัวใจไร้ที่ยึดเหนี่ยวดวงหนึ่ง / 868 ช่วยชีวิตแม่ลูกคู่หนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 867 หัวใจไร้ที่ยึดเหนี่ยวดวงหนึ่ง

 

 

เป็นเพราะซูเซียงเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นเงินค่าแรงจึงแจกจ่ายอย่างรวดเร็ว ย่อมจ่ายให้เหล่าบุรุษก่อน แต่ละคนรับเงินกันอย่างดีอกดีใจ

 

 

ตอนนั้นซูเซียงตกลงกับพวกเขาไว้ที่วันละห้าสิบอีแปะ แต่วันนี้กลับจ่ายให้หกสิบอีแปะ ย่อมทำให้ทุกคนหน้าชื่นตาบาน

 

 

แต่ทางฝั่งสตรีนั้น ตอนจ่ายเงินค่าแรงมีหลายคนเกรงใจไม่กล้ารับ แม้รับแล้วก็ยังกล่าวขอบคุณซาบซึ้งบุญคุณหรือไม่ก็รับไปเพียงหนึ่งส่วนแล้วตั้งท่าถอยหลังกลับไป

 

 

สุดท้ายยังเป็นชุ่ยหลิ่วพูดยืนกราน เงินที่จ่ายให้ทุกคนพูดตกลงกันดีแล้ว ถ้าบ้านหนึ่งไม่รับ ทุกคนก็ต้องทิ้งไว้รั้งรออยู่ที่นี่ ดังนั้นสตรีทั้งหลายจึงไม่กล้าปฏิเสธอีก รับเงินไปอย่างว่าง่าย แต่ละคนกล่าวขอบคุณซาบซึ้งบุญคุณ สัญญาว่าต่อไปจะตั้งใจทำงานอย่างดีแน่นอน

 

 

ที่ทุกคนคิดไม่ถึงเลยก็คือ พวกเด็กๆที่มาทำงานกับพ่อแม่เหล่านั้นก็มีค่าแรงให้ทั้งหมด แม้เพียงสิบกว่าอีแปะหรือเด็กเล็กหน่อยก็ยังได้สองสามอีแปะ แต่พวกเด็กๆต่างก็ดีใจจนยิ้มตาหยีเห็นฟัน

 

 

ทั่วทุกแห่งล้วนได้ยินเสียงสตรีเอ็ดลูกน้อย “เจ้าเด็กคนนี้นี่ ใครให้พวกเจ้ารับเงิน รีบเอาไปคืนเลย!”

 

 

 “ท่านอาซูเซียงให้มา ให้เราเอาไปซื้อลูกอมกิน ฮี่ๆ! ”

 

 

 “เดี๋ยวแม่ตีเจ้าเลย รีบเอาเงินไปคืน เจ้าเด็กนิสัยไม่ดี ครานั้นหากไม่ได้จวิ้นจู่เหนียงเนี่ยง ไหนเลยจะมีชีวิตหนูน้อยอย่างเจ้า!”

 

 

 “แง ท่านอาซูเซียงบอกว่าถ้าเราไม่รับไปดีๆก็จะไม่ให้เรามาทำงานแล้ว อาเป่าอยากมาช่วยท่านอาทำงาน ไม่อยากโตแล้วเป็นบุรุษขี้เกียจเอ้อระเหยลอยชาย ท่านแม่ ท่านอาซูเซียงบอกว่าบุรุษเกียจคร้านจะไม่ได้แต่งภรรยา ท่านแม่ไม่อยากอุ้มหลานหรือขอรับ…”

 

 

วาจาเช่นนี้พูดออกมาจากปากของเด็กน้อยอายุหกเจ็ดขวบแล้วทำให้ทุกคนทั้งโกรธทั้งขำ สุดท้ายมารดาอดไม่ได้บิดหูเขาไปสองครั้งแล้วเตะไปสองที ไล่เขาให้รีบไปทำงาน มีอย่างที่ไหนรับเงินค่าแรงผู้อื่นมามากขนาดนั้นแล้วยังแอบอู้งาน!

 

 

พวกเด็กๆเดิมทีตามพ่อแม่มาทำงาน มีคนเต็มใจ ก็ย่อมมีคนไม่เต็มใจ แต่ซูเซียงดีต่อพวกเขามาก สอนพวกเขาว่าต้องทำงานถึงจะได้เงินค่าแรง สร้างทัศนคติเกี่ยวกับชีวิตและคุณค่าที่ดีงามให้แก่พวกเขา

 

 

เด็กที่เคยเกรกมะเหรกเกเร ลงแม่น้ำจับปลา ไปจนถึงแอบหยิบจับสิ่งของผู้อื่นพวกนั้น บัดนี้ล้วนปรับปรุงตัว อย่างเช่นอาเป่าเมื่อครู่ ก่อนหน้านี้ก็เป็นหัวโจกตัวน้อยในหมู่บ้านของพวกเขา บัดนี้ถึงกับรู้จักทำงานหาเงิน ไม่เป็นพวกขี้แพ้มีมือเสียของเปล่า อนาคตจะได้แต่งภรรยาดีๆ

 

 

ด้วยเหตุนี้เด็กๆจึงยิ่งรู้ความขึ้นทุกวัน ซูเซียงเองก็ไปช่วยสอนอยู่บ่อยครั้ง เห็นลูกแมวบ้านตัวเองเชื่อฟังขึ้นทุกวัน แม้บางครั้งยังทะเล้นซุกซน แต่ก็ไม่มีท่าทางเกเรแบบนั้นอีกแล้ว คนเป็นบิดามารดาย่อมมีความสุขมาก

 

 

ทุกคนรับเงินค่าแรงแล้วก็เก็บระมัดระวังอย่างดี จากนั้นปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับการลาพักร้อน คนงานส่วนหนึ่งต้องนำเงินส่งกลับบ้าน คนที่ต้องทำงานต่อก็ให้เพื่อนร่วมหมู่บ้านช่วยนำเงินกลับไปให้

 

 

คนที่ต้องทำงานเหล่านั้นซูเซียงก็ให้เวลาพักพวกเขาครึ่งชั่วยาม เพื่อให้พวกเขารีบนำเงินและสิ่งของฝากคนในหมู่บ้านช่วยนำไปให้ จะได้ไม่เสียเวลาทำงาน

 

 

กำหนดให้เป็นเช่นนี้ แต่ในใจทุกคนล้วนคำนวณไว้แล้ว กอรปกับเพิ่งได้รับเงินค่าแรงจำนวนมาก ย่อมเต็มใจจะเอื่อยเฉื่อย บอกว่าครึ่งชั่วยาม แท้จริงแล้วก็เวลาประมาณหนึ่งก้านธูป ทุกคนปรึกษาธุระเรียบร้อยเสร็จสรรพแล้วแต่ละคนก็ถือเครื่องมือทำงานกลับมาตรงตำแหน่งของตัวเองแล้วทำงานต่อ

 

 

ซูเซียงยืนอยู่บนสนามแข่ง มองทุกคนยุ่งเต็มกำลัง ตกอยู่ในภวังค์เงียบเชียบ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

 “ ที่รัก…” เสียงของจ้าวเซิงแว่วมาข้างหู บนไหล่ถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมกันลมขนปุยตัวหนึ่ง

 

 

ซูเซียงเอียงหน้ามองเขาหนึ่งสายตา ฝืนยิ้มให้ จ้าวเซิงเองก็ไม่ได้พูดอันใดอีก สองสามีภรรยายืนอยู่ตรงนั้นพยายามปรองดองถึงที่สุด มองดูทุ่งนาที่แทบจะเรียกได้ว่าสุดลุกหูลูกตาแห่งนี้

 

 

ทุ่งนาปลายสารทต้นเหมันต์ หญ้าแห้งใบเหลือง แลดูหดหู่อย่างยากจะเลี่ยง เฉกเช่นจิตใจของซูเซียงในตอนนี้

 

 

เป็นฤดูกาลแห่งการเก็บเกี่ยว เวลาที่ควรยิ้มแย้มเบิกบานแท้ๆ ทว่าหัวใจดวงนี้ดันแช่มชื่นไม่ออก กลับกลายเป็นใบไม้ร่วงที่ล่องลอยตามสายลม หมุนเคว้งกลางสายลม ไร้ที่ยึดเหนี่ยว…

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 868 ช่วยชีวิตแม่ลูกคู่หนึ่ง

 

 

 “มีคนตาย มีคนตาย กรี๊ด กรี๊ด มีคนตายแล้ว…”

 

 

 “ว๊าย มีคนตาย…”

 

 

ขณะที่สามีภรรยาทั้งสองกำลังยืนอยู่ข้างทุ่งนาอย่างเงียบสงบ ก็ได้ยินเสียงหวีดร้องตกใจกลัวของสตรีหลายคน

 

 

ทุกคนทยอยกันข้ามไปตรงสถานที่เกิดเหตุ จ้าวเซิงก็ประคองซูเซียงเร่งฝีเท้าเข้าไปเช่นกัน

 

 

ในตอนที่พวกเขารีบเร่งมาถึงก็เห็นสตรีอายุสามสิบกว่าคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น ข้างๆยังมีเด็กน้อยตาปรือหายใจรวยรินอีกหนึ่งคน

 

 

ตอนซูเซียงกับจ้าวเซิงรุดหน้าเข้ามา คนใจกล้าคนหนึ่งก็นำตัวเด็กน้อยอุ้มไว้ในอ้อมแขน แต่สตรีที่นอนอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อนแล้ว และไม่เห็นว่ากำลังหายใจ ทุกคนจึงไม่กล้าเข้าไปแตะต้อง

 

 

ซูเซียงย่อตัวลงตรวจอาการให้สตรีคนนั้นทันที พบว่ายังมีชีวิตอยู่ “มานี่สองคน รีบส่งเข้าไปในบ้าน เอ้อร์โก่วจื่อ รีบไปตามตัวพ่อข้ากลับมา!”

 

 

 “ชุ่ยหลิ่ว รีบกลับไปต้มน้ำแกงโสม แล้วต้มน้ำร้อนสักหน่อย ต้องเร่งมือแล้ว! ไม่ๆ เคี่ยวน้ำแกงโสมไม่ทันแล้ว รีบกลับไปเอาผงโสมที่ข้าบดไว้มา เอาโสมโลหิตอันนั้น เร็วหน่อย…  ”

 

 

ซูเซียงสั่งงานพลางชักเข็มเงินที่พกติดตัวมา ฝังลงไปตามจุดชีพจรบนร่างของสตรีผู้นั้น

 

 

เรื่องเกี่ยวพันถึงชีวิตคน มีหญิงแต่งงานแล้วสองคนผลักบุรุษบ้านตน “รีบเข้าไปช่วยจวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงหามคนสิ ยังมัวยืนทำอะไรอยู่?!”

 

 

เดิมทีบุรุษสองคนนั้นกังวลการระวังตัวระหว่างเรื่องชายหญิง ไม่กล้าขยับบุ่มบ่าม  แต่เห็นภรรยาบ้านตนให้คำแล้ว แต่ละคนก็เป็นคนกลัวเมีย ไม่กล้าไม่ทำตาม รีบเข้าไปช่วยซูเซียง ยกสตรีคนนั้นหามเดิน

 

 

อย่างไรแล้วจ้าวเซิงก็เอาใจถนอมซูเซียง เคารพซูเซียง เรื่องเหล่านี้ทุกคนล้วนเห็นอยู่ฏํฐสายตา เรื่องที่ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์กระทำย่อมเป็นสิ่งถูกต้อง ซึ่งนั่นก็คือ บุรุษควรเอาใจถนอมภรรยา ไม่ว่าภรรยาพูดอะไรก็ควรว่าตามอย่างนั้น

 

 

เวลานี้อาสะใภ้ที่อยู่ข้างๆจึงค่อยเอ่ยขึ้น “จวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงรีบดูอาการเด็กเถิดเจ้าค่ะ อยู่ด้วยกันกับสตรีคนนี้ ท่านดูหน่อย ใกล้จะไม่หายใจแล้ว…”

 

 

เนื่องจากตอนที่ซูเซียงกับจ้าวเซิงเร่งเข้ามา เด็กก็ถูกอาสะใภ้อุ้มขึ้นมาก่อนแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ทันสังเกต เวลานี้ได้ยินอาสะใภ้เอ่ยเช่นนี้ ซูเซียงก็รีบขึ้นหน้าตรวจอาการให้เด็กทันที

 

 

พบว่าเด็กคนนี้ที่จริงแล้วอดยากหิวโหย ผอมหนังหุ้มกระดูก หายใจรวยรินอย่างแท้จริง จึงรีบสั่งการให้ไปต้มโจ๊กนมแพะมา “อย่าเคี่ยวให้แห้งเกิน ให้ใสหน่อย ไม่อยากนั้นเด็กจะกลืนไม่ลง”

 

 

หลังส่งคนไปบ้านแล้ว ผู้เฒ่าหวังก็รีบร้อนถือ**บยาวิ่งกลับมา เช้าตรู่วันนี้ หนุ่มชาวนาที่บ้านอยู่ไม่ไกลออกไปมาคุกเข่าอยู่นอกประตูจวนจวิ้นจู่ บอกว่ามารดาชราในบ้านป่วยไข้ หมอระแวกใกล้เคียงสี่ลี้แปดหมู่บ้านล้วนเชิญมาหมดแล้ว แต่ไร้ทางรักษาอย่างแท้จริง ได้ยินมาว่าจวิ้นจู่เหนียงเนี่ยงกับท่านหมอหลี่วิชาแพทย์สูงส่งผู้นั้นสนิทกัน จึงมาขอความช่วยเหลือ

 

 

นี่กลับมิใช่หมอหลี่ไม่ยินดีไปดูไข้ให้ชาวบ้านยากจน แต่ไปออกหน่วยตรวจรักษาให้หมู่บ้านห่างไกลที่อื่นสองหมู่บ้าน กลับมาไม่ทันในเวลาชั่วครู่ชั่วยาม หนุ่มคนนี้เองก็กังวลร้อนใจถึงได้มาขอร้องถึงจวนจวิ้นจู่

 

 

ซูเซียงเองก็ไปตรวจดูมาแล้ว จนกระทั่งเห็นว่าไม่มีอะไรร้ายแรงแล้วจึงทิ้งผู้เฒ่าหวังให้อยู่ดูแลต่อ ตอนซูเซียงให้คนไปเชิญผู้เฒ่าหวัง เขาก็หิ้ว**บยากลับมาได้ครึ่งทางแล้ว

 

 

ผู้เฒ่าหวังรับผิดชอบตรวจรักษาสตรีที่อาการหนักคนนั้นให้ซูเซียง กลัวว่าจะเกิดอะไรไม่คาดฝันจึงไปเชิญท่านปู่ที่ค่อนข้างสนิทกับหลี่ปั๋วหมิงมาช่วยดูแลด้วยกันอีกคน ส่วนซูเซียงกับหวังต้าเหนียงไปช่วยดูแลเด็ก ป้อนโจ๊กนมแพะให้เขาทีละคำเล็ก

 

 

เด็กหิวมากอย่างเห็นได้ชัด แม้เจียนตายแล้ว แต่พอได้กลิ่นนมก็ยังสูดจมูกเล็กน้อย

 

 

 “โอ้ เด็กคนนี้ยังช่วยได้ ยังช่วยได้อยู่…” อาสะใภ้ที่อุ้มเด็กคนนั้นยืนอยู่ด้านข้างตื่นตันใจจนหยดน้ำกลิ้งไหลออกมา

 

 

โถเด็กน้อยชีวิตรันทด ไยประสบทุกข์ยากถึงเพียงนี้ คิดถึงลูกสาวบ้านนาง ตอนสองสามขวบยังปืนป่ายออดอ้อนพวกนางอยู่เลย ครอบครัวนางแม้ยากจนแต่เลี้ยงดูบุตรอย่างดียิ่ง สะดุดหกล้มนิดหน่อย พวกเขาสามีภรรยายังปวดใจอยู่เป็นครึ่งวัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสภาพเช่นนี้….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด