เพราะรักสลักใจ 883 สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นห่วงน้องชาย / 884 โจรตะโกนให้จับโจร

Now you are reading เพราะรักสลักใจ Chapter 883 สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นห่วงน้องชาย / 884 โจรตะโกนให้จับโจร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 883 สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นห่วงน้องชาย

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะจักรพรรดิเป็นประมุขแห่งแคว้น เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดจ้าวเซิง อาศัยแค่เรื่องที่เขาทำร้ายลูกชายของตนจนเกือบตายซูเซียงก็สามารถฆ่าเขาได้แปดตลบแล้ว! ยังจะสั่งให้รับบัญชาเขา ยังจะให้กลับไปปกป้องใต้หล้าให้เขา! ฝันไปเถอะ!

 

 

ขันทีกระฟัดกระเฟียดจากไป กลับไปย่อมใส่สีตีไข่เพิ่มไม่น้อย

 

 

“เสด็จพ่อ อย่าพ่ะย่ะค่ะ น้องเล็กแม้ไม่เชื่อฟังแต่นั่นเป็นโอรสของพระองค์ เป็นน้องชายแท้ๆของลูก เสด็จพ่อ…”

 

 

หลังรัชทายาทเห็นราชโองการของจักรพรรดิบนโต๊ะมังกรฉบับนั้นแล้ว ก็ตกใจคุกเข่าลงบนพื้นดังปึง

 

 

แม้ในใจเคืองโกรธที่น้องชายของตัวเองไม่เชื่อฟัง ทะเลาะกับบิดาและพี่ชายบ้านตัวเองเพียงเพราะนางจิ้งจอกข้างนอกคนหนึ่ง หลายปีมานี้ก็ไม่เคยเอ่ยปากจะกลับมาเยี่ยมเยือนบ้าง จริงๆเลย อีกอย่าง เด็กคนนั้นก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ? ก็ดีแล้วนี่ ทำไมยังโกรธ ไม่ฟังกันบ้างเลย

 

 

ทว่าไฟสุมทรวงส่วนสุมทรวง แต่นั่นเป็นน้องชายที่เขาเลี้ยงดูมาเองตั้งแต่เด็กจนโต จะปล่อยให้ราชโองการฉบับนี้ของเสด็จพ่อลดขั้นเขาเป็นสามัญชนจับเขาขังคุกโทษประหารได้อย่างไร

 

 

โชคดีที่ราชโองการฉบับนี้ยังไม่ได้ประทับลัญจกรหยกของจักรพรรดิ ไม่อย่างนั้นคงมีผลบังคับใช้จริง

 

 

รัชทายาทเห็นจักรพรรดิทำท่าจะไปหยิบลัญจกรหยกมาเขาก็เสือกตัวหยิบลัญจกรอันนั้นมากอดแน่นไว้ในอ้อมอก โขกศีรษะติดต่อกัน “เสด็จพ่อ อย่าเลยพ่ะย่ะค่ะ อย่าเลย! น้องเล็กเขาจะต้องสำนึกผิด ลูกจะเขียนจดหมายไปอบรมเขาสักเที่ยว เขาต้องเชื่อฟังกลับมาอย่างแน่นอน เสด็จอย่าทรงกริ้วไปเลย เขาถูกปีศาจจิ้งจอกทำเสน่ห์ใส่ ตัวเขาเองมิได้มีความผิดร้ายแรงอันใดพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ ท่านให้เวลาเขาอีกหน่อยเถิด ดีหรือไม่ ขอร้องพระองค์แล้ว เสด็จพ่อ…”

 

 

รัชทายาททั้งโขกศีรษะขอความเมตตาจนหน้าผากห้อเลือด จักรพรรดิเห็นแล้วรำคาญ โบกมือใหญ่แล้วขว้างราชโองการใส่หน้าผากรัชทายาท “ไป รีบไสหัวไป เห็นพวกโง่งมเช่นเจ้าแล้วโมโห ออกไป!”

 

 

บัดนี้รัชทายาทไหนเลยยังกล้าพูดอะไรอีก รีบวางลัญจกรหยกไว้บนโต๊ะ หยิบราชโองการที่ยังไม่ได้ประทับตราขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งกลับเข้าตำหนัก จากนั้นจุดไฟเผามันจนมอดไหม้ เขากลัวว่าเสด็จพ่อจะทรงกริ้วจนประทับลัญจกรหยกลงไปบนราชโองการนั่นจริงๆ เช่นนั้นทุกอย่างคงจบสิ้นแล้ว

 

 

ทว่าจักพรพรรดิกับรัชทายาทนับวันยิ่งรู้สึกรำคาญใจ ทั้งหมดเป็นเพราะซูเซียงหญิงชั่วนั่นคนเดียว

 

 

ฮ่องเต้ไม่เพียงแต่รู้สึกว่าซูเซียงแย่งความดีความชอบของเขายังแย่งชื่อเสียงของเขาอีกด้วย เขาอยากกำจัดนางให้ตายเสีย ทว่ารัชทายาทนั้นมิใช่ คิดว่าขอเพียงซูเซียงยอมว่าง่ายเป็นแค่เช่อเฟยคนหนึ่งดีๆ อยู่ในวังหลังอย่างสงบเสงี่ยมไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง เขาก็ยินดีเห็นแก่น้องชายและเสด็จย่าช่วยละเว้นชีวิตนาง

 

 

แต่ใครจะรู้ สตรีคนนี้ไม่เชื่อฟัง ไม่ว่าง่าย พวกเขาจะทำอะไรได้?!

 

 

สองพ่อลูกจึงปรึกษากันว่าจะใช้สมุนไพรที่นำเข้าวังมาสร้างความลำบากให้ซูเซียง ทว่าทุกครั้งที่ส่งสมุนไพรเข้าวังล้วนเป็นเฉิงยวนคัดเลือกด้วยตนเอง นางทราบว่าในวังซับซ้อน ระหว่างทางเปลี่ยนหลายสถานที่ จากนั้นยังมีกงกงมารับไปอีกทอดหนึ่ง นางไร้หนทางตามสมุนไพรเข้าไปในวังด้วย

 

 

แม้นางไม่เคยอยู่ในวัง แต่ในบ้านตระกูลแพทย์ที่เคยอยู่มาก่อนนั้น ในเคหาสน์ก็มีพวกอนุภรรยาเช่นกัน แม้สงบสุขกว่าตระกูลใหญ่หลายๆตระกูลมาก แต่เรื่องขัดเคืองใจพวกนั้นก็ไม่น้อย มากน้อยนางเองก็พบเห็นมาบ้าง ย่อมรู้ซึ้งหลักการหนึ่ง นั่นก็คือ “ไม่ควรคิดร้ายใคร แต่พึงระวังคนคิดร้ายเรา” พูดอีกอย่างนี่เป็นสิ่งของที่นำเข้าวัง หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาไม่เพียงนางจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ แม้กระทั่งจวิ้นจู่จวิ้นหม่าเองก็อาจติดร่างแหไปด้วย

 

 

ฉะนั้นก่อนสมุนไพรเข้าวังอย่างเป็นทางการนางยังขอตรวจสอบอีกรอบ กงกงคนนั้นประหม่ายิ่งนัก ขัดขวางอยู่หลายครั้ง เฉิงยวนเองมิได้เอะใจ แค่นึกว่าคงกลัวเสียเวลา ยังยิ้มให้กงกงท่านนั้นแล้วยัดแท่งเงินให้แท่งหนึ่ง “กงกงผ่อนปรนหน่อยเถิด สตรีผู้น้อยแค่ตรวจดูรอบเดียว เร็วยิ่ง ไม่รบกวนงานท่าน”

 

 

กงกงคนนั้นจะพูดอะไรได้อีก ผู้อื่นตื๊อขอจะตรวจท่าเดียว เงินนั่นเขาย่อมไม่กล้ารับ อย่างไรเขาก็เป็นคนของจักพรรดิ ถ้ารับเงินกลับไปชีวิตคงหาไม่เป็นแน่

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 884 โจรตะโกนให้จับโจร

 

 

เขาจึงส่งเงินคืนไป พึมพำอยู่ในใจ เขาแค่ผสมของบางอย่างลงไปในสมุนไพร รสชาติใกล้เคียงกับสมุนไพรเหล่านี้มาก พวกเขาระมัดระวังมาก สตรีน้อยมาจากบ้านนอกคนหนึ่งจะรู้เรื่องอะไร?

 

 

แต่ไหนเลยจะคิดถึง เฉิงยวนแค่เปิดถุงออกดู ยื่นจมูกดมดูเล็กน้อยสีหน้าก็แปรเปลี่ยนฉับพลัน ชี้นิ้วพูดกับคนขนของทันที “นี่มันเรื่องอะไรกัน? ของที่พวกท่านผสมลงในนี้มีพิษ นี่เป็นสมุนไพรที่ต้องถวายให้ฝ่าบาทพระพันปี กินแล้วเกิดปัญหาพวกท่านจะรับผิดชอบไหวหรือ? พูดมา! เป็นไส้ศึกที่แคว้นศัตรูส่งมาใช่หรือไม่?!”

 

 

ที่จริงเมื่อครู่ตอนได้กลิ่นสมุนไพรแปลกไปเฉิงยวนก็พอเดาได้แล้วว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ต้องเป็นทางจักรพรรดิกับรัชทายาทเล่นพิเรนทร์แน่

 

 

ทว่านางเปลี่ยนใจ ถ้าจะพูดคงพูดแบบนี้ไม่ได้ ถ้าเกิดพูดออกไปโต้งๆว่าเป็นอุบายของจักรพรรดิกับรัชทายาท อย่าว่าแต่เรื่องจะไม่จบ ชีวิตน้อยๆของนางก็คงรักษาไว้ไม่ได้ ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนทิศทาง บอกว่ามีไส้ศึกอยู่ในกลุ่มกงกงกับคนส่งของ คิดวางแผนจะใช้สมุนไพรลอบปลงพระชนม์จักพรรดิกับพระพันปี

 

 

วาจานี้เอ่ยออกมา บรรยากาศก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว

 

 

เดิมทีกงกงคนนั้นกับผู้คุ้มกันสิ่งของสองสามคนยังเคยคิดว่า ถ้าถูกจับได้ก็จะกัดไม่ปล่อย บีบให้หญิงชาวบ้านคนนี้พูดทำนองว่าเป็นคำสั่งของจักรพรรดิ พอถึงเวลาก็จะต้องโทษให้ร้ายเบื้องสูง เพียงพอให้ประหารนางทั้งตระกูลแล้ว ถึงตอนนั้นทางซูเซียงก็ต้องถูกลากไปเกี่ยวด้วย ภารกิจของพวกเขาก็จะนับว่าสำเร็จ

 

 

แต่ทว่า ฮึ่ย! ใครจะคิดว่าสตรีบ้านนอกคนหนึ่งจะรู้เรื่องรู้ราวมากขนาดนี้ ดูจากคำพูดของผู้อื่นแล้วน้ำไม่รั่วสักหยด[1] อะไรคือไส้ศึกแคว้นศัตรู อะไรคือลอบปลงพระชนม์? พวกเขาคนกันเองจะสังหารฮ่องเต้หรือ? น่าขำนัก!

 

 

แต่น่าขันก็ส่วนน่าขัน พวกเขาจะพูดได้อย่างไรเล่า!

 

 

ทำได้เพียงขอโทษขอโพยไม่หยุด บอกว่าอาจมีคนวางแผนชั่วอะไรบางอย่างมาก่อกวน ต่อไปนี้พวกเขาจะตรวจตราให้เข้มงวด และยังบอกว่าสมุนไพรเหล่านี้ถือเป็นหลักฐานต้องการส่งเข้าวังให้ฝ่าบาทตรวจดู

 

 

ในใจเฉิงยวนพุ่งปรี๊ดขึ้นอีกครั้ง ตรวจดู? สมุนไพรมากมายขนาดนี้ตรวจดูกับผีสิ! ส่งเข้าวังเป็นหลักฐานแน่ล่ะ! ถึงเวลาจักรพรรดิก็จะบอกว่าไม่เคยเกิดเรื่องตรวจสอบยาตรงประตูวัง สมุนไพรที่คนของซูเซียงส่งมามีพิษ คิดทำร้ายสังหารจักรพรรดิกับพระพันปี ถึงตอนนั้นใครจะพูดได้เต็มปาก อย่างไรที่นี่ก็เป็นเขตอิทธิพลของผู้อื่น

 

 

เฉิงยวนจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “นี่ไม่ได้ เจ้านายของเรามีคำสั่งว่าหากสมุนไพรเกิดปัญหาต้องทำลายทิ้งทันที!” แท้จริงแล้วไม่มีคำสั่งนี้ แต่เวลานี้นางเองก็ทำได้เพียงถือขนไก่เป็นลูกเกาทัณฑ์ อย่างไรเสียซูเซียงเองก็เคยพูดไว้แล้ว ขุนพลอยู่นอกด่านไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งกษัตริย์ ให้นางตัดสินใจได้เอง

 

 

“แต่เฉิงฮูหยิน ไม่มีสมุนไพรเหล่านี้พวกข้าจะเอาหลักฐานที่ไหนไปหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังเล่า?” กงกงคนหนึ่งรีบพูดขึ้น สมุนไพรนี้จะทำลายไม่ได้ ต้องขนเข้าวังทั้งหมด ไม่อย่างนั้นล่ะก็ภารกิจของพวกเขาก็ล้มเหลวน่ะสิ

 

 

เวลานี้ มีเหล่าคุณหนูฮูหยินหลายคนเตรียมเข้าประตูข้างไปเยี่ยมเยือนชนชั้นสูงในบ้าน ได้ยินความเคลื่อนไหวทางนี้ศีรษะก็ยื่นเข้ามา ตอนนี้พวกเขาก็ยิ่งเป็นฝ่ายถูกต้อนแล้ว!

 

 

ถ้ารู้แต่แรกพวกเขาน่าจะรอให้เข้าวังก่อนแล้วค่อยลงมือ แต่จักรพรรดิทรงตรัสไว้ว่าหลังเข้ามาในวังอย่างเป็นทางการแล้วสายตาของพระพันปีมีค่อนข้างมาก ถึงเวลาลงมือแล้วจะยุ่งยาก ดังนั้นจึงให้ลงมือตรงประตูวัง ไหนจะรู้ว่าสตรีคนนี้ช่างจมูกสุนัขจริงแท้!

 

 

เฉิงยวนตีหน้าซื่อ “ของที่ผสมอยู่ในสมุนไพรพวกนี้ข้าสามารถแยกออกมาได้ รบกวนพวกท่านวิ่งเข้าไปในวังสักเที่ยว เชิญหมอหลวงมีชื่อคุณธรรมสูงส่งมาสองท่าน เราร่วมตรวจสอบด้วยกันเพื่อเป็นการพิสูจน์ หลังตรวจสอบกระจ่างแล้วจำเป็นต้องทำลายทิ้งตรงที่เกิดเหตุ”

 

 

เฉิงยวนเห็นสายตาลำบากใจของพวกเขาก็เยาะเย้ยอยู่ในใจ เห็นมีสาวน้อยกุลสตรีชะเง้อมองมาทางนี้ ก็จงใจใช้เสียงพูดให้ดังขึ้นมาก

 

 

ขันทีเห็นว่าต้องไปเชิญหมอหลวงในวังก็พลันลนลาน กอรปกับเห็นเกี้ยวหลายคันทางนั้น แม้เป็นครอบครัวของเฉินเฟย[2] เป็นคนของจักรพรรดิ แต่ยากจะรับรองว่าจะไม่เกิดปัญหา

 

 

ที่ต้องรู้ไว้คือเรื่องนี้จักรพรรดิบอกให้ปกปิดเป็นความลับ ห้ามให้พระพันปีทรงทราบก่อนยืนยันตัดสินโทษ มิเช่นนั้นล่ะก็ ศีรษะของพวกเขาที่จัดการเรื่องเหล่านี้ก็คงไม่ต้องเอามันไว้แล้ว!

 

 

แต่ถ้าสะเทือนไปถึงหมอหลวงผู้มีชื่อคุณธรรมสูงส่ง อย่าว่าแต่หมอหลวงชราเหล่านั้น แม้กระทั่งไปเชิญหมอชั้นผู้น้อยสองคนก็ยังกระทบถึงสายพระเนตรของพระพันปี

 

 

ขันทีคนนั้นกล่าวทันที “ไม่ต้องแล้ว พวกข้าเชื่อใจท่าน ท่านตรวจสอบเถิด ตรวจแล้วออกใบรายการให้พวกข้าก็เป็นอันได้” ในใจขันทีคิดคำนวณ แม้ไม่มีสมุนไพรแล้ว ส่งใบรายการเข้าไปก็เหมือนกัน สุดท้ายแล้วก็เป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าซูเซียงส่งสมุนไพรมีพิษเข้าวังหลวงมิใช่หรือ? ถึงเวลา แม้ฝ่าบาทไม่พอพระทัยการทำงานของพวกเขา อย่างน้อยที่สุดก็ยังสามารถรักษาศีรษะนี้เอาไว้ได้

 

 

 

 

——

 

 

[1] น้ำไม่รั่วสักหยด อุปมาหมายถึงไม่รั่วไหล ไม่มีช่องโหว่

 

 

[2] เฉินเฟย (宸妃) แปลว่า พระชายาผู้เป็นขององค์จักรพรรดิ แต่งตั้งขึ้นเป็นพิเศษในสมัยถังเกาจง พระราชทานให้แก่พระชายาคนโปรด เหนือกว่าขั้นเฟยทั้งสี่คือ กุ้ยเฟย ซู่เฟย เต๋อเฟยและเสียนเฟย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด