เพราะรักสลักใจ 859 ในที่สุดก็กลับถึงบ้าน / 860 ความปวดใจของเขาเกินกว่าบรรยาย

Now you are reading เพราะรักสลักใจ Chapter 859 ในที่สุดก็กลับถึงบ้าน / 860 ความปวดใจของเขาเกินกว่าบรรยาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 859 ในที่สุดก็กลับถึงบ้าน

 

 

นับตั้งแต่จ้าวเซิงถอดบรรดาศักดิ์อ๋องสงครามคืนอำนาจทางทหาร เหล่าทหารนายพลของฝ่ายศัตรูก็ดีอกดีใจกันยกใหญ่ ขาดพญายมผู้น่านับถือไปคนหนึ่ง ศึกครานี้พวกเขาคงตีพ่ายได้มากแล้ว

 

 

ภายในค่ายบัญชาการใหญ่ของศัตรู เหล่าแม่ทัพคนสำคัญทั้งหลายกำลังกินดื่มฉลองกันสนุกเฮฮา มิใช่น่าปิติยินดีหรอกหรือ

 

 

 ‘’มาๆ ทุกท่านร่วมชนแก้วกันหน่อย พรุ่งนี้ตีพวกเขาให้รับมือไม่ทันไปเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

 

 “นี่ พี่ใหญ่ ท่านว่าฮ่องเต้ต้าหรงผู้นั้นน้ำเข้าสมองหรือว่าถูกขี้อุดสมองไว้กันแน่? ลูกชายมีความสามารถเช่นนี้ไม่เก็บรักษาไว้ ไปรังแกลูกเมียผู้อื่นเขา ยังริบอำนาจทหารผู้อื่นอีก นี่มิใช่หาเรื่องใส่ตัวหรอกรึ…”

 

 

 “ไอ้โง่ อยากให้ดาวหายนะนั่นยังอยู่หรือไร?!”

 

 

 “หามิได้ๆ เขาไม่อยู่ย่อมดี! ฮ่าๆฮ่าๆ พี่ใหญ่ คืนนี้เรากินดื่มให้อิ่มหนำพรุ่งนี้ทำการศึกใหญ่ บุกทะลวงเมืองหลวงต้าหรง ฮ่าๆ ฮ่าๆ!”

 

 

 “ถูกต้องๆ บุกทะลวงเมืองหลวงต้าหรง เปิดอาณาเขตขยายดินแดน ถึงเวลาเราก็จะได้เป็นวีบุรุษแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า… ”

 

 

ในค่ายศัตรูร้องรำทำเพลง แต่พระพันปีทางเมืองหลวงหลายวันนี้เกศาดำขรับที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเสี้ยวล้วนขาวโพลนหมดแล้ว ราวกับเผลอแป๊บเดียวก็ชราลงไปกว่าสิบปีแล้ว

 

 

แม่นมเห็นพระพันปีเอาแต่ประทับนิ่งเหมือนเขาไท่ซาน ไม่เอ่ยเอื้อนวาจา ก็กังวลร้อนใจ สุดท้ายก็ไม่สนใจเรี่องนายบ่าวแบ่งแยกอะไรแล้ว เข้าไปดึงแขนฉลองพระองค์ของพระพันปี “นายหญิง นายหญิงเพคะ พระองค์เรียกสติกลับมา ตอนนี้พระองค์จะนั่งเหม่อไม่ได้นะเพคะ นี่ต้องทำเช่นไร พระองค์ต้องแสดงออกมาเพคะ!”

 

 

เมื่อครู่พระพันปีเหม่อลอย กำลังคิดถึงจ้าวเซิง ขอเพียงแค่ส่งอ๋องสงครามชื่อนี้ออกไปรบ รู้ดีว่าให้จ้านอ๋องนำทัพ ข้าศึกไม่ทันรบก็ขี้ขลาดตาขาวไปก่อนแล้วสามส่วน แต่ตอนนี้ เฮ้อ ทั้งหมดต้องโทษลูกโง่กับหลานโง่ใช้การไม่ได้พวกนั้น มิเช่นนั้นไยบ้านเมืองจะประสบภัยหนักหนาเช่นนี้!

 

 

 “นายหญิง หรือไม่ลองเขียนจดหมายลับปิดผนึกให้ท่านอ๋องสงคราม? ท่านอ๋องแม้โกรธเคือง แต่ถูกผิดสำคัญเขาย่อมเข้าใจ…” แม่นมคิดอยู่ครึ่งวัน ก็คิดวิธีการไม่ออกจริงๆ จำต้องเสนอความคิดนี้ขึ้นมา

 

 

แม้กล่าวว่าวังหลังไม่ยุ่งราชกิจ ยิ่งแม่นมเป็นนางข้าหลวงคนหนึ่ง ตามหลักการแล้วเรื่องเหล่านี้นางไม่ควรก้าวก่าย ทว่าพระพันปีไว้ใจนาง ภายในห้องก็ไม่มีคนอื่น พูดไปก็ไม่เป็นไร อีกทั้งนางเองก็เป็นห่วงจากใจริง

 

 

สถานการณ์ดำเนินมาเช่นนี้ขอแค่มีจ้าวเซิงออกหน้าถึงจะสามารถสงบอารมณ์ของทหารศึกชายแดนได้ มิเช่นนั้นล่ะก็ ให้ขุนพลและเหล่าทหารนำพาภาวะอารมณ์นี้ออกรบ อย่างไรก็รบได้ไม่ดี

 

 

คิดไม่ถึงว่าพระพันปีนิ่งเงียบไตร่ตรองครึ่งวัน สุดท้ายกลับส่ายหน้า “พวกเขาสองสามีภรรยาประสบเรื่องสาหัสเช่นนี้ ให้พวกเขาชีวิตอย่างสบายใจเถอะ อย่าไปรบกวนเลย”

 

 

 “แต่ว่านายหญิงเพคะ…”

 

 

 “ไม่ต้องพูดแล้ว ประกาศราชเสาวนีย์ของอายเจียไป ชนะศึกครานี้ได้ ขุนพลทุกคนได้เลื่อนขั้นหนึ่งชั้น พลทหารทั้งหมดได้เพิ่มเบี้ยหวัด ”

 

 

นี่เป็นวิธีการที่พระพันปีหมดวิธีแล้วเช่นกัน ทำได้เพียงใช้ชื่อเสียงเงินทองมาซื้อใจขุนพลนายทหารชายแดน หวังแค่ให้พวกเขาเห็นแก่ตำแหน่ง เห็นแก่เงินทอง พยายามเพิ่มขึ้นอีกหน่อย อย่าให้ถึงกับบ้านเมืองต้องสูญสิ้น

 

 

ช่วงเวลานี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวถั่วลิสงกับสมุนไพรพอดี ดังนั้นสามีภรรยาผู้เฒ่าหวังก็ต้องกลับมาตรวจดูสักหน่อย

 

 

ตอนจ้าวเซิงกับซูเซียงเพิ่งกลับมาถึง ก็เห็นในลานบ้านกำลังชุลมุนกับการตากสมุนไพร ตากถั่วลิสง มีหวังต้าเหนียงกำลังนั่งยองคัดถั่วลิสงบนพื้น มีผู้เฒ่าหวังพิงขอบประตูเคาะกล้องยาสูบส่งเสียงถอนหายใจ

 

 

ในวินาทีนี้เอง น้ำตาของซูเซียงก็เอ่อล้นออกมา

 

 

นางแสนเกลียดวังหลวงนั่น แสนชิงชังสถานที่ดำมืดเลวร้ายนั่นจริงๆ ได้รับความทรมานขนาดนี้ ตอนนี้ในที่สุดก็ได้กลับมาพบหน้าพ่อแม่ของตัวเองแล้ว อดมิได้ที่จะสะทกสะท้อนใจ

 

 

 “ท่านพ่อ ท่านแม่…” ซูเซียงเรียกแค่นี้ก็ร้องไห้พูดไม่เป็นภาษา อารามตื่นเต้น พอร้องไห้ก็ล้มพับไป

 

 

จ้าวเซิงตกใจแทบแย่ เป็นผู้เฒ่าหวังรีบจับชีพให้ซูเซียง บอกว่าเพราะอารมณ์ผันผวนมากเกินไป ประกอบกับร่างกายไม่แข็งแรงจึงเป็นลมสลบไป มิใช่เรื่องใหญ่

 

 

 “แม่ เจ้ามัวนิ่งอยู่ทำไม รีบเก็บกวาดห้องต้มน้ำร้อนให้ลูกสาวสิ” ผู้เฒ่าหวังตะโกนไปทางหวังต้าเหนียงที่ยืนนิ่งตื่นกังวลจนมือสั่นอยู่ข้างๆ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 860 ความปวดใจของเขาเกินกว่าบรรยาย

 

 

 “อ้อ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ ไปเดี๋ยวนี้…” หวังต้าเหนียงพูดแล้วก็วิ่งไปทางห้องที่ซูเซียงอยู่ก่อนหน้านี้ บอกว่าเก็บกวาด แท้ที่จริงก็มิได้ยุ่งยากอะไร สตรีทั้งหลายในบ้านปัดกวาดห้องของซูเซียงกับจ้าวเซิงสะอาดสะอ้านทุกวันอยู่แล้ว

 

 

จ้าวเซิงช้อนตัวซูเซียงอุ้มทันที ใบหน้าเย็นชา สาวเท้าเก้าใหญ่เข้าไปในห้อง

 

 

วางซูเซียงลงบนเตียงอย่างระวังเบามือ คลุมเสื้อผ้าให้นางเรียบร้อยแล้วค่อยจับมือซูเซียงเอาไว้ ใบหน้าหนาวเย็นปานน้ำแข็ง

 

 

สองสามีภรรยาสกุลหวังรู้แล้วว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร บัดนี้เห็นสีหน้าเย็นเฉียบของจ้าวเซียงก็ไม่อยากถามอะไรมาก ด้วยกลัวจะกระตุ้นความเศร้าในใจของซูเซียงกับลูกเขย

 

 

แต่พวกเขาไม่อาจถาม จำต้องกลั้นคำพูดเอาไว้ในใจ ผู้อาวุโสทั้งสองย่อมสีหน้าไม่ดี สวรรค์รู้ดีหลายวันมานี้พวกเขาเสียใจมากเพียงใด เป็นห่วงมากเพียงใด ไม่ว่าคนในบ้านจะปลอบโยนอย่างไร ดูแลดีอย่างไร คนทั้งสองก็ผอมแห้งลงไปมาก

 

 

ยังมีย่าของซูเซียง แม่เฒ่าสกุลซูโมโหจนล้มป่วย เมื่อวานเพิ่งได้หายใจหายคอ โชคดีที่เวลานี้ผู้อาวุโสนางพักฟื้นอยู่ที่จวนจวิ้นจู่ ไม่อย่างนั้นเห็นเหตุการณ์นี้เข้าคงไม่พ้นล้มป่วยอีกรอบ

 

 

จ้าวเซิงบิดผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดหน้าให้ซูเซียงพลางเอ่ยเสียงแผ่ว “ที่รัก เรากลับบ้านแล้ว เจอหน้าท่านพ่อท่านแม่แล้ว เจ้าพักผ่อนได้อย่างสบายใจ…”

 

 

ลูกผู้ชายอกสามศอก ตอนที่เอ่ยประโยคนี้ด้วยสีหน้าเย็นชาจบขอบตาก็แดงผ่าวแล้ว น้ำตาหยดหนึ่งร่วงแหมะบนหลังมือของซูเซียง จากนั้นทั้งตัวคนก็เอนซบลงบนไหล่ของซูเซียงร้องไห้โฮออกมาอย่างโศกเศร้าอ้างว้าง อย่างอับจนและเจ็บปวดหัวใจ

 

 

สามีภรรยาสกุลหวังเดิมรออยู่ด้านนอกอย่างร้อนใจ ได้ยินเสียงร้องไห้อัดอั้นของลูกเขย ในหัวใจคนทั้งสองก็รู้สึกแย่เหลือเกิน

 

 

 “แม่ ไปตุ๋นไก่ให้ลูกสาวสักตัว ต้องบำรุงร่างกายหน่อย”

 

 

ตอนซูเซียงกลับมาถึงแล้วเป็นลมไป กล้องยาสูบของผู้เฒ่าหวังก็โยนลงพื้นไปแล้ว ตอนนี้สั่งงานหวังต้าเหนียงจบ ก็หันร่างไปหน้าประตูหยิบกล้องยาสูบของเขา ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและกังวล

 

 

อย่าว่าแต่ผู้เฒ่าหวัง แม้กระทั่งหวังต้าเหนียงที่ตุ๋นไก่ให้ซูเซียงอยู่ในครัวยังอดมิได้ที่จะตบริมฝีปากทั้งคู่ของตัวเอง ผู้เฒ่าหวังเข้าห้องครัวมาเห็นฉากนี้พอดีก็รีบร้อนถาม “ภรรยา นี่เจ้าทำอะไรอยู่น่ะ?!”

 

 

หวังต้าเหนียงขอบตาแดง น้ำเสียงห่อเ**่ยว “พ่อ ตอนนั้นเราไม่น่าตอบตกลงเรื่องแต่งงานนี้เลย ถ้า ถ้าเลือกหนุ่มชาวนาเอาการเอางานสักคนคงดีกว่านี้มาก หากมีเรื่องเรายังพอระบายความโกรธกับเขาได้บ้าง บัดนี้ลูกเขยเป็นโอรสของฮ่องเต้ เรากลับพูดอะไรไม่ได้แม้แต่คำเดียว อึดอัดเหลือเกิน… ”

 

 

เมื่อครู่ผู้เฒ่าหวังก็คิดเช่นนี้ แต่เรื่องเป็นมาถึงขั้นนี้แล้ว นึกเสียใจทีหลังก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงเอ่ยปลอบ “แม่ อย่าคิดฟุ้งซ่านไปเลย รีบทำอาหาร เดี๋ยวลูกสาวตื่นมาจะได้กิน คำพูดพวกนี้ต่อไปก็อย่าพูดต่อหน้าลูกเขยเลย ลูกเขยเองก็เป็นคนดี เป็นคนรู้จักเอาใจใส่ เฮ้อ….”

 

 

หวังต้าเหนียงทอดถอนใจหนึ่งเสียง แม้ความอึดอัดเต็มท้อง แต่นึกถึงเสียงร้องไห้อัดอั้นภายในห้องที่ได้ยินเมื่อครู่ก็ใจอ่อน ไม่ว่าลูกเขยคนนี้จะเป็นลูกชายของฮ่องเต้หรือไม่ ถึงที่สุดแล้วก็เป็นลูกเขยของพวกเขา เป็นคนที่รักลูกสาวสุดหัวใจ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงยอมทิ้งแม้กระทั่งยศถาบรรดาศักดิ์และอำนาจทางการทหาร เพียงเพื่อกลับชนบทมาด้วยกันกับลูกสาว

 

 

ในห้องเหลือเพียงซูเซียงที่นอนสลบไปกับจ้าวเซิงที่กลัดกลุ้มไม่พูดจา บรรยากาศเงียบเชียบ อึดอัดและอ้างว้างยิ่งนัก

 

 

ในใจจ้าวเซิงขมฝาดอย่างบรรยายไม่ออก ตอนกระพรวนน้อยกับก้อนแป้งน้อยเกิดเขาก็ไม่ได้อยู่เคียงข้างภรรยาและลูก ไม่ได้อยู่ดูแลลูกทั้งสองเติบโตนั่นเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเขาแล้ว แต่ตอนนี้แม้กระทั่งเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองยังปกป้องไว้ไม่ได้ ลูกน้อยตัวเล็กแค่นั้น ยังไม่ทันได้ร้องเสียงอ่อนเรียกเขาว่าท่านพ่อสักคำ ยังไม่ทันลืมตาดูโลกใบนี้ด้วยซ้ำ ก็ไม่อยู่เสียแล้ว….

 

 

แม้มิใช่ลูกสาวขาวผ่องเป็นยองใยที่เขานับวันเฝ้ารอคอย แต่เป็นลูกชายเขาก็ชอบเหมือนกัน มาถูกทำร้ายจนเสียไปเช่นนี้เขาปวดใจจนมิอาจเติมซ้ำได้อีก แต่กลับไม่กล้าเปิดเผยต่อหน้าผู้คนแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะต่อหน้าซูเซียง เขากลัวตัวเองไม่ทันระวังจะกระตุ้นให้ซูเซียงเสียใจ ดังนั้นจำต้องข่มมันไว้ กดทับมันไว้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด