ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 177 เกมซ่อนหา
ตอนที่ 177 เกมซ่อนหา
ดังนั้นจะบอกว่าตอนที่ว่างๆ อย่าไปส่องกระจกมั่วซั่วบ่อยๆ
ความเคยชินแบบนี้มันไม่ดีจริงๆ
เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าคนในกระจกจะเป็นภาพสะท้อนของคุณจริงๆ หรือเป็นเพียงกลไกที่ติดตามทุกการเคลื่อนไหวของคุณโดยอัตโนมัติกันแน่
หรือว่ามันแค่ทำเหมือนคุณเป็นคนโง่ ล้อคุณเล่น และเมื่อเห็นว่าคุณยังหาตัวตนของมันไม่เจอก็จะแอบหัวเราะเยาะเย้ยลับหลังอยู่เงียบๆ
หลังจากผ่านไปได้ประมาณเจ็ดถึงแปดวินาที คนในกระจกถึงได้หยุดตบหน้าของมัน
มันยืนอยู่ในกระจก ตอนแรกยังคิดจะเลียนแบบท่าทางของสวี่ชิงหล่างในตอนนี้ต่อไป
แต่พอมาคิดดูแล้ว เมื่อมองเห็นสีหน้าท่าทางของโจวเจ๋อและสวี่ชิงหล่างในตอนนี้แล้ว มันรู้ดีว่าหากตัวเองยังแสร้งทำต่อไป ก็ไม่สนุกเสียแล้ว
ก่อนหน้านี้ตัวเองทำเหมือนคนอื่นเป็นคนโง่ ตามผู้ชายคนหนึ่งมาทาผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ตบๆ หน้า รู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก แต่ถ้าตอนนี้ยังแสร้งทำต่อไป มันจะทำให้ตัวเองดูเป็นคนโง่
มันถอยออกไปอย่างเงียบๆ ร่างค่อยๆ ถอยห่างไปไกลเรื่อยๆ และเล็กลงเรื่อยๆ มันอยากออกไปจากที่นี่
โจวเจ๋อเชื่อว่า ถึงแม้โรงเรียนตำรวจจะสอนวิธีการจับกุมและไล่ล่าคนร้าย แต่ไม่ได้สอนวิธีจับคนร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในกระจกอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้เขามีปัญหานี้
อย่างแรกเลย เป็นไปไม่ได้ที่จะทุบกระจกแตก เดาว่าคนข้างในก็อยากให้ทำอย่างนี้ แต่จะให้ทะลุเข้าไปในกระจกอย่างนั้นเหรอ
โจวเจ๋อลองเอื้อมมือออกไป แต่มือของเขาไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ เห็นได้ชัดว่าความพยายามนี้ล้มเหลว แน่นอนว่าเดิมทีโจวเจ๋อไม่ได้หวังอะไรมาก
หากว่ามีใครสักคนสามารถทะลุเข้าไปในกระจกได้ง่ายๆ แบบนี้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นเด็กที่ไม่ทันระวังตกหล่นหายไปในกระจกทุกปีจะต้องมากกว่าเด็กที่ลงไปว่ายน้ำแล้วจมน้ำอย่างแน่นอน
เจ้าบ้าในกระจกนั่นยิ่งหนียิ่งตัวเล็กลงเรื่อยๆ กระทั่งมันหันหน้ากลับมาด้วยความสนใจและทำท่า ‘หักคอ’ ใส่โจวเจ๋อและคนอื่นๆ ช่างอวดดีเหลือเกินจริงๆ
“สวรรค์และโลกไร้ขอบเขต ใจลึกล้ำคือธรรมะ!”
สวี่ชิงหล่างประกบสองมือ เกราะหัวใจถูกเขาตบลงไปบนพื้นผิวกระจก
ต้องบอกว่า ไม่ว่าเหล่าสวี่จะทำท่าทางประกบมือหรือท่าทางตอนดึงเกราะหัวใจออกมาต่างเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ เผยให้เห็นถึงระดับสูงของนักอภิปรัชญา แต่หลังจากที่เกราะหัวใจแนบลงไป คนในกระจกเพียงแค่เอียงหัวเหมือนกำลังยิ้มอยู่ เห็นได้ชัดว่าวิธีของเหลาสวี่ใช้ไม่ได้ผล
“นักพรตเฒ่า เป้ากางเกง!”
โจวเจ๋อตะโกนเรียก
นักพรตเฒ่ายื่นมือไปลูบเป้ากางเกงของตัวเองโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาหยิบยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นจริงๆ!
ควรรู้ไว้ว่าตอนนี้นักพรตเฒ่าไม่ได้สวมชุดนักพรต แต่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ นี่มันหมายความว่าหลังจากนักพรตเฒ่าเปลี่ยนเสื้อผ้าไปแล้วยังเคลื่อนย้ายยันต์มาด้วย!
“เทพอยู่เบื้องสูงคำสั่งศักดิ์สิทธิ์ พระผู้เป็นเจ้าโปรดฟังคำขอข้า!”
เมื่อร่ายคาถาที่ไม่เข้าท่าแล้ว นักพรตเฒ่านำยันต์ของเขาแปะลงบนกระจกโดยตรง
ยันต์เปล่งแสงแดงวาบครู่หนึ่ง ภาพในกระจกบิดเบี้ยวไปครู่หนึ่งเช่นกัน คนข้างในดูเหมือนจะกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่มันก็ยังไม่ออกมา และดูเหมือนว่าเป็นเพราะถูกยันต์กระตุ้น ทำให้มันที่เดิมทีอยากจะเสแสร้งแกล้งทำอยู่ที่เดิม เริ่มเตรียมที่จะหลบหนีจริงๆ ขึ้นมาแล้ว
“ยังมีอีกไหม” โจวเจ๋อเร่งนักพรตเฒ่า
ไม่เชื่อหรอกว่าถ้าแปะมันลงไปบนกระจกบานนี้สักแปดหรือสิบแผ่น เจ้าสิ่งนั้นที่อยู่ข้างในหากไม่ถูกบีบให้ออกมามันก็คงจะแปลกน่าดู
ไม่มีของอย่างอื่นแล้ว
“ไม่มีแล้วเถ้าแก่ วันนี้เอามาด้วยแค่แผ่นเดียว”
เวลานี้ ชายในกระจกเหลือเพียงจุดดำเล็กๆ จนเกือบจะเลือนหายไปแล้ว
โจวเจ๋อหลับตา กางแขนทั้งสองข้างออก เล็บได้งอกยาวออกมาทั้งหมดแล้ว มวลหมอกสีดำเริ่มก่อตัวขึ้นกลางฝ่ามือของเขาเป็นชั้นๆ สำหรับโจวเจ๋อแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะลองได้
ในการเผชิญหน้ากับเรื่องราวที่ไร้เหตุผล ดูเหมือนว่าจะต้องลองใช้วิธีที่ไร้เหตุผลเช่นเดียวกันดู
ท่ามกลางสายตาราวกับกำลังมองคนโง่ของนักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างที่อยู่อีกด้าน โจวเจ๋อใช้สองมือจับตรงหน้าเอาไว้ แล้วเริ่มทำท่าชักเย่อขึ้นมา
อันที่จริง ตัวโจวเจ๋อเองไม่ได้จับอะไรเลย แต่กระนั้นก็ยังดึงไปข้างหลัง ราวกับว่าเขากำลังจับอะไรบางอย่างไว้จริงๆ อีกทั้งยังดึงอย่างยากลำบากด้วย
จำเป็นต้องเกินจริงขนาดนี้เลยเหรอ
จำเป็นต้องมีจินตนาการล้ำขนาดนี้เลยเหรอ
มุมปากของนักพรตเฒ่ากระตุก อยากจะบอกเถ้าแก่ว่าวิธีนี้ของเจ้ามันยิ่งไม่ได้เรื่องเข้าไปใหญ่ แต่เพียงไม่นานมุมปากของนักพรตเฒ่าก็แข็งทื่อขึ้นมา เพราะเขาเห็นชายในกระจกที่เดิมทีเหลือเพียงจุดเล็กๆ คนนั้นดันวิ่งกลับมาอย่างช้าๆ
โอ้มายก็อด!
ถูกเถ้าแก่จับกลับมาจริงๆ ด้วยสินะ!
ทันใดนั้นนักพรตเฒ่าก็รู้สึกว่าเขาช่างไม่เข้าใจโลกใบนี้เลยสักนิด แบบนี้ก็ได้เหรอ
“ช่วยผม!” โจวเจ๋อตะโกน
ช่วยเจ้าอย่างนั้นเหรอ
สวี่ชิงหล่างและนักพรตเฒ่าตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้ามาร่วมด้วย และทำท่าเหมือนช่วยโจวเจ๋อดึงไปด้วยกัน สวี่ชิงหล่างรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนพวกขุนนางในนิทานเรื่องเสื้อชุดใหม่ของพระราชาที่กำลังทำเรื่องโง่ๆ อยู่ แต่ประเด็นสำคัญของเรื่องอยู่ที่การเข้าร่วมของเขาและนักพรตเฒ่านั้น ทำให้ความเร็วในการถอยกลับของชายที่อยู่ในกระจกคนนั้นเร็วมากขึ้นจริงๆ!
“หากใจเราเชื่อมั่นว่าสามารถดึงมันกลับมาได้มันก็จะทำได้ มันอยู่ในกระจกแต่ในความเป็นจริงแล้วอยู่ในสายตาของพวกเรามากกว่า” โจวเจ๋อเอ่ยประโยคที่เป็นปรัชญามาก
หน้าที่ของกระจกคือการสะท้อนแสง และทำหน้าที่เป็นเพียงสื่อกลาง แทนที่จะบอกว่ามีบางอย่างอยู่ในกระจก สู้บอกว่าอะไรบางอย่างมีตัวตนอยู่ในสายตาของตัวเองจะดีกว่า
แน่นอนว่ามีข้อพิสูจน์เชิงปรัชญามากมายที่เกี่ยวข้องในที่นี้ ถ้าหากลงลึกกว่านี้ ก็คงยุ่งยากเกินไป
เมื่อดึงไปเรื่อยๆ ชายในกระจกคนนั้นค่อยๆ มีขนาดตัวเท่ากับตอนที่สวี่ชิงหล่างเพิ่งใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในตอนแรกอย่างช้าๆ
ใกล้จะถูกดึงออกมาแล้ว
ใกล้จะออกมาแล้ว
ออกแรง!
ออกแรงมากกว่านี้อีกหน่อย!
ใกล้จะออกมาแล้ว!
นักพรตเฒ่าตะโกนอยู่ข้างๆ ตะโกนร้องเป็นจังหวะ บางช่วงเลือนราง ราวกับว่าเขาได้ย้อนวันเวลากลับไปตอนที่เขาเป็นพนักงานขนย้ายบนท่าเรือในปีนั้น แต่ตอนที่เขาตะโกนสร้างบรรยากาศปลุกใจอยู่นั้น กลับดูเหมือนหนุ่มใหญ่สามคนเป็นหมอตำแยทำคลอดอยู่เสียมากกว่า
ในที่สุดชายเสื้อของสิ่งนั้นในกระโจกก็โผล่ออกมา
แต่หลังจากนั้นได้ยินเพียงเสียง ‘เปรี๊ยะ’ ดังลั่น กระจกบานนี้ระเบิดกระจายออกมาจริงๆ
จากนั้นเห็นเพียงเงาดำทะลุออกมาจากข้างใน บางทีโจวเจ๋อและคนอื่นๆ คงอินกับการแสดงมากเกินไป ทั้งสามคนล้มไปข้างหลังพร้อมกัน ราวกับว่าตอนที่แข่งขันชักเย่ออยู่แล้วจู่ๆ เชือกก็ขาด
มันทำให้โจวเจ๋อรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อตอนที่เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและตั้งสติได้ว่าต้องจับเงาดำนั้นเอาไว้ กลับพบว่าเขาเสียโอกาสนั้นไปเสียแล้ว
เล็บของโจวเจ๋อเพียงแค่เกี่ยวรั้งอีกฝ่ายเอาไว้เท่านั้น หลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องของเงาดำ เงาดำก็หดลงไปอีกครั้ง และหลุดออกไปจากการควบคุมของโจวเจ๋อ ก่อนจะทะลุเข้าไปในช่องโหว่ของประตูกระจกในห้องน้ำที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
เพียงแต่ในครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถทะลุเข้าไปได้ทั้งหมด ยังมีส่วนหนึ่งที่ทิ้งเอาไว้ข้างนอก เหมือนกับปลิงดูดเลือดตัวหนึ่ง นี่อาจจะเป็นเพราะว่าได้รับบาดเจ็บละมั้ง ถึงได้มีผลกระทบต่อพลังของมัน
โจวเจ๋อกวาดเล็บตรงออกไป ประตูกระจกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที เงาดำส่งเสียงกรีดร้องอีกรอบ และหลบหนีไปอีกครั้งอย่างรวดเร็วราวกับกระต่ายป่าตัวหนึ่ง
“อย่าให้มันหนีไปได้ มันทำได้เพียงซ่อนอยู่ในสิ่งที่สามารถสะท้อนแสงได้เท่านั้น พวกคุณไปตามหามัน ผมจะขังมันเอาไว้ก่อน!”
โจวเจ๋อใช้เล็บมือทั้งคู่แทงเข้าไปในพื้นพร้อมกัน ชั่วพริบตามวลสีดำกระจายออกไปปกคลุมทั่วทั้งวิลลาเล็กๆ ทันที ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมของงูยักษ์ในตอนแรก โจวเจ๋อก็เคยทำแบบนี้มาก่อน แต่ว่าครั้งนั้นเป็นการป้องกันตัว ส่วนครั้งนี้เป็นการกักขังเอาไว้ก่อน
ส่วนนักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างก็รีบพุ่งออกไปจากห้องน้ำ เริ่มทำการค้นหาบางสิ่งที่สามารถสะท้อนแสงและดูว่าสิ่งนั้นซ่อนอยู่ภายในนั้นหรือไม่
จุดเริ่มต้นของเรื่องนั้นเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ระหว่างที่เรื่องราวดำเนินไปกลับทำให้รู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่า สำหรับสิ่งตรงหน้าที่ดันพัฒนาไปสู่เกมซ่อนหาได้นั้น ยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดทั้งนั้น
อันที่จริง ว่ากันไปตามแก่นแท้แล้วก็เป็นเพราะนักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างต่างก็ยังเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ให้ความสำคัญกับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีวิทยาศาสตร์ มีหลักการและเหตุผล มีกฎเกณฑ์ที่พูดกันได้ และด้วยเหตุนี้ บางครั้งสายตาของพวกเขายังเปิดโลกกว้างไม่เท่ากับของโจวเจ๋อเลยด้วยซ้ำ
สำหรับคนที่เคยไปนรกมาแล้วนั้น ไม่มีเรื่องอะไรที่รับไม่ได้ และไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ขั้นตอนการค้นหานั้นยุ่งยากมากและก็ซับซ้อนมากเช่นกัน เพราะว่าของที่สามารถสะท้อนแสงได้ในที่นี้มีมากเกินไป ต้องตรวจสอบยืนยันไปทีละอย่าง และยังต้องเผื่อในกรณีที่อีกฝ่ายเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปอีก แม้ว่าโจวเจ๋อจะกำหนดขอบเขตไว้ในวิลลาเล็กๆ แห่งนี้แล้ว แต่การที่จะจับสิ่งนั้นออกมาจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เช่นกัน
นักพรตเฒ่าหาจนทั่วแล้วก็ยังหาไม่เจอ และไม่มีร่องรอยใดๆ เขารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะบ้าเต็มทีแล้ว ทั้งสมองมีแต่กระจก ทนไม่ไหวจนตัวเองจะกลายเป็นกระจกอยู่แล้ว
สวี่ชิงหล่างหาจนทั่วแล้วก็หาไม่เจอเช่นกัน พวกเขาก็ไม่กล้าไปถามโจวเจ๋อว่ารั้งเจ้าสิ่งนั้นเอาไว้ได้จริงๆ หรือไม่ ถ้าเกิดว่าเจ้าสิ่งนั้นมันไม่อยู่ในวิลลาแต่หนีออกไปตั้งนานแล้วจะทำอย่างไร
“ใช่แล้ว น้ำพุร้อน!”
นักพรตเฒ่าวิ่งออกไปที่ริมบ่อน้ำพุร้อน น้ำในบ่อน้ำพุร้อนระบายออกไปแล้ว แต่ยังมีน้ำขังอยู่หลายแอ่ง มันก็สามารถสะท้อนแสงได้และใช้เป็นกระจกได้เช่นกัน!
นักพรตเฒ่ากระโดดลงไปก้นบ่อน้ำพุร้อน มองหาแอ่งน้ำทีละแอ่ง แต่ก็ยังหาไม่เจออยู่ดี
นักพรตเฒ่าที่เหนื่อยล้า ได้นั่งจ้ำลงไปตรงก้นบ่อน้ำพุร้อน
หาไม่เจอเลย เจ้าสิ่งนั้นสามารถทะลุกระจกได้ พระเจ้าทรงทราบดีว่ามันหนีไปที่ไหน อมิตาภพุทธ ขอเทียนจุนอำนวยพร พระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตา โปรดสำแดงแสนยานุภาพของพวกท่านทั้งหลายให้ข้าหามันจนเจอเถิด
โจวเจ๋อที่อยู่ในห้องน้ำเริ่มต้านเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เอาแต่ตะโกนในห้องน้ำว่าหาเจอหรือยังไม่หยุด
มันสร้างแรงกดดันให้นักพรตเฒ่ามากยิ่งขึ้นไปอีก
แม่งเอ๊ย ถ้าสามารถโทรแจ้งตำรวจแล้วให้ตำรวจช่วยหาได้ก็คงจะดี นักพรตเฒ่าคิดฟุ้งซ่านอยู่ในใจ จากนั้นเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาจากกระเป๋า
หน้าจอโทรศัพท์มือถือก็เป็นกระจกนี่นา มันก็สามารถสะท้อนแสงได้เช่นกัน!
อีกทั้งมันยังอยู่กับตัวของเขาตลอดเวลา ยิ่งง่ายต่อการไม่เป็นจุดสนใจ!
นักพรตเฒ่ารีบสัมผัสหน้าจอโทรศัพท์มือถือทันที หน้าจอสว่างขึ้นมาแล้ว เดิมทีภาพล็อกหน้าจอของนักพรตเฒ่าเป็นภาพคลาสสิกลมพัดกระโปรงมาริลิน มอนโรเบาๆ แต่ตอนนี้ใต้กระโปรงของมาริลิน มอนโรบนหน้าจอมีเงาดำๆ เพิ่มเข้ามา เหมือนกับเพิ่มโมเสกลงไปชั้นหนึ่ง อีกทั้งกำลังขยับอยู่อีกด้วย
นักพรตเฒ่าดีใจจนพ่นฟองผุดขึ้นบนจมูก
เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นมาก
รีบเอื้อมมือไปจับ ‘โมเสก’ นั้นเอาไว้ พลางเอ่ยพึมพำในปากอย่างตื่นเต้นดีใจ
“อมิตาภพุทธ นับว่าข้าหาเจ้าจนเจอแล้วสินะ ฮ่าๆๆ!”
…………………………………………………………..
Comments
ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 177 เกมซ่อนหา
ตอนที่ 177 เกมซ่อนหา
ดังนั้นจะบอกว่าตอนที่ว่างๆ อย่าไปส่องกระจกมั่วซั่วบ่อยๆ
ความเคยชินแบบนี้มันไม่ดีจริงๆ
เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าคนในกระจกจะเป็นภาพสะท้อนของคุณจริงๆ หรือเป็นเพียงกลไกที่ติดตามทุกการเคลื่อนไหวของคุณโดยอัตโนมัติกันแน่
หรือว่ามันแค่ทำเหมือนคุณเป็นคนโง่ ล้อคุณเล่น และเมื่อเห็นว่าคุณยังหาตัวตนของมันไม่เจอก็จะแอบหัวเราะเยาะเย้ยลับหลังอยู่เงียบๆ
หลังจากผ่านไปได้ประมาณเจ็ดถึงแปดวินาที คนในกระจกถึงได้หยุดตบหน้าของมัน
มันยืนอยู่ในกระจก ตอนแรกยังคิดจะเลียนแบบท่าทางของสวี่ชิงหล่างในตอนนี้ต่อไป
แต่พอมาคิดดูแล้ว เมื่อมองเห็นสีหน้าท่าทางของโจวเจ๋อและสวี่ชิงหล่างในตอนนี้แล้ว มันรู้ดีว่าหากตัวเองยังแสร้งทำต่อไป ก็ไม่สนุกเสียแล้ว
ก่อนหน้านี้ตัวเองทำเหมือนคนอื่นเป็นคนโง่ ตามผู้ชายคนหนึ่งมาทาผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ตบๆ หน้า รู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก แต่ถ้าตอนนี้ยังแสร้งทำต่อไป มันจะทำให้ตัวเองดูเป็นคนโง่
มันถอยออกไปอย่างเงียบๆ ร่างค่อยๆ ถอยห่างไปไกลเรื่อยๆ และเล็กลงเรื่อยๆ มันอยากออกไปจากที่นี่
โจวเจ๋อเชื่อว่า ถึงแม้โรงเรียนตำรวจจะสอนวิธีการจับกุมและไล่ล่าคนร้าย แต่ไม่ได้สอนวิธีจับคนร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในกระจกอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้เขามีปัญหานี้
อย่างแรกเลย เป็นไปไม่ได้ที่จะทุบกระจกแตก เดาว่าคนข้างในก็อยากให้ทำอย่างนี้ แต่จะให้ทะลุเข้าไปในกระจกอย่างนั้นเหรอ
โจวเจ๋อลองเอื้อมมือออกไป แต่มือของเขาไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ เห็นได้ชัดว่าความพยายามนี้ล้มเหลว แน่นอนว่าเดิมทีโจวเจ๋อไม่ได้หวังอะไรมาก
หากว่ามีใครสักคนสามารถทะลุเข้าไปในกระจกได้ง่ายๆ แบบนี้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นเด็กที่ไม่ทันระวังตกหล่นหายไปในกระจกทุกปีจะต้องมากกว่าเด็กที่ลงไปว่ายน้ำแล้วจมน้ำอย่างแน่นอน
เจ้าบ้าในกระจกนั่นยิ่งหนียิ่งตัวเล็กลงเรื่อยๆ กระทั่งมันหันหน้ากลับมาด้วยความสนใจและทำท่า ‘หักคอ’ ใส่โจวเจ๋อและคนอื่นๆ ช่างอวดดีเหลือเกินจริงๆ
“สวรรค์และโลกไร้ขอบเขต ใจลึกล้ำคือธรรมะ!”
สวี่ชิงหล่างประกบสองมือ เกราะหัวใจถูกเขาตบลงไปบนพื้นผิวกระจก
ต้องบอกว่า ไม่ว่าเหล่าสวี่จะทำท่าทางประกบมือหรือท่าทางตอนดึงเกราะหัวใจออกมาต่างเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ เผยให้เห็นถึงระดับสูงของนักอภิปรัชญา แต่หลังจากที่เกราะหัวใจแนบลงไป คนในกระจกเพียงแค่เอียงหัวเหมือนกำลังยิ้มอยู่ เห็นได้ชัดว่าวิธีของเหลาสวี่ใช้ไม่ได้ผล
“นักพรตเฒ่า เป้ากางเกง!”
โจวเจ๋อตะโกนเรียก
นักพรตเฒ่ายื่นมือไปลูบเป้ากางเกงของตัวเองโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาหยิบยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นจริงๆ!
ควรรู้ไว้ว่าตอนนี้นักพรตเฒ่าไม่ได้สวมชุดนักพรต แต่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ นี่มันหมายความว่าหลังจากนักพรตเฒ่าเปลี่ยนเสื้อผ้าไปแล้วยังเคลื่อนย้ายยันต์มาด้วย!
“เทพอยู่เบื้องสูงคำสั่งศักดิ์สิทธิ์ พระผู้เป็นเจ้าโปรดฟังคำขอข้า!”
เมื่อร่ายคาถาที่ไม่เข้าท่าแล้ว นักพรตเฒ่านำยันต์ของเขาแปะลงบนกระจกโดยตรง
ยันต์เปล่งแสงแดงวาบครู่หนึ่ง ภาพในกระจกบิดเบี้ยวไปครู่หนึ่งเช่นกัน คนข้างในดูเหมือนจะกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่มันก็ยังไม่ออกมา และดูเหมือนว่าเป็นเพราะถูกยันต์กระตุ้น ทำให้มันที่เดิมทีอยากจะเสแสร้งแกล้งทำอยู่ที่เดิม เริ่มเตรียมที่จะหลบหนีจริงๆ ขึ้นมาแล้ว
“ยังมีอีกไหม” โจวเจ๋อเร่งนักพรตเฒ่า
ไม่เชื่อหรอกว่าถ้าแปะมันลงไปบนกระจกบานนี้สักแปดหรือสิบแผ่น เจ้าสิ่งนั้นที่อยู่ข้างในหากไม่ถูกบีบให้ออกมามันก็คงจะแปลกน่าดู
ไม่มีของอย่างอื่นแล้ว
“ไม่มีแล้วเถ้าแก่ วันนี้เอามาด้วยแค่แผ่นเดียว”
เวลานี้ ชายในกระจกเหลือเพียงจุดดำเล็กๆ จนเกือบจะเลือนหายไปแล้ว
โจวเจ๋อหลับตา กางแขนทั้งสองข้างออก เล็บได้งอกยาวออกมาทั้งหมดแล้ว มวลหมอกสีดำเริ่มก่อตัวขึ้นกลางฝ่ามือของเขาเป็นชั้นๆ สำหรับโจวเจ๋อแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะลองได้
ในการเผชิญหน้ากับเรื่องราวที่ไร้เหตุผล ดูเหมือนว่าจะต้องลองใช้วิธีที่ไร้เหตุผลเช่นเดียวกันดู
ท่ามกลางสายตาราวกับกำลังมองคนโง่ของนักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างที่อยู่อีกด้าน โจวเจ๋อใช้สองมือจับตรงหน้าเอาไว้ แล้วเริ่มทำท่าชักเย่อขึ้นมา
อันที่จริง ตัวโจวเจ๋อเองไม่ได้จับอะไรเลย แต่กระนั้นก็ยังดึงไปข้างหลัง ราวกับว่าเขากำลังจับอะไรบางอย่างไว้จริงๆ อีกทั้งยังดึงอย่างยากลำบากด้วย
จำเป็นต้องเกินจริงขนาดนี้เลยเหรอ
จำเป็นต้องมีจินตนาการล้ำขนาดนี้เลยเหรอ
มุมปากของนักพรตเฒ่ากระตุก อยากจะบอกเถ้าแก่ว่าวิธีนี้ของเจ้ามันยิ่งไม่ได้เรื่องเข้าไปใหญ่ แต่เพียงไม่นานมุมปากของนักพรตเฒ่าก็แข็งทื่อขึ้นมา เพราะเขาเห็นชายในกระจกที่เดิมทีเหลือเพียงจุดเล็กๆ คนนั้นดันวิ่งกลับมาอย่างช้าๆ
โอ้มายก็อด!
ถูกเถ้าแก่จับกลับมาจริงๆ ด้วยสินะ!
ทันใดนั้นนักพรตเฒ่าก็รู้สึกว่าเขาช่างไม่เข้าใจโลกใบนี้เลยสักนิด แบบนี้ก็ได้เหรอ
“ช่วยผม!” โจวเจ๋อตะโกน
ช่วยเจ้าอย่างนั้นเหรอ
สวี่ชิงหล่างและนักพรตเฒ่าตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้ามาร่วมด้วย และทำท่าเหมือนช่วยโจวเจ๋อดึงไปด้วยกัน สวี่ชิงหล่างรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนพวกขุนนางในนิทานเรื่องเสื้อชุดใหม่ของพระราชาที่กำลังทำเรื่องโง่ๆ อยู่ แต่ประเด็นสำคัญของเรื่องอยู่ที่การเข้าร่วมของเขาและนักพรตเฒ่านั้น ทำให้ความเร็วในการถอยกลับของชายที่อยู่ในกระจกคนนั้นเร็วมากขึ้นจริงๆ!
“หากใจเราเชื่อมั่นว่าสามารถดึงมันกลับมาได้มันก็จะทำได้ มันอยู่ในกระจกแต่ในความเป็นจริงแล้วอยู่ในสายตาของพวกเรามากกว่า” โจวเจ๋อเอ่ยประโยคที่เป็นปรัชญามาก
หน้าที่ของกระจกคือการสะท้อนแสง และทำหน้าที่เป็นเพียงสื่อกลาง แทนที่จะบอกว่ามีบางอย่างอยู่ในกระจก สู้บอกว่าอะไรบางอย่างมีตัวตนอยู่ในสายตาของตัวเองจะดีกว่า
แน่นอนว่ามีข้อพิสูจน์เชิงปรัชญามากมายที่เกี่ยวข้องในที่นี้ ถ้าหากลงลึกกว่านี้ ก็คงยุ่งยากเกินไป
เมื่อดึงไปเรื่อยๆ ชายในกระจกคนนั้นค่อยๆ มีขนาดตัวเท่ากับตอนที่สวี่ชิงหล่างเพิ่งใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในตอนแรกอย่างช้าๆ
ใกล้จะถูกดึงออกมาแล้ว
ใกล้จะออกมาแล้ว
ออกแรง!
ออกแรงมากกว่านี้อีกหน่อย!
ใกล้จะออกมาแล้ว!
นักพรตเฒ่าตะโกนอยู่ข้างๆ ตะโกนร้องเป็นจังหวะ บางช่วงเลือนราง ราวกับว่าเขาได้ย้อนวันเวลากลับไปตอนที่เขาเป็นพนักงานขนย้ายบนท่าเรือในปีนั้น แต่ตอนที่เขาตะโกนสร้างบรรยากาศปลุกใจอยู่นั้น กลับดูเหมือนหนุ่มใหญ่สามคนเป็นหมอตำแยทำคลอดอยู่เสียมากกว่า
ในที่สุดชายเสื้อของสิ่งนั้นในกระโจกก็โผล่ออกมา
แต่หลังจากนั้นได้ยินเพียงเสียง ‘เปรี๊ยะ’ ดังลั่น กระจกบานนี้ระเบิดกระจายออกมาจริงๆ
จากนั้นเห็นเพียงเงาดำทะลุออกมาจากข้างใน บางทีโจวเจ๋อและคนอื่นๆ คงอินกับการแสดงมากเกินไป ทั้งสามคนล้มไปข้างหลังพร้อมกัน ราวกับว่าตอนที่แข่งขันชักเย่ออยู่แล้วจู่ๆ เชือกก็ขาด
มันทำให้โจวเจ๋อรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อตอนที่เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและตั้งสติได้ว่าต้องจับเงาดำนั้นเอาไว้ กลับพบว่าเขาเสียโอกาสนั้นไปเสียแล้ว
เล็บของโจวเจ๋อเพียงแค่เกี่ยวรั้งอีกฝ่ายเอาไว้เท่านั้น หลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องของเงาดำ เงาดำก็หดลงไปอีกครั้ง และหลุดออกไปจากการควบคุมของโจวเจ๋อ ก่อนจะทะลุเข้าไปในช่องโหว่ของประตูกระจกในห้องน้ำที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
เพียงแต่ในครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถทะลุเข้าไปได้ทั้งหมด ยังมีส่วนหนึ่งที่ทิ้งเอาไว้ข้างนอก เหมือนกับปลิงดูดเลือดตัวหนึ่ง นี่อาจจะเป็นเพราะว่าได้รับบาดเจ็บละมั้ง ถึงได้มีผลกระทบต่อพลังของมัน
โจวเจ๋อกวาดเล็บตรงออกไป ประตูกระจกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที เงาดำส่งเสียงกรีดร้องอีกรอบ และหลบหนีไปอีกครั้งอย่างรวดเร็วราวกับกระต่ายป่าตัวหนึ่ง
“อย่าให้มันหนีไปได้ มันทำได้เพียงซ่อนอยู่ในสิ่งที่สามารถสะท้อนแสงได้เท่านั้น พวกคุณไปตามหามัน ผมจะขังมันเอาไว้ก่อน!”
โจวเจ๋อใช้เล็บมือทั้งคู่แทงเข้าไปในพื้นพร้อมกัน ชั่วพริบตามวลสีดำกระจายออกไปปกคลุมทั่วทั้งวิลลาเล็กๆ ทันที ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมของงูยักษ์ในตอนแรก โจวเจ๋อก็เคยทำแบบนี้มาก่อน แต่ว่าครั้งนั้นเป็นการป้องกันตัว ส่วนครั้งนี้เป็นการกักขังเอาไว้ก่อน
ส่วนนักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างก็รีบพุ่งออกไปจากห้องน้ำ เริ่มทำการค้นหาบางสิ่งที่สามารถสะท้อนแสงและดูว่าสิ่งนั้นซ่อนอยู่ภายในนั้นหรือไม่
จุดเริ่มต้นของเรื่องนั้นเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ระหว่างที่เรื่องราวดำเนินไปกลับทำให้รู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่า สำหรับสิ่งตรงหน้าที่ดันพัฒนาไปสู่เกมซ่อนหาได้นั้น ยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดทั้งนั้น
อันที่จริง ว่ากันไปตามแก่นแท้แล้วก็เป็นเพราะนักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างต่างก็ยังเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ให้ความสำคัญกับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีวิทยาศาสตร์ มีหลักการและเหตุผล มีกฎเกณฑ์ที่พูดกันได้ และด้วยเหตุนี้ บางครั้งสายตาของพวกเขายังเปิดโลกกว้างไม่เท่ากับของโจวเจ๋อเลยด้วยซ้ำ
สำหรับคนที่เคยไปนรกมาแล้วนั้น ไม่มีเรื่องอะไรที่รับไม่ได้ และไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ขั้นตอนการค้นหานั้นยุ่งยากมากและก็ซับซ้อนมากเช่นกัน เพราะว่าของที่สามารถสะท้อนแสงได้ในที่นี้มีมากเกินไป ต้องตรวจสอบยืนยันไปทีละอย่าง และยังต้องเผื่อในกรณีที่อีกฝ่ายเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปอีก แม้ว่าโจวเจ๋อจะกำหนดขอบเขตไว้ในวิลลาเล็กๆ แห่งนี้แล้ว แต่การที่จะจับสิ่งนั้นออกมาจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เช่นกัน
นักพรตเฒ่าหาจนทั่วแล้วก็ยังหาไม่เจอ และไม่มีร่องรอยใดๆ เขารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะบ้าเต็มทีแล้ว ทั้งสมองมีแต่กระจก ทนไม่ไหวจนตัวเองจะกลายเป็นกระจกอยู่แล้ว
สวี่ชิงหล่างหาจนทั่วแล้วก็หาไม่เจอเช่นกัน พวกเขาก็ไม่กล้าไปถามโจวเจ๋อว่ารั้งเจ้าสิ่งนั้นเอาไว้ได้จริงๆ หรือไม่ ถ้าเกิดว่าเจ้าสิ่งนั้นมันไม่อยู่ในวิลลาแต่หนีออกไปตั้งนานแล้วจะทำอย่างไร
“ใช่แล้ว น้ำพุร้อน!”
นักพรตเฒ่าวิ่งออกไปที่ริมบ่อน้ำพุร้อน น้ำในบ่อน้ำพุร้อนระบายออกไปแล้ว แต่ยังมีน้ำขังอยู่หลายแอ่ง มันก็สามารถสะท้อนแสงได้และใช้เป็นกระจกได้เช่นกัน!
นักพรตเฒ่ากระโดดลงไปก้นบ่อน้ำพุร้อน มองหาแอ่งน้ำทีละแอ่ง แต่ก็ยังหาไม่เจออยู่ดี
นักพรตเฒ่าที่เหนื่อยล้า ได้นั่งจ้ำลงไปตรงก้นบ่อน้ำพุร้อน
หาไม่เจอเลย เจ้าสิ่งนั้นสามารถทะลุกระจกได้ พระเจ้าทรงทราบดีว่ามันหนีไปที่ไหน อมิตาภพุทธ ขอเทียนจุนอำนวยพร พระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตา โปรดสำแดงแสนยานุภาพของพวกท่านทั้งหลายให้ข้าหามันจนเจอเถิด
โจวเจ๋อที่อยู่ในห้องน้ำเริ่มต้านเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เอาแต่ตะโกนในห้องน้ำว่าหาเจอหรือยังไม่หยุด
มันสร้างแรงกดดันให้นักพรตเฒ่ามากยิ่งขึ้นไปอีก
แม่งเอ๊ย ถ้าสามารถโทรแจ้งตำรวจแล้วให้ตำรวจช่วยหาได้ก็คงจะดี นักพรตเฒ่าคิดฟุ้งซ่านอยู่ในใจ จากนั้นเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาจากกระเป๋า
หน้าจอโทรศัพท์มือถือก็เป็นกระจกนี่นา มันก็สามารถสะท้อนแสงได้เช่นกัน!
อีกทั้งมันยังอยู่กับตัวของเขาตลอดเวลา ยิ่งง่ายต่อการไม่เป็นจุดสนใจ!
นักพรตเฒ่ารีบสัมผัสหน้าจอโทรศัพท์มือถือทันที หน้าจอสว่างขึ้นมาแล้ว เดิมทีภาพล็อกหน้าจอของนักพรตเฒ่าเป็นภาพคลาสสิกลมพัดกระโปรงมาริลิน มอนโรเบาๆ แต่ตอนนี้ใต้กระโปรงของมาริลิน มอนโรบนหน้าจอมีเงาดำๆ เพิ่มเข้ามา เหมือนกับเพิ่มโมเสกลงไปชั้นหนึ่ง อีกทั้งกำลังขยับอยู่อีกด้วย
นักพรตเฒ่าดีใจจนพ่นฟองผุดขึ้นบนจมูก
เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นมาก
รีบเอื้อมมือไปจับ ‘โมเสก’ นั้นเอาไว้ พลางเอ่ยพึมพำในปากอย่างตื่นเต้นดีใจ
“อมิตาภพุทธ นับว่าข้าหาเจ้าจนเจอแล้วสินะ ฮ่าๆๆ!”
…………………………………………………………..
Comments
ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล 177 เกมซ่อนหา
ตอนที่ 177 เกมซ่อนหา
ดังนั้นจะบอกว่าตอนที่ว่างๆ อย่าไปส่องกระจกมั่วซั่วบ่อยๆ
ความเคยชินแบบนี้มันไม่ดีจริงๆ
เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าคนในกระจกจะเป็นภาพสะท้อนของคุณจริงๆ หรือเป็นเพียงกลไกที่ติดตามทุกการเคลื่อนไหวของคุณโดยอัตโนมัติกันแน่
หรือว่ามันแค่ทำเหมือนคุณเป็นคนโง่ ล้อคุณเล่น และเมื่อเห็นว่าคุณยังหาตัวตนของมันไม่เจอก็จะแอบหัวเราะเยาะเย้ยลับหลังอยู่เงียบๆ
หลังจากผ่านไปได้ประมาณเจ็ดถึงแปดวินาที คนในกระจกถึงได้หยุดตบหน้าของมัน
มันยืนอยู่ในกระจก ตอนแรกยังคิดจะเลียนแบบท่าทางของสวี่ชิงหล่างในตอนนี้ต่อไป
แต่พอมาคิดดูแล้ว เมื่อมองเห็นสีหน้าท่าทางของโจวเจ๋อและสวี่ชิงหล่างในตอนนี้แล้ว มันรู้ดีว่าหากตัวเองยังแสร้งทำต่อไป ก็ไม่สนุกเสียแล้ว
ก่อนหน้านี้ตัวเองทำเหมือนคนอื่นเป็นคนโง่ ตามผู้ชายคนหนึ่งมาทาผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ตบๆ หน้า รู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก แต่ถ้าตอนนี้ยังแสร้งทำต่อไป มันจะทำให้ตัวเองดูเป็นคนโง่
มันถอยออกไปอย่างเงียบๆ ร่างค่อยๆ ถอยห่างไปไกลเรื่อยๆ และเล็กลงเรื่อยๆ มันอยากออกไปจากที่นี่
โจวเจ๋อเชื่อว่า ถึงแม้โรงเรียนตำรวจจะสอนวิธีการจับกุมและไล่ล่าคนร้าย แต่ไม่ได้สอนวิธีจับคนร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในกระจกอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้เขามีปัญหานี้
อย่างแรกเลย เป็นไปไม่ได้ที่จะทุบกระจกแตก เดาว่าคนข้างในก็อยากให้ทำอย่างนี้ แต่จะให้ทะลุเข้าไปในกระจกอย่างนั้นเหรอ
โจวเจ๋อลองเอื้อมมือออกไป แต่มือของเขาไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ เห็นได้ชัดว่าความพยายามนี้ล้มเหลว แน่นอนว่าเดิมทีโจวเจ๋อไม่ได้หวังอะไรมาก
หากว่ามีใครสักคนสามารถทะลุเข้าไปในกระจกได้ง่ายๆ แบบนี้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นเด็กที่ไม่ทันระวังตกหล่นหายไปในกระจกทุกปีจะต้องมากกว่าเด็กที่ลงไปว่ายน้ำแล้วจมน้ำอย่างแน่นอน
เจ้าบ้าในกระจกนั่นยิ่งหนียิ่งตัวเล็กลงเรื่อยๆ กระทั่งมันหันหน้ากลับมาด้วยความสนใจและทำท่า ‘หักคอ’ ใส่โจวเจ๋อและคนอื่นๆ ช่างอวดดีเหลือเกินจริงๆ
“สวรรค์และโลกไร้ขอบเขต ใจลึกล้ำคือธรรมะ!”
สวี่ชิงหล่างประกบสองมือ เกราะหัวใจถูกเขาตบลงไปบนพื้นผิวกระจก
ต้องบอกว่า ไม่ว่าเหล่าสวี่จะทำท่าทางประกบมือหรือท่าทางตอนดึงเกราะหัวใจออกมาต่างเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ เผยให้เห็นถึงระดับสูงของนักอภิปรัชญา แต่หลังจากที่เกราะหัวใจแนบลงไป คนในกระจกเพียงแค่เอียงหัวเหมือนกำลังยิ้มอยู่ เห็นได้ชัดว่าวิธีของเหลาสวี่ใช้ไม่ได้ผล
“นักพรตเฒ่า เป้ากางเกง!”
โจวเจ๋อตะโกนเรียก
นักพรตเฒ่ายื่นมือไปลูบเป้ากางเกงของตัวเองโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาหยิบยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นจริงๆ!
ควรรู้ไว้ว่าตอนนี้นักพรตเฒ่าไม่ได้สวมชุดนักพรต แต่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ นี่มันหมายความว่าหลังจากนักพรตเฒ่าเปลี่ยนเสื้อผ้าไปแล้วยังเคลื่อนย้ายยันต์มาด้วย!
“เทพอยู่เบื้องสูงคำสั่งศักดิ์สิทธิ์ พระผู้เป็นเจ้าโปรดฟังคำขอข้า!”
เมื่อร่ายคาถาที่ไม่เข้าท่าแล้ว นักพรตเฒ่านำยันต์ของเขาแปะลงบนกระจกโดยตรง
ยันต์เปล่งแสงแดงวาบครู่หนึ่ง ภาพในกระจกบิดเบี้ยวไปครู่หนึ่งเช่นกัน คนข้างในดูเหมือนจะกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่มันก็ยังไม่ออกมา และดูเหมือนว่าเป็นเพราะถูกยันต์กระตุ้น ทำให้มันที่เดิมทีอยากจะเสแสร้งแกล้งทำอยู่ที่เดิม เริ่มเตรียมที่จะหลบหนีจริงๆ ขึ้นมาแล้ว
“ยังมีอีกไหม” โจวเจ๋อเร่งนักพรตเฒ่า
ไม่เชื่อหรอกว่าถ้าแปะมันลงไปบนกระจกบานนี้สักแปดหรือสิบแผ่น เจ้าสิ่งนั้นที่อยู่ข้างในหากไม่ถูกบีบให้ออกมามันก็คงจะแปลกน่าดู
ไม่มีของอย่างอื่นแล้ว
“ไม่มีแล้วเถ้าแก่ วันนี้เอามาด้วยแค่แผ่นเดียว”
เวลานี้ ชายในกระจกเหลือเพียงจุดดำเล็กๆ จนเกือบจะเลือนหายไปแล้ว
โจวเจ๋อหลับตา กางแขนทั้งสองข้างออก เล็บได้งอกยาวออกมาทั้งหมดแล้ว มวลหมอกสีดำเริ่มก่อตัวขึ้นกลางฝ่ามือของเขาเป็นชั้นๆ สำหรับโจวเจ๋อแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะลองได้
ในการเผชิญหน้ากับเรื่องราวที่ไร้เหตุผล ดูเหมือนว่าจะต้องลองใช้วิธีที่ไร้เหตุผลเช่นเดียวกันดู
ท่ามกลางสายตาราวกับกำลังมองคนโง่ของนักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างที่อยู่อีกด้าน โจวเจ๋อใช้สองมือจับตรงหน้าเอาไว้ แล้วเริ่มทำท่าชักเย่อขึ้นมา
อันที่จริง ตัวโจวเจ๋อเองไม่ได้จับอะไรเลย แต่กระนั้นก็ยังดึงไปข้างหลัง ราวกับว่าเขากำลังจับอะไรบางอย่างไว้จริงๆ อีกทั้งยังดึงอย่างยากลำบากด้วย
จำเป็นต้องเกินจริงขนาดนี้เลยเหรอ
จำเป็นต้องมีจินตนาการล้ำขนาดนี้เลยเหรอ
มุมปากของนักพรตเฒ่ากระตุก อยากจะบอกเถ้าแก่ว่าวิธีนี้ของเจ้ามันยิ่งไม่ได้เรื่องเข้าไปใหญ่ แต่เพียงไม่นานมุมปากของนักพรตเฒ่าก็แข็งทื่อขึ้นมา เพราะเขาเห็นชายในกระจกที่เดิมทีเหลือเพียงจุดเล็กๆ คนนั้นดันวิ่งกลับมาอย่างช้าๆ
โอ้มายก็อด!
ถูกเถ้าแก่จับกลับมาจริงๆ ด้วยสินะ!
ทันใดนั้นนักพรตเฒ่าก็รู้สึกว่าเขาช่างไม่เข้าใจโลกใบนี้เลยสักนิด แบบนี้ก็ได้เหรอ
“ช่วยผม!” โจวเจ๋อตะโกน
ช่วยเจ้าอย่างนั้นเหรอ
สวี่ชิงหล่างและนักพรตเฒ่าตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้ามาร่วมด้วย และทำท่าเหมือนช่วยโจวเจ๋อดึงไปด้วยกัน สวี่ชิงหล่างรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนพวกขุนนางในนิทานเรื่องเสื้อชุดใหม่ของพระราชาที่กำลังทำเรื่องโง่ๆ อยู่ แต่ประเด็นสำคัญของเรื่องอยู่ที่การเข้าร่วมของเขาและนักพรตเฒ่านั้น ทำให้ความเร็วในการถอยกลับของชายที่อยู่ในกระจกคนนั้นเร็วมากขึ้นจริงๆ!
“หากใจเราเชื่อมั่นว่าสามารถดึงมันกลับมาได้มันก็จะทำได้ มันอยู่ในกระจกแต่ในความเป็นจริงแล้วอยู่ในสายตาของพวกเรามากกว่า” โจวเจ๋อเอ่ยประโยคที่เป็นปรัชญามาก
หน้าที่ของกระจกคือการสะท้อนแสง และทำหน้าที่เป็นเพียงสื่อกลาง แทนที่จะบอกว่ามีบางอย่างอยู่ในกระจก สู้บอกว่าอะไรบางอย่างมีตัวตนอยู่ในสายตาของตัวเองจะดีกว่า
แน่นอนว่ามีข้อพิสูจน์เชิงปรัชญามากมายที่เกี่ยวข้องในที่นี้ ถ้าหากลงลึกกว่านี้ ก็คงยุ่งยากเกินไป
เมื่อดึงไปเรื่อยๆ ชายในกระจกคนนั้นค่อยๆ มีขนาดตัวเท่ากับตอนที่สวี่ชิงหล่างเพิ่งใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในตอนแรกอย่างช้าๆ
ใกล้จะถูกดึงออกมาแล้ว
ใกล้จะออกมาแล้ว
ออกแรง!
ออกแรงมากกว่านี้อีกหน่อย!
ใกล้จะออกมาแล้ว!
นักพรตเฒ่าตะโกนอยู่ข้างๆ ตะโกนร้องเป็นจังหวะ บางช่วงเลือนราง ราวกับว่าเขาได้ย้อนวันเวลากลับไปตอนที่เขาเป็นพนักงานขนย้ายบนท่าเรือในปีนั้น แต่ตอนที่เขาตะโกนสร้างบรรยากาศปลุกใจอยู่นั้น กลับดูเหมือนหนุ่มใหญ่สามคนเป็นหมอตำแยทำคลอดอยู่เสียมากกว่า
ในที่สุดชายเสื้อของสิ่งนั้นในกระโจกก็โผล่ออกมา
แต่หลังจากนั้นได้ยินเพียงเสียง ‘เปรี๊ยะ’ ดังลั่น กระจกบานนี้ระเบิดกระจายออกมาจริงๆ
จากนั้นเห็นเพียงเงาดำทะลุออกมาจากข้างใน บางทีโจวเจ๋อและคนอื่นๆ คงอินกับการแสดงมากเกินไป ทั้งสามคนล้มไปข้างหลังพร้อมกัน ราวกับว่าตอนที่แข่งขันชักเย่ออยู่แล้วจู่ๆ เชือกก็ขาด
มันทำให้โจวเจ๋อรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อตอนที่เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและตั้งสติได้ว่าต้องจับเงาดำนั้นเอาไว้ กลับพบว่าเขาเสียโอกาสนั้นไปเสียแล้ว
เล็บของโจวเจ๋อเพียงแค่เกี่ยวรั้งอีกฝ่ายเอาไว้เท่านั้น หลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องของเงาดำ เงาดำก็หดลงไปอีกครั้ง และหลุดออกไปจากการควบคุมของโจวเจ๋อ ก่อนจะทะลุเข้าไปในช่องโหว่ของประตูกระจกในห้องน้ำที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
เพียงแต่ในครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถทะลุเข้าไปได้ทั้งหมด ยังมีส่วนหนึ่งที่ทิ้งเอาไว้ข้างนอก เหมือนกับปลิงดูดเลือดตัวหนึ่ง นี่อาจจะเป็นเพราะว่าได้รับบาดเจ็บละมั้ง ถึงได้มีผลกระทบต่อพลังของมัน
โจวเจ๋อกวาดเล็บตรงออกไป ประตูกระจกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที เงาดำส่งเสียงกรีดร้องอีกรอบ และหลบหนีไปอีกครั้งอย่างรวดเร็วราวกับกระต่ายป่าตัวหนึ่ง
“อย่าให้มันหนีไปได้ มันทำได้เพียงซ่อนอยู่ในสิ่งที่สามารถสะท้อนแสงได้เท่านั้น พวกคุณไปตามหามัน ผมจะขังมันเอาไว้ก่อน!”
โจวเจ๋อใช้เล็บมือทั้งคู่แทงเข้าไปในพื้นพร้อมกัน ชั่วพริบตามวลสีดำกระจายออกไปปกคลุมทั่วทั้งวิลลาเล็กๆ ทันที ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมของงูยักษ์ในตอนแรก โจวเจ๋อก็เคยทำแบบนี้มาก่อน แต่ว่าครั้งนั้นเป็นการป้องกันตัว ส่วนครั้งนี้เป็นการกักขังเอาไว้ก่อน
ส่วนนักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างก็รีบพุ่งออกไปจากห้องน้ำ เริ่มทำการค้นหาบางสิ่งที่สามารถสะท้อนแสงและดูว่าสิ่งนั้นซ่อนอยู่ภายในนั้นหรือไม่
จุดเริ่มต้นของเรื่องนั้นเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ระหว่างที่เรื่องราวดำเนินไปกลับทำให้รู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่า สำหรับสิ่งตรงหน้าที่ดันพัฒนาไปสู่เกมซ่อนหาได้นั้น ยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดทั้งนั้น
อันที่จริง ว่ากันไปตามแก่นแท้แล้วก็เป็นเพราะนักพรตเฒ่าและสวี่ชิงหล่างต่างก็ยังเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ให้ความสำคัญกับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีวิทยาศาสตร์ มีหลักการและเหตุผล มีกฎเกณฑ์ที่พูดกันได้ และด้วยเหตุนี้ บางครั้งสายตาของพวกเขายังเปิดโลกกว้างไม่เท่ากับของโจวเจ๋อเลยด้วยซ้ำ
สำหรับคนที่เคยไปนรกมาแล้วนั้น ไม่มีเรื่องอะไรที่รับไม่ได้ และไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ขั้นตอนการค้นหานั้นยุ่งยากมากและก็ซับซ้อนมากเช่นกัน เพราะว่าของที่สามารถสะท้อนแสงได้ในที่นี้มีมากเกินไป ต้องตรวจสอบยืนยันไปทีละอย่าง และยังต้องเผื่อในกรณีที่อีกฝ่ายเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปอีก แม้ว่าโจวเจ๋อจะกำหนดขอบเขตไว้ในวิลลาเล็กๆ แห่งนี้แล้ว แต่การที่จะจับสิ่งนั้นออกมาจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เช่นกัน
นักพรตเฒ่าหาจนทั่วแล้วก็ยังหาไม่เจอ และไม่มีร่องรอยใดๆ เขารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะบ้าเต็มทีแล้ว ทั้งสมองมีแต่กระจก ทนไม่ไหวจนตัวเองจะกลายเป็นกระจกอยู่แล้ว
สวี่ชิงหล่างหาจนทั่วแล้วก็หาไม่เจอเช่นกัน พวกเขาก็ไม่กล้าไปถามโจวเจ๋อว่ารั้งเจ้าสิ่งนั้นเอาไว้ได้จริงๆ หรือไม่ ถ้าเกิดว่าเจ้าสิ่งนั้นมันไม่อยู่ในวิลลาแต่หนีออกไปตั้งนานแล้วจะทำอย่างไร
“ใช่แล้ว น้ำพุร้อน!”
นักพรตเฒ่าวิ่งออกไปที่ริมบ่อน้ำพุร้อน น้ำในบ่อน้ำพุร้อนระบายออกไปแล้ว แต่ยังมีน้ำขังอยู่หลายแอ่ง มันก็สามารถสะท้อนแสงได้และใช้เป็นกระจกได้เช่นกัน!
นักพรตเฒ่ากระโดดลงไปก้นบ่อน้ำพุร้อน มองหาแอ่งน้ำทีละแอ่ง แต่ก็ยังหาไม่เจออยู่ดี
นักพรตเฒ่าที่เหนื่อยล้า ได้นั่งจ้ำลงไปตรงก้นบ่อน้ำพุร้อน
หาไม่เจอเลย เจ้าสิ่งนั้นสามารถทะลุกระจกได้ พระเจ้าทรงทราบดีว่ามันหนีไปที่ไหน อมิตาภพุทธ ขอเทียนจุนอำนวยพร พระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตา โปรดสำแดงแสนยานุภาพของพวกท่านทั้งหลายให้ข้าหามันจนเจอเถิด
โจวเจ๋อที่อยู่ในห้องน้ำเริ่มต้านเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เอาแต่ตะโกนในห้องน้ำว่าหาเจอหรือยังไม่หยุด
มันสร้างแรงกดดันให้นักพรตเฒ่ามากยิ่งขึ้นไปอีก
แม่งเอ๊ย ถ้าสามารถโทรแจ้งตำรวจแล้วให้ตำรวจช่วยหาได้ก็คงจะดี นักพรตเฒ่าคิดฟุ้งซ่านอยู่ในใจ จากนั้นเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาจากกระเป๋า
หน้าจอโทรศัพท์มือถือก็เป็นกระจกนี่นา มันก็สามารถสะท้อนแสงได้เช่นกัน!
อีกทั้งมันยังอยู่กับตัวของเขาตลอดเวลา ยิ่งง่ายต่อการไม่เป็นจุดสนใจ!
นักพรตเฒ่ารีบสัมผัสหน้าจอโทรศัพท์มือถือทันที หน้าจอสว่างขึ้นมาแล้ว เดิมทีภาพล็อกหน้าจอของนักพรตเฒ่าเป็นภาพคลาสสิกลมพัดกระโปรงมาริลิน มอนโรเบาๆ แต่ตอนนี้ใต้กระโปรงของมาริลิน มอนโรบนหน้าจอมีเงาดำๆ เพิ่มเข้ามา เหมือนกับเพิ่มโมเสกลงไปชั้นหนึ่ง อีกทั้งกำลังขยับอยู่อีกด้วย
นักพรตเฒ่าดีใจจนพ่นฟองผุดขึ้นบนจมูก
เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นมาก
รีบเอื้อมมือไปจับ ‘โมเสก’ นั้นเอาไว้ พลางเอ่ยพึมพำในปากอย่างตื่นเต้นดีใจ
“อมิตาภพุทธ นับว่าข้าหาเจ้าจนเจอแล้วสินะ ฮ่าๆๆ!”
…………………………………………………………..
Comments