I Was Kidnapped By The Strongest Guild 29 วิ่งหนี

Now you are reading I Was Kidnapped By The Strongest Guild Chapter 29 วิ่งหนี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เช้าในวันต่อมา

 

ฉันยืนเอ้อระเหยอยู่หน้าตึกของกิลด์ โดยที่ถือตะกร้าช็อกโกแลตเอาไว้

 

ในตอนแรกฉันก็กะเอาไว้ว่าจะแจกเค้กข้าว แต่ราคาของมันก็แพงมากเกินไป ดังนั้นฉันจึงเลือกแจกห่อช็อกโกแลตแทน

 

ยังไงซะ ความคิดเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าการให้ของขวัญที่เป็นวัตถุ

 

‘…แต่ฉันจะเข้าไปในตึกได้ยังไง?’

 

ยอรึมจากไปโดยที่พูดทิ้งท้ายไว้ว่าเธอมีธุระบางอย่างที่ต้องไปทำ

 

โซเฟียก็ยังนอนหลับอยู่ ส่วนเอนเซียและอาร์โก้ก็มักจะยุ่งอยู่กับอะไรบางอย่างอยู่เสมอ

 

ดูเหมือนว่าฉันจะต้องเข้าไปคนเดียว

 

การเข้าไปข้างในด้วยตัวคนเดียวเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับฉันในตอนนี้

 

“เฮ้อ”

 

ฉันยืนมองตึกกิลด์พร้อมกับถือตะกร้าอยู่ตรงนั้นอย่างไม่มีทางเลือก

 

หรือบางทีฉันควรกลับมาในภายหลังในตอนที่ฉันพาคนที่ฉันรู้จักมาด้วย?

 

หรือบางทีฉันควรไปพาคนที่ฉันรู้จักมาด้วยแล้วจึงค่อยกลับมาที่นี่อีกที?

 

ในขณะที่ฉันกำลังหวาดกลัวตึกกิลด์อันโอ่อ่าอยู่ ก็มีคนพูดกับฉันจากด้านหลัง

 

“อ๊ะ คยออุลไม่ใช่เหรอ?”

 

“เฮือก?!”

 

ฉันหันหลังกลับไปด้วยความตกใจ แล้วก็เห็นผู้หญิงที่ฉันคุ้นเคย

 

ผู้หญิงคนนั้นคือจองยูนา คนที่กางบาเรียป้องกันไว้รอบ ๆ บ้านของฉัน

 

“เธอมาทำอะไรที่นี่เหรอ?”

 

”เอ่อ คือ อันนี้…”

 

ฉันยกตะกร้าขึ้นมาและพูดจาไม่ได้ศัพท์

 

ทำไมฉันถึงพูดติดอ่างในเวลาที่พูดคุยกับคนอื่น ๆ อยู่เสมอเลยล่ะ?

 

ในขณะที่ฉันกำลังก้มหน้ามองพื้นด้วยความเขินอาย เธอก็หยิบช็อกโกแลตขึ้นมา

 

“อันนี้สำหรับพี่เหรอ?”

 

“ใช่ มันเป็นของขวัญสำหรับการขึ้นบ้านใหม่…”

 

“โอ้ เข้าใจคิดมากเลย”

 

เมื่อเห็นจองยูนาหยิบช็อกโกแลตไป ฉันก็เกิดความนึกคิดว่าฉันควรพาจองยูนาไปเป็นเพื่อนดีไหม

 

เพื่อฟื้นฟูทักษะการเข้าสังคมที่พังทลายลงแล้วของฉัน การสร้างความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับเพื่อนบ้านจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น

 

“เอ่อ คุณอยากเข้าไปข้างในกับฉันไหม?”

 

“ได้สิ พี่ยินดีอย่างยิ่งเลย”

 

จองยูนาเป็นผู้นำทาง ส่วนฉันก็เป็นผู้ที่ตามเธอไป

 

ในขณะที่ฉันซ่อนอยู่ด้านหลังของเธอ พวกเราก็มาถึงล็อบบี้ของชั้นที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว

 

“แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่เหรอ?”

 

“ฉัน เอ่อ อยากแจกช็อกโกแลตขึ้นบ้านใหม่…”

 

ฉันพูดในขณะที่มองดูรอบ ๆ ไปด้วย

 

การตกแต่งที่ดูแพงและต้นไม้ที่ดูมีราคาสูง

 

ช็อกโกแลตราคาถูกของฉันเทียบไม่ได้เลยกับของหรูหราเหล่านี้

 

เมื่อเผชิญหน้ากับความยิ่งใหญ่ของกิลด์ ฉันก็รู้สึกว่าตัวตนของฉันมันเล็กนิดเดียว

 

ในขณะที่ฉันกำลังลดคุณค่าของตัวเอง จองยูนาก็ย่อตัวลงมาจนอยู่ในระดับสายตาของฉัน

 

“ให้พี่ช่วยแจกมันไหม?”

 

“นั่นมันก็คงดี แต่ว่า…”

 

ทำไมเธอถึงเสนอตัวช่วยฉันล่ะ?

 

เธออยากขอโทษฉันจริง ๆ งั้นเหรอ?

 

ฉันเงยหน้าขึ้นมองเธอ แต่เธอก็ยังคงก้มหัวอยู่และฉันก็ไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไม

 

“ถ้างั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ แล้วพวกเราจะให้ช็อกโกแลตกับคนไหนก่อนดีล่ะ?”

 

“ฉันคิดว่าควรเริ่มจากคนที่อยู่ตรงนั้น…”

 

“พนักงาน?”

 

“ใช่…”

 

ในวันที่ฉันลืมตาตื่นเป็นครั้งแรกในตึกกิลด์แห่งนี้

 

มีพนักงานที่คอยเก็บกระเป๋าและข้าวของของฉันไว้ให้อย่างปลอดภัยอยู่

 

เพราะงั้นฉันจึงอยากให้ช็อกโกแลตกับพวกเขาก่อน

 

“พวกเราไปกันเลยดีไหม?”

 

“อืม”

 

และแล้วฉันก็แจกช็อกโกแลตให้กับพนักงานอยู่หลายคนโดยมีจองยูนาคอยนำทางให้

 

ตอนแรกฉันเองก็กลัวว่าพวกเขาจะปฏิเสธ แต่พวกเขากลับกลายเป็นเพื่อนบ้านที่ใจดีมากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีก

 

‘ฉันทำได้แล้ว…!’

 

ฉันให้ของขวัญกับเพื่อนบ้านได้สำเร็จ

 

หรือนี่อาจจะเป็นก้าวเล็ก ๆ ในการฟื้นฟูทักษะการเข้าสังคมของฉัน?

 

หากฉันยังทำแบบนี้อยู่ต่อไปเรื่อย ๆ ชีวิตอย่างคนธรรมดาก็คงจะมาในไม่ช้านี้

 

‘ฉันค่อย ๆ พัฒนาตัวเองขึ้นทีละนิด’

 

มือของฉันสั่นเทาด้วยความดีใจในขณะที่ถือตะกร้าเอาไว้

 

และในขณะนั้นเอง จองยูนาก็ได้รับความสนใจจากชายร่างใหญ่ที่เดินผ่านมาในล็อบบี้

 

ผู้ชายคนนั้นเป็นผู้ชายคนเดียวกันกับคนที่เคยขอโทษฉันและแสดงความเสียใจของตัวเองออกมา

 

“เฮ้ ชเวจินฮยอก เอาช็อกโกแลตอันนี้ไปอันหนึ่งสิ”

 

“ไม่ละ ขอบคุณ พอดีว่าฉันไม่ชอบของหวานน่ะ”

 

“นายไม่อยากได้จริง ๆ เหรอ?”

 

จึก—จึก—

 

จองยูนาแตะหลังของผู้ชายคนนั้น ซึ่งมีชื่อเรียกว่าชเวจินฮยอก

 

เขาหันหลังกลับมาจากท่าทางของเธอ

 

“ไม่เอา ฉันไม่อยากได้…”

 

เขาหันหลังกลับมาอย่างไม่พอใจ แล้วพวกเราก็สบตากัน

 

คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย อาจเป็นเพราะการหยิบยื่นที่ไม่หยุดหย่อน

 

“อ๊ะ…”

 

ถึงแม้เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาบาง แต่ความกลัวที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็ครอบงำฉัน

 

ฉันรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ฉันวิ่งหนีไปออกไปอย่างไม่ลืมหูลืมตา

 

ไม่ว่าจะเจอมากี่ครั้ง แต่ฉันก็ไม่สามารถทำตัวให้ชินกับจิตมุ่งร้ายของผู้คนได้เลย

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

ฉันวิ่งจากตึกไปยังบ้านของฉันอย่างไม่หยุดยั้ง

 

จองยูนาตะโกนเรียกฉันจากด้านหลัง แต่ฉันก็ไม่สามารถบังคับตัวเองให้หันกลับไปมองได้เลย

 

“แฮ่ก…”

 

ฉันนั่งลงอยู่หน้ากองไฟที่ดับแล้วและเช็ดหน้าของตัวเอง

 

เขาคงโกรธที่ฉันไปบังคับให้เขาเอาช็อกโกแลตไป

 

ซึ่งแน่นอนว่าฉันรู้อยู่แล้วว่าความโกรธของเขามันไม่ได้มุ่งมาที่ฉัน แต่ด้วยสภาพจิตใจที่อ่อนแอลงในช่วงระยะเวลาหลายปีมานี้ ก็ทำให้ฉันไม่สามารถอดทนต่อมันได้

 

ฉันทำไม่ได้

 

ฉันมันก็แค่คนโง่

 

ในขณะที่ฉันกำลังด่าตัวเอง โซเฟียที่ตื่นขึ้นแล้วก็เปิดประตูบ้านสำเร็จรูปและก้าวเดินออกมา

 

“ไม่มีทั้งแมลงแล้วก็ลมเข้ามา บ้านใหม่หลังนี้ดีสุดไปเลย ๆ ”

 

ดูเหมือนว่าโซเฟียจะอารมณ์ดี

 

ฉันอยากเห็นด้วยและพูดว่าห้องนอนนั้นดีสุด ๆ แต่ด้วยสภาพของฉันในปัจจุบัน ฉันก็ทำได้แค่ตอบด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

“มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?”

 

“ก็แค่รู้สึกสมเพชตัวเอง…”

 

“แล้วทำไมถึงได้คิดอย่างนั้นล่ะ?”

 

โซเฟียนั่งลงตรงข้าง ๆ พร้อมกับเสียงที่ดังลั่น

 

พวกเราสนิทกันจนแบ่งบ้านให้ร่วมนอน

 

เพราะงั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหลีกเลี่ยงเธอในตอนนี้

 

“การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากแถมยังเหนื่อยด้วย”

 

“เจ้าคิดแบบนั้นเหรอ”

 

“คุณหมายความว่ายังไง?”

 

ทัศนคติที่ราวกับรู้เรื่องทุกอย่างของเธอทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิด

 

เสียงของฉันแข็งขึ้นโดยที่ฉันไม่รู้ตัว

 

“ใครกันที่เป็นคนบอกว่าการเข้าหาผู้คนเป็นเรื่องง่าย? ถ้ามีคนบอกแบบนั้น เช่นนั้นคนเหล่านั้นก็เป็นคนที่หยาบคายมาก”

 

“เรื่องนั้น…”

 

“ผู้ที่ไร้หัวคิดจะพบว่าการเข้าหาผู้คนนั้นเป็นเรื่องที่ง่าย ที่เจ้าเข้าหาผู้คนได้ยากก็เป็นเพราะว่าเจ้ารู้จักสิ่งที่เรียกว่ามารยาท”

 

“……”

 

มันเป็นคำพูดปลอบใจง่าย ๆ

 

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ช่วยทำให้จิตใจของฉันรู้สึกปลดทุกข์

 

เธอไม่ได้พูดอะไรผิดเลย

 

“สิ่งที่เจ้าขาดคือประสบการณ์ เวลาคือตัวที่จะช่วยเติมเต็มในสิ่งที่เจ้าขาด เพราะงั้นอย่ากังวลมากเกินไป”

 

“อืม…”

 

ใช่แล้ว ถูกต้องเลย

 

ในเมื่ออยู่ห่างไกลจากผู้คนมานาน การฟื้นคืนก็คงจะใช้เวลาพอ ๆ กัน

 

ฉันยังมีเวลาอีกเยอะ

 

ฉันพยักหน้าเบา ๆ ไปทางโซเฟียเพื่อเป็นการบอกว่าฉันเห็นด้วย

 

‘หรือบางทีฉันควรเริ่มขอโทษก่อน…?’

 

การวิ่งหนีอย่างกระทันหันคงทำให้พวกเขาตกใจ

 

ในขณะที่ฉันกำลังคิดว่าจะขอโทษยังไง โซเฟียก็วางมือลงบนหัวของฉัน

 

“หากเจ้าพบปัญหาที่เจ้าไม่สามารถแก้ไขได้ เจ้าก็แค่ต้องไปคุยกับใครสักคนเรื่องปัญหาอันนั้น”

 

“ใครก็ได้เหรอ?”

 

“ใช่ ก็อย่างเช่นยอรึมหรือไม่ก็เอนเซีย”

 

“…แล้วอาร์โก้ล่ะ?”

 

เมื่อฉันถามออกไป โซเฟียก็ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด

 

เธอเกาแก้มและหันหน้าออกไปอีกทาง

 

“อาร์โก้…นิดหน่อย…นิดเดียว…ไม่สุภาพ”

 

“จริงด้วย”

 

ฮ่าฮ่าฮ่า

 

เสียงหัวเราะระเบิดออกมาราวกับเมื่อกี้นี้ฉันไม่ได้สิ้นหวังอยู่

 

ฉันรู้สึกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

บางทีตอนนี้ฉันอาจจะพูดขอโทษพวกเขาได้แล้ว

 

พอตัดสินใจได้แล้ว ฉันก็ลุกขึ้นยืนทันที

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

เพื่อให้แน่ใจว่าคยออุลจะปลอดภัย ยอรึมเลยยุ่งอยู่กับบาเรียและป้ายประกาศ

 

บ้านสำเร็จรูปเป็นที่อยู่ที่ดีในการใช้ชีวิต

 

แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ค่อย ๆ ดีขึ้นจากจุดเริ่มต้นแล้ว

 

ยอรึมยิ้มอย่างอ่อนกำลังเมื่อนึกถึงคยออุลที่อาศัยอยู่บนภูเขา

 

‘ฉันกำลังก้าวหน้า’

 

ก่อนอื่น ฉันควรรายงานทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้มาสเตอร์ฟัง

 

ในตอนเช้า ยอรึมเคาะประตูห้องทำงานของกิลด์มาสเตอร์

 

ก๊อกก๊อก—

 

“มาสเตอร์ ฉันเองค่ะ”

 

“เข้ามา”

 

เมื่อได้รับคำอนุญาตจากคังจินโฮ ยอรึมจึงเปิดประตูเข้าไป

 

คังจินโฮกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะของเขา

 

“ฉันมีเรื่องของคยออุลมารายงานค่ะ”

 

เอาเลย

 

สายตาของคังจินโฮสื่อแบบนั้น

 

ยอรึมหายใจเข้าลึก ๆ เพราะรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่ไม่สามารถอธิบาย

 

“เมื่อเร็ว ๆ นี้มีผู้มาเยี่ยมเยือนที่ไม่ได้รับเชิญจำนวนมากเข้ามาใกล้ ๆ บ้านของคยออุลค่ะ”

 

“เป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่าเลย”

 

“ใช่ค่ะ ดังนั้นเราจึงดูแลความปลอกภัยของคยออุลเป็นอันดับแรกค่ะ”

 

บ้านสำเร็จรูป แผงกั้น และแม้แต่ติดป้ายเตือน

 

ยอรึมเล่าทุกอย่างให้คังจินโฮฟัง

 

เธอคาดหวังที่จะได้รับคำชม แต่กลับได้รับสีหน้าที่เย็นชาจากเขาแทน

 

“ยอรึม”

 

“ค-คะ?”

 

ร่างกายของเธอรู้สึกตึงเครียดเมื่อได้ยินเสียงของคังจินโฮ

 

ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดี แต่ทำไมเขาถึงได้ดูน่ากลัวมากขนาดนี้?

 

ยอรึมกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่ได้ตั้งใจ

 

“การทำแบบนั้นจะทำให้เด็กดูเหมือนกับลิงที่อยู่ในสวนสัตว์”

 

“อะไรนะคะ…?”

 

พอเขาพูดขึ้นมา ยอรึมก็รู้สึกว่ามันคล้าย ๆ แบบนั้น

 

ยอรึมอ้าปากค้าง

 

“หากติดป้ายแล้วแก้ปัญหาทั้งหมดได้ ทำไมฉันถึงต้องมอบหมายให้เธอดูแลเด็กคนนั้นด้วย?”

 

“อ๊ะ…”

 

จริงด้วย

 

เธอพยายามแก้ไขปัญหาทุกอย่างด้วยความเกียจคร้านโดยการติดป้าย เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องไปจัดการกับคนเหล่านั้นแบบรายบุคคล

 

“คุณมีความเก่งในหลาย ๆ ด้านแต่ขาดความรอบคอบ”

 

“ขอโทษค่ะ ตอนที่ฉันเป็นนักเรียนฉันก็เอาแต่กวัดแกว่งดาบ…”

 

“ทุกคนก็ทำแบบนั้นไม่ใช่หรือไง?”

 

เฮ้อ

 

คังจินโฮถอนหายใจและลุกขึ้นจากเก้าอี้

 

เมื่อเดินไปที่หน้าต่างและมองลงไป เขาก็เห็นบ้านสำเร็จรูปตั้งอยู่ตรงใต้ต้นไม้

 

“อย่าใช้วิธีที่มันมักง่าย หากคุณขาดคนก็แค่ไปขอให้คนอื่น ๆ ช่วย”

 

“ได้ค่ะ”

 

“และอย่าลืมว่าเป้าหมายของเราคือการพาเด็กคนนั้นเข้ามาอยู่ในกิลด์ไปซะละ”

 

“ค่ะ…”

 

ฉันไม่ควรมองหาวิธีแก้ปัญหาอย่างง่าย ๆ ฉันต้องคิดให้ลึกซึ่งมากกว่านี้

 

ยอรึมตัดสินใจที่จะทำให้ดีขึ้น เธอจึงกล่าวคำอำลาและออกมาจากห้องทำงาน

 

‘ฉันทำผิดกับคยออุล’

 

ฉันควรไปหาคยออุลเดี๋ยวนี้เลย

 

ในขณะที่ยอรึมลงมาที่ชั้นล็อบบี้ของชั้นที่หนึ่ง

 

เธอก็เห็นเพื่อนทั้งสองคนของเธออยู่ที่นั่น

 

จองยูนาจ้องอากาศอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก และร่างกายใหญ่ ๆ ของชเวจินฮยอกก็หมอบลงกับพื้น

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด