I Was Kidnapped By The Strongest Guild 6 ล่ากระต่ายมีเขา

Now you are reading I Was Kidnapped By The Strongest Guild Chapter 6 ล่ากระต่ายมีเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สายลมยามเช้าพัดผ่านเข้าไปในเต็นท์ที่ฉีกขาด

 

ด้วยความหนาวเย็นที่ทะลุผ่านเข้าไปในผ้าห่มของฉัน ฉันเลยตื่นขึ้นมาด้วยอาการหนาวสั่น

 

“อึ๋ย”

 

เช้าของอีกวันหนึ่งได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

ฉันขยี้ตาของตัวเองและมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบร่างของหญิงสาวอยู่ภายในเต็นท์เลย

 

บางทีเธออาจจะหนีไปแล้วในตอนกลางคืนเพราะกลัวแมลง

 

ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง การหายตัวไปของเธอทำให้ฉันยิ้มอย่างพึงพอใจได้

 

“เอเฮะเฮะ”

 

ฉันบิดขี้เกียจและหัวเราะออกมาเบา ๆ จนทำให้เกิดเสียงแปลก ๆ ขึ้นมา ซึ่งฉันก็ไม่ได้สนใจในเสียงนั้นเท่าไหร่ เนื่องจากในตอนนี้ฉันกำลังมีความสุขอยู่สุด ๆ

 

การใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนที่มีจิตใจอ่อนแอจะทนอยู่ได้

 

ฉันรู้สึกภูมิใจที่จิตใจของฉันแข็งแกร่งกว่าของหญิงสาว…

 

หวืด—

 

มีคนเปิดประตูเต็นท์และเดินเข้ามา

 

“โอ้ ตื่นแล้วเหรอ?”

 

มันเป็นเสียงของผู้หญิงที่ฉันคุ้นเคยดี

 

ฉันยืดตัวตรงด้วยความตกใจ

 

“ค-คุณไปไหนมา…?”

 

“พี่ไปล้างหน้าด้วยน้ำที่ลำธารมา น้ำเย็นมากจนพี่หายง่วงเลย”

 

“อ่า…”

 

ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นในตอนเช้า

 

เธอแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก

 

อนาคตของฉันดูไม่ง่ายเลยเมื่อมีเธออยู่

 

“เมื่อกี้นี้เธอขำทำไมเหรอ?”

 

หญิงสาวใช้หลังมือเช็ดหน้าของตัวเอง และเดินเข้ามาหาฉัน

 

คำถามที่โจ่งแจ้งของเธอทำให้ฉันสำลัก

 

เธอรู้อยู่แล้วว่าฉันหัวเราะทำไม เธอคงอยากจะแกล้งฉันเลยถามหาเหตุผล

 

ในขณะที่ฉันกำลังหาข้อแก้ตัวอยู่นั้น ฉันก็จับหางที่อยู่ข้างหลังฉัน

 

“ต-ตอนฉันหลับ สิ่งนี้มันมาจั๊กจี้ฉัน…”

 

“อ่า เพราะหางนี่เอง”

 

หญิงสาวเอื้อมมือของเธอไปที่หางของฉัน

 

ราวกับกลไกป้องกันตัวถูกกระตุ้นให้ทำงาน จู่ ๆ หางของฉันก็ฟุบกลับไปที่หลังของฉันด้วยตัวของมันเอง

 

“อ่า”

 

ทำไมจู่ ๆ มันถึงขยับไปเองล่ะ?

 

ฉันมองไปที่เด็กสาวอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตึงเครียด

 

“ขอโทษ พี่คงจะล้ำเส้นเกินไปใช่ไหม?”

 

เธอขอโทษฉันและก้าวถอยหลังออกไป

 

แน่นอนว่าฉันรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นการขอโทษแบบแกล้งทำ

 

เศร้า โกรธ ปละหลาดใจ

 

เธอคงจะสงสัยใคร่รู้ปฏิกิริยาทางจิตวิทยาของหนูทดลองของเธอเองในสถานการณ์ต่าง ๆ

 

เมื่อฉันคิดได้ดังนั้น ฉันก็ตัดสินใจที่จะไม่เล่นไปตามเกมของเธอ

 

“ฉันต้องไปแล้ว…”

 

ฉันลุกขึ้นยืนและทิ้งหญิงสาวไว้ข้างหลัง

 

ฉันเริ่มต้นกิจวัตรประจำวันเพื่อความอยู่รอดของฉันขึ้นอีกครั้ง

 

“เธอจะไปไหนเหรอ?”

 

“…ไปล่าแรบบิทฮอร์น”

 

“ร-แรบบิทฮอร์น…?”

 

หญิงสาวพูดออกมาอย่างงุนงง

 

มันก็คงจะดูไร้สาระมาก ที่คนที่เกือบโดนแรบบิทฮอร์นฆ่าตายคิดจะไปล่ามัน

 

เพราะมันดูเหมือนกับว่าฉันตั้งใจจะไปสร้างปัญหาให้กับกิลด์อีกครั้ง

 

ฉันรู้ตัวดีว่ามันเป็นการกระทำที่ไร้ยางอาย แต่ถ้าหากความไร้ยางอายมันทำให้ฉันมีชีวิตรอดต่อไปได้ ฉันก็จะเป็นคนไร้ยางอาย

 

“ถ้าฉันไม่ไปล่าแรบบิทฮอร์น ยังไงฉันก็ตายอยู่ดี…”

 

“ถ้างั้นพี่ขอไปด้วยได้ไหม?”

 

“…ไปด้วย?”

 

เธอกลัวว่าร่างกายที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันของเธอจะถูกฆ่าอย่างงั้นเหรอ?

 

หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะว่า เธอก็แค่อยากเก็บข้อมูลร่างกายที่เปลี่ยนไปของฉัน ดังนั้นเธอเลยอยากตามฉันไปพื้นที่ล่าด้วย

 

ถึงแม้ฉันจะรู้เจตนาของเธอแล้ว แต่ฉันก็สมเพชตัวเองเช่นกันที่ไม่สามารถปฏิเสธเธอได้

 

ฉันพยักหน้าตอบหญิงสาว และหยิบกรรไกรทื่อ ๆ ขึ้นมา

 

“งั้นฉันขอตัดผมก่อนแล้วค่อยไป”

 

“ตัดผมเหรอ?”

 

“ใช่ ฉันต้องตัดออกเพื่อให้ฉันดูเหมือนผู้ชาย”

 

ในขณะที่ฉันกำผมไว้ในมือและกำลังจะใช้กรรไกรตัดผมที่กำไว้ หญิงสาวก็เอานิ้วมาขั้นไว้ตรงระหว่างใบมีดของกรรไกร

 

มันเป็นช่วงเวลาที่อันตราย ฉันเกือบจะตัดผมไปพร้อมกับนิ้วของเธอแล้ว

 

‘เธอคงจะเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ ‘

 

ฉันเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยความตกใจและตระหนักได้ว่า

 

ด้วยความอ่อนแอของฉันแล้ว ฉันคงไม่สามารถสร้างแม้แต่รอยขีดขวดให้กับผิวของเธอได้หรอก

 

มันเป็นการกังวลโดยไม่จำเป็น

 

“ฉันต้องตัดผม…”

 

“เดี๋ยวสิ ทำไมเธอต้องแต่งตัวเหมือนผู้ชายด้วย?”

 

“เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นกับฉัน”

 

“เรื่องเลวร้าย…? เคยมีคนทำเรื่องไม่ดีกับเธอมาก่อนงั้นเหรอ?”

 

ใบหน้าของหญิงสาวซีดลง

 

เธอคงจะตกใจเมื่อคิดว่าร่างกายที่เธออุตส่าห์ดัดแปลงอย่างสุดความสามารถเคยเป็นของเล่นให้กับใครคนอื่นมาก่อน

 

“ฉันไม่เคยถูกทำเรื่องไม่ดี เนื่องจากฉันมักจะเดินไปรอบ ๆ ด้วยเนื้อตัวที่สกปรกอยู่ตลอด”

 

“อ่า…เพราะแบบนี้นี่เอง…”

 

หญิงสาวถอนหายใจ และจับกรรไกรที่อยู่ในมือของฉัน

 

เธอค่อย ๆ หยิบกรรไกรออกไปจากมือของฉัน ราวกับว่าเธอต้องการแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของความแข็งแกร่งระหว่างเธอกับฉัน

 

“ก-กรรไกรของฉัน!”

 

ฉันไปพื้นที่ล่าโดยที่ยังไม่ได้ตัดผมไม่ได้หรอก

 

ฉันเอื้อมมือไปคว้ากรรไกรอย่างเร่งรีบ แต่เธอก็ยกมือขึ้นเพื่อไม่ให้จับได้

 

“พี่จะปกป้องเธอเอง เพราะงั้นไม่ตัดผมได้ไหม?”

 

ทำไมฉันถึงตัดเส้นผมไม่ได้ล่ะ?

 

ฉันพยายามตีความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของหญิงสาว

 

—อย่าบังอาจมาเจ็บเส้นผมแม้แต่เส้นเดียวบนร่างกายที่ฉันสร้าง

 

มันน่าจะหมายความว่าอย่างนั้น

 

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการบีบบังคับ แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายกับฉันในตอนนี้เลย

 

ด้วยความหลงใหลในระดับนี้เธอ เธอคงจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายฉันแน่

 

“ก-ก็ได้ ฉันจะไปทำตัวให้สกปรกขึ้นอีกนิดหน่อย แล้วค่อยไป”

 

“ไปโดยที่ไม่ต้องเนื้อตัวสกปรกไม่ได้เหรอ? พี่ขอสัญญาเลยว่าพี่จะปกป้องเธอ”

 

เธอคิดจะควบคุมฉันมากแค่ไหนกัน?

 

ถึงแม้ว่ามันจะน่ากลัว แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการปฏิบัติตามคำสั่งของเธอแล้ว

 

“โอเค…”

 

——————————————————————————————————————————

 

ถ้าเดินจากที่นี่ไปยังพื้นที่ล่าของพวกมือใหม่ ก็จะใช้เวลาประมาณสามสิบนาที

 

ฉันก็อยากจะเดินไปด้วยเท้าอยู่หรอก แต่ด้วยความหัวแข็งของหญิงสาว ทำให้ฉันขึ้นรถไปอย่างไม่มีทางเลือก

 

“ขับรถไปมันไปถึงได้เร็วกว่า จริงไหม?”

 

“ใช่ มันเร็วกว่า”

 

พอเดินทางด้วยรถ ก็ไปถึงจุดหมายโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที

 

เมื่อฉันพอใจกับการประหยัดเวลาแล้ว ฉันก็มองไปรอบ ๆ ของพื้นที่ล่าของพวกมือใหม่

 

‘วันนี้มีคนอยู่เยอะเลย’

 

พื้นที่ล่าของพวกมือใหม่เป็นทุ่งหญ้ากว้าง

 

คนธรรมดาที่ออกล่าเป็นงานอดิเรก เด็กนักเรียนในคลาสฝึกซ้อม นักผจญภัยมือใหม่ที่กำลังสร้างรากฐานให้ตัวเอง

 

“เฮ้! ตรงนั้นมีสไลม์!”

 

ตุบ—!

 

สไลม์ที่ตัวใหญ่เท่าหัวคน พุ่งเข้าชนใส่ร่างกายของเด็กผู้ชาย

 

เด็กผู้ชายหงายหลังล้มกลิ้งไปกับพื้นสามรอบ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“อ่า ถ้านายทำพลาด นายก็ควรบอกฉันให้มันเร็วกว่านี้หน่อยสิ”

 

“โทษที โทษที”

 

พวกเขาหัวเราะกันคิกคัก

 

เด็กผู้ชายที่พลาดการโจมตีใส่สไล์พูดขอโทษพร้อมกับหัวเราะออกมา

 

เด็กชายที่กลิ้งไปกับพื้นก็หัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน เขาจับไปที่ท้องราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเพียงเรื่องที่น่าขัน

 

‘…สุดยอด’

 

ถ้าเป็นฉัน ฉันคงตายเพราะกะโหลกแตกแน่

 

พวกเขาล่ามอนสเตอร์ได้โดยที่ไม่ต้องกลัวความตาย ฉันอิจฉาพวกเขาในเรื่องนี้มาก ๆ

 

หากแต่เพียงฉันมีมานาเพียงสักนิดละก็

 

หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเสียใจและเดินเข้าหามาฉัน

 

“สีหน้าของเธอดูไม่ดีเลย มีเรื่องอะไรที่กวนใจเธออยู่งั้นเหรอคยออุล?”

 

“มีคนอยู่เยอะเกินไป”

 

“ด้วยคู่แข่งที่มีอยู่เยอะ ทำให้การล่ามันเป็นเรื่องที่ยากมาก”

 

ใช่

 

ในขณะที่ฉันกำลังตอบคำถามของหญิงสาวอยู่ ฉันก็ได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ อยู่ในพุ่มหญ้าที่อยู่ห่างไกล

 

มันเป็นเสียงของสัตว์สี่ขาที่กระโดดไปมา

 

“ฮืม?”

 

ถึงแม้ว่ามันจะโดนหญ้าปิดไว้ แต่ฉันก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่ามันคือแรบบิทฮอร์น

 

หูของฉันเริ่มขยับเอง ราวกับว่ามันกำลังติดตามแรบบิทฮอร์นอยู่

 

‘หูของฉันมันดีขึ้น…?’

 

ด้วยความที่มันเป็นหูของสัตว์ ยังไงมันก็ต้องดีกว่าหูของมนุษย์อยู่แล้ว

 

ฉันไม่ได้สนใจมันมากนัก และเริ่มทำการใส่ลูกบอลเหล็กลงไปในหนังสติ๊กที่ฉันทำเอง

 

ลูกบอลเหล็กมีราคาแพง ราคาของลูกบอลเหล็กแต่ละอันอยู่ที่สองร้อยวอน

 

จุดอ่อนของแรบบิทฮอร์นอยู่ที่เขาของมันที่มีขนาดเท่านิ้วหนึ่งนิ้ว

 

ถึงแม้จะยากไปสักนิด แต่มันก็บอบบางและการฆ่าแรบบิทฮอร์นจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเขาของมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วเท่านั้น

 

ฉันจงใจส่งเสียงฝีเท้าให้แรบบิทฮอร์นได้ยิน

 

แรบบิทฮอร์นมีนิสัยชอบเงยหัวขึ้นเมื่อได้ยินเสียง

 

—บี๊บ

 

แรบบิทฮอร์นเงยหัวขึ้นในพุ่มหญ้าที่กำลังสั่นไหว

 

เวลาที่พวกมันใช้ในการตัดสินใจว่าจะโจมตีหรือหนีอยู่ที่ประมาณหนึ่งวินาที

 

แต่ก่อนที่จะถึงเลานั้น ฉันก็ยิงลูกเหล็กไปที่เขาของมัน

 

แก๊ก—!

 

“เพล้ง!”

 

ลูกบอลเหล็กขนาดเท่าเหรียญทำให้เขาของแรบบิทฮอร์นแตกออกมาเป็นเสี่ยง ๆ

 

มันเป็นความแม่นยำที่น่าเหลือเชื่อมาก

 

“ว้าว”

 

ความสามารถทางกายภาพของฉันเพิ่มขึ้นหลังจากที่ถูกดัดแปลง?

 

ฉันเบิกตากว้างและมองไปที่หญิงสาวด้วยความประหลาดใจ

 

เธอมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้ม

 

“ว้าว น่าทึ่งมากเลย เธอจับมันได้แล้วเหรอ?”

 

แปะ แปะ แปะ—

 

เธอปลบมือให้ฉันอย่างเบา ๆ

 

เนื่องจากฉันไม่คุ้ยเคยกับคำสรรเสริญ ฉันจึงก้มหน้ามองลงพื้น

 

การได้ยินคำชมที่ไม่ได้ยินมานานแล้วหลายปีมันไม่ใช่เรื่องที่แย่เลย

 

“เฮะเฮะ”

 

ฉันเกาหลังศีรษะด้วยความเขินอาย และเงยหน้าขึ้น

 

ฉันรู้ตัวช้าเกินไปว่าเธอไม่ได้ชมฉัน แต่เธอชมร่างกายที่ถูกดัดแปลงต่างหาก

 

‘เธอกำลังเล่นกับหัวใจของผู้คน’

 

ฮึ่ม

 

ฉันวิ่งไปหาแรบบิทฮอร์นโดยที่ทิ้งหญิงสาวไว้ข้างหลัง

 

หญิงสาวเดินตามฉันไป

 

“คยออุลจับแรบบิทฮอร์นได้กี่ตัวต่อวันงั้นเหรอ?”

 

“ฉ-ฉันเหรอ?”

 

“ใช่”

 

ถ้าโชคดีก็จับได้หนึ่งตัวต่อสามวัน แต่ถ้าโชคไม่ดีก็จะจับได้หนี่งตัวต่อสัปดาห์

 

ฉันชั่งใจตัวเองว่าจะบอกความจริงกับหญิงสาวดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจที่จะพูดโกหกออกไป

 

เพื่อไม่ให้ตฉันดูอ่อนแอในสายตาของเธอ

 

“ฉันจับได้หนี่งตัวในทุก ๆ สองวัน”

 

“หนึ่งตัวต่อสองวัน?”

 

“ใช่…”

 

ทุก ๆ สองวัน

 

ฉันโกหกมากเกินไปหรือเปล่า?

 

ฉันมองไปที่หญิงสาวอย่างกังวลใจ โดยที่ยังไม่ได้เริ่มเก็บศพของแรบบิทฮอร์น

 

“คยออุลมีรายได้วันละห้าพันวอนงั้นเหรอ?”

 

“ห้าพันวอน?”

 

“ใช่ ก็แรบบิทฮอร์นขายได้ตัวละหนึ่งหมื่นวอน”

 

แรบบิทฮอร์นตัวละหนึ่งหมื่นวอน?

 

เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงเอาซะเลย

 

“พูดเรื่องอะไรของคุณ? แรบบิทฮอร์นขายได้ตัวละสามพันวอนต่างหาก”

 

“…อะไรนะ?”

 

“จุดซื้อขายที่อยู่ตรงนั้น พวกเขารับซื้อแค่ตัวละสามพันวอน”

 

สายตาของเธอเปลี่ยนไปจ้องมองที่จุดซื้อขาย

 

แม้จะมองจากระยะไกล แต่ด้วยการเพิ่มวิสัยทัศน์ของตัวเองให้มากขึ้น ทำให้เธอสามารถมองเห็นตัวอักษรที่อยู่บนป้ายได้

 

——— ซื้อขาย ———

 

—แรบบิทฮอร์น [ราคาตลาด]

 

—สไลม์ [ราคาตลาด]

 

—กระรอกดิน [ราคาตลาด]

 

———————

 

“เห็นตรงที่เขียนว่าราคาตลาดไหม? ในวันดี ๆ บางครั้งพวกเขาก็รับซื้อแรบบิทฮอร์นในราคาสามพันห้าร้อยวอน”

 

ฉันหวังว่าจะได้รับเงินเพิ่มอีกหนึ่งร้อยวอนในวันนี้

 

ในขณะที่ฉันกำลังจับแรบบิทฮอร์นขึ้นมา หญิงสาวก็พูดอะไรบางอย่างที่น่าตกตะลึงออกมา

 

“ไม่หรอก เธอโดนหลอกแล้ว…”

 

“ฮะ…?”

 

เป็นไปไม่ได้หรอก

 

แรบบิทฮอร์นขายได้ตัวละสามพันวอนไม่ใช่เหรอ?

 

ฉันยืนตัวแข็งทื่อด้วยความสับสน ในขณะที่จับแรบบิทฮอร์นขึ้นมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด