I Was Kidnapped By The Strongest Guild 40 เลวีนัส
เพื่อนอยู่ไกลจนเจอไม่ได้
ยอรึมรู้ดีว่าคำนั้นมันคือคำอุปมาอุปไมยของบางสิ่งบางอย่าง
เธอคงจะหมายความว่าเพื่อนตายไปแล้วและไม่สามารถเจอหน้ากันได้อีก
มันเป็นบททดสอบที่ยากสำหรับเด็ก แต่ก็ไม่ได้น่าตกใจเท่ากับตอนที่เธอได้เรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของคยออุลเป็นครั้งแรก
มีเด็กหลายคนที่สูญเสียเพื่อนและครอบครัวไปตั้งแต่ตอนที่ยังเด็ก
เธอคิดว่าตราบใดที่คยออุลฟันฝ่ามันไปได้ เธอก็จะไม่เป็นอะไร
แต่นั่นเป็นการตัดสินที่ผิด
คยออุลไม่สามารถฟันฝ่าการตายของเพื่อนของเธอได้
“ฉันไม่เป็นไร สักวันฉันคงจะได้เจอพวกเขาอย่างแน่นอน”
ในตอนแรก ยอรึมคิดว่ามันเป็นคำพูดที่ไร้เดียงสาของเด็ก
ความเชื่ออันบริสุทธิ์ที่คิดว่าเพื่อน ๆ ของเธอกำลังรอเธออยู่บนสวรรค์ ดังนั้นจึงไม่สำคัญเลยที่เธอจะไม่สามารถพบเพื่อน ๆ ได้ในทันที
แต่แล้วยอรึมก็ตระหนักได้ว่าตัวเธอนั้นคิดผิดผ่านคำพูดถัดไปของคยออุล
“ฉันพร้อมเสมอที่จะได้เจอพวกเขา”
เธอพร้อมที่จะเจอเพื่อนของเธอที่ตายไปแล้วอยู่เสมอ
เด็กพูดอย่างสงบราวกับไม่กลัวความตาย
ราวกับว่าเธอได้ก้าวข้ามเรื่องแนวคิดของความเป็นและความตายไปแล้ว
เธอกำลังบอกเป็นนัยว่าเธอจะฆ่าตัวตายหรือเปล่า?
หรือว่าเธอหมายความว่าเธอไม่สนว่าเธอจะตายเมื่อไหร่?
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ทั้งสองความคิดก็เป็นสิ่งที่เด็กอายุแปดขวบไม่ควรคิด
‘หรือว่าจะ…?’
ยอรึมคิดว่าเด็กคนนี้กล้าหาญมากทั้งที่เพิ่งอายุแค่นี้
แต่นั่นเป็นเพียงแค่เพราะเธอไม่กลัวความตายใช่ไหม?
ยอรึมปิดปากของเธอด้วยความตกตะลึง
‘ฉันเคยเห็นคยออุลกลัวตาย…’
มันเป็นตอนที่พวกเธอพบก็อบลินในพื้นที่ล่าของพวกมือใหม่ หรือในตอนที่พวกเธอเข้าไปในดันเจี้ยนก็อบลินเป็นครั้งแรก
ตอนนั้นคยออุลดูหวาดกลัวมาก
แต่ถ้าหากเธอไม่กลัวตายแล้วทำไมเธอถึงกลัวล่ะ?
ยอรึมตระหนักได้ในทันที
คยออุลกลัวก็อบลินมาก
‘หรือว่าก็อบลินจะฆ่าเพื่อนของเธอ…?’
ถ้าหากเป็นแบบนั้น ความกลัวของคยออุลก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้
ความกลัวที่ฝังรากลึกลงในจิตวิญญาณนั้นยากที่จะลบล้างออกไป
ถึงแม้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ ความกลัวนั้นมันจะจางลงไปแล้ว
คยออุลลบความกลัวที่เหลืออยู่ของเธอโดยการล่าก็อบลิน
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นแล้ว
‘เป็นปัญหาใหญ่’
การกลัวตายเป็นสิ่งจำเป็นต้องมี
แต่เธอก็ไม่สามารถชักจูงเด็กไปสู่อันตรายได้
ยอรึมล้างหน้าด้วยมือของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อพยายามสงบสติอารมณ์
นี่ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ได้โดยทันที
แต่มันเป็นปัญหาที่แก้ไขด้วยการใช้เวลาร่วมกันกับทุก ๆ คน
บางทีการให้เป้าหมายใหม่ในชีวิตกับเธอก็คงจะดีเหมือนกัน
ยอรึมกัดริมฝีปากและเดินตามคยออุลเข้าไปในเต็นท์
“คยออุล เธอทำอะไรอยู่เหรอ?”
“ฉันกำลังล้างโกฐจุฬาลัมพาน่ะ ล้างเสร็จแล้วจะรับชาสักแก้วไหม…?”
“รับสิ พี่อยากดื่มอยู่พอดีเลย”
เธอจะดีใจหรือเปล่านะถ้าได้ยินแบบนั้น?
หางของคยออุลที่ตกอยู่ก็เริ่มแกว่งไปมาเล็กน้อย
ยอรึมดูการแสดงความสุขที่คลุมเครือของคยออุลและยิ้มออกมาเล็กน้อย
ช่างเป็นวันที่เต็มไปด้วยความเสียใจที่แหลมคมราวกับเข็ม
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
มีหลายสิ่งที่ต้องทำเพื่อขายชา
ฉันต้องจดทะเบียนธุรกิจและรายงานการดำเนินการให้การปกครองส่วนท้องถิ่นตามข้อตกลงของกฎหมายสุขาภิบาลอาหาร
แต่งานนี้เป็นไปไม่ได้สำหรับฉันเลย เนื่องจากฉันไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน
‘ฉันแย่แล้ว’
ในขณะที่ฉันทรุดตัวลงบนพื้นหญ้าอย่างสิ้นหวัง ยอรึมก็เข้ามาหาฉันพร้อมกับคำแนะนำที่ดี
คำแนะนำคือการขายน้ำของฉันในร้านคาเฟ่ที่อยู่ในตึกกิลด์
ฉันตามยอรึมไปที่ร้านคาเฟ่ แต่ความกังวลของฉันก็ยังไม่หายไป
“จะไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอที่จะขายน้ำของฉันในคาเฟ่ของกิลด์”
“ใช่ เราเพิ่งเพิ่มหลายเมนูลงไปในเมนู และมีของที่คยออุลทำด้วย”
“ว้าว”
ฉันกำลังสงสัยอยู่เลยว่าฉันจะขายชาที่ไหนและยังไง
แต่ในตอนนี้ฉันกำลังจะได้ขายชาในคาเฟ่ที่อยู่ในตึกกิลด์ที่ซึ่งมีคนสัญจรไปมาเยอะมาก
หางของฉันที่ห้อยอยู่เริ่มแกว่งด้วยความตื่นเต้น
“แต่มีเงื่อนไข”
“เงื้อนไข…?”
“ใช่ เธอจะต้องทำความสะอาดวัตถุดิบให้สะอาด เพราะมันคือสิ่งที่จะให้มนุษย์กิน”
“ได้สิ ไม่มีปัญหาเลย”
แค่ล้างส่วนผสมในบ่อน้ำ ผลของไอเทมจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกทั้งหมด
ทีนี้ก็สะอาดพอที่จะกินได้แล้ว เพราะงั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“โอเค และพี่อยากตั้งราคาเอง เธอโอเคไหม?”
“ได้สิ…!”
มันมีบัฟเพิ่มมานา
แก้วละหมื่นวอน
ถ้าฉันขายได้วันละสิบแก้ว แค่นั้นก็เกินพอแล้ว
ด้วยความหวังนั้น ฉันจึงเข้าไปในคาเฟ่ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นป้ายบอกราคา
━━━━━
ชาโฮมเมดสูตรพิเศษ
ชาแดนดิไลออน: ₩100,000 เอฟเฟกต์ — เพิ่มมานา ชาโกฐจุฬาลัมพา: ₩50,000 เอฟเฟกต์ — ต้านทานพิษ
—ชาพิเศษเหล่านี้มีความสามารถในการบัฟ
—ประสิทธิภาพของชาจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้บริโภค
—บัฟทั้งหมดสามารถทับกันได้
━━━━━
“หนึ่งแสนวอน…?”
ถึงแม้จะมีบัฟ แต่มันก็ดูมากเกินไป
มันไม่แพงเกินไปหน่อยเหรอ?
ฉันอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ยอรึม
เธออยู่ด้านหลังฉัน เพราะงั้นฉันจึงต้องหันหน้ากลับไปมอง
“มันไม่ใช่ชาธรรมดา แต่มันมีบัฟด้วย”
“แต่ชาแค่แก้วเดียวจะไปมีราคาถึงหนึ่งแสนวอนได้ยังไง…?”
“ราคาถูกสุด ๆ แล้วนะ”
“ราคาถูก?”
หนึ่งแสนวอนต่อหนึ่งแก้ว
มันเป็นราคาที่ฉันจะไม่มีวันจ่าย เว้นแต่ว่าพรุ่งนี้โลกจะแตก
ฉันได้แต่ยักไหล่ เพราะดูเหมือนว่ายอรึมจะไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันเลย
“นี่คือราคาที่พวกเราลดลงแล้ว เพราะเรารู้ว่าเธอไม่อยากให้ราคามันแพงมากขนาดนั้น”
“ลดลงแล้วแต่ยังตั้งหนึ่งแสนวอน…?”
“ใช่ บัฟของเธอสามารถทับได้”
“บัฟทับ?”
หมายความว่าบัฟสามารถทับซ้อนกันได้ใช่ไหม?
หางของฉันขดตัวเหมือนกับเครื่องหมายคำถาม
“โดยปกติแล้ว เราจะสามารถใช้บัฟได้ครั้งละ 1 อย่างเท่านั้นใช่ไหมล่ะ? แต่บัฟของเธอสามารถทับซ้อนกันได้อย่างน่าหลาด”
“ถ้างั้นเอฟเฟกต์ก็จะดีขึ้นใช่ไหม?”
“ใช่ นั่นคือเหตุผลที่หนึ่งแสนวอนถึงถูกไป”
ถ้ายอรึมพูดแบบนั้น มันก็คงเป็นแบบนั้น
ฉันไม่มีอะไรจะพูดเพิ่มเติมเรื่องราคาแล้ว
ฉันแค่หวังว่าชาของฉันจะขายดีและขอบคุณพนักงานร้านคาเฟ่
“ขอบคุณที่ขายชาที่ฉันเป็นคนทำ”
ฉันโค้งคำนับอย่างนอบน้อม มือประสานกันเหนือท้อง
ยอรึมและพนักงานต่างหัวเราะกับท่าทางของฉัน
“เราก็ต้องหวังพึ่งเธอเช่นกัน”
“โอเค…?”
พวกเขาหัวเราะฉันอยู่สักพักหนึ่งโดยที่หลบเลี่ยงสายตาของฉัน ในขณะที่ฉันยืนงงอยู่ตรงนั้น
‘เกิดอะไรขึ้น?’
ข้างหลังฉันมีเรื่องตลกเกิดขึ้นงั้นเหรอ?
ในขณะที่ฉันหันหลังกลับไปด้วยความสับสน ยอรึมก็แตะไหล่ของฉัน
“คยออุล พี่ยังมีงานที่ต้องทำอยู่ที่คาเฟ่ เธอช่วยไปก่อนได้ไหม?”
“ไปก่อน?”
“ใช่ คยออุลยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะใช่ไหม?”
“ใช่ ฉันวางแผนเอาไว้ว่าจะไปปลูกดอกแดนดิไลออนที่สวนต่อ”
เพื่อที่จะขายชาแดนดิไลออนให้มากขึ้น ฉันจึงจำเป็นที่จะต้องปลูกดอกแดนดิไลออนด้วยตัวเอง
ฉันหยิบพลั่วขุดรากปลูกหญ้าออกมาจากกระเป๋า
“จริงเหรอ? ให้พี่ช่วยปลูกดอกแดนดิไลออนทีหลังด้วยไหม?”
“ม-ไม่เป็นไร…ฉันจะทำด้วยตัวเอง…”
“โอเค”
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อนตอบแทนยอรึม
ฉันไม่สามารถขอให้เธอช่วยทำงานได้
“ฉันจะไปแล้ว…!”
ด้วยความกังวลว่าเธอจะตามมา ฉันจึงรีบโบกมือลายอรึมและรีบวิ่งกลับไปที่บ้านสำเร็จรูปของฉัน
เมื่อมองไปรอบ ๆ สวน ฉันก็พบว่าโซเฟียไม่ได้อยู่ที่สวน
“โซเฟีย?”
ปกติเธอจะรอฉันอยู่ที่บ้าน
การที่เธอไม่อยู่ทำให้รู้สึกแปลก ทิ้งความรู้สึกอันหนักอึ้งไว้ในใจ
ฉันยืนอยู่ตรงนั้น จมอยู่กับความคิดนั้น จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงใครบางคนเดินผ่านสนามหญ้า
กรอบแกรบ—
เป็นก้าวเล็ก ๆ เช่นเดียวกับโซเฟีย
เมื่อหันไปด้านข้าง ฉันก็พบว่าตัวเองกำลังสบเข้ากับสายตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่ม
“ยูนิคอร์น…?”
เธอมีเขาอยู่ที่หน้าผาก ซึ่งเล็กกว่านิ้วก้อยของฉัน
ด้วยความตกใจที่ถูกฉันจ้องมอง เธอจึงกระแอมในลำคอและก้าวออกมาจากพุ่มไม้
“น่าประทับใจมากที่พบว่าฉันซ่อนตัวอยู่…!”
“เอ่อ อืม…หูของฉันดีน่ะ…”
แต่เธอไม่ได้ส่งเสียงดังจนใคร ๆ ก็ได้ยินหรอกเหรอ?
รู้สึกอึดอัดที่จะชี้ให้เห็น ฉันจึงแค่พยักหน้า
“เธอไม่ธรรมดาอย่างที่ฉันได้ยินมาเลย…!”
ผู้หญิงคนนั้นก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวังและจับตาดูฉัน
ฉันสงสัยพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอ
“แต่เธอเป็นใคร…?”
“ก็แค่คนที่ชอบใช้กำลังคนหนึ่ง”
คำตอบไม่ได้มาจากผู้หญิงคนนั้น
เมื่อหันไปหาที่มาของเสียง ฉันก็เห็นโซเฟียกำลังขมวดคิ้วอยู่
“โซเฟีย คุณไปไหนมา?”
“ไปซื้อเมล็ดดอกแดนดิไลออนมาน่ะ”
“โอ้”
เธอคงเคยได้ยินฉันบ่นว่าฉันอยากได้เมล็ดของดอกแดนดิไลออน
ฉันเข้าไปใกล้โซเฟียด้วยความดีใจอยู่ในใจ
“แต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ”
“อะไรผิดปกติเหรอ?”
“สำหรับคนที่มาจากกลุ่มหัวรุนแรง เธอดูไร้เดียงสา…เกือบจะเท่ากับเด็กเลย”
“เด็ก?”
ฉันคิดว่าเธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพราะรูปลักษณ์วัยรุ่นที่เหมือนกับโซเฟีย
แต่ถ้าหากเธออายุน้อยกว่าฉัน ฉันก็ไม่จำเป็นต้องกลัว
“เฮอะ! ไร้เดียงสา? ฉันคือเลวีนัสผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่ากระต่ายมีเขา!”
“โอ้ งั้นเหรอ…”
เธอคงจะเป็นคนที่มีความเป็นตัวเองสูง
เนื่องจากไม่รู้ว่าจะต้องตอบอะไร ฉันจึงเอามือล้วงเข้ากระเป๋า
ฉันกำลังคลำหาเครื่องมือในการปลูกดอกแดนดิไลออน
“พลั่วขุดรากปลูกหญ้า…บัวรดน้ำอันเล็ก…”
ในขณะที่ฉันกำลังหยิบเครื่องมือออกมา หินมานาของบอสกระต่ายมีเขาก็ขวางทางเอาไว้ ฉันก็เลยหยิบมันออกมาก่อน
ฉันต้องเอาเครื่องมือออกมาก่อนแล้วค่อยใส่มันทั้งหมดกลับคืน
ในขณะที่ฉันคิดแบบนั้น เด็กผู้หญิงคนนั้นก็หายใจไม่ออกด้วยความหวาดกลัวต่อหินมานา
“อึก…!”
“ฮะ?”
เด็กผู้หญิงคนนั้นตัวแข็งราวกับกระต่ายที่เผชิญอยู่กับนักล่า
เธอแปลกจริง ๆ ด้วย
การไม่ไปยุ่งกับเธอดูเหมือนจะเป็นการดีกว่า
ฉันตัดสินใจปล่อยเธอไปและมุ่งความสนใจไปที่การดูแลสวน
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
Comments