I Was Kidnapped By The Strongest Guild 39 สักวันหนึ่งอย่างแน่นอน

Now you are reading I Was Kidnapped By The Strongest Guild Chapter 39 สักวันหนึ่งอย่างแน่นอน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉันมีหนี้เยอะมากจนไม่สามารถจ่ายไหว ต่อให้ฉันจะทำงานทั้งชีวิตก็ตาม

 

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องผ่าท้องและยอมแพ้

 

ฉันไม่รู้ว่าฉันจะจ่ายเงินคืนได้ทั้งหมดหรือเปล่า แต่ฉันจะพยายามให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

“ฉันต้องจัดตารางให้แน่นกว่านี้”

 

ฉันตัดสินใจตื่นเช้าให้มากขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง

 

และลดเวลาทานอาหารลงสิบนาที

 

ในขณะที่ฉันกำลังจัดตารางเวลาและหยิบจอบขุดดอกแดนดิไลออนขึ้นมา ยอรึมก็เดินเข้ามาหาฉัน

 

“คยออุล”

 

“ฮะ อ-อืม?”

 

เมื่อมองขึ้นไป ร่างของยอรึมดูค่อนข้างน่ากลัว

 

ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนดี แต่หนี้ก้อนใหญ่ที่ฉันมีก็แปรเปลี่ยนให้เธอกลายเป็นบุคคลทรงอำนาจในสายตาของฉัน

 

“อันนี้เป็นของคยออุล”

 

ยอรึมแสดงสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าของเธอให้ฉันดู

 

มันคือคริสตัลขนาดใหญ่ที่บรรจุลูกปัดสีแดงไว้ข้างใน และหินมานาของกระต่ายมีเขาประมาณสิบห้าก้อน

 

กระต่ายมีเขามักจะไม่มีหินมานา

 

อาจจะเป็นเพราะมันเป็นดันเจี้ยนพิเศษที่ไม่สามารถใช้มานาได้ หรือไม่ก็เป็นเพราะกระต่ายเขาอยู่ในดันเจี้ยน พวกมันจึงสร้างหินมานาขึ้นมา

 

“ทั้งหมดนี่คืออะไร…?”

 

“นี่มาจากบอสที่เราเอาชนะ เราตกลงกันแล้วว่าคยออุลจะเป็นคนได้รับหินมานาเพราะคยออุลเราเลยจัดการบอสได้”

 

ในขณะที่เธอเข้ามาใกล้เพื่อมอบหินมานา ฉันก็ก้าวถอยหลังออกไปโดยสัญชาตญาณ

 

ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรรับหินมานาจากบอส ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้อะไรเลยเรื่องหินมานาของกระต่ายมีเขาก็ตาม

 

“แต่เราทุกคนต่างมีส่วนร่วมในการเอาชนะบอส…ต่อให้จะไม่มีฉัน คนอื่นก็ต้องจัดการได้แน่…”

 

“ก็อาจใช่ แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจจะมีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตมากกว่านี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มานาในดันเจี้ยนถูกปิดกั้น เพราะงั้นการปรับตัวจึงค่อนข้างยาก”

 

“เป็นครั้งแรกจริง ๆ งั้นเหรอ?”

 

ยอรึมพยักหน้าให้กับคำถามของฉัน

 

“ใช่ เป็นครั้งแรกของโลกเลย เพราะงั้นทางกิลด์จึงวางแผนที่จะปรับหลักสูตร”

 

งั้นเหรอ

 

ไม่แปลกใจเลยที่นักผจญที่มีความสามารถมากที่สุดยังต้องดิ้นรน

 

“ยังไงมันก็มาจากบอส แบ่งกันไม่ดีกว่าเหรอ?”

 

“เราแบ่งไปแล้ว มีอะไรอีกมากมายที่บอสกระต่ายมีเขาสามารถแบ่งได้นอกจากหินมานา”

 

อ่า เข้าใจแล้ว

 

นี่คือส่วนแบ่งจากบอสกระต่ายมีเขาของฉัน

 

ไม่มีเหตุผลใดที่ฉันจะไม่รับ

 

ฉันหยิบกระเป๋าที่ยอรึมยื่นให้ฉันอย่างระมัดระวัง

 

ภายในกระเป๋าเต็มไปด้วยหินมานา รู้สึกหนักอย่างน่าประหลาด

 

“แล้วลูกแก้วคริสตัลมีไว้ทำอะไรเหรอ?”

 

“พี่ก็ไม่รู้”

 

“คุณไม่รู้?”

 

“ใช่ เวทย์ตรวจสอบใช้ไม่ได้ผลกับมัน พวกเราเดาว่าสิ่งนี้คือสาเหตุของมานาปิดกั้น”

 

ไอเทมที่สามารถปิดกั้นมานาได้…

 

ในโลกใบนี้เปรียบเสมือนยาพิษที่ร้ายแรงสำหรับมนุษย์

 

“ถ้าหากไอเทมนี้สามารถปิดกั้นมานาได้ มันก็คงจะเป็นของที่มีค่ามาก ๆ ใช่ไหม…?”

 

“มันมีค่า แต่พี่คิดว่ามันเหมาะกับคยออุล”

 

“เหมาะกับฉัน?”

 

เหตุใดไอเทมปิดกั้นมานาถึงเหมาะกับฉัน?

 

ฉันพยายามคิดหาเหตุผล แต่สุดท้ายก็คิดไม่ออก

 

ฉันตัดสินใจฟังเหตุผลจากยอรึม

 

“การต่อสู้โดยปราศจากมานาคือสิ่งที่คยออุลทำได้ดีมากที่สุดใช่ไหมล่ะ?”

 

“อ๊ะ…!”

 

ถูกต้องเลย

 

คนในโลกนี้ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่มีมานา

 

ในสถานการณ์ที่ไม่มีมานา ฉันมีโอกาศชนะสูง

 

‘เป็นไอเทมที่เหมาะกับฉันจริง ๆ ด้วย’

 

ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกแก้วคริสตัลจะสามารถปิดกั้นมานาได้

 

ด้วยความหวังนั้น ฉันจึงกอดลูกแก้วคริสตัลไว้แน่น

 

“ขอบคุณสำหรับของชิ้นนี้ แต่ฉันต้องกลับไปทำงานแล้ว”

 

“จะไปแล้วเหรอ? แต่เธอเพิ่งทานอาหารเช้าไปเองนะ”

 

“ฉันมีหนี้ที่ต้องชำระ…”

 

ชงชาและวิ่งไปทั่วในดันเจี้ยน

 

ถ้าการทำงานแค่สองอย่างยังไม่เพียงพอ ฉันจะพิจารณางานที่สาม

 

ฉันรีบมองไปรอบ ๆ เพื่อหาดอกแดนดิไลออน

 

“คยออุล เอ่อ…เรื่องเงิน…พี่พอจะช่วยอะไรได้บ้างไหม…?”

 

“ไม่ต้องหรอก ไปพักผ่อนเถอะ ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง”

 

การขอความช่วยเหลือในการชำระหนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบมาก

 

หลังจากที่ยอรึมนั่งลงใกล้แคมป์ไฟ ฉันก็ไหวตัวไปทางดอกแดนดิไลออน

 

แต่ละก้าวที่ฉันเดินเต็มไปด้วยความหนักอึ้งจากการเป็นหนี้

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

จึก! จึก!

 

ยอรึมที่นั่งอยู่ใกล้แคมป์ไฟ เฝ้ามองดูแผ่นหลังของคยออุลที่กำลังนั่งขุดดอกแดนดิไลออนขึ้นมา

 

หูและหางที่ตกของคยออุล ยิ่งทำให้ยอรึมรู้สึกผิดมากขึ้น

 

“นี่คยออุล มีอะไรที่พี่พอช่วยได้บ้างไหม…?”

 

“ม-ไม่มี…ฉันใกล้เสร็จแล้ว ได้โปรดแค่นั่งพักเถอะ ท่านยอรึม…”

 

ท่านยอรึม

 

คำพูดที่เป็นทางการดังกล่าวทำเกิดความรู้สึกห่างเหิน

 

ยอรึมอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

 

“เธอไม่จำเป็นต้องเพิ่ม ‘ท่าน’ ในชื่อของฉันหรอก”

 

“แล้วจะให้ฉันเรียกคุณว่ายังไง?”

 

“เอ่อ…พี่ยอรึมเป็นไง? เรียกง่ายและเป็นมิตร”

 

แฮะแฮะ

 

ยอรึมยิ้มตาหยี แต่คยออุลดูรังเกียจ

 

“งั้นเอา ‘ท่าน’ ต่อไป…”

 

“เอ่อ โอเค…”

 

คำว่า ‘พี่’ มันก็ดูเป็นมิตรและดูดีไม่ใช่หรือไง?

 

ยอรึมค่อย ๆ เกาหลังศีรษะ

 

‘เหมือนกับการปีนเขาเพื่อไปเจอเขาอีกลูก’

 

ฉันน่าจะโกหกเรื่องราคาของพร

 

ในเมื่อรู้นิสัยของคยออุลดีอยู่แล้ว แล้วทำไมฉันถึงพูดความจริงออกไปล่ะ?

 

อึ๋ย

 

ในขณะที่ยอรึมกรีดร้องออกมาเงียบ ๆ และดึงเส้นผมของตัวเอง โซเฟียก็ค้ำไม้เท้าและเดินเข้ามา

 

“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”

 

“ค่ะ…ร่างกายของฉันสบายดี แต่จิตใจของฉันไม่ค่ะ…”

 

ยอรึมเลื่อนตัวลงจากเก้าอี้ด้วยความสิ้นหวัง

 

เธอเลื่อนลงมาจนหัวของเธอแตะลงบนเบาะเก้าอี้ที่ควรเป็นนั่ง

 

“ฉันคิดว่ามันแปลกมาตลอด”

 

“อะไรล่ะ?”

 

“คยออุลมักจะหมกมุ่นตลอดเมื่อพูดถึงเรื่องเงิน”

 

“ใช่ เธอค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องนั้น”

 

ถึงแม้ว่าฉันจะบอกเธอว่าไม่ต้องชดใช้ แต่เธอก็ไม่ยอมอยู่ท่าเดียว

 

เธอแบ่งหินมานาก็อบลินที่เธอเป็นคนจัดการคนเดียวให้กับทุก ๆ คน

 

และมนุษย์สัตว์ที่ถึงแม้จะไม่ได้ต้องการเงินเป็นพิเศษก็ยังต้องรับของที่คยออุลให้

 

และมนุษย์สัตว์ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ต้องการเงินเป็นพิเศษ แต่ก็ยังต้องเก็บสิ่งที่พวกเขาได้รับจากคยออุล

 

“อาจจะเป็นเพราะเธออยู่คนเดียวมานาน”

 

“ทำไมการอยู่คนเดียวถึงทำให้เธอหมกหมุ่นอยู่กับเงินล่ะ?”

 

“เพราะเงินเป็นสิ่งเดียวที่เธอสามารถพึ่งพาได้ จึงไม่แปลกที่เธอจะหลงไหลมัน”

 

เธอไม่มีรายได้มากนัก

 

ยอรึมเบิกตากว้างให้กับคำพูดของโซเฟีย

 

“ไม่ นั้นไม่จริงเลย คยออุลมีเพื่อนที่เธอไว้ใจ”

 

“…เจ้าเด็กโง่”

 

ตึบ

 

โซเฟียชกไปที่หลังของยอรึมเบา ๆ ด้วยหมัดของเธอ

 

ยอรึมรู้ตัวว่ากำลังถูกตำหนิ

 

“ท-ทำไมล่ะคะ?”

 

“เธอมีเพื่อนจริง ๆ งั้นเหรอ? ที่เธอพูดแบบนั้นก็เพราะว่าเธอรู้สึกอายที่จะบอกว่าไม่มีต่างหาก”

 

“เอ๋…?”

 

นั่นไม่จริงเลย

 

ถึงจะมีสิ่งที่เธอพยายามปกปิด แต่ในตอนที่เธอบอกว่ามีเพื่อน เธอก็ดูมั่นใจมาก

 

ยอรึมแน่ใจว่าโซเฟียคิดผิด

 

“ฉันควรไปถามเธอหรือเปล่าคะ?”

 

“อย่าเลย มีแต่จะทำให้อึดอัดขึ้นซะเปล่า ๆ ”

 

“คุณประเมินคยออุลต่ำไปหรือเปล่าคะ? แม้แต่คนที่มีชีวิตอย่างยากลำบากแบบเธอก็สามารถมีเพื่อนได้นะคะ”

 

สถานที่อย่างเช่นพื้นที่ล่าและศูนย์อาหารฟรี

 

มีสภาพแวดล้อมที่เธอสามารถสร้างสังคมได้

 

‘แต่คยออุลจะใช้วิธียังไงในการอธิบายถึงร่างกายที่เปลี่ยนไปให้เพื่อนของเธอฟัง’

 

ด้วยความคิดแบบนั้น ยอรึมจึงรีบวิ่งไปหาคยออุล โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าโซเฟียกำลังเดาะลิ้นอยู่ข้างหลังของเธอ

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

 

“คยออุล!”

 

เมื่อกำลังจดจ่ออยู่กับการขุดสมุนไพรใต้ร่มไม้ ฉันก็รู้สึกตกใจกับเสียงตะโกนของยอรึม

 

ฉันกำลังฝึกปิดกั้นประสาทสัมผัสที่เพิ่มสูงขึ้นของฉันอยู่ ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ตัวที่ยอรึมเข้ามาใกล้

 

“มีอะไรเหรอ…?”

 

เมื่อหันหน้าไปพร้อมกับโกฐจุฬาลัมพาที่อยู่ในมือ ฉันก็พบเข้ากับรอยยิ้มที่ยิ้มแย้มของยอรึม

 

มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นงั้นเหรอ?

 

ฉันกระพริบตาและจ้องมองเธอ

 

“ตั้งแต่ร่างกายเปลี่ยนไป เธอยังไม่เคยพบเพื่อนเลยใช่ไหม?”

 

“เพื่อน…?”

 

“ใช่ เธอบอกว่าเธอมีเพื่อน”

 

ฉันพูดจริง

 

แต่พวกเขาอยู่ที่อีกโลกหนึ่ง

 

เป็นความจริงที่ฉันไม่สามารถบอกคนอื่นได้

 

“ใช่ ฉันมีเพื่อน”

 

“แล้วเธอบอกเพื่อนของเธอถึงร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปของเธอแล้วหรือยัง?”

 

“ไม่ ฉันยังไม่ได้บอก…”

 

ถ้าจะบอกพวกเขา ฉันก็คงต้องข้ามมิติไป

 

มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้

 

“ถ้างั้น ให้พี่ช่วยไหม? การทำคนเดียวคงจะเป็นเรื่องยาก”

 

“ไม่เป็นไร ฉันไม่จำเป็นต้องบอกพวกเขา”

 

“ฮะ? เธอจะบอกด้วยตัวเองเหรอ?”

 

“ไม่ใช่หรอก พวกเขาอยู่ในที่ ๆ ไกลมาก ๆ ”

 

ฉันไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าฉันมาจากโลกอื่น แต่มันก็ไม่สำคัญหรอกถ้าหากพวกเขารู้ว่าฉันไม่ได้มีเพื่อนอยู่ที่นี่

 

ฉันรู้แล้วว่ายอรึมไม่ใช่คนไม่ดี

 

เธอจะไม่แกล้งฉันที่ไม่มีเพื่อน

 

“ที่ ๆ ไกลมาก ๆ ?”

 

“ใช่ อยู่ไกลมากจนฉันไปหาพวกเขาไม่ได้”

 

ถ้าหากมีเกตเชื่อมต่อที่นั่น บางทีฉันก็อาจจะเดินไปนั่นได้ใช่ไหม?

 

ในขณะที่ฉันกำลังคิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่ ใบหน้าของยอรึมก็เริ่มซีด

 

“…นั่น…”

 

“……?”

 

ยอรึมหยุกพูดกลางคันโดยที่ปากของเธอยังอ้าอยู่

 

ฉันพูดอะไรแปลก ๆ ออกไปหรือเปล่า?

 

ทำไมจู่ ๆ เธอถึงได้ทำตัวแบบนี้ล่ะ?

 

ฉันจำไม่ได้เลยว่าพูดอะไรที่ผิดปกติ

 

ฉันติดสินใจรออยู่อย่างเงียบ ๆ จนกว่าเธอจะพูดออกมาอีกครั้ง เนื่องจากฉันจำไม่ได้เลยว่าพูดอะไรที่ผิดปกติออกไป

 

“…พี่ก็อยากคุยกับเพื่อนที่อยู่ห่างไกลเหมือนกัน”

 

“จริงเหรอ?”

 

“ใช่ พี่คิดถึงพวกเขาบ่อยมาก แล้วเธอละคยออุล…?”

 

ยอรึมวางมือลงบนแก้มของฉัน

 

สัมผัสของเธอที่ลูบไล้เบา ๆ รู้สึกค่อนข้างอึดอัด

 

“ฉันไม่เป็นไร สักวันฉันคงได้เจอพวกเขา”

 

“พบพวกเขา?”

 

“ใช่ ฉันพร้อมเสมอที่จะเจอพวกเขา”

 

เนื่องจากโลกต่าง ๆ เชื่อมต่อกันด้วยเกต

 

ฉันไม่สงสัยเลยถ้าหากวันหนึ่งมีเกตที่เชื่อมต่อกับโลกของฉันปรากฏขึ้นมา

 

คนเราจำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ

 

เพื่อที่จะเดินทางไปยังเกตต่าง ๆ ฉันจะต้องกลายเป็นนักผจญภัยที่โดดเด่นซะก่อน

 

ในขณะที่ฉันตัดสินใจและมองไปที่ยอรึม ฉันก็สังเกตุเห็นว่าสีหน้าของเธอดูเหวอมาก

 

ราวกับว่าเธอเห็นผีมายังไงยังงั้น

 

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด