Transmigration with QQ Farm สาวน้อยปลูกผัก 614

Now you are reading Transmigration with QQ Farm สาวน้อยปลูกผัก Chapter 614 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

TQF:บทที่ 614 เส้นทางแห่งเลือด (1)

 

 

“แปลกจริง ซูเสวี่ยบอกว่านางโดนคำสาปไม่ใช่เหรอ ปกติแล้วแก้ไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่แก้ไม่ได้ วิทยายุทธก็สูงขึ้นอีกด้วย แถมยังมีลูกอีก ท่าทางหลายสิบปีมานี้ยัยนี่ก็มีชีวิตที่ดีนี่”

 

นายท่านรองขมวดคิ้วพลางเอ่ยต่อ “หลายปีที่ผ่านมานี้นางไปอยู่ที่ไหน ทำไมไม่มีข่าวคราวของนางเลย ตอนนี้ก็มาปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันอีก หรือว่าจะมีเรื่องอะไร”

 

“นายท่าน หรือว่านายท่านใหญ่…”

 

“เป็นไปไม่ได้”

 

นายท่านรองสะบัดมือขัดคำพูดของพ่อบ้าน “หากพวกเขารู้ที่อยู่ของฟางซูหยุนจริงๆจะไม่เรียกนางกลับมาถึงหลายสิบปีเชียวเหรอ ตอนนี้กลับมาแล้วจะมีประโยชน์อะไร พวกเขาคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรือไง อย่างมากก็แค่สบายใจขึ้นเท่านั้นแหละ”

 

“นายท่านพูดถูก ได้ข่าวว่าคุณหนูซูหยุนพายัยหนูกลับมาด้วยแค่ 2 คนเท่านั้น ต่อให้นางจะเคืองโกรธแล้วจะทำอะไรได้ พวกเราตระกูลฟางไม่ใช่อะไรที่นางจะทำอะไรได้”

 

“อื้ม เจ้าพูดถูก” ได้ยินคำพูดของพ่อบ้านแล้วนายท่านรองพึงพอใจมาก มีรอยยิ้มกระหยิ่มอยู่บนใบหน้า “สั่งลงไป พรุ่งนี้ห้ามเสียมารยาทเด็ดขาด คุณหนูฟางซูหยุนของเรากลับบ้านทั้งที อย่างไรซะก็ต้องให้เกียรตินางหน่อย เข้าใจมั้ย”

 

“ขอรับ นายท่าน” พ่อบ้านได้ยินคำนี้ก็เผยรอยยิ้มมีเลศนัย ความหมายถูกสื่อออกมาโดยไม่ต้องพูด

 

ไม่ว่าคืนนี้จะมีคนได้รับข่าวการกลับมาของคุณหนูฟางซูหยุนมากแค่ไหน ก็ไม่มีใครมารบกวนคนที่อยู่ในโรงเตี๊ยม และไม่มีใครไปรายงานข่าวที่บ้านในหลืบ

 

ค่ำคืนผ่านไปอย่างสงบ

 

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่ตื่นแล้วรู้สึกได้ว่าท่านย่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่รู้ว่คิดอะไรอยู่

 

จนกระทั่งทานอาหารเข้าเสร็จ อาเสียงเข้ามาทักทายนางถึงได้สติกลับมาบ้าง

 

ท่าทางเมื่อคืนฟางซูหยุนจะแทบไม่ได้หลับได้พักผ่อนเลย

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเข้าใจความรู้สึกของท่านย่า จึงตั้งใจชงน้ำผึ้งหยกให้นางดื่มก่อนจะออกเดินทาง

 

อาเสียงตั้งใจจะกลับไปด้วยแต่ฟางซูหยุนปฏิเสธ นางต้องการพาหลานสาวกลับไปด้วยตัวเอง

 

อาเสียงรู้ว่านางคิดอะไรอยู่ จึงตัดสินใจว่าสายๆค่อยกลับไป ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ตระกูลฟางต้องครึกครื้นอย่างแน่นอน เขาไม่อยากให้ครอบครัวฟางซูหยุนต้องถูกกดขี่ข่มเหง

 

ภายใจสายตาอันยากจะเข้าใจของเสี่ยวเอ้อในร้านที่จ้องมองมา พวกนางย่าหลานก็ขึ้นรถม้าไป เหล่าเสี่ยวเอ้อในร้านเองก็รู้กลายๆแล้วว่าคนผู้นี้เป็นใคร

 

เห้อไป๋ยี่ยังคงเป็นผู้ขับเคลื่อนรถไปยังบ้านตระกูลฟางตามคำบอกของฟางซูหยุน

 

ตระกูลฟางเป็น 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่แห่งชิงยาง เฉพาะบ้านตระกูลฟางก็มีพื้นที่มากถึงหลายพันไร่ บ้านเล็กใหญ่หลายร้อยหลัง คนที่อยู่ในนั้นมีนับหมื่นคน คนที่มีศักดิ์เป็นเจ้านายมีนับร้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกศิษย์สายนอก แขกเหรื่อ ผู้อาวุโส ทหารยาม คนรับใช้ จำนวนประชากรไม่น้อยไปกว่าตำบลเล็กๆแน่นอน

 

ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็มาอยู่หน้าเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ป้ายขนาดใหญ่เขียนไว้ว่าบ้านตระกูลฟาง พลังลมปราณเข้มข้นโชยเข้าหน้า

 

เห็นถึงฐานะและความยิ่งใหญ่ตระกูลฟางแล้วเฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้แต่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “เอาตระกูลเฉิงที่ตี้ตูมาเทียบกับตระกูลฟางนี้ เหมือนปลาเล็กปลาใหญ่ดีๆนี่เอง เทียบไม่ติดเลย”

 

“อิอิ คุณหนู ท่านพูดถูก ตระกูลเฉิงเมื่อก่อนนี้น่ะราวกับบ้านกะโหลกกะลาที่บ้านนอก ส่วนตระกูลฟางอย่างกับพระราชวัง ต่างกันราวฟ้ากับดิน” หยูเฮงน้อยก็กล่าวอย่างยิ้มแย้ม

 

คำพูดของเจ้าตัวเล็กทั้ง 2 นี้ทำให้ใบหน้าตึงเครียดของฟางซูหยุนอ่อนลงมาไม่น้อย นางถอนหายใจ “ใกล้จะถึงแล้ว เตรียมตัวลงรถ”

 

และก็จริง เพิ่งจะเข้าประตูป้ายมาได้ไม่นานก็มีคนมาสกัดรถลากสัตว์วิญญาณไว้ ฟางซูหยุนหยิบแผ่นคริสตัลประจำตัวของตระกูลฟางออกมา ทหารยามชะงักไปก่อนจะรีบประสานมือปล่อยให้พวกนางผ่านไป

 

อะไรก็ปลอมได้ แต่กับแผ่นคริสตัลประจำตัวแล้ว ไม่มีใครอื่นใช้มันได้ ดังนั้นแผ่นคริสตัลประจำตัวจึงเป็นอุปกรณ์แยกแยะที่ดีที่สุด

 

รถลากสัตว์วิญญาณมาถึงหน้าประตู ทหารยามที่เฝ้าอยู่ไม่ทันได้เอ่ยถามก็เห็นสาวสวยทั้ง 3 ที่ก้าวลงมาจากรถ

 

ในชั่วขณะที่พวกเขาเหม่อลอย หยูเฮงน้อยก็เก็บรถลากสัตว์วิญญาณเข้ามิติทันที คนทั้ง 4 ยืนอยู่หน้าประตู

 

“พวก พวกเจ้าเป็นใครกัน”

 

ทหารยามในอดีตไม่ได้เฝ้าอยู่ที่นี่นานแล้ว ทหารยามในตอนนี้ไม่มีใครเคยเจอฟางซูหยุนเลย ดังนั้นพวกเขาต่างพิจารณาทั้ง 4 คนด้วยสายตาระแวง

 

ฟางซูหยุนยืนนิ่งๆอยู่หน้าประตู จากสีหน้าของนางเฉิงเสี่ยวเสี่ยวดูออกว่าอารมณ์นางค่อนข้างแปรปรวน จึงรีบยื่นมือไปกุมมือนางไว้แน่นพลางถ่ายทอดพลังเซียนเข้าสู่ร่างนาง

 

แปปเดียวฟางซูหยุนก็สงบจิตสงบใจได้ นางเอียงหัวพยักหน้ากับเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ก่อนจะหันไปบอกกับเหล่าทหารยามเย็นๆ “ข้ากลับบ้านตัวเองไม่ได้รึไง”

 

“เจ้า?” ทหารยาม 1 ในนั้นเลิกคิ้วมองดูพวกนาง เผยสีหน้าดูหมิ่น “ล้อเล่นรึเปล่า เจ้าเป็นเจ้านายของพวกเราตระกูลฟางรึ ทำไมพวกเราไม่รู้ล่ะ รีบออกไปจากที่นี่ซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

 

“บังอาจ…”

 

สีหน้าฟางซูหยุนเข้มขึ้น เอ่ยเสียงแข็ง “รีบไปบอกเจ้าบ้านของเจ้าซะ ข้าฟางซูหยุนกลับมาแล้ว”

 

“เจ้า…”

 

สีหน้าของเหล่าทหารยามเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะอย่างสะใจ “ฮ่าๆๆ เจ้าคือคนของตระกูลฟางเหรอ? ข้าว่าเจ้าคือพวกไม่กลัวตายมาปลอมตัวสวมรอยเป็นคนตระกูลฟางมากกว่า นังหนู ไสหัวไปไวๆจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้ากับสหายของข้าจะไม่เกรงใจละนะ”

 

“ยัยนี่หน้าตาใช้ได้ พวกเราโชคดีเว้ย อย่าพลาดเชียวล่ะ”

 

“ฮ่าๆ ถูกต้อง ยัยคนสวย 3 คนนี้หน้าตาไม่เลว สวมรอยเป็นใครไม่สวมบังอาจมาสวมรอยเป็นเจ้านายตระกูลฟาง ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ มาอยู่กับข้าดีกว่า รับรองกินดีอยู่ดี……”

 

“เพียะ…”

 

เสียงตบดังลั่นขัดการเหยียดหยามของอีกฝ่ายลง และหยุดเสียงหัวเราะโอหังของพวกเขาไว้ คนที่ลงมือก็คือเห้อไป๋ยี่นี่เอง

———————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด