Transmigration with QQ Farm สาวน้อยปลูกผัก 726 วิถีสวรรค์เป็นพยาน (1)

Now you are reading Transmigration with QQ Farm สาวน้อยปลูกผัก Chapter 726 วิถีสวรรค์เป็นพยาน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

TQF:บทที่ 726 วิถีสวรรค์เป็นพยาน (1)

 

“ทำไม ทุกท่านยังคิดจะทำตัวเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดองเหรอ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองเหล่าปีศาจเฒ่าหลายสิบคนที่นั่งอยู่บนที่นั่งประธาน

 

ส่วนเหล่าปีศาจเฒ่าที่อยากแทรกแผ่นดินหนีก็รู้แล้วว่าวันนี้จะล้มล้างกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนคงจะไม่ง่าย

 

แต่พวกเขาไม่ยอมแค่นี้หรอก ถึงยังไงพวกเขาก็อยู่มาเป็นพันเป็นหมื่นปีแล้ว จะมาให้เด็กรุ่นหลังรังแกแบบนี้ไม่ได้

 

นาทีนี้หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างเอ้าชังใจเย็นลงได้แล้ว เขาลุกขึ้นยืน หายตัวไปปรากฏตัวบนเวทีอย่างทรงอานุภาพ “ทุกคนอาจไม่รู้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนมีแต่เผ่าอสูร ที่นี่เป็นพื้นที่ของมนุษย์อย่างเรา การเอาเผ่าอสูรนับแสนมาปักหลักที่นี่เป็นสิ่งที่มนุษย์อย่างเรารับไม่ได้เด็ดขาด คนละเผ่าพันธุ์ย่อมเห็นต่าง การฆ่าเล้าเผ่าอสูรเป็นความรับผิดชอบของพวกเรามนุษย์ พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด”

 

เรียกได้ว่าตาแก่คนนี้ยอมรับเรื่องที่พวกเขาเข่นฆ่าเผ่าอสูรโดยไม่ใส่ใจอะไร

 

สีหน้าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเปลี่ยนสีไป มีแววสังหารแว้บผ่านไปในตา หยูเฮงน้อยยิ่งโมโหใหญ่ สีหน้านางเหี้ยมเกรียม มีพลังลมปราณอันน่าตะลึงแผ่ออกจากตัว

 

“หา สมาชิกทุกคนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเป็นเผ่าอสูรหมดเลยเหรอ ไม่จริงน่า”

 

“เผ่าอสูร จะเป็นเผ่าอสูรไปได้ยังไง พวกเราไม่เห็นรู้สึกถึงกลิ่นไอปีศาจเลย”

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน คนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเป็นเผ่าอสูรเหรอ ไม่จริงหรอก”

 

“มีเผ่าอสูรนับแสนคนเลยเหรอ คงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกนะ สยองเกินไปแล้ว พวกมันจะกินคนมั้ยอ้ะ”

 

“คนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนนิสัยดีมากเลยนะ ไม่เห็นจะเหมือนเผ่าอสูรเลย”

 

“เป็นไปได้ยังไง คนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนจะเป็นเผ่าอสูรได้ยังไง ล้อเล่นรึเปล่า”

 

“เผ่าอสูรจะใจดีขนาดนั้นเลยเหรอ เรื่องจริงรึ”

 

…..

 

ผู้คนล่างเวทีเริ่มถกกันด้วยความตกใจระคนสงสัยอีกครั้ง แต่ละคนมีสีหน้าแตกต่างกันไป แม้ทุกคนจะไม่ค่อยอยากเชื่อ แต่ก็ไม่มีคนที่มีท่าทีต่อต้านรุนแรง

 

น่าประหลาดใจเกินไปแล้ว พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อนจะเป็นเผ่าอสูรทั้งหมด เกินความคาดหมายของทุกคนจริงๆ

 

มีไอเย็นแผ่พุ่งออกจากตัวเฉิงเสี่ยวเสี่ยว สายตาของนางเยือกเย็นจนทำให้คนอื่นรู้สึกหนาวสั่นถึงกระดูก นางกวาดตามองเหล่าปีศาจเฒ่าก่อนจะทอดสายไปยังผู้คนด้านล่างนับหมื่นและพูดขึ้น “เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยรู้ว่าข้าคือผู้ฝึกสัตว์ ที่ไอแก่หนังเหนียวนั่นพูดถูก สมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเป็นสัตว์อมตะของข้าที่แปลงกายเป็นมนุษย์จริงๆ”

 

“หา จริงเหรอ”

 

“กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเป็นเผ่าอสูรจริงเหรอ”

 

“คิดไม่ถึงเลยนะ กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเป็นเผ่าอสูร”

 

“ทำไมถึงมีเผ่าอสูรมากมายขนาดนั้นล่ะ พวกมันมาจากไหนเหรอ จะทำร้ายมนุษย์อย่างพวกเราจริงรึเปล่า”

 

“เผ่าอสูรแล้วยังไงล่ะ ในเมื่อแปลงกายเป็นมนุษย์แล้ว ขอแค่พวกเขาไม่ได้ทำชั่วก็พอ”

 

“ถูกต้อง สมัยโบราณกาลมีเผ่าอสูรมากมายที่เป็นเพื่อนกับมนุษย์ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ร่วบรบไปด้วยกัน”

 

……

 

ผู้คนออกความคิดเห็นกันอีกครั้ง พวกเขารู้ว่าเรื่องวันนี้ไม่ธรรมดาแน่ จึงค่อยๆเงียบลง ดูว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป

 

หลังจากที่ทุกคนเงียบลงแล้ว นัยน์ของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่องประกายอยู่แว้บหนึ่งและกล่าวต่อ “ยัดเยียดความผิดให้คนอื่นโดยไม่ให้ปฏิเสธ นี่แหละวิถีของพวกเขา เมื่อกี้ข้าก็ถามไปแล้วว่า สมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของเราแม้จะเป็นเผ่าอสูร แต่ก็ไม่เคยทำความชั่วอะไร กลับกัน เหล่าผู้อาวุโสสำนักต่างๆ เพื่อจะได้มาซึ่งทรัพยากรของตึกจงหยวน ร่างของสัตว์อมตะไปสกัดยาเม็ดแล้ว เข่นฆ่าเผ่าอสูรของเราเพียงเพราะเหตุผลที่ว่า ต่างเผ่าพันธุ์กันย่อมเห็นต่าง แล้วลงมือกับกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของข้า คำที่ว่าไม่มีคนที่หน้าไม่อายที่สุด มีแต่คนที่หน้าไม่อายกว่านี่ไม่ผิดจริงๆ”

 

“เผ่าอสูรของพวกเจ้าไม่เคยเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์จริงรึ”

 

สายตาของหัวหน้ากลุ่มชราคมกริบราวกับดาบ 2 เล่มที่แทงไป ทำให้คนอื่นเกิดอาการเกรงกลัวไม่กล้าสบตา

 

แต่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวสีหน้าไม่เปลี่ยน และไม่ใส่ใจกับสายตาของเขา คลี่ยิ้มนิดหน่อยและพูดอย่างเย็นชา “คนหน้าไม่อายนี่อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตัวเอง จะหาข้ออ้างอะไรก็ได้ไปเข่นฆ่าคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง คนอย่างพวกเจ้าก็สมควรแล้วที่จะติดอยู่ระดับนี้ตลอดชีวิต วิทยายุทธไม่คืบหน้าไปไหน”

 

“เสี่ยวเสี่ยวพูดถูก”

 

บนตัวของโม่ซวนซุนมีลมปราณเย็นยะเยือกแผ่ออกมา อุณหภูมิลานกว้างต่ำฮวบลงทันที ลมปราณมรณะห่อหุ้มทุกคนเอาไว้ราวกับมหาสมุทร ความรู้สึกนั้นเหมือนจมอยู่ในทะเล จะเป็นหรือจะตายก็อยู่ที่ชั่วพริบตาเท่านั้น ล่มสลายไปได้ทุกเมื่อ

 

โดยเฉพาะหัวหน้ากลุ่มชราที่เป็นเป้าหมาย สีหน้าเขาเปลี่ยนไปและร่างเขาสั่นสะท้าน มีไอเย็นแปลกๆพุ่งออกจากใจ

 

ปีศาจเฒ่าที่ฝึกฝนมานับหมื่นปีอย่างเขาเริ่มตั้งรับไม่ไหว หน้าเป็นสีแดงก่ำ

 

แต่โม่ซวนซุนไม่ได้เก็บเอาลมปราณกลับไป พูดขึ้นด้วยความเย็นชา “ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธทำสิ่งที่ขัดกับสวรรค์ สรรพสิ่งล้วนเวียนว่ายตามกฎแห่งกรรม พวกเจ้าเป็นคนฝ่ายธรรมมะแต่กลับทำเรื่องปล้นฆ่าแย่งชิงสร้างบาปกรรมไว้นับไม่ถ้วน พวกเจ้าไม่รู้รึไงว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆล้วนมีจิตวิญญาณ ขอแค่ชีวิตที่มีจิตวิญญาณก็สามารถฝึกฝนจนเป็นเซียนเป็นเทพได้ พวกเจ้าคิดว่ามนุษย์สูงส่งกว่าสิ่งอื่น จึงไล่เข่นฆ่าเผ่าพันธุ์อื่น ไม่กลัวรึว่าจะเป็นการสร้างไฟบาป สุดท้ายต้องตายโดยไม่เหลือซาก”

 

“ไม่แปลกเลยที่พวกเจ้าฝึกฝนมานับพันนับหมื่นปีก็ยังไม่บรรลุ พวกเจ้าไม่นึกถึงผลแห่งกรรมบ้างเลยรึไง ที่ว่าสะสมทีละนิดทีละน้อยแล้วค่อยใช้ตอนมีมาก พวกเจ้าสะสมแค่ไหนก็มีไม่มากเห็นได้ว่าพวกเจ้าเป็นคนยังไง มีเหตุและต้องมีผลตามมา ท่าทางจะเป็นแบบนั้นจริงๆ มนุษย์หลอกได้ แต่สวรรค์หลอกไม่ได้ การกระทำของพวกเจ้าอยู่ในวิถีสวรรค์อยู่แล้ว ลึกๆแล้วทุกอย่างเป็นไปตามนั้น หลอกวิถีสวรรค์ไม่ได้หรอก พวกเจ้ายังกล้าคิดว่าจะได้ฝึกฝนตนเป็นเซียนเป็นเทพอีกรึ น่าขันซะจริง”

 

“…..”

 

คำพูดของโม่ซวนซุนดังก้องอยู่ในหูของทุกคนเสมือนฟ้าผ่าลงมา สะเทือนจนแต่ละหน้าหน้าซีดไปหมดราวกับถูกตัดสินโทษประหาร

 

โดยเฉพาะเหล่าปีศาจเฒ่า พวกเขาที่มีจิตใจมั่นคงนาทีนี้สีหน้าซีดเผือดด้วยท่าทีตื่นกลัวไม่สบายใจ และยังมีความเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปด้วย

 

เรียกได้ว่าพวกเขาเหล่านี้มักจะวางตัวสูงส่ง คอยบงการผืนดินฉางไห่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีความผิดหรือคนบริสุทธิ์ที่ตายในมือพวกเขาคงจะมีนับไม่ถ้วน

 

ที่พวกเขาบรรลุไม่ได้มาตลอดนึกว่าจะเป็นปัญหาของผืนดินฉางไห่ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าปัญหาจะอยู่ที่ตัวพวกเขาเอง นี่จะให้พวกเขาที่ปรารถนาการมีชีวิตยืนยาวจะไม่หวั่นเกรงและเสียใจได้อย่างไร

 

“พวกเจ้าเป็นถึงอาวุโส คอยยืนมองสรรพสิ่งจากที่สิ่ง ไม่รู้ว่ากล้ายอมรับสิ่งที่เคยพูดและเรื่องที่เคยทำรึเปล่า”

 

นัยน์ตาของโม่ซวนซุนเยือกเย็น คลี่ยิ้มบางๆและเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ทำไม หารือกันเรื่องจะล้มล้างกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนต่อหน้าข้า จะแบ่งซากศพสัตว์อมตะกันภายในสำนักต่างๆ ตอนนี้ทำไมไม่ออกมาประกาศล่ะ”

 

เมื่อคำพูดนี้ออกไปก็ได้สร้างความฮือฮาขึ้นอีกครั้ง ทั่วลานกว้างแสดงความเห็นกันอย่างร้อนแรงอีกครั้ง มีคนมากมายที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเหล่าอิทธิพลใหญ่ที่ทำตัวมีคุณธรรมมาตลอดแท้จริงแล้วจะเลวได้ขนาดนี้ รวมหัวกันรังแกคนของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน

 

ตั้งแต่ที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวได้สิทธิ์ในการออกเสียงไป จิตใจของผู้คนก็คล้อยตามนาง บวกกับที่โม่ซวนซุนเป็นผู้ฝึกฝนวิทยายุทธระดับเซียนสวรรค์ ในโลกที่ถือคนแกร่งเป็นใหญ่นี้ย่อมเคารพนับถือผู้แข็งแกร่งผู้นี้อย่างถึงที่สุด ทุกคนรู้สึกเข้าใจคำพูดของเขาได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่รังเกียจเดียดฉันท์เผ่าอสูรได้อย่างประหลาด

 

เมื่อเห็นเหล่าปีศาจเฒ่าที่สีหน้าซังกะตายโม่ซวนซุนก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ตั้งแต่ที่ผืนฟ้าปฐพีได้อุบัติขึ้นสมัยครั้งโบราณกาล ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นผู้ฝึกฝนวิทยายุทธที่สวรรค์ยอมรับ เผ่าอสูรก็เคยเป็นเผ่าที่แข็งแกร่ง แต่ด้วยความรุ่งเรืองของเผ่ามนุษย์ที่โดดเด่นออกมาท่ามกลางสิ่งมีชีวิตในใต้หล้า จึงกลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดแทนที่เผ่าอสูร เชื่อว่าประวัติศาสตร์เรื่องนี้ทุกคนทราบดี และก็รู้ว่าหลังจากนั้นเผ่าอสูรและเผ่ามนุษย์เป็นสหายร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นี่เป็นเรื่องที่สิ่งมีชีวิตอื่นอิจฉามากที่สุด”

 

“ตั้งแต่สมัยโบราณ แม้มนุษย์และเผ่าอสูรจะทำศึกกันอยู่เนืองๆ แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามเหตุและผล เราจะไม่ยอมรับการมีอยู่ของเผ่าอสูรไม่ได้ เผ่าอสูรก็เป็นสิ่งมีชีวิตในใต้หล้านี้เหมือนกัน ทำไมมนุษย์อยู่ได้แล้วเผ่าอสูรจะอยู่ไม่ได้ล่ะ พวกเจ้าเข่นฆ่าเผ่าอสูรขนาดนี้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวแล้วอ้างคุณธรรม ไม่รู้สึกว่าตลกบ้างเหรอ”

——————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด