วิถีไลฟ์สตรีมของโอนิสาวสายอัดกระแทก 9

Now you are reading วิถีไลฟ์สตรีมของโอนิสาวสายอัดกระแทก Chapter 9 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.9 – ไลฟ์สตรีมครั้งแรก

Translator : O-Minus / Author

 

“อ่า อ่า เทส เทส”

 

ในวันต่อมาฉันก็ได้ล็อกอินกลับเข้าไปยังเมืองแห่งการเริ่มต้นอีกครั้ง และฉันก็ได้ท้าทายตัวเองกับเจ้าสิ่งที่เรียกว่าไลฟ์สตรีมครั้งแรกของฉัน

มีเจ้าวัตถุลอยได้อยู่ข้างหน้าฉันและในตอนที่ฉันโบกมือพร้อมกับทดสอบเสียงก็มีข้อความเด้งขึ้นมาบนช่องคอมเมนต์ที่ถูกเปิดไว้

 

[ดูครั้งแรกล่ะ]

[ดูครั้งแรกนะ]

[ครั้งแรก]

 

“อ๊ะ สวัสดีทุกคนที่มาดูเป็นครั้งแรกนะ นี่ก็เป็นการไลฟ์สตรีมครั้งแรกของฉันเหมือนกันแล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าทุกอย่างโอเคไหม? ทุกคนได้ยินเสียงฉันกันหรือเปล่า?”

 

[ได้ยินนะ]

[ชัดแจ๋ว]

[ครั้งแรกที่มาดู]

[เสียงไมค์ดีเหมือนใช้ของมืออาชีพเลยล่ะ]

[↑นั่นมันระบบของเกมหรอก]

[ชัดเจน]

 

ในขณะที่ดีใจนิดหน่อยกับคอมเมนต์ที่ปรากฏขึ้น ฉันก็โล่งอกที่เสียงของฉันส่งไปถึงคนดู

 

“เยี่ยมไปเลย อ๊ะ ยินดีต้อนรับทุกคนที่มาใหม่นะ ถ้างั้นก็มาเริ่มกันเลยเถอะ ทุกคนเรียกฉันว่าซุคุนะได้นะ เมื่อวานนี้ถ้าใครได้ดูสตรีมของรินจัง…รินเนะแล้วล่ะก็คงจะได้รู้จักฉันกันแล้วนะ”

 

เมื่อวานนี้ฉันกับรินจังจบการสตรีมหลังจากที่ฉันเลเวลเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเลเวลแต่ก่อนจะจบลงฉันได้ประกาศออกไปว่าจะทำการไลฟ์สตรีมในวันต่อมา

ชื่อสตรีมคือ[ไลฟ์สตรีมครั้งแรกของซุคุนะ] ถึงจะดูง่ายแต่ก็เข้าใจได้ง่ายภายในการอ่านแค่ครั้งเดียว เป็นการไลฟ์สตรีมโดยใช้ชื่อแบบนั้นล่ะ

ในตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้า เพราะว่ายังเช้าอยู่พูดตามตรงแล้วฉันยังรู้สึกง่วงอยู่นิดหน่อยเลย

 

[ดูแล้วล่ะ]

[คนรู้จักของรินเนะเหรอ?]

[ซุคุนะตันสินะ? จะจำเอาไว้ล่ะ]

[ฉันตามแอคเคาน์ไลฟ์เวอร์ทางการของเธอแล้วล่ะ]

[↑ สมาชิกใหม่HEROES]

[ชอบชื่อเล่นรินจังจังเลย]

[ว้าว เป็นโปรเกมเมอร์เหรอ?]

 

รินจังประกาศไปเมื่อวานแต่พอได้เห็นคนมาใหม่เข้าทำให้ฉันรู้สึกดีใจล่ะ

ตามจำนวนคนเข้ารับชม ความเร็วของช่องคอมเมนต์ยิ่งเลื่อนไวขึ้น

 

แต่พูดจริเหรอที่บอกว่าติดตามแอคเคาน์ไลฟ์เวอร์ทางการของฉันแล้วน่ะ? ฉันพึ่งจะสร้างมันได้เมื่อวานนี้เองนะ ยังไม่น่าจะมีใครมากดติดตามสิ…

 

จะว่าไปแล้ว[ไลฟ์เวอร์]เป็นเว็บไซต์วิดีโอชื่อดังที่ร่วมมือกับWLO

คุณสามารถรับชมไลฟ์สตรีมได้ คุณยังสามารถสำรองวิดีโอของคุณและยังอัปโหลดวิดีโอปกติก็ยังได้

คุณสามารถโฆษนาบนนั้นได้และสามารถได้รับการแจ้งเตือนเมื่อคนที่คุณติดตามไว้เริ่มสตรีมได้

 

“เอ่อ…ไหนดูสิ ฉันเป็นส่วนหนึ่งของ[HEROES]ในหมวดผู้เล่นVRนะ หมายความว่าฉันก็เป็นโปรเกมเมอร์ล่ะมั้ง? ฉันก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่พอถึงเวลาฉันก็คงจะทำอะไรในเรื่องพวกนั้นด้วยล่ะนะ อ๊ะ ช่องนี้เป็นแอคเคาน์ไลฟ์เวอร์ที่ได้รับการยืนยันแล้วเพราะงั้นถ้ากดติดตามฉันจะสามารถแจ้งเตือนพวกคุณได้นะ”

 

[งืมงืม]

[ติดตามละ]

[ติดตามเรียบร้อย]

ฮา รินเนะกดติดตามก่อนแอคเคาน์ทางการของHEROESอีก]

[ความรัก…สินะ]

 

ก็จริงๆแล้วรินจังเป็นเป็นคนสร้างแอคเคาน์ให้ฉันหรอกนะ…

 

ปล่อยเรื่องนั้นไป ในตอนนี้คนเริ่มเข้ามาดูเป็นที่เรียบร้อย ฉันควรจะไปต่อได้แล้ว

 

“วันนี้นะพวกเราจะไปที่ทุ่งราบทางทิศใต้กันและเพิ่มเลเวลใน[ป่าสุดขอบเขต]เพราะว่าพวกหมาป่าไม่ค่อยให้ค่าEXPเท่าไหร่แล้ว”

 

[จะไปทิศใต้แล้วเหรอ?]

[จะไปอะไรล่ะ เธอเริ่มจากที่นั่นแต่แรกแล้ว]

[คอร์สเก็บเลเวลแบบสปาต้าของรินเนะไง]

[↑สปาต้า ตอนนั้นฉันคิดว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย]

[จนถึงช่วงท้ายๆถึงค่อยดูชิลๆนี่นา]

[ปีศาจร้ายยิ้มขึ้นมาขณะที่ขยี้หมาป่าจนตาย]

[ก็เป็นโอนินี่ ช่วยไม่ได้หรอกนะ]

 

“ป-ปีศาจร้าย…พวกมันเป็นมอนสเตอร์นี่นาเพราะงั้นไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม?”

 

ฉันคิดว่าพวกหมาป่าต่างหากที่ผิดที่มีพลังป้องกันต่ำน่ะ

พอฉันพูดออกไปคนดูก็หัวเราะกันใหญ่ ฉันไม่เข้าใจเลย

 

“ย-ยังไงก็เถอะ ไปทุ่งราบทิศใต้กันดีกว่า! มุ่งสู่งป่าสุดขอบเขตกัน!”

 

ถึงจะเป็นไลฟ์สตรีมครั้งแรกของฉัน ฉันก็โมโหใส่คนดูราวกับเป็นเพื่อนกันมานานและฉันก็ได้กลับเข้าสู่เป้าหมายหลัก

ฉันพกตะบองเหล็กไว้ด้านหลังซึ่งฉันได้ซ่อมแซมความเสียหายกับNPCช่างตีเหล็กแล้วตั้งแต่ก่อนจะเริ่มสตรีม และในเช้าตรู่วันนั้นฉันก็ได้มุ่งหน้าไปยังทุ่งราบ

 

 

“ยะฮู่ว เซะเรียะ!”

 

ไม่ได้ใช้สกิลอะไร มีเพียงเสียงเอฟเฟกต์ทุบตีเหมือนในมังงะ หมาป่าสามตัวก็ระเบิดออกทั้งอย่างนั้น

 

“ค่าความทนทานของตะบองเหล็กเป็นจุดเด่นก็จริงแต่ฉันไม่เจ้าใจหลักการที่ทำให้ค่าความทนทานลดลงเลยนะ”

 

ขณะที่ตรวจสอบไอเท็มดร็อปที่ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่ ฉันพึมพำออกมาราวกับพูดคุยอยู่กับตัวเอง

ฉันคิดว่ามันขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนสตรีมแต่ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดสุภาพตอนไหนหรือเป็นกันเองตอนไหน

ฉันได้แต่หวังว่าพวกเขาจะไม่ถือสาในเรื่องนี้นะ

มันคงจะดีถ้าฉันสามารถพูดอย่างเป็นกันเองได้อย่างรินจังแต่ว่าฉันรู้สึกสบายใจมากกว่าที่จะพูดสุภาพกับคนที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน

 

ผ่านทุ่งราบมาได้ครึ่งทาง ฉันก็มุ่งหน้าเดินต่อหลังจากที่บดขยี้หมาป่าไปแล้วสามฝูง

ขณะที่ทำแบบนั้นฉันก็กำลังพูดถึงค่าความทนทานของอาวุธที่ลดลงบ้างไม่ลดลงบ้าง

ฉันคิดว่ามันจะลดลง1แต้มทุกครั้งที่โจมตีแต่พอนับดูแล้วพอฉันโจมตีไปสองครั้งกลับลดลงแค่1แต้ม

 

[สอนพวกเราทีเถอะท่านเซียนลามก*]

(เล่นมุกคำคล้ายกันจากeraihitoผู้ยิ่งใหญ่เป็นeroihitoผู้ลามก)

[โจมตีโดนจุดอ่อนอย่างแม่นยำเช่นหัวแล้วฆ่าในครั้งเดียวได้ ถ้าทำแบบนั้นแล้วจะไม่ลดค่าความทนทานของอาวุธนะ]

[ใช้เวลาแค่5วินาทีเอง]

[พิมพ์อย่างไว]

 

ทุกคนพูดชมความไวในการพิมพ์ของคนดูที่มีความรู้

เข้าใจล่ะ ถ้าโจมตีจุดอ่อนพวกนั้นจะตายในครั้งเดียว แล้วฉันก็ไม่ค่อยได้เล็งที่หัวหรือคางแล้วด้วย

ขืนทำแบบนั้นต่อไปก็จะสร้างภาระให้กับตะบองเหล็กมากขึ้น

 

“หมายความว่าค่าความทนทานลดลงเพราะฉันผ่อนคลายมากไปเหรอ…?”

 

[สมองกล้ามเนื้อไม่คิดอะไรแล้ว]

[จะบอกว่าถ้าไม่ยั้งมือเธอจะโจมตีโดนจุดอ่อนเรื่อยๆเลยเหรอ?]

[โอนิทะลวงจุดอ่อน]

[เธอเหมือนประเภทที่เวลาPVPจะเล็งไปที่อัญมณีประจำตระกูลเลยล่ะ]

[↑ ฮา โคตรโหดเลย]

[ขำไม่ออกอ่ะ…เผลอเกร็งเป้าขึ้นมาเลยฉัน]

 

“ฉ-ฉันไม่เล็งไปที่ตรงนั้นหรอกนะรู้ไหม~!  ใช่ว่าตรงนั้นจะเล็งโจมตีได้ง่ายสักหน่อยนอกจากจะเปิดช่องว่างจริงๆน่ะ ถ้าพูดถึงการสู้กับคนอื่นก็ต้องหักขาพวกนั้นก่อนสิ? แล้วก็ตามด้วยดวงตา?”

 

[ฮี๊]

[ฮี๊]

[ฮี๊]

[ฮี๊]

 

“เอ๋?”

 

ฉันนึกว่าพื้นฐานการต่อสู้จะต้องจำกัดการเคลื่อนไหวแล้วค่อยๆจัดการอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ล่ะ

 

ไม่เหมือนช่วงบนของร่างกายที่เคลื่อนไหวได้อิสระ ช่วงล่างที่รักษาสมดุลไม่สามารถทำการเคลื่อนไหวได้มากจึงยากที่จะหลบการโจมตี อย่างมากที่ทำได้ก็แค่ขยับตัวหนีด้วยการหลบไปด้านข้างหรือกระโดดเท่านั้น

ถ้าเข้าใกล้แล้วเล็งต่ำล่ะก็ สิ่งที่ได้ก็คือกระสอบทรายดีๆนี่เอง

 

ถึงจะลำบากในการเล็งไปที่ดวงตาก็เถอะแต่ถ้าพรากการมองเห็นของอีกฝ่ายได้ก็จะได้เข้าได้เปรียบมากกว่าการเล็งขาเสียอีก

แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าในเกมนี้จะสูญเสียดวงตาได้ไหม ต่างกับการจำลองการแตกหักของอวัยวะอื่นๆตรงที่ร่างกายจะรู้สึกยังไงนี่ล่ะ

 

“เดี๋ยวนะ แล้วทำไมฉันถึงมาคิดเรื่องการทำลายร่างกายของมนุษย์กันล่ะ?”

 

[ทำลาย – ร่างกาย – มนุษย์]

[ฟู่…ขอล่ะอย่าพูดอะไรน่ากลัวเลย]

[ว่าแล้วว่าเป็นโอนิสาวป่าเถื่อน!]

[ถึงเวลาละเลงเลือดแล้ว…?]

 

คนดูเริ่มจะไม่เกรงใจกันแล้ว

ก็นะถ้าคอมเมนต์กันสนุกก็ปล่อยไว้แบบนั้นละกัน

 

“อือโอ๊ะ?”

 

[เจออะไรเหรอ?]

[มีอะไรน่ะๆ]

[ขำเสียงประหลาดนั่น]

 

“เปล่าแค่ในแผนที่มัน…เดี๋ยวนะ เสียงฉันประหลาดขนาดนั้นเลยเหรอ!?”

 

ขณะที่ฉันมองออกไปไกลข้างหน้าฉันก็ได้พูดคุยกับคอมเมนต์เล็กน้อยระหว่างเดิน จู่ๆฉันก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา

ถึงก่อนหน้านี้จะพูดเล่นกันแต่ในแผนที่ข้างหน้ามีคลื่นสีม่วงแสดงผ่านสกิล[ตรวจจับ]อยู่

ฉันเอนหัวจากประสบการณ์อันแปลกประหลาดนี้ พอฉันลองแตะแผนที่ดูก็ไม่เกิดอะไรขึ้น

 

“นั่นมัน…นั่นคืออะไรกันน่ะ?หมาป่าสีแดง?”

 

เพราะว่าแผนที่ไม่ได้ช่วยบอกอะไรฉันเลย ฉันเลยต้องพึ่งสายตาของฉันแทน พอมองออกไปก้ได้พบการสิ่งแปลกปลอมอย่างชัดเจน

เจ้าสิ่งนั้นที่ฉันไม่เคยเห็นในทุ่งราบ หมาป่าที่มีสีแดงอยู่ตามเส้นขน

 

ไม่ผิดแน่ มันมองมาที่ฉัน พูดให้ถูกคือมันกำลังรอฉันอยุ่

หรือเพราะว่ามันรู้ว่าฉันมองไปกัน? เจ้าหมาป่าแดง(-เซคิโระ-)ค่อยๆเดินมาทางฉัน

 

[เกิดอะไรขึ้นน่ะ?]

[มีบางอย่างกำลังมา]

[ครั้งแรกเลยที่ได้เห็นหมาป่าสีแดง]

 

“เจ้านี้ใช่มอนสเตอร์หรือเปล่านะ? ตัวโตจัง”

 

ฉันกะขนาดของมันไม่ได้ตอนที่มันอยู่ไกลออกไป แต่ดูโดยประมาณแล้วสามเท่าของหมาป่าธรรมดา

มันค่อยๆย่นระยะห่าง เพราะว่ามันเป็นมอนสเตอร์ฉันจึงระวังการโจมตีทีเผลอไว้

 

[นั่นมันอาเรีย]

 

ในตอนนั้นที่มีคอมเมนต์หนึ่งผ่านสายตาของฉันไป

 

“อาเรีย?”

 

เป็นการพิมพ์ไวที่ทิ้งให้รู้สึกถึงความเร่งรีบ เขาคือคนที่พิมพ์อธิบายเรื่องค่าความทนทานล่ะ! ไม่มีเวลาแม้แต่จะหยอกล้อ ก็มีข้อความใหม่เด้งขึ้นมา

เนื้อหาที่เข้าใจได้ง่ายมาก และยังครอบคลุมเรื่องที่อยากรู้จนฉันประหลาดใจ

 

[บอสของทุ่งราบทิศใต้!]

 

“ไม่จริงน่า”

 

พออ่านคอมเมนต์นั้นเสร็จ หมาป่าสีแดงก็ปรากฎตัวต่อหน้าฉันแล้ว

แววตาของมันเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย แล้วหมาป่าแห่งความสันโดษก็ได้เห่าหอนออกมา

––[โคโคว โนะ เซคิโระ หมาป่าแดงแห่งความสันโดษ –อาเรีย– ]

––เลเวล28

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิถีไลฟ์สตรีมของโอนิสาวสายอัดกระแทก 9

Now you are reading วิถีไลฟ์สตรีมของโอนิสาวสายอัดกระแทก Chapter 9 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“Drake, it’s his dream.”

“It’s all our dreams, but we need to be realistic here. We don’t have any of the money Dad started with: no wins equals all expenses, Lainie. It’s a long shot and Dad’s tired, he’s tired, we might as well spend it somewhere calm where he can take it easy …”

“No,” I say firmly.

“Lainie,” he begins.

“No. This will give him new life. This will make him happy.”

He looks at me with pity, the kind of pity reserved for older brothers who are more mature, who’ve dealt with the news about your dad. And me? I have focused on his every dream for the past four years because tomorrow we all die. It’s today that matters to me, because today my dad is right here in the tent, breathing and living and disappointed and I’m the fixer.

“You guys are being too realistic, let me dream for all of us. Give me ONE chance. Just one test. I’ll bring the pilot.”

Silence.

“Dad, I said I could do this.”

He looks at my brothers, and I groan.

“Who do you have in mind?” Drake finally asks.

“You’ll see,” I lie.

“Whoever he is, you think you can just convince a guy to come with a team on its last legs?”

“How hard can he be? He’s a man, isn’t he?”

I shoot them a look that speaks volumes, then kiss my dad on the cheek and tell him, “I’m going to have to travel. Hang tight, Daddy. I’m not coming back until I find him. I’m not settling for anything but the best—someone who loves the wheel and doesn’t have a ride.”

That same night, I take a red-eye flight from Australia to Atlanta, then another from Atlanta to St. Petersburg, Florida. My plan is to try to catch the Indy drivers during practice before their season starts, and I know they’re practicing in St. Pete right now. So I run through the list of pilots during my flight, researching their pros and cons.

I’m uncomfortable in my seat, shifting as I try not to bother the two people next to me. I booked my flight last minute, and therefore ended up with the very coveted (not!) middle seat.

By the time I land in Florida, it’s afternoon, and I’m badly slept, dehydrated from the flight, and completely exhausted—but I have three days not only to find a driver, but to take the long flight back to Australia in time for the first F1 race of the season. Speculation about our team pulling out of the race must already be in full bloom, and although I can’t control what others think, I’d be damned before I let my father retire with anything less than a gold star. So even sleepless, dehydrated, hungry, and worried, I’m clinging to all my determination to prove myself to my family as I drive my rental to the track. My stomach growls every time I drive past a restaurant, but I know that food needs to wait.

I circle around the track where the drivers are testing before race day. I’m searching for a place to park, struggling because of the blocked streets due to the temporary street circuit set up for the St. Petersburg Indy-Car race.

I spot a space, but I have to slam on the brakes when a red car turns with a screech before me.

I frown, annoyed, and press the accelerator again toward one of two empty slots. The mustang in front of me swoops in and steals the first vacant slot and, panicked that someone will jump out of the blue and take the only remaining one right next to it, I gun it into the second slot. The car stops with a jolt.

Oh fuck!

I just crashed the guy.

“Ooops, my bad,” I say, putting the car in reverse and then back to drive, carefully parking it in place.

The door of the mustang swings open, and a guy clad in black exits the vehicle. I nervously hurry out of my car and head around to stand next to the guy.

He inspects the damage.

I inspect the damage.

“You need driving school,” he gruffs out in a very deep voice.

Aghast at the insult, I grit, “You need driving manners.” I raise my head to glare at him, and my breath stalls in my throat when I look into his face.

Because …

No one.

In this world.

Should own such a masculine.

Hot.

Terribly handsome face.

His eyes have a gleam that makes me feel as if he wants to devour me. They’re irresistible, raw, intense and challenging, completely animal and fiery. The rest of him is absolute beauty. That’s really the only way I can describe him. The floor under my feet tilts a little bit when he smiles, and one lone dimple appears. Oh god, I’m a sucker for dimples.

“Really?” the guy says, lips now curving in amusement as our eyes meet.

“Yes. Really. I’m not in the mood for this. You took my slot.” I feel a frown pinch my face as my anger over his driving manners mingles with my anger over his handsomeness, and his eyes begin to twinkle.

I try to suppress my reaction to that twinkling eye; but the truth is, I don’t think I’ve ever seen blue of this shade in real life or anywhere but in pictures of beautiful oceans somewhere far away like Fiji.

“I haven’t eaten in hours, or slept at all. I’m really not in the mood,” I say, and when he only glares down at me, something inside me starts to heat up under his intense gaze.

His eyes keep glued to me.

I don’t think anyone has ever stared at me so thoroughly.

Not just with annoyance, and interest, but almost … amusement along with … confusion?

Exactly the way I feel. Staring up at him.

There’s a slight darkening in his eyes as he keeps staring at me. I don’t know what that something is, but it’s something that makes parts of me tickle and squirm.

Duis luctus tempus pulvinar. Curabitur tempor diam non blandit rhoncus. 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+