ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร 22: การดวลและคำมั่นสัญญา

Now you are reading ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร Chapter 22: การดวลและคำมั่นสัญญา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พวกเรามองแฟร์ด้วยความตกตะลึงและกะพริบตามอง ดวล? หมายถึงการสู้กันสินะ แล้วทำไมล่ะนั่น? เหมือนว่าเราจะแสดงความสงสัยออกไปชัดเจนเกินไป แฟร์จึงหัวเราะคิกคักอย่างเด็กซุกซนและพูดขึ้น

 

“ฉันน่ะอยากแข็งแกร่งขึ้น เพราะงั้นถึงอยากให้เธอมีเป้าหมายเดียวกัน ดังนั้นเป็นอัศวินก็ร้องแข็งแกร่งใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นถึงจะไม่เดินทางฉันก็ไม่ขัดอะไรแล้วล่ะ และเพราะแบบนั้น…”

 

เธอเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนจะทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้น และคลานเข้ามาใกล้เคียร่า ชะโงกหน้าเข้าหาจนแทบจะชนกัน

และน่าตลกคืออิกนิสเองก็ทำแบบเดียวกัน แต่กลายเป็นว่าเอาหน้าเข้ามาใกล้ฉันแทน จนฉันเผลอถอยหลังเพราะความตกใจ

 

“ฉันอยากรู้ความแข็งแกร่งของเธอ”

 

ว่าแล้วแฟร์ก็ยื่นแท่งไม้ที่ค่อนข้างยาวให้อันหนึ่ง อะ พกมาด้วยเหรอนั่น ฉันไม่ได้สังเกตเลยว่าเธอพกไม้นั่นติดตัวไว้ตลอด แถมยังมีสองอันพอดีให้เคียร่าอันหนึ่ง

เธอมองเคียร่า ด้วยความหวังว่าจะตอบรับคำท้า ดูท่าจะชอบการต่อสู้มากเลยนะนั่น ถ้ามีหางคงส่ายไปแล้ว…และอิกนิสก็เป็นคนส่ายให้แทน

แต่เคียร่ากลับทำสีหน้าลำบากใจแทน

 

‘อ๊ะ!! ว่าแต่ เธอสู้ได้ด้วยเหรอ ชื่ออะไรนะ…มังกรน่าสมเพช?’

 

จู่ ๆ อิกนิสก็อ้าปากกว้างและร้องออกมาเสียงดังจนหูแทบแตก แล้วก็พูดคำร้ายกาจออกมาหน้าตาเฉย ไม่สิ ดูท่าแล้วคงไม่ได้คิดอะไรอยู่ในหัวเลย นอกจากสิ่งที่พูดออกมา

แต่นั่นทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย และ ลุกพรวดขึ้นแยกเขี้ยวใส่เขา

 

‘แน่นอน!ฉันสู้ได้ไม่เหมือนตอนนั้นแล้ว…อีกอย่างฉันไม่ได้ชื่อมังกรน่าสมเพชเฟ้ย!!ริเกล!!’

 

‘…ชื่อมันจำยากจะตาย แค่เดินทางก็เจอคนเยอะอยู่แล้วแท้ ๆ ถ้าไม่น่าจำพอก็จำไม่ได้หรอก…’

 

ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ…ก็เข้าใจอยู่หรอก!!แต่ถึงงั้นโดนจำว่าน่าสมเพชก็น่าหงุดหงิดอยู่ดีหน่า ถึงจะทำตัวเองก็เถอะ

กลายเป็นว่าฉันมองเขม่นเขาโดยที่เจ้าตัวเองคงเอียงคอเล็กน้อย อย่ามาทำเป็นไก๋! ฮึ่มมม

 

‘คอยดูเถอะ ฉันจะทำให้นายจำชื่อฉันได้ไม่มีทางลืมแน่!’

 

‘…จะทำได้เรอะ เธอที่ไม่กล้าแม้แต่จะหนีเนี่ยนะ?’

 

อุก พูดได้เจ็บแสบจริง ยิ่งเป็นคำจากคนเถรตรงคิดอะไรก็พูด ไม่คิดหน้าคิดหลังหรืออะไรทั้งนั้นอย่างอิกนิสก็ยิ่งไม่สบอารมณ์

แล้วแฟร์ที่มองเราสองคนร้องตอบโต้กันไปมาก็ยิ้มเห็นฟันออกมา

 

“เห็นไหม เหมือนว่ามังกรของเธอจะอยากสู้นะ!”

 

“…เฮ้อ เข้าใจแล้ว”

 

เคียร่าถอนหายใจออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะยื่นมือไปจับไม้ที่ยื่นออกมาเป็นการรับคำท้า ทำให้แฟร์ยิ่งดีใจกว่าเดิม จนเคียร่าเองก็เผลออมยิ้มกับท่าทางนั้น

กฎก็ง่าย ๆ สู้กันเป็นคู่ ใช้เวทมนตร์ได้เต็มที่จนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ ถึงจะฟังดูอันตรายไปหน่อยแต่แค่อาวุธไม่มีคมก็โล่งใจได้เปลาะหนึ่งแล้ว

แต่ว่าฉันคงต้องระวังเรื่องการใช้ลมหายใจน้ำแข็งหน่อย เพราะยังฝึกควบคุมความเสียหายไม่ได้นัก เดี๋ยวมันจะทำให้เคียร่าตกอยู่ในอันตรายซะเอง ไม่ได้ ๆ

ตอนนี้พวกเรายืนประจันหน้าโดยทิ้งระยะห่างพอควร การต่อสู้จะเริ่มเมื่อหินในมือของแฟร์ตกลงถึงพื้น แอบรู้สึกประหม่าจังแฮะ พึ่งเคยได้ต่อสู้แบบนี้ครั้งแรกเลย

แถมอีกอย่าง…ต้องออมมือไหมนะ เท่าที่เคยลองใช้ลมหายใจมังกรมันจะอันตรายด้วย ทำยังไงดี…

 

“ใจเย็น ๆ ริเกล”

 

เคียร่าพูดขึ้นแบบนั้นพลางยื่นมือมาจับหลังของฉัน จนเผลอสะดุ้งเล็กน้อยและหันไปมอง เคียร่าไม่ได้หันมาทางฉันแต่ว่าจับจ้องไปที่แฟร์…ด้วยดวงตาที่มั่นคงไม่สั่นคลอน

ทำเอาฉันใจเย็นลงอย่างน่าประหลาด งั้นเหรอ ตอนนี้เราต้องมีสมาธิจดจ่อกับฝ่ายตรงข้ามสินะ งี้นี่เอง เธอกำลังบอกให้ทำแบบนั้นสินะ

ว่าแล้วฉันก็กลับไปมองที่แฟร์กับอิกนิสอีกครั้ง ในคราวนี้ความคิดและจิตใจไม่ปั่นป่วนอีกแล้ว ดวงตาฉันจ้องไปที่อิกนิสแทบไม่กะพริบ อีกฝ่ายเองก็เหมือนกัน

อิกนิสกับเมื่อ 1 ปีก่อนไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ไม่สิ ถ้ารูปร่างภายนอกน่ะใช่ แต่ขนาดของเขาใหญ่ขึ้นจนพอ ๆ กับฉันเหมือนกัน คงเป็นประเภทที่ตอนเด็กกับตอนโตไม่ต่างกันเท่าไหร่

บางที ถึงอิกนิสจะไม่ได้ฉลาดแต่ก็อาจจะสู้ได้เก่งกว่าฉัน เพราะแต่เดิมเขาที่เป็นมังกรแต่แรกคงไม่มีความรู้สึกหวั่น ๆ แบบฉันที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อน เขาคงค่อนข้างเคยชินกับโลกที่ต้องต่อสู้กว่าฉัน

แถมยังมีประสบการณ์มากกว่า เคยเติบโตกับครอบครัวที่เป็นเผ่าเดียวกัน แถมยังเป็นมังกรที่รู้ความสามารถด้วย คงดึงเอาพลังของตัวเองมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถึงจะฟังเหมือนกำลังเสียเปรียบ แต่ใจฉันกลับไม่รู้สึกกลัวหรือร้อนรนเลยแม้แต่นิด ไม่คิดว่าจะแพ้ ไม่ใช่เพราะมั่นใจในฝีมือหรือสบประมาทอีกฝ่าย

ฉันก็แค่รู้สึกว่า…ตราบใดที่เคียร่าอยู่ข้าง ๆ ฉันจะไม่มีวันแพ้ ใช่ ฉันจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด เพื่อเคียร่า

ว่าแล้วฉันก็มองไปด้านหน้าด้วยความรู้สึกที่แน่วแน่ และเตรียมพร้อมต่อสู้ทุกเมื่อ จนอิกนิสที่มองอยู่ก็เบิกตากว้างเล็กน้อย

 

“ถ้างั้นก็ โยนละนะ!”

 

แฟร์พูดให้สัญญาณแบบนั้น ก่อนจะโยนก้อนหินขึ้นฟ้า และกลับไปตั้งท่าเตรียมจู่โจม โดยการใช้มือสองข้างจับไม้เป็นแนวนอนขนานกับพื้น ก้าวเท้าซ้ายมาด้านหน้าและย่อตัวลงต่ำ ส่วนไม้นั้นอยู่ทางด้านขวาของลำตัว

เป็นท่าที่ดูอ่อนตัวและสวยงามอย่างบอกไม่ถูก ส่วนเคียร่านั้นอยู่ในท่ายืนหลังตรง ถอยเท้าขวาไปด้านหลังและแนบไม้ไว้ติดกับลำตัวโดยข้างขวานั้นยกซอกขึ้นสูง ส่วนข้างซ้ายก็ยื่นตรงเฉียงลงพื้น

และวิต่อมา หินก็ตกลงถึงพื้น อันเริ่มการต่อสู้ของพวกเราสี่คน

 

“ข้าขอวิงวอนอัสนีแสนทรงพลัง โปรดมอบความเร็วดุจแสงที่พุ่งผ่าลงสู่ผืนธรณีให้แก่ข้า”

 

แฟร์เริ่มพูดอย่างรวดเร็วทันทีเมื่อหินตกลงสู่พื้น เมื่อสิ้นคำก็มีสายฟ้าก่อขึ้นรอบตัวเธอจนผมและเสื้อผ้าปลิวชี้ตั้งขึ้นฟ้าอย่างน่าประหลาด

ก่อนที่สายฟ้าทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่ปลายไม้ และร่างของแฟร์ก็ขยับจากจุดที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็วจนพื้นเกิดรอยแตก เธอพุ่งตัวเข้ามาหาเคียร่าซึ่ง ๆ หน้าอย่างรวดเร็ว

แต่เคียร่า ไม่สะทกสะท้านต่อภาพนั้น และอ้าปากขึ้นร่ายเวทเช่นกัน

 

“——”

 

คำ พูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ไม่สิ ภาษาที่ไม่รู้จักฟังดูราวกับไม่สมประกอบ จนแม้แต่ว่ามันออกเสียงยังไงก็ไม่สามารถเข้าใจได้ ฉันรู้ทันทีว่านั่นคือภาษาโบราณ

ทันใดนั้น ก็เกิดลมสั่นไหวไปทั่วผืนป่า และไม้ในมือของทั้งคู่ก็ปะทะกัน โดยแฟร์ตั้งใจแทงใส่ตรง ๆ แต่โดนปัดได้จากการทำเพียงตวัดด้านที่อยู่ต่ำให้ขึ้นสูง

และกลายเป็นว่าฝ่ายที่ต้องกันแรงดันนั้นเป็นแฟร์ ส่วนฉันก็…

 

‘!! อุก!’

 

ฉันใช้ขาดันร่างให้พุ่งไปด้านหน้า และใช้หัวโหม่งไป ซึ่งมันก็ชนเข้ากับท้องอันอ่อนนุ่มของอิกนิส ที่จะพุ่งใส่เคียร่าเช่นกัน

ใช่ เมื่อกี้ตอนที่เริ่มกันถึงตาฉันจะมองที่พวกเคียร่า แต่ประสาทสัมผัสของฉันทั้งหมดเพ่งไปที่อิกนิส เพื่อสังเกตว่าเขาเล็งไปที่ใคร และจะมาจากทางไหน

แล้วฉันก็เน้นไปที่การปกป้องเคียร่าเช่นกัน

อิกนิสที่กระเด็นไปนั้นดึงดูดสายตาของแฟร์ที่เป็นห่วง นั่นทำให้การประชันกำลังของทั้งคู่เป็นฝ่ายเคียร่าที่ชนะและปัดไม้ของแฟร์ออก

ในตอนที่แฟร์เสียหลักเคียร่าก็ไม่รอช้า ควงสะบัดไม้ยาวอย่างลื่นไหลและคล่องแคล่วราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย แล้วทำให้ร่างของแฟร์โดนฟาดตามจุดต่าง ๆ ไม่ยั้ง

จากนั้นร่างของอิกนิสที่ทรงตัวขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วก็อ้อมไปอีกด้านข้างของเคียร่า และรวบรวมเวทไว้ที่คอ…

ทั้งฉันและเคียร่ารู้สึกถึงมันได้อย่างรวดเร็ว และไม่จำเป็นต้องถามหรืออะไรทั้งนั้น ฉันก็วิ่งเข้าไปหาเคียร่าพร้อมกับที่เธอกระโดดขึ้นหลังฉัน ปีกสองข้างก็กระพือขึ้นและออกบินทันที

 

“อึก ขอบใจ”

 

แฟร์ขอบคุณอิกนิสที่ปล่อยลมหายใจไฟใส่เคียร่าเพื่อหยุดการโจมตี และทั้งคู่ก็กลับมายืนรวมตัวได้อีกครั้ง ส่วนเราสองคนนั้นก็อยู่บนฟ้าเหนือหัวของอีกฝ่าย จนต้องเงยหน้าขึ้นมอง

และอิกนิสก็รวบรวมพลังเวทอีกครั้ง คงตั้งใจจะไล่ต้อนให้ฉันบินลงต่ำล่ะมั้ง แต่ในตอนที่ ฉันกำลังจะเลี้ยวหนีเคียร่าก็โน้มตัวบนหลังฉัน และกระซิบข้างหู

 

“ปล่อยลมหายใจน้ำแข็งสวนกลับไปเลย แล้วระหว่างนั้น…”

 

เธอบอกแผนอย่างง่ายให้กับฉัน แม้ตอนแรกจะตกใจที่ต้องใช้มันใส่คนอื่น แต่พอฟังแล้วก็ยอมรับแต่โดยดี ฉันจึงอ้าปากรวมพลังไว้ในลำคอ

และปล่อยลมเย็นออกไปปะทะเข้าไปเพลิงที่ออกมาจากปากของอิกนิส ถึงแม้พลังของฉันจะรุนแรงมากก็เถอะ แต่เดิมทีน้ำแข็งนั้นแพ้พลังของไฟที่ร้อนระอุอยู่แล้ว

เมื่อเกิดการปะทะกันซึ่ง ๆ หน้าก็อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด จึงกลายเป็นสภาพที่สูสีกัน แต่โดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ ฉันก็ค่อย ๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้เขาทีละนิด ทีละนิด

และระหว่างนั้นน้ำหนักที่หลังก็เบาลง ฉันจึงหยุดปล่อยลมหายใจแล้วผ่อนแรงเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว ไม่นานลมหายใจไฟของอีกฝ่ายก็หยุดลงเช่นกัน

หากแต่เป็นเพราะถูกโจมตี

 

‘กรร!’

 

“อิกนิส!!”

 

เคียร่าที่โดดลงจากหลังของฉันตอนใกล้ถึงพื้นนั้นโจมตีเข้าที่อิกนิสจนเสียหลักและหยุดโจมตี ทำให้แฟร์ที่เหมือนจะตามไม่ทันอยู่ในอาการสับสน

ฉันไม่ปล่อยโอกาสนั้นหลุดลอยไปและพลิกตัวกลับบินตรงไปที่การต่อสู้ พร้อมทั้งใช้แขนกดล็อกตัวแฟร์เอาไว้ ก่อนจะใช้ปากคาบไม้และเหวี่ยงออกไปไกล

เธอหมดสภาพการต่อสู้โดยสิ้นเชิง

 

‘แฟร์!!’

 

อิกนิสตะโกนเรียกแฟร์พลางมองไปรอบ ๆ ด้วยความร้อนรน เพราะว่าตอนนี้ผู้เป็นนายของตัวเองนั้นสู้ต่อไม่ได้ทั้งยังโดนจับเอาไว้อีกต่างหาก แล้วสายตาเขาก็หยุดที่ไม้ของแฟร์ที่ฉันโยนทิ้งไป

และทำท่าจะวิ่งไปเก็บกลับมา หึ ไม่มีทาง ฉันคิดแบบนั้นแล้วพ้นลมหายใจมังกรไม่ใหญ่มากไปโดนไม้จนแข็งและสลายทันที

อิกนิสที่โดนขวางเป้าหมายของตนเองอีกครั้งก็หยุดชะงักไป และต้องกลับไปรับมือกับการโจมตีของเคียร่า ซึ่งมีฉันคอยสนับสนุนอยู่ไกล ๆ

จนแค่จะหลบทั้ง หมดก็คงรากเลือดแล้ว แถมฉันยังโจมตีโดยยิงลำแสงทำลายไล่ต้อนอีกฝ่ายไม่ให้หนีเคียร่า แล้วบังคับให้ประจันหน้ากับเธอ ทั้งยังขวางไม่ให้ใช้ลมหายใจได้ด้วย

ว่าแล้วก็สุดยอดเลยแฮะ ฝีมือของเคียร่าไล่ต้อนได้แม้กระทั่งมังกรที่พื้นฐานมีร่างกายที่แข็งแรง เราไล่ต้อนอิกนิสไปพักหนึ่งโดยที่ไม่เปิดช่องให้ตอบโต้แม้แต่น้อย

แฟร์เองก็พยายามดิ้นและขัดขืนสุดแรง แต่น่าแปลกฉันรู้สึกว่าเธอแรงน้อยมากเลย จนในที่สุดทั้งคู่ก็…

 

“ขอยอมแพ้…”

 

หมดสภาพ เมื่ออิกนิสดูหอบเหนื่อยและท่าจะหนีไม่ไหวแล้วแฟร์ก็ตัดสินใจพูดขึ้น การต่อสู้จึงจบลงและฉันก็ปล่อยเด็กสาวทันที สรุปการต่อสู้แล้ว ฉันกับเคียร่าไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

 

“สุดยอด…เทียบไม่ติดเลยแฮะ”

 

แฟร์ที่โดนฉันปล่อยไม่ลุกขึ้น แต่ว่านอนแผ่มองท้องฟ้าทั้งอย่างนั้น อะ เวลาป่านนี้แล้วเหรอพระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว

อิกนิสลากร่างที่สะบักสะบอมมาหาแฟร์และทิ้งตัวลงนอนด้านข้าง…และพลิกตัวหงายท้องตามเช่นกัน ส่วนฉันกับเคียร่านั้นนั่งพูดอยู่ข้างทั้งคู่

ไม่มีใครพูดอะไรต่อและพักหายใจอยู่พักหนึ่ง แฟร์ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมา

 

“อัศวิน…เหรอ”

 

เธอพึมพำออกมาแบบนั้นแล้วชูมือขึ้นฟ้าอิกนิสก็ทำตาม ส่วนฉันกับเคียร่าก็เอียงคอมองด้วยความสงสัย และรอฟังสิ่งที่เธอจะพูดต่อ

 

“สุดยอดเลยนะ อย่างฉันคงจะเป็นอัศวินไม่ได้…ทหารก็ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”

 

“…เพราะเป็นแม่ค้าเร่เหรอ”

 

“ใช่ ถึงจะพูดว่าเกิดที่เกียร์มัวก็เถอะ แต่ที่นั่นก็ไม่ยอมรับว่าฉันเป็นประชาชนน่ะ เพราะงั้นก็เลยออกเดินทาง…”

 

พวกเราตกตะลึงกับข้อเท็จจริงนั้น เพราะคิดว่าที่แฟร์ออกเดินทางก็เพราะอยากตามหาความแข็งแกร่ง แต่ไม่ใช่ เธอออกเดินทางเพราะไม่มีที่ไปต่างหาก…

ถ้างั้นก็เข้าใจเลย เธอเองก็คงมีความคิดอยากจะเป็นทหารหรืออัศวินเหมือนกันสินะ แต่ว่าอาชีพพวกนี้ไม่รับคนที่มาจากต่างประเทศ ต่อให้เธอเข้าร่วมเป็นคนของที่ไหนตอนนี้ ก็คงไม่มีสิทธิ์เป็นทหารได้

ดังนั้นแฟร์จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูสดใสและเต็มไปด้วยความฝัน จนรู้สึกเศร้าตาม

 

“ดีจังนะ ฉันเอง…ก็อยากสู้เคียงข้างเธอบ้าง”

 

“…”

 

ใช่ ถึงแม้ตัวของแฟร์อาจจะไม่รู้สึก แถมเจ้าตัวยังหัวเราะชอบใจอย่างร่าเริงตามประสาเด็กที่พูดถึงความฝัน แต่ว่า การพูดถึงฝันที่ไม่มีทางเป็นไปได้ก็ยังน่าเศร้าอยู่ดี

แฟร์ยังคงพูดไม่หยุดถึงความตื่นเต้นที่ได้ต่อสู้กัน ในตอนนี้เธอหลงใหลในพลังของพวกเราทั้งสอง ไม่ใช่ความเก่งกาจของเคียร่า หรือพละกำลังที่มหาศาลของฉัน

หากแต่เป็น

 

“พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีนะ ต่างฝ่ายต่างมุ่งอยู่ที่หน้าที่ของตัวเอง ฉันเนี่ยสิ ดูไม่ได้เลยนะ”

 

ใช่ พวกเราเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ต่อให้ไม่ต้องพูดหรือสื่อสารกัน เราเองก็รู้ทั้งความสามารถและข้อจำกัดของตัวเองและคู่หู ทำให้มั่นใจได้ว่าเคียร่าไม่มีทางพลาดท่าได้ง่าย และจดจ่ออยู่กับตัวแปรที่ทำให้เธอเสียเปรียบ นั่นก็คือคนนอกนั่นเอง

แฟร์กับอิกนิสอาจจะมีประสบการณ์ต่อสู้กับโจรตอนที่กำลังเดินทาง แต่ว่าคงไม่มีโอกาสได้ต่อสู้แบบใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจกันมากขนาดนี้มาก่อน

เป็นการต่อสู้แบบที่ถ้าคนเดียวจะได้ประสิทธิภาพมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยู่ใกล้กัน ถ้าเอาเข้าจริงอาจจะถ่วงแข้งถ่วงขากันก็ได้…ดูเหมือนการต่อสู้ครั้งนี้จะทำให้แฟร์รู้สึกตัวได้

 

“ถ้าเธอเป็นอัศวิน ถึงจะน่าเสียดายแต่เราคงไม่ได้มาดวลกันแบบนี้อีกแล้ว ฉัน…อยากจะเห็นความแข็งแกร่งของเธอในที่นั่งสุดพิเศษที่ดีที่สุด ฉัน…อยากสู้ไปพร้อมกับเธอ”

 

แฟร์ยิ้มออกมาราวกับทำใจในความอยากที่แสนเอาแต่ใจของตน แต่ว่าเคียร่านั้นไม่ตอบอะไรทั้งนั้นแล้วทำท่าครุ่นคิด

และพูดตัดแฟร์ที่กำลังจะบอกว่า ‘แต่คงเป็นไปไม่ได้’ อย่างรวดเร็ว

 

“ทหารรับจ้าง…ถ้าแบบนั้นก็พอมีโอกาสได้เจอกันอยู่นะ”

 

เคียร่าพูดออกมาราวกับนึกขึ้นได้ ทหารรับจ้างเหรอ…ก็ตามชื่อเป็นอาชีพทหารที่ทำงานตามผู้ว่าจ้าง เอาเข้าจริงงานก็คล้าย ๆ กับนักผจญภัยที่รับจ้างตามคำขอ

แต่ทหารรับจ้างจะต่างออกไปเพราะไม่สังกัดกับที่ไหน ทั้งยังรับงานทุกประเภทไม่เหมือนนักผจญภัยที่ส่วนมากรับงานเกี่ยวกับการปราบมอนเตอร์

แถมส่วนมากเมื่อมีสงคราม ทหารรับจ้างก็จะเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพในแต่ละประเทศ งี้นี่เอง เคียร่าจึงพูดขึ้นมาสินะ

แฟร์เองก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง และเด้งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

“ขอโทษนะ ฉันเองก็ยังคิดไม่ออกเท่าไหร่ อาจจะมีทางอื่นอีก–”

 

“เอานั่นแหละ!!”

 

เคียร่าทำท่าเหมือนว่าจะคิดตัวเลือกอื่นให้เลือก แต่ว่าแฟร์กลับไม่สนใจและตะโกนขัดขึ้นทันที ทำให้พวกเราสะดุ้งโหยงและหันไปมองเธอ

แล้วเธอก็พูดขึ้นอย่างมั่นใจและร่าเริงในขณะที่มองพวกเรา

 

“ฉันจะเป็นทหารรับจ้าง! แล้วสักวันนึง อาจจะได้ต่อสู้เคียงข้างเธอ ร่วมในสนามรบเดียวกัน”

 

“…ไม่ใช่ ‘อาจจะ’ แต่เป็น ‘ต้องได้’ สิ”

 

“อ๊ะ จริงด้วย นั่นสินะ!! สักวันต้องได้สู้เคียงข้างเธอเคียร่า ฉันตัดสินใจแล้ว!!”

 

เมื่อเธอตัดสินใจได้แบบนั้นก็ลุกขึ้นปลดปล่อยความคึกคะนองอย่างเสียงดัง ทำให้ฉันเผลอยิ้มเจื่อนเมื่อมองทั้งอิกนิสและแฟร์ที่เหมือนกันแทบทุกการกระทำ

ส่วนเคียร่านั้นหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะยื่นนิ้วก้อยข้างขวาออกไป

 

“มาสัญญากันนะ”

 

เคียร่าพูดขึ้นแบบนั้นด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุขจากใจจริง เหมือนว่าเคียร่าเองก็จะสนุกและตื่นเต้นที่ได้มีเพื่อนแบบนี้เช่นกัน ทำเอาฉันรู้สึกดีใจไปด้วย นั่นสินะ เคียร่าแทบไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกันเลยสักคนเดียว

แฟร์ที่เห็นแบบนั้นก็มองอยู่แวบหนึ่งก่อนจะแสดงความดีใจออกมาสุด ๆ อีกแล้วและทิ้งตัวลงพื้นอย่างรวดเร็ว พลางยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับเคียร่า

 

“อื้ม!! สัญญา!!”

 

ใบหน้าของเธอแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของเด็กไร้เดียงสา ถ้าเคียร่าเป็นคนใจดีและอ่อนโยนราวกับแสงอ่อน ๆ ของพระจันทร์ แฟร์ก็คงเป็นคนที่ร่าเริงและเจิดจ้าราวกับแสงดวงอาทิตย์

และแล้วทั้งคู่ก็ให้คำมั่นสัญญากัน ถึงอนาคตที่พวกตนต้องการจะเป็น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด