ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร 33: ภาค 2 10 เป็นผู้นำที่ดี เพื่อลูกน้องที่ดี

Now you are reading ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร Chapter 33: ภาค 2 10 เป็นผู้นำที่ดี เพื่อลูกน้องที่ดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อืม…สุดท้ายแล้วงานที่พอจะนึกออกก็คงมีแต่รับจ้างไม่ก็ค้าขายล่ะนะ ไม่เคยทำอย่างอื่นมาก่อนเลย ไม่สิ แต่เดิมสุดท้ายทุกอย่างก็เป็นการค้าขายไม่ใช่รึไงนะ…เอาเถอะ ในที่สุดหลังจากติดซ้ำไปซ้ำมาก็ได้ข้อสรุปแล้ว

ตอนนี้เวลาผ่านไปไม่กี่วันบ้านอย่างง่ายของพวกคนชุดใหม่ก็เสร็จแล้ว ทั้งยังตอบแทนด้วยการสร้างบ้านหลังใหญ่ไว้ใช้เป็นที่พักของพวกเราอีก ถึงจะยังสร้างไม่เสร็จเพราะอลังการกว่าบ้านทั่วไปก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้ว

และตอนนี้ที่ประชุมจึงเป็นลานกว้างใจกลางสิ่งก่อสร้าง ฉันเรียนคนทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้มาพูดคุยกันทันทีที่คิดออก

 

“อืม ตามตรงคือฉันคิดไม่ออก”

 

ก่อนอื่นก็พูดใจจริงออกไป ใช่ หนทางดี ๆ ไม่โผล่ออกมาในหัว ที่คิดได้มีแค่สิ่งรอบตัวที่คงทำได้แบบทุลักทุเล แต่ทำไงได้ ไม่รู้วิธีอื่นแล้วนี่นา…

 

“เราจะรวบรวมว่าใครมีความสามารถอะไรบ้าง แล้วไปหาคนรับจ้างให้ทำตามความสามารถนั้น ๆ ก็คงคล้ายกับการหางานของทหารรับจ้าง แต่อันนี้จะรวมไปถึงพวกงานไม่ใช้ทักษะการต่อสู้ด้วย มีใครค้านไหม?”

 

เมื่อถามทวนแบบนั้นทุกอย่างก็เงียบสนิท ไม่เอาน่า จะไม่มีใครค้านหน่อยเหรอ ไม่มีใครคิดว่าอาจจะมีวิธีที่ดีกว่านี้หน่อยเหรอ เฮ้อ…ไม่มั่นใจเลย ฉันเองก็ไม่ได้ถนัดเรื่องพวกนี้ แผนที่คิดก็อาจจะไม่ได้ดี…แต่ก็ ถ้าไม่มีวิธีอื่นก็คงต้องทำ เรื่องนี้เป็นอันตกลงอย่างรวดเร็ว

 

“อย่างที่สองคือระหว่างที่ยังไม่มีงาน หรือยังไม่มีเงิน เราจะใช้ไม้ส่วนหนึ่งสร้างเรือประมง ใครที่ใช้เรือและหาปลาได้จะเป็นคนออกเรือไปทางฝั่งทะเลเพื่อหาอาหาร แล้วให้พาคนอื่นที่ทำไม่เป็นติดไปด้วย เพื่อที่จะสอนและแบ่งเวรถัดกันไป ตกลงไหม?”

 

ทุกคนพยักหน้าหงึก ๆ ไม่รู้ทำไมอิกนิสถึงได้ทำตาม เฮ้ย ๆ นายไม่ได้ไปกับพวกนั้นสักหน่อย ไม่ว่ายังไงนายก็ต้องอยู่กับฉันจะเฮ้ย และเพราะรู้สึกทักท้วงในใจเลยเผลอยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย และก็ดูเหมือนพอเป็นแบบนั้นบรรยากาศก็อ่อนลงด้วย

 

“? มีอะไร…”

 

“เอ่อ…คือเมื่อกี้หัวหน้าดูน่ากลัวมากน่ะครับ”

 

คำทักท้วงของ ฟาริส ชายผู้กระตือรือร้นคนเดิมทักท้วงขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ข้อดีอีกอย่างของเขาคือบางทีก็สามารถพูดความรู้สึกที่ทำร้ายตัวเองได้อย่างไม่คิดอะไร และนั่นทำให้ฉันทำหน้าประหลาดใจ

เมื่อกี้ฉัน…ทำหน้าน่ากลัวไปเหรอ? ฉันส่ายหัวเล็กน้อยและกล้ำกลืนความสับสนที่เกิดเพียงชั่วครู่ไป ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาและพูดต่อ

 

“โทษที เอาเป็นว่าเราจะทำกันแบบนี้เนอะ ถ้าใครเจอปัญหา หรือเป็นอะไรให้มาบอกล่ะ จริงสิ ถ้าใครได้ติดต่อกับคนจากเมืองบาดาลก็ ให้รีบมาบอกฉันนะ ฉันจะอยู่ที่นี่รอพูดคุยกับพวกเขาก่อนเป็นอย่างแรกเลย”

 

“รับทราบ!!”

 

และเพราะบนใบหน้าฉันมีรอยยิ้มอยู่รึเปล่านะ สีหน้าของทุกคนจึงดูเบิกบานขึ้นและตอบกลับอย่างสดใส เป็นผลดีที่จะทำให้ทุกคนกระตือรือร้นกับหน้าที่ตัวเอง เอาล่ะ ฉันเองก็…

 

“จะไปไหนน่ะ หัวหน้า”

 

ในตอนที่กำลังจะเดินแยกออกไปนั้นก็โดนโบลจับไหล่เอาไว้และส่งเสียงถาม ทำให้เผลอสะดุ้งโหยงและหันขวับไปมอง สีหน้าเขาดูจริงจังอย่างน่าประหลาด

 

“ก็…จะไปเดินดูสถานการณ์โดยรวมน่ะ ดูว่ามีใครเจอปัญหาหรือมีอะไรหรือเปล่า”

 

“…ไปพักเถอะ”

 

“เอ๊ะ อะไรของนายเนี่ย หลายวันมานี้อิกนิสก็แข็งแรงแล้ว ฉันพักมามากพอแล้วน่า แล้วก็อีกอย่าง…”

 

ฉันทิ้งช่วงเล็กน้อยและมองไปรอบ ๆ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นทหารรับจ้างที่มีครอบครัวอยู่ที่อื่นและร่วมทางมากับฉันหรือว่าจะเป็นชาวบ้านที่เพิ่งเข้าร่วมกลุ่มและกำลังสร้างถิ่นฐานของตัวเองอยู่ ทุกคนล้วนมาอยู่ตรงนี้เพราะการตัดสินใจของฉัน

ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบพวกเขาเหล่านั้น เพราะว่าตอนนี้แม้แต่คนที่ไม่ได้มีครอบครัวอยู่ที่นี่ก็ยังทำงานอยู่ ทั้งที่ไม่ได้เงิน ทั้งที่ไม่ได้ค่าตอบแทน ทั้งที่…พวกเขาควรจะรีบเร่งหาเงินเพื่อเลี้ยงครอบครัวตัวเองแท้ ๆ

แต่ฉันกลับ…

 

“กดดันตัวเองเกินไปแล้วหัวหน้า ไปพักจนกว่าจะผ่อนคลายลงสักหน่อยเถอะ”

 

“ตะ แต่—”

 

“เอาน่า ตรงนี้ปล่อยเป็นหน้าที่พวกเราเถอะ”

 

โบลพูดแบบนั้นพร้อมทั้งยื่นมือมาขยี้ผมฉันราวกับจะลูบหัว แต่ก็ลงแรงค่อนข้างมากจนหัวส่ายไปมา แถมผมก็ยังยุ่งไปหมด ก่อนที่เจ้าตัวจะหัวเราะคิกคักและเดินโบกมือจากไป

อะไรล่ะนั่น…ยังร่าเริงกันอยู่ได้ไง ก็ฉัน…

 

“กรร!”

 

ในตอนนั้นเองก็สะดุ้งอีกครั้งเพราะว่ากำลังดำดิ่งไปกับความคิด และมีเสียงของอิกนิสดังขึ้นอยู่ข้างหู เป็นเสียงร้องที่สดใส ร่าเริง และน่าหนวกหูตามปกติของเขา เมื่อหันไปมองก็พบกับใบหน้าที่ครึ่งหนึ่งเป็นกระดูกจนอ่านสีหน้าได้ยาก

ดวงตาคู่นั้นกำลังจับจ้องมาที่ฉันแทบไม่ขยับ ในตอนนั้นฉันก็สักสีหน้าเอือมระอาออกมา…

 

“มีอะไรอิกนิส…ไม่เห็นรึไงว่าฉันกำลังใช้ความคิ—”

 

“กรร!”

 

ยังไม่ทันพูดจบ เสียงร้องแสบแก้วหูก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งปากของเขาที่อยู่ตรงหน้าฉันก็เปิดกว้างออกมาจนเส้นผมปลิวที่โดนลมจากปากอิกนิส…

นั่นทำให้รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่โดนขัด แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไรต่อ เขาก็ขยับตัวเข้ามา คาบเสื้อหลังคอของฉัน และโยนไปด้านหลังที่เป็นขนนุ่มฟูซึ่งไม่ได้ใส่อานอยู่ พอแบบนี้แล้วก็รู้สึกจักจี้แปลก ๆ ชอบกล แถมยังได้กลิ่นและความอบอุ่นอย่างชัดเจนอีกต่างหาก

และไม่ปล่อยให้ฉันตั้งตัวใด ๆ ทั้งสิ้น อิกนิสก็ออกตัววิ่งเหยาะ ๆ ไปด้านหน้า ทำเอาแทบร่างแต่ก็ใช้มือคว้าคอของอิกนิสไว้และกลับมาอยู่ท่านอนกอดคออยู่บนหลังอิกนิสทันที

แต่ว่า…

 

“อะไรของนายเนี่ย จะพาไปไหน—”

 

“กรร!!”

 

“โว้ว ช้าลงหน่อย ถ้าตกนี่เจ็บหนั—”

 

“กรร!”

 

“เฮ้ อิกนิ—”

 

“กรรร!!!”

 

ทุกครั้งที่ฉันพยายามพูดอะไร อิกนิสก็จะส่งเสียงร้องดังก้องกังวานไปทั่วออกมาขัด ทั้งยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม เท้าที่วิ่งอยู่ก็กระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริง ไปร่าเริงได้ขนาดนี้ยังไงล่ะเนี่ย…ไม่สิ ปกติก็ร่าเริงแบบนี้อยู่ตลอดนี่เนอะ…

พอฉันเงียบลงเพราะเหนื่อยจะตะโกนแข่งกับเขา เท้าคู่นั้นก็ลดความเร็วลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่หยุดราวกับจะบอกไม่ให้ฉันลงจากหลังเขา ก่อนที่ใบหน้ากระดูกจะหันไปทางด้านข้าง นั่นทำให้เผลอมองตามไปโดยไม่รู้ตัว

 

“ก็บอกแล้วไง ตรงนี้ให้ทำแบบนั้น พอได้แบบนี้ก็เอามาต่อกับตรงนี้”

 

“ก็พยายามอยู่น่า! แค่นิดหน่อยเอง”

 

“แต่นายทำออกมาคนละทรงเลยนะ! ถ้าเอาไปใช้แล้วมันคว่ำขึ้นมาล่ะทำไง”

 

“ฮ่า ๆ ๆ”

 

ตรงที่พวกเรามองไปเป็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ดูท่ากำลังช่วยกันต่อเรืออยู่ คนหนึ่งที่คอยนำเหมือนว่าจะเป็นคนรู้วิธีทำ ซึ่งเป็นชาวบ้าน ส่วนอีกสามคนนั้นเป็นทหารรับจ้างเดิมของฉัน ซึ่งมีถกเถียงกันบ้าง แต่สุดท้ายก็ย้อมไปด้วยเสียงหัวเราะ

แล้วในตอนนั้นเองก็มีคนสังเกตพวกเรา

 

“อ๊ะ หัวหน้า! ทำอะไรน่ะ ตรวจตราเหรอ?”

 

“สภาพแบบนั้นไม่ใช่ว่าเดินเล่นกับอิกนิสอยู่รึไง”

 

“โอ๊ะ จริงด้วย ปกติถ้าหัวหน้าผ่อนคลายจะนอนบนหลังอิกนิสที่เดินไปเรื่อย ๆ นี่นะ เหมือนไม่ได้เห็นมานานเลยเนอะ”

 

“นั่นสิ ฮ่า ๆ”

 

ตอนนี้ฉันกำลังสงสัยมากกว่า จนไม่ได้สังเกตถึงสายตาอบอุ่นของอิกนิสที่เหลือบมามอง และหันไปเดินเข้าหาพวกเขาที่กล่าวทักแทน ตอนนี้ไม่มีใครสังเกตถึงความสับสนของฉัน พวกเขากำลังทำงานไปพร้อมกับคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน

การหยอกล้อฉันเองก็คงเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่ง คงเป็นการแสดงความรักในแบบของลูกน้องล่ะมั้ง?

 

“…พวกนายนี่ร่าเริงกันจังนะ”

 

“เอ๊ะ มาอารมณ์ไหนเ นี่ยหัวหน้า”

 

“ทหารรับจ้างก็อารมณ์ดีกันแบบนี้แหละ เนอะ”

 

“เนอะ~”

 

สองคนที่โต้ตอบเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยนั้นเป็นพี่น้องฝาแฝดอายุใกล้เหยียบเลขสาม พวกเขาไม่มีครอบครัวคนอื่นนอกจากกันและกัน ดังนั้นตอนที่ขอเข้ากลุ่มก็มาด้วยเหตุผลประมาณว่า ‘ไม่อยากให้หมอนี่/เจ้านี่ตาย’ กันทั้งคู่ พร้อมกับเพื่อนของพวกเขาอีกคนหนึ่งที่ติดสอยห้อยตามไป ซึ่งอยู่ด้านหลังพวกเขา

แต่คำตอบของพวกเขาทำให้ฉันขมวดคิ้วนิดหน่อย

 

“อาจารย์สอนฉันเสมอว่าทหารรับจ้างเป็นงานที่กดดัน คงเป็นเรื่องยากที่จะผ่อนคลายและร่าเริงนะ”

 

“เอ๊ะ เป็นงั้นเหรอพี่”

 

“เป็นงั้นแหละน้องรัก”

 

พวกเขาหันไปพูดคุยกันด้วยสีหน้าฉงนและเอียงคอมองกัน แล้วมองเลยไปยังเพื่อนคนที่สาม ซึ่งยิ้มบางที่ตนมักจะโดนสองพี่น้องโยนคำถามมาให้บ่อย ๆ

 

“แต่พวกนายมีความสุขกันดี…สินะ”

 

“นั่นสิ พวกเราสนุกแล้วก็ร่าเริงกันสุดๆ เลยเนอะ”

 

“อาจจะไม่ใช่เพราะเป็นทหารรับจ้าง แต่เพราะเป็นทหารรับจ้างในกลุ่ม ‘ฟิว’ ก็ได้ล่ะมั้ง”

 

“จริงด้วย!!”

 

“ห๋า”

 

คำพูดที่ส่งต่อกันเป็นทอด ๆ ชวนให้สับสนและปวดหัวของพวกเขาทำให้ฉันเผลอร้องออกมา แล้วคนน้องก็ขำก๊ากกับท่าทีของฉัน…เลยจัดการสับหัวไปที ถึงอีกฝ่ายจะพึมพำว่า ‘เจ็บนะ’ แล้วคนพี่ก็ปลอบว่า ‘สมน้ำหน้า’ แต่ฉันก็ไม่ได้คล้อยตามแม้แต่น้อย

ในหัวยังคงคิดอะไรหลายอย่างมั่วไปหมด และเพื่อนคนที่สามของพวกเขาก็มองมา ก่อนจะถามจี้จุดขึ้น

 

“เป็นอะไรรึเปล่าหัวหน้า?”

 

“…พวกนายมีความสุขงั้นเหรอ ทั้งที่ฉัน…พามาทำงานที่ไม่ได้ค่าตอบแทน ผิดกับที่ตกลงไว้ว่าจะช่วยหางานให้เยอะขึ้น เพื่อเก็บเงินให้เยอะขึ้น…”

 

ฉันพูดออกไปด้วยท่าทีเซื่องซึม ทำให้คนน้องพึมพำว่า ‘ว้าว หัวหน้ากินของผิดสำแดงแน่’ แต่ก็โดนเพื่อนคนที่สามสับหัวซ้ำไปอีกที คราวนี้ไม่ใช่คนพี่ที่ดุ แต่เป็นฉันเองที่คิดว่า สมน้ำหน้า

แล้วหลังจากนั้น ก็มีเสียงของคนเป็นพี่พูดขึ้น

 

“ค่าตอบแทนน่ะ ไม่ใช่แค่เงินหรอกนะ”

 

ฉันเบิกตากว้างและเงยหน้าขึ้นมองตาอีกฝ่ายโดยตรง ตอนนี้เขากำลังส่งสายตาจับจ้องมาที่ฉัน ด้วยสีหน้าที่ไม่เหลือความติดเล่น ชวนให้นึกถึงพวกอาจารย์ในตอนที่กำลังจะสอนบางอย่าง…

 

“แต่ว่า…พวกนายคือทหารรับจ้างนะ”

 

ทหารรับจ้างขับเคลื่อนด้วยเงิน งานทุกอย่างที่ทำก็เพื่อเงินมาเลี้ยงปากท้องของตัวเอง หากไม่ได้เงินก็ไม่มีความหมายสำหรับทหารรับจ้าง…พวกเขาตรงหน้ากำลังพูดขัดต่อสิ่งนั้นอยู่

 

“ก็จริงที่เมื่อก่อนพวกเราเป็นแบบนั้น…แต่ค่าตอบแทนที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่งกว่า ทำเอาค่าของเงินดูกร่อยไปก็คือรอยยิ้ม ความสบายใจ และความรู้สึกของคุณ…หัวหน้าเป็นคนสอนให้พวกเรารู้จักสิ่งเหล่านั้นนะ”

 

“แถมยังได้ความรู้ด้วย”

 

“ใช่ ๆ หัวหน้าสอนอะไรเราเยอะเลยเนอะ แถมตอนนี้ก็ยังให้มีคนมาสอนอะไรเพิ่มอีกเยอะเลย!”

 

คนน้องพูดจบก็หันไปมองชาวบ้านซึ่งสอนต่อเรืออยู่ เขาจึงสะดุ้งและมองพวกเราพลางยิ้มแห้งให้ คงจะประหม่าอยู่ล่ะมั้งที่อยู่ต่อหน้าฉัน แต่เท่าที่เห็นเมื่อกี้ตอนอยู่กันแค่พวกเขาก็ดูผ่อนคลายดี…นี่ตัวฉันกดดันทุกคนขนาดไหนกันเนี่ย

 

“เพราะงั้นค่าตอบแทนน่ะ…พวกเราได้มาเยอะแล้วล่ะ”

 

“…งั้นเหรอ”

 

ฉันพูดทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้น ความอบอุ่นในใจเริ่มฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะส่งยิ้มให้พวกเขาทั้งหมดและบอกให้อิกนิสเดินกันต่อ แต่ว่าสังเกตได้เลยว่าใบหน้าของพวกเขาแข็งเกร็งไปครู่หนึ่ง ราวกับหยุดหายใจพร้อมกับดวงตาที่ตกตะลึง ฉันไม่อยู่รอคำตอบว่ามันคืออะไรและมุ่งหน้าไปตามทางที่อิกนิสนำไป

โดยรู้สึกได้เลยว่าเดินช้า ๆ เพื่อให้ซึมซับทุกอย่างโดยรอบ และคงโดดลงจากหลังได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าฉันไม่ทำ แล้วนอนบนหลังเขาพลางกอดคอแน่น ซึ่งแรงของเด็กผู้หญิงอย่างฉันคงไม่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด

พวกเรามุ่งหน้าต่อไปอย่าเอยเฉื่อยในหมู่บ้านที่มีคนวุ่นไปมาเพื่อทำงานที่ฉันมอบหมาย…ทั้งหมดนี่คือคนที่ฉันต้องคอยชักนำ และในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงผู้หญิงวี๊ดว๊ายมาจากอีกทาง

ฉีนและอิกนิสตอบสนองต่อเสียงได้ทันทีก่อนจะพยักหน้าให้กัน แล้วเขาก็ก้าวเท้าวิ่งไปดูต้นเสียงทันที

 

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ—”

 

“ว๊าย สุดยอดไปเลย”

 

“หึ เล็กน้อยน่า”

 

เมื่อเห็นภาพตรงหน้าแทบจะอยากขอให้คืนความกังวลเมื่อกี้กลับมาเลย เพราะว่าเสียงของผู้หญิงจำนวนหนึ่งนั่นเป็นชาวบ้านที่กำลังกรี๊ดกร๊าดกับการใช้มีดชำแหละปลาอย่างสวยงามของชายทหารรับจ้าง ก็…หน้าตาก็ดูดีอยู่อะนะ แถมยังขี้เก๊กอีกต่างหาก

ว่าแล้วเขาก็เริ่มหยิบปลาตัวใหม่และโชว์ท่วงท่าการแร่อย่างชำนาญ และก็ทำให้เกิดเสียงกรี๊ดด้วยความตื่นเต้นทุกการกระทำ…

 

“เป็นผู้ชายแต่ใช้มีดครัวเก่งจังเลยนะ”

 

“เพราะว่าเป็นทหารรับจ้างไงล่ะ!”

 

ว่าแล้วเขาก็ยืดอกขึ้นอย่างภูมิใจที่มีผู้หญิงรายล้อมเพราะเรื่องนั้น ทำให้รู้สึกเอือมระอาขึ้นมา…ชายคนนั้นเป็นพวกขี้เก๊ก เจอสาวทีไรเป็นไม่ได้ที่จะอวดฝีมือทันที แต่ไม่ยักจะเป็นกับฉันแฮะ และเหนือสิ่งอื่นใด…

 

“เฮ้!! นายมีลูกมีเมียแล้วไม่ใช่รึไง!!”

 

ฉันจงใจตะโกนออกไปแบบนั้นอย่างเสียงดังเพื่อให้ทุกคนได้ยิน และแน่นอน ทุกคนที่ว่าไม่ได้หมายถึงแค่พวกเขากลุ่มนั้น แต่รวมไปถึงทหารรับจ้างคนอื่นที่ทำงานจิปาถะอยู่รอบ ๆ

 

“จริงด้วย ๆ คาวิส ถ้าถึงหูเมียนายเมื่อไหร่ ปลานั่นที่โดนชำแหละจะกลายเป็นนายแทนนะ!!”

 

“บรึ๋ย แค่นึกถึงเมียหมอนั่นก็ขนลุกแล้ว น่ากลัว ๆ”

 

และคำพูดให้ท้ายของคนรอบ ๆ ที่หัวเราะคิกคักคงมากพอให้เขาเสียวสันหลังวาบ ในหัวคงจินตนาการถึงภาพภรรยาสุดที่รักล่ะมั้ง แล้วก็รีบแก้ต่างให้คนในจินตนาการทันที

 

“มะ- ไม่ใช่นะที่รัก! นี่มันก็ เป็นงาน!!”

 

“หุหุ น่ารักจริงเชียว”

 

และเพราะท่าทีแบบนั้นผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ จึงหัวเราะคิกคักพลางชมว่าหัวเราะ เหมือนว่าที่นี่เองก็จะเข้ากันได้ดีล่ะนะ อิกนิสจึงเริ่มเดินต่อ

 

“ฝากไว้ก่อนเถอะ หัวหน้า!!”

 

“โอ้!! ถ้านายมาเอาคืนได้ล่ะนะ!! ฮ่า ๆ”

 

หลังจากหัวเราะอย่างหนำใจแล้วก็มุ่งหน้าไปต่อจนถึงจุดที่รู้สึกว่าสงบกว่าที่อื่นมา และพบเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น พร้อมทั้งร้องเพลงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน…โดยในมืออุ้มเด็กแรกเกิดเอาไว้

 

“เฮ้ หัวหน้า หยุดก่อน ๆ”

 

ในตอนนั้นเองเสียงของฟาริสดังขึ้นอย่างแผ่วเบาเพราะพยายามกระซิบ อิกนิสขึงตอบรับโดยการหยุดฝีเท้าและพยายามลบกลิ่นอายของตัวเอง ฉันก็ลงจากหลังของอิกนิสเพื่อให้อยู่ระดับเดียวกับพวกเขาและคุยง่ายขึ้น ตอนนี้พวกเรายังอยู่ในมุมอับสายตาของอีกฝ่าย และนอกจากฟาริสแล้วก็มีทหารรับจ้างคนอื่นอีกสามคน

 

“นั่น รู้สึกเธอจะชื่อว่า วิเวียน เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในหมู่ชาวบ้านแล้วล่ะ”

 

“ใช่ ๆ ทั้งไหล่ที่ดูเล็กและบอบบาง เอวโค้งเว้าได้รูปทรง แล้วก็หน้าอกนั่น!!”

 

เมื่อมองไปที่อีกฝ่ายและกวาดตามองให้ทั่วก็เป็นไปตามคำพูดของพวกทหารรับจ้างจริง ๆ ร่างกายของเธอนั้นดูเย้ายวนมีเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่ อืม สวยจริง ๆ นั่นแหละ

 

“เฮ้ น้อย ๆ หน่อย หัวหน้าก็เป็นผู้หญิงนะ”

 

“อ๊ะ จริงด้วย ขอโทษนะหัวหน้า…”

 

ฟาริสเร่งให้อีกคนขอโทษฉันขึ้นมาเพราะคิดว่าการพูดจาแบบนี้ต่อหน้าผู้หญิงคงเป็นการเสียมารยาท หลายคนที่ได้ยินผู้ชายคุยกันเรื่องนี้ก็มักจะทำสีหน้ารังเกียจ แต่สำหรับฉันก็…

 

“เคียร่าเอง…ก็จะหน้าอกแบบนั้นไหมนะ”

 

ฉันที่ทำท่าทางครุ่นคิดอย่างหนักนั้นสายตาจดจ้องไปยังหน้าอกของอีกฝ่ายตาเป็นมัน สาย ไม่มีอะไรให้พูดนอกจากนี้ ไม่รู้ทำไมตั้งแต่หลังจากรู้ว่าตัวเองชอบเคียร่าก็เริ่มสังเกตร่างกายของผู้หญิงที่โตแล้วมากขึ้น พร้อมทั้งคิดในใจว่าเคียร่าจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่านะ อะไรทำนองนั้น

พักหลังมานี้พอพวกทหารรับจ้างในกลุ่มพูดคุยถึงเรือนร่างของผู้หญิงก็รู้สึกสนใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แถมยังคล้อยตามได้ง่ายด้วย…และตอนนี้ก็เหมือนกัน พวกเราคุยกันอย่างออกรสเรื่องเสน่ห์ของวิเวียน คุยกันแทบไม่มีหยุดจนลามไปถึงสเปคที่ชอบ และอีกมากมาย…

ในตอนนั้นฟาริสก็พูดขึ้นมา

 

“เสียดายนะ เธอมีสามีลูกกับสามีแล้ว ถึงฝ่ายชายจะเสียไปแต่เจ้าตัวก็ยังดูซื่อสัตย์มาก คงไม่หาสามีใหม่แน่…แต่เห็นว่าเป็นลูกสาวนะ โตมาอาจจะสวยเหมือนแม่ก็ได้”

 

“นี่นาย…กับเด็กตัวเล็กแค่นี้เนี่ยนะ”

 

นี่ไม่ใช่แค่ฉันที่ส่งสายตาแหยงใส่ ทุกคนที่พูดคุยกันอยู่เองก็ไม่ต่างกัน ถึงจะมีรสนิยมต่างกันก็เถอะ แต่เด็กแรกเกิดนี่ไม่ไหวมั้ง…แล้วเขาก็ลนลานรีบแก้ตัวทันที

 

“มะ- ไม่ใช่ ๆ ไม่ได้หวังแบบนั้นซะหน่อย!! แค่คิดว่าน่าเสียดายเอง…ถ้าเด็กแบบนั้นต้องพบชะตากรรมที่โหดร้าย ทั้งที่ยังไม่ทันได้เดินด้วยขาของตัวเองเลยแท้ ๆ”

 

จู่ ๆ บทสนทนาที่ดูลามกจกเปรตของพวกเราก็ดึงเข้าเรื่องซีเรียสอย่างรวดเร็ว และทุกคนก็อยู่เงียบรอฟังต่อ

 

“ทั้งที่ในอนาคตอาจจะเป็นผู้หญิงที่สวย หรืออาจจะกลายเป็นคนที่เก่งมากความสามารถ แต่ถ้าผู้ใหญ่เอาตัวไม่รอดทุกอย่างก็จบโดยที่ไม่ทันได้เริ่มอะไร…ยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแท้ ๆ”

 

“…”

 

“เพราะงั้นนะหัวหน้า!! ต้องปกป้องพวกเธอเอาไว้ให้ดีนะเข้าใจไหม! ถ้าแผนของหัวหน้าจะช่วยปกป้องพวกเธอได้ ก็สั่งมาได้เลย!!”

 

เมื่อจบคำพูดฉันก็รู้สึกขนลุกซู่ไปหมดทั้งตัวทันที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟาริสพูดจึงขนลุกเพราะไม่เข้ากัน หรือเป็นเพราะเนื้อความด้านในที่รู้สึกสะท้าน…ราวกับถูกจุดบางอย่างในตัว

 

“ทำไมล่ะ พวกนายเข้ากลุ่มมาก็เพื่อครอบครัวหนิ…แต่ทำแบบนี้มันไม่ได้อะไรไม่ใช่เรอะ”

 

“เอ๊ะ พูดเรื่องอะไรน่ะหัวหน้า พวกเราทุกคนในกลุ่มคือครอบครัวนะ”

 

ฟาริสเบิกตากว้างและถามออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างชัดเจน บางทีฉันเองก็คงไม่ต่างกัน เขาจึงเปลี่ยนเป็นหัวเราะร่าออกมา

 

“ฮ่า ๆ พูดอะไรแปลกจัง แน่นอน ครอบครัวที่ว่าก็หัวหน้าด้วยนะ เพราะงั้น…”

 

เขาเว้นช่วงเล็กน้อยและยื่นมือมาวางบนหัวของฉันก่อนจะลูบเบา ๆ ทำตัวเหมือนเป็นพี่ชายที่อายุมากกว่ากำลังสอนน้องสาว…ก็เป็นพี่จริง ๆ แฮะ ลืมไปเลย

 

“อย่าลืมปกป้องตัวเองด้วยนะ ถ้าหัวหน้าครอบครัวเป็นอะไรไป พวกเราทุกคนคงเศร้าแน่”

 

ฉันอ้าปากค้างกับคำพูดของเขา รู้สึกจักจี้ที่ตาราวกับจะมีบางอย่างไหลออกมา แต่ก็เก็บมันกลับลงไปแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบนใบหน้า และตอบกลับไปอย่างหนักแน่น

 

“อา เข้าใจแล้ว”

 

และหลังจากนั้นพวกเราก็ถูกผู้หญิงคนอื่นจับได้ก่อนจะโดนดุซะยกใหญ่ที่แอบซุ่มดูวิเวียน แต่พอเห็นฉันกลับไม่ดุอะไรมาก แล้วหันไปด่าพวกฟาริสซะยกใหญ่ ว่าพาหัวหน้าไปทางไม่ดีบ้าง อย่าทำให้หัวหน้ามีมลทินบ้าง

ทำเอาไม่กล้าพูดเลยว่าฉันเป็นคนร่วมวงด้วยตัวเอง ขอโทษนะฟาริส แต่ฉันเองก็รู้สึกว่านายก็สมควรเหมือนกัน! ยังไงการแอบดูแล้วเล้าโลมร่างกายด้วยความคิดมันก็เสียมารยาทจริง ๆ นั่นแหละ ถึงฉันจะทำด้วยก็เถอะ!!

 

แต่ว่าเรื่องในวันนี้ทำให้ฉันเข้าใจได้แล้ว ความสับสนก็หายไปจากหัวใจ ความกดดัน..ก็คงไม่มีแล้วเหมือนกัน การดูแลกลุ่มนี้ไม่ใช่อะไรอย่างหน้าที่ความรับผิดชอบ แต่ว่าเป็น

 

ความสุข

 

ความสุขที่อยากจะช่วยเหลือกันและกัน ความสุขที่ได้ปกป้องสิ่งสำคัญ และ…ความสุขที่ได้สร้างครอบครัว ตอนนี้กลุ่มทหารรับจ้างฟิว ไม่สิ ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ทหารรับจ้างแล้ว แต่พวกเรากลุ่ม ฟิว เป็นครอบครัวที่ฉันสร้างขึ้นมา เป็นครอบครัวที่แสนสำคัญ

ดังนั้นความพยายามของฉันไม่ใช่เพื่อหน้าที่ที่ต้องชดใช้หรือรับผิดชอบ แต่ว่าเป็น ความพยายามเพื่อครอบครัวของตัวเอง แปลกจังนะ ทั้งที่สิ่งที่ต้องทำก็ยังไม่เปลี่ยนแท้ ๆ แต่แค่เปลี่ยนความคิดทุกอย่างก็ดูโล่งไปหมด

ทำเอานึกถึงคำพูดของเคียร่าเลย ว่าแล้วก็อยากส่งจดหมายไปหาเคียร่าจัง อยากจะเล่าเรื่องที่เจอวันนี้ อยากจะเล่าความสุขของการสร้างกลุ่มนี้ อยากจะเล่าให้รู้…ถึงครอบครัวใหม่ของฉัน

ตื่นเต้นจังนะ เมื่อไหร่จะได้จดหมายของเธออีก ไม่กี่วันแฟลชก็คงกลับมา คงได้มาพร้อมกับจดหมายของเคียร่านั่นแหละนะ อา!! อดใจไม่ไหวแล้ว!!

 

 

และฉันก็ไม่ได้คิดเลยว่าวันต่อมาที่แฟลชมาส่งจดหมาย จะไม่มีจดหมายจากเคียร่า ทั้งสีหน้าของเขาพอถามถึงยังดูเศร้าหมองด้วย…

 

————————- ———————–

(มุมคนเขียน)

 

วันนี้ล่อซะยาวเลยค่ะ พอดีนอนไม่หลับนิดหน่อย(ฮา) ดังนั้นถ้าเจอไหนตกหล่นหรือแปลก ๆ ไปก็ทักท้วงกันได้นะคะ เพราะว่าเขียนตอนเมา ๆ (ง่วง) ก็อาจจะเผลอพลาดไม่ก็เขียนไปเรื่อยเกินไปหน่อย(ฮา) ที่ยาวคงเป็นเพราะอยากลองเขียนช่วงที่ดูเรื่อย ๆ สบาย ๆ ล่ะมั้งคะ เพราะถ้าจะข้ามบรรยากาศของกลุ่มไปตลอดก็คงไม่ดี

แต่พอเข้าเรื่องหลักก็แอบไม่มั่นใจว่าใส่ตรงไหนดี แต่เดี๋ยวจะลองปรับ ๆ กับสังเกตดูค่ะ(ฮา) ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ ><

 

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด