ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร 89: ภาค 4 6 งดงามมากจนหลงเลยละ

Now you are reading ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร Chapter 89: ภาค 4 6 งดงามมากจนหลงเลยละ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แก! ทำไมถึงปล่อยให้พวกมันหนีไป!”

 

‘เคร้ง!’

 

เสียงตะคอกของชายที่สวมมงกุฎอย่างหรูหราดังขึ้น พร้อมทั้งปัดจานที่สวยงามบนโต๊ะอาหารจนแตกกระจายไปทั่ว และผมที่โดนตะคอกใส่ก็ทำเพียงยืนก้มหน้ารับฟังอย่างนิ่งเงียบ

ราชาแห่งฟัวกรา กำลังโกรธจัดกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคุกใต้ดิน

 

“ทั้งที่ลงทุนลงแรงให้ขนาดนั้นแท้ๆ แต่แกกลับปล่อยให้หมากตัวสำคัญของพวกเราต้องหนีไปถึงสองตัว! แบบนี้ทุกอย่างก็ไร้ความหมายนะสิ!”

 

“ต้องขออภัยด้วยครับ…แต่กระผมคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการป้องกันของยามมันหละหลวม—”

 

“ไม่ต้องมาแก้ตัว!!”

 

หลังตะโกนใส่แบบนั้น เขาก็หยิบแก้วที่เหลืออยู่บนโต๊ะปาเข้าใส่ที่หัวของฉัน ถึงจะมีความเจ็บจากบาดแผลในวันนั้นอยู่แล้วก็เถอะ ในตอนนี้ก็มีความเจ็บปวดเพิ่มเข้ามา พร้อมทั้งเลือดที่ไหลอาบใบหน้า

นั่นเป็นการบอกได้อย่างดีว่าฉันไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรอีก จนได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ แต่เดิมทีทั้งที่ เป็นราชวังหลวงของฟัวกราแท้ ๆ แต่ทำไมถึงปล่อยให้ผู้บุกรุกจำนวนมากขนาดนั้นเข้ามาได้กัน

ไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อย

 

“เฮ้อ เป็นเพราะแกคนเดียว แม้แต่คุกที่ปิดตายไว้เป็นร้อยปีก็ถูกพังไปด้วย คิดจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง หะ!”

 

ไม่…นี่ไม่ใช่ความผิดฉัน ฉันไม่ผิด ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมจะต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ ที่ผิดมันทหารกระจอกของพวกแกต่างหาก ฉันไม่ผิดอะไรทั้งนั้น

แต่ถึงแบบนั้นก็ตอบได้เพียงแค่

 

“ขอโทษครับ ให้โอกาสกระผมได้แก้ตัวอีกสักครั้งเถอะนะครับ”

 

“หึ ไม่มีโอกาสให้แกพลาดซ้ำสองหรอกนะ กลับไปได้แล้ว!!”

 

หลังคำใส่อารมณ์นั้นจบอีกครั้ง ฉันก็เดินออกมาจากห้องทานอาหารของราชวงศ์เพื่อตรงไปยังห้องพักของตนเอง เมื่อเข้าไปก็พบกับจดหมายฉบับหนึ่งที่วางเอาไว้บนโต๊ะ

 

“…ท่านแม่ต่อต้านราชวงศ์ฟัวกราเหรอ?”

 

เมื่ออ่านเนื้อหาจดหมายนั้นแล้วก็ต้องเปิดตากว้างอย่างตกตะลึง จริงสิ ยังไงซะท่านแม่ก็เป็นขุนนางของฟัวกรานี่นะ ยังไงซะก็คงไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ทำอยู่ ดังนั้นจึงมาชวนฉันกลับไปที่ฟาเรเรียด้วยกันอีกครั้ง…

 

“โง่จริง ๆ”

 

‘แกร๊บ!’

 

ฉันขยำกระดาษแผ่นนั้นแล้ววางกลับลงไปบนโต๊ะอีกครั้ง จะให้กลับไปฟาเรเรียเหรอ คิดบ้าอะไรอยู่กัน แล้วถ้าอยากจะกลับก็ควรจะกลับไปตั้งแต่ยังไม่เกิดสงครามซะสิ ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่แต่แรกละ

อีกอย่างจะให้กลับไปตอนนี้เหรอ…

 

‘ดังนั้น ฉันถึงไม่มีทางให้อภัยนายแน่’

 

คำพูดของเคียร่าซ้อนทับเข้ากับใบหน้าโกรธจัดอย่างเศร้าสร้อยของเธอผุดขึ้นมาในหัวของฉัน ป่านนี้แล้วไม่มีหน้ากลับไปหรอก ไม่สิ ไม่มีที่ให้กลับไปอีกแล้ว ฉันทำลายมันไปด้วยตัวเอง…

มันดีแล้วจริงเหรอ?

 

“อึก!!”

 

ในตอนนั้นเอง ก็รู้สึกเจ็บหัวขึ้นมาอย่างหนักจนเรี่ยวแรงหายไปและเกือบทรุดลงกับพื้น แต่ก็ใช้มือดันร่างของตัวเองไว้กับโต๊ะ พร้อมทั้งเอามือกุมหัวส่ายไปมา

แล้วตอนนั้นที่ปลายสายตา ก็สังเกตไปเห็นกระจกประดับห้องที่ใช้สำหรับแต่งตัว บนใบหน้าของฉันที่เคยดูดีพอจะเป็นที่หมายปองของสาว ๆ

ขณะนี้มันถูกพันด้วยผ้าพันแผลจำนวนมากจนมองเห็นแค่ดวงตา จมูก แล้วก็ปาก ทั้งยังมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยแสดงให้เห็นว่ามันยังไม่หายดี

ไอ้ผู้หญิงคนนั้น…ถึงจะใส่ผ้าคลุมผิดบังตัวตนไว้ก็เถอะ แต่รูปร่างและเสียงแบบนั้นต้องเป็นผู้หญิงไม่ผิดแน่ ถึงสติจะเลือนรางแต่ก็เหมือนจะได้ยินชื่ออยู่ รู้สึกว่าจะชื่อ…

 

“แฟร์…”

 

ใบหน้าที่เสียโฉมและบิดเบี้ยวแบบนี้ก็เพราะ แฟร์ ความวุ่นวายในคุกก็คงมาจากเธอคนนั้น แฟร์ และที่ฉันต้องพลัดพรากจากเคียร่าก็เป็นเพราะ…

 

“แฟร์!!”

 

‘เคร้ง!’

 

เสียงกระจกแตกกระจายพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นจากกำปั้น ฉันตะโกนชื่อนั้นที่จำฝังหัวรองลงมาจากเคียร่า แล้วต่อยเข้าไปที่กระจกซึ่งสะท้อนใบหน้าของฉันที่มีดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น

แฟร์…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะต้อง

 

“ฆ่าแกให้ได้!!”

 

——————– ——————

 

“โย่ว เหนื่อยหน่อยนะ”

 

“กรร!!”

 

เมื่อบินลงมาที่พื้นก็ได้ยินเสียงแฟร์ทักทายขึ้นมาตามปกติ แต่แน่นอนว่าฉันก็แยกเคี้ยวขู่สวนกลับไปในทันที ซึ่งเจ้าตัวก็หัวเราะร่าออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน

 

“ฮ่า ๆ ถ้าริเกลสบายดีขนาดนี้ก็คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงละนะ”

 

“…สำหรับฉัน ริเกลเป็นแบบนี้น่าเป็นห่วงมากกว่านะ”

 

ว่าแล้วเคียร่าก็ถอนหายใจให้กับเสียงหัวเราะของแฟร์ หลังจากพวกเราขนของทั้งหมดไปไว้ที่ราชวังแล้ว ก็ได้เวลาพักผ่อนมาสักพัก เพราะว่าแผลของเคียร่าก็ยังไม่หายดีแถมยังต้องทานตลอดเวลา ดังนั้นเลยลงความเห็นกันว่าจะให้พักก่อน

ซึ่งถ้าอยู่ที่วังละก็ เคียร่าคงไม่พ้นไปได้ยินเรื่องงานแล้วขอกลับไปแจมด้วยแน่ ตอนนี้เลยตัดสินใจมาใช้เวลาพักผ่อนที่เขตคาสทอร์ คฤหาสน์ของดาริกที่เป็นอาจารย์ของเคียร่า

เพราะความรู้สึกของฉันกับเคียร่าที่นี่ก็ผ่อนคลายพอ ๆ กับที่บ้านละนะ แต่ว่าใกล้กว่าบ้านเกิดของพวกเรามากโขเลย ส่วนแฟร์ก็พักอยู่ที่นี่ในฐานะแขก ก็นะ…คงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าให้คนนอกไปอยู่ในวังตอนนี้

 

“อะ พี่เคียร่าดูนี่สิ!”

 

ระหว่างที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่ ก็มีเสียงใสที่ร่าเริงของเด็กสาวดังขึ้น เมื่อมองไปก็พบกับคลิฟลูกสาวของดาริก เธอคนนั้นที่สูงเพียงเอวของแฟร์วิ่งเข้ามาพร้อมกับสมุดเล่มหนึ่ง

ทำให้เคียร่ายิ้มอ่อนออกมา พลางย่อเข่าลงให้อยู่ระดับสายตาของเด็กคนนั้น ก่อนจะรับสมุดเล่มนั้นมาเปิดอ่านทันที

นั่นทำให้เธอเปิดตากว้างด้วยความตกใจ

 

“ละเอียดมากเลยนะเนี่ย”

 

ฉันเองพอได้ยินแบบนั้นก็เลยก้มคอลงอ่านตัวหนังสือเล็ก ๆ นั้นเช่นกัน อืมมม เหมือนว่าจะเป็นสมุดบันทึกสินะ เป็นพวกพืชสมุนไพรที่หาได้ทั่วไป

แต่ว่ามันมีมากกว่าภาพสเกตและอธิบายรูปร่างภายนอก นอกจากพวกสรรพคุณแล้วก็ยังมีเรื่องการนำไปใช้เพิ่มเข้ามาด้วย ไม่สิ เหมือนว่าจะเขียนการใช้ของแต่ละพื้นที่เพิ่มเข้ามามากกว่า

เอะ คลิฟไม่เคยออกออกจากประเทศนี่นา ทำไมถึงมีการใช้ของชนเผ่าพื้นบ้านของริมิร่าเขียนไว้ด้วยละ?

 

“ฉันเห็นที่เด็กคนนั้นเขียนน่ะ ก็เลยเล่าเรื่องที่เคยเดินทางผ่านให้ฟัง”

 

“พี่แฟร์เล่าให้ฟังเพียบเลยละ!”

 

“งั้นเหรอ ดีเลยเนอะ”

 

เธอพูดออกมาด้วยความยินดีแบบนั้นพร้อมกับลูบหัวของคลิฟ ทำให้เด็กสาวยิ้มปริ่มออกมาด้วยความดีใจ มันทำให้ฉันรู้สึกจักจี้แปลก ๆ จนทำแก้มป่องเข้าไปถู ๆ ตัวเคียร่า

ลูบฉันมั้งจิ ซึ่งเธอก็เข้าใจได้ในทันทีก่อนจะใช้มืออีกข้างลูบหัวฉันด้วยอีกคน เย้!

 

“จริงสิ เด็กคนนั้น…”

 

ในขณะที่พวกเรากำลังเคลิ้มอยู่เคียร่าก็เกริ่นขึ้นมาแบบนั้น ก่อนจะหยุดมือแล้วลุกขึ้นเดินมาที่ด้านหลังของฉันซึ่งมีสัมภาระส่วนตัวของพวกเราอยู่นิดหน่อย ง่า อยากให้ลูบต่ออะ

 

“กรร…”

 

“ฮะ ๆ รอนิดนึงนะ”

 

เธอพูดปลอบใจฉันพลางยกกล่องไม้ที่มีรูออกมาจากกระเป๋าด้านหลังฉัน อะ จริงสิ ในหมู่สัมภาระของพวกเรามีลูกมังกรตัวนั้นอยู่ด้วยนี่นา

 

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ให้เป็นของขวัญคลิฟก็แล้วกัน”

 

“อะไรเหรอ ๆ”

 

แต่คนที่ตอบกลับมาดันเป็นแฟร์ที่ดูตื่นเต้นอย่างกับเป็นคนได้ของขวัญซะเอง แถมยังเดินเข้ามาใกล้อีกทำให้ฉันส่งเสียงขู่อีกครั้ง ซึ่งก็ไม่มีผลอะไรตามเดิม

เฮ้อ

 

“มังกร เวโรโน่ ได้มาจากทูตของเดเวีย คลิฟช่วยดูแลเขาหน่อยได้ไหม”

 

“เอ๋ ให้หนูดูแลมังกรเหรอ จะดีเหรอ?”

 

คลิฟที่ได้ยินแบบนั้นก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาจนถามซ้ำ ๆ แบบนั้น ซึ่งเคียร่าก็ทำเพียงส่งเสียงหัวเราะจากลำคอต่อท่าทางแบบนั้น ส่วนแฟร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังคลิฟก็วางมือบนหัวเธอแล้วลูบ…ไม่สิ ขยี้ผมมากกว่า

 

“เห็นว่าชอบพวกเคียร่ากับริเกลไม่ใช่เหรอ รับไว้ก็ดีแล้วนี่”

 

คำพูดนั้นของแฟร์ทำให้ทั้งฉันและเคียร่าเอียงคอพร้อมกันด้วยความสงสัย แต่ว่าบนใบหน้าของคลิฟนั้นแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ

แล้วยื่นมือเข้าไปหาลูกมังกรที่อยู่ในกล่อง แล้วค่อย ๆ ลูบหัวของสัตว์ตัวน้อยที่ดูหวาดหวั่นรอบข้างอยู่ด้วยความอ่อนโยน

โดยไม่คิดจะคลายความสงสัยของพวกเราแม้แต่น้อย ที่ว่าชอบพวกเรานี่หมายความว่าไงละนั่น?

 

“เด็กคนนี้ชื่ออะไรเหรอ”

 

“ยังไม่ได้ตั้งชื่อหรอก คลิฟตั้งได้เลยนะ”

 

ทันใดนั้นเด็กสาวก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ แต่ก็ยังไม่ตั้งทันทีพร้อมทั้งบอกว่าจะไปให้ท่านพ่อดูก่อน แล้วก็อุ้มลูกมังกรเข้าไปในตัวอาคารเลย

แฟร์ที่มองไล่หลังเด็กคนนั้นไปจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา

 

“เด็ก ๆ นี่ร่าเริงกันจังนะ”

 

“อืม”

 

“เด็กคนนั้นฟังเรื่องของฉันแล้วบอกว่าอยากออกเดินทางละ ความฝันของเธอคงเป็นการไปทั่วโลกสินะ”

 

“ใช่”

 

“เด็กคนนั้นบอกว่า ฉันรู้เยอะกว่าเคียร่าเยอะเลยนะ~”

 

“ฮะ ๆ ก็นะ เรื่องที่ฉันเล่าก็เอามาจากจดหมายของเธออีกทีนั่นแหละ”

 

แฟร์หัวเราะคิดคักราวกับอยากจะอวดที่ตนเองถูกพูดถึงแบบนั้น ส่วนเคียร่าก็หัวเราะแห้งตามแถมยังมีความเขินอายผสมอยู่อีก

ก็แหงสิ! เคียร่าก็ไม่เคยออกนอกประเทศเหมือนกันนั่นแหละ!

 

“แต่ก็นะ…เพราะงั้นถึงแพ้ไม่ได้สินะ”

 

“…ใช่ เพื่อปกป้องความฝันเด็กคนนั้น”

 

คำตอบที่ราวกับว่าท่องจำเอาไว้นั้นออกมาจากปากของเคียร่า นั่นทำให้แฟร์มองด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับจะเจาะลึกเข้าไปในจิตใจ

แล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความผ่อนคลาย

 

“แต่ก็นะ ถ้าพูดถึงการเตรียมใจกับเธอ คงไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกเนอะ”

 

“ฮะ ๆ ฉันดูเป็นแบบนั้นเหรอ”

 

“พอได้เจอกันจริง ๆ แล้วไม่ต้องสงสัยเลยละ ฮ่า ๆ”

 

ทั้งคู่พูดคุยกันด้วยคำที่อ้อมโลกไปไกลจนแทบไม่รู้เรื่อง แต่ก็พอเข้าใจได้ เพราะถ้าไม่อยากแพ้สงครามเพื่อปกป้องความฝันของเด็กในประเทศละก็ ประเทศที่เป็นศัตรูของเราเองก็เหมือนกัน

คงจะมีทั้งเด็กและประชาชนอีกมากที่มีความฝัน มีคนบริสุทธิ์อีกมากที่หากแพ้สงครามขึ้นมาหลายอย่างก็คงเปลี่ยนไป และไม่แน่ก็อาจจะมีคนต้องโดนดับความฝันไป

นั่นคือการเตรียมใจในการทำสงคราม…แต่จากสายตาของเคียร่าก็บ่งบอกอยู่แล้ว ว่าเธอเตรียมใจมาอย่างดีแม้จะรู้แบบนั้นก็ตาม

 

“แต่ระหว่างที่พวกฉันไม่อยู่ กองทัพของฟัวกราก็บุกเข้ามาใกล้มาก…ถ้าช้ากว่านี้อีกสักสัปดาห์คงมาถึงวังที่เมืองหลวงแล้ว ไม่แน่ฉันกับริเกลอาจจะต้องไปช่วยโต้กลับ…”

 

เมื่อถูกดึงเข้าเรื่องสงครามและคลิฟก็ไม่อยู่ เคียร่าก็พูดถึงสถานการณ์สงครามในตอนนี้ทันที ใช่แล้ว อีกสาเหตุที่ไม่ควรให้เคียร่าพักผ่อนที่เมืองหลวง เพราะที่นั่นใกล้กับแนวหน้าซึ่งกองทัพของฟัวกราตีเข้ามา

ถ้าอยู่ที่นั่นไม่มีทางสงบใจได้หรอก ขนาดที่นี่ก็ยังวางใจขนาดนั้นไม่ได้เลย ตอนนี้พวกเจ้าชายก็กำลังวิ่งวุ่นหารือเรื่องการโต้กลับอยู่ อย่างน้อยก็ให้พวกนั้นกลับไปอยู่ที่ชายแดน

 

“อ้า เรื่องนั้น…ไม่ต้องกังวลไปหรอก ไม่นานเกินรอเดี๋ยวฟัวกราก็ถอยทัพกลับไปแน่”

 

แฟร์พูดขึ้นมาแบบนั้นด้วยท่าทางสบาย ๆ พลางพัดซองจดหมายในมือ ราวกับไม่ใช่เรื่องทุกข์ร้อนอะไร ก่อนจะหยุดแล้วชูจ่าหน้าซองให้ดู เหมือนว่าจะเป็นจดหมายจากสายสืบของแฟร์ แล้ว…

 

“หมายความว่าไงน่ะ”

 

ใช่ หมายความว่าไงละนั่น เคียร่าพูดคำถามภายในใจของฉันออกไป ไม่สิ ต้องบอกว่าเราทั้งคู่คิดเหมือนกันมากกว่า ซึ่งแฟร์ก็หัวเราะแล้วตอบกลับมาด้วยเสียงใส

 

“ตั้งแต่วันที่พลังของริเกลระเบิด เหมือนว่าจะมีชาวบ้านรวมกลุ่มกันต่อต้านพวกขุนนางทั่วทั้งประเทศเลยละ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนระหว่างที่พวกเราเดินทางดูเหมือนว่า จะกลายเป็นกลุ่มกบฏขนาดใหญ่ไปแล้วละ”

 

เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นทั้งฉันและเคียร่าก็เปิดตากว้างในทันที ถ้าจำไม่ผิด เคยได้ยินว่าพวกฟัวกรารวมทหารทั้งหมดในการบุกใส่พวกเราไม่ยั้ง ทำให้พวกนั้นไม่มีทหารปกป้องเมืองหลวง…

ก็หมายความว่า

 

“ยังไงก็ต้องถอยทัพไปจัดการเรื่องภายในประเทศสินะ ว่าแต่เป็นผลจากพลังของริเกลเหรอ?”

 

“ถ้าจากที่เธอเล่าให้ฟังว่าริเกลคือมังกรพิภพตัวที่ 8 ‘อิสระ’ ก็มีความเป็นไปได้นะ เพราะยังไงซะภายในฟัวกราก็เน่าเฟะจนคนในประเทศแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วแค่ไม่มีความกล้า ไม่แน่พลังของมังกรพิภพอาจจะไปกระตุ้นพวกเขาขึ้นมาก็ได้”

 

“แบบนี้นี่เอง”

 

ว่าแล้วทั้งคู่ก็หันมามองฉันพร้อมกัน เอะ เป็นงั้นเหรอ? พอโดนมองแล้วก็พูดถึงแบบนั้นแล้วก็เขินเลยแฮะ ทำเอาเคียร่าผ่อนคลายกว่าเมื่อครู่เยอะเลย

 

“เห็นแบบนี้ริเกลก็เป็นมังกรพิภพนี่เนอะ”

 

ใช่…เอะ พูดแบบนั้นหมายความว่าไงนะ นี่เคียร่าเห็นฉันเป็นอะไรละนั่น!

 

“ก็แน่ละ ริเกลไม่ใช่ลูกหมาที่เก็บมาจากในป่าซะหน่อย”

 

“ฮะ ๆ นั่นสินะ”

 

เฮ้ย ตอบกลับไปแบบนั้นแสดงว่าตอนแรกคิดว่าเป็นหมาจริง ๆ สินะ! ถึงจะไม่ชอบที่เป็นมังกรพิภพ แต่ก็ไม่ชอบที่โดนมองว่าเป็นหมาเหมือนกันนั่นแหละ! เคียร่าแย่ที่สุด! ฮึ่มมม

ฉันทำท่าทางหัวเสียและร้องโวยวายกับบทสนทนานั้น แต่แทนที่จะมีใครขอโทษดันเป็นเสียงหัวเราะอย่างสนุกกันอีกต่างหาก ฮึ่มมม…แต่เอาเถอะ

เมื่อมองไปที่สีหน้าของเคียร่าที่กำลังหัวเราะคู่กับแฟร์อย่างเข้าขา…เขาว่ากันว่า ผู้หญิงจะงดงามที่สุดเวลามีความรัก ถึงจะรู้สึกไม่ชอบเวลาทั้งคู่อยู่ด้วยกันก็เถอะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าเวลาที่เคียร่าอยู่กับแฟร์เนี่ย

 

งดงามมากจนหลงเลยละ…

 

———————– ——————————

(มุมนักเขียน)

 

ผ่านไปแล้วกับงาน CQ5 ที่ผ่านมาค่ะะ เย้~ เรียกได้ว่าเราเกร็งมากเลยค่ะ 55 ถ้าไม่ได้คนที่บ้านกับรุ่นพี่ช่วยไว้นี่คือคงนั่งตัวแข็งตลอดงานแน่-

ถ้างั้นไหนๆก็ไหนๆ แวบมาช่วยทางนั้นขายของสักหน่อย– ทางพวกพี่ชายเราเป็นผู้พัฒนาเกม มีโปรเจคแรกที่ทำคือบอร์ดเกม ‘จ่าฝูง’ ที่เราจะสวมบทบาทเป็นนักการเมือง ที่ต้องแข่งกันหาเสียงเพื่อขึ้นเป็นจ่าฝูงในประเทศของมนุษย์สัตว์ แต่ถ้าเราได้เป็นจ่าฝูงแต่ดันทำตามนโยบายที่ตั้งไว้ไม่ได้ เหล่าประชาชนก็จะไม่พอใจซึ่งเป็นหน้าที่ของนักการเมืองคนอื่นๆ ที่จะเป็นกระบอกเสียงออกมาประท้วงจ่าฝูงนั่นเอง!!​

​ในเกมนี้เราก็ช่วยพัฒนาด้วยนิดหน่อยแต่หลักๆคือเป็นสปอนเซอร์– แค่กๆ ที่จริงเราก็เป็นที่ปรึกษาเล็กๆน้อยๆกับช่วยทดลองระบบเกมแหละค่ะ บอกเลยว่าเล่นมันส์มาก!! จะเป็นยังไงก็ติดตามที่หน้าเพจ ‘จ่าฝูง Board Game’ กันได้นะคะ! แอบกระซิบว่าอีกไม่นาน อาจจะมีลงคลิปทดลองเล่นให้ดูค่ะ

 

แล้วก็นิยายเรื่องนี้ปัจจุบันเปิดให้พรีออเดอร์ฉบับรวมเล่มแล้วนะคะ ซึ่งปัจจุบันนี้โคต้าแถมเสื้อ 3 ท่านแรกก็หมดไปแล้ว! ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาพรีออดเดอร์มากๆเลยค่ะ และถ้าใครสนใจก็สามารถสั่งจองได้ผ่านลิ๊งด้านล่างนี้เลย~

 

https://forms.gle/qPUgeMu5QLPd4VRd8

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร 89: ภาค 4 6 งดงามมากจนหลงเลยละ

Now you are reading ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร Chapter 89: ภาค 4 6 งดงามมากจนหลงเลยละ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แก! ทำไมถึงปล่อยให้พวกมันหนีไป!”

 

‘เคร้ง!’

 

เสียงตะคอกของชายที่สวมมงกุฎอย่างหรูหราดังขึ้น พร้อมทั้งปัดจานที่สวยงามบนโต๊ะอาหารจนแตกกระจายไปทั่ว และผมที่โดนตะคอกใส่ก็ทำเพียงยืนก้มหน้ารับฟังอย่างนิ่งเงียบ

ราชาแห่งฟัวกรา กำลังโกรธจัดกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคุกใต้ดิน

 

“ทั้งที่ลงทุนลงแรงให้ขนาดนั้นแท้ๆ แต่แกกลับปล่อยให้หมากตัวสำคัญของพวกเราต้องหนีไปถึงสองตัว! แบบนี้ทุกอย่างก็ไร้ความหมายนะสิ!”

 

“ต้องขออภัยด้วยครับ…แต่กระผมคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการป้องกันของยามมันหละหลวม—”

 

“ไม่ต้องมาแก้ตัว!!”

 

หลังตะโกนใส่แบบนั้น เขาก็หยิบแก้วที่เหลืออยู่บนโต๊ะปาเข้าใส่ที่หัวของฉัน ถึงจะมีความเจ็บจากบาดแผลในวันนั้นอยู่แล้วก็เถอะ ในตอนนี้ก็มีความเจ็บปวดเพิ่มเข้ามา พร้อมทั้งเลือดที่ไหลอาบใบหน้า

นั่นเป็นการบอกได้อย่างดีว่าฉันไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรอีก จนได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ แต่เดิมทีทั้งที่ เป็นราชวังหลวงของฟัวกราแท้ ๆ แต่ทำไมถึงปล่อยให้ผู้บุกรุกจำนวนมากขนาดนั้นเข้ามาได้กัน

ไม่ใช่ความผิดของฉันสักหน่อย

 

“เฮ้อ เป็นเพราะแกคนเดียว แม้แต่คุกที่ปิดตายไว้เป็นร้อยปีก็ถูกพังไปด้วย คิดจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง หะ!”

 

ไม่…นี่ไม่ใช่ความผิดฉัน ฉันไม่ผิด ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมจะต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ ที่ผิดมันทหารกระจอกของพวกแกต่างหาก ฉันไม่ผิดอะไรทั้งนั้น

แต่ถึงแบบนั้นก็ตอบได้เพียงแค่

 

“ขอโทษครับ ให้โอกาสกระผมได้แก้ตัวอีกสักครั้งเถอะนะครับ”

 

“หึ ไม่มีโอกาสให้แกพลาดซ้ำสองหรอกนะ กลับไปได้แล้ว!!”

 

หลังคำใส่อารมณ์นั้นจบอีกครั้ง ฉันก็เดินออกมาจากห้องทานอาหารของราชวงศ์เพื่อตรงไปยังห้องพักของตนเอง เมื่อเข้าไปก็พบกับจดหมายฉบับหนึ่งที่วางเอาไว้บนโต๊ะ

 

“…ท่านแม่ต่อต้านราชวงศ์ฟัวกราเหรอ?”

 

เมื่ออ่านเนื้อหาจดหมายนั้นแล้วก็ต้องเปิดตากว้างอย่างตกตะลึง จริงสิ ยังไงซะท่านแม่ก็เป็นขุนนางของฟัวกรานี่นะ ยังไงซะก็คงไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ทำอยู่ ดังนั้นจึงมาชวนฉันกลับไปที่ฟาเรเรียด้วยกันอีกครั้ง…

 

“โง่จริง ๆ”

 

‘แกร๊บ!’

 

ฉันขยำกระดาษแผ่นนั้นแล้ววางกลับลงไปบนโต๊ะอีกครั้ง จะให้กลับไปฟาเรเรียเหรอ คิดบ้าอะไรอยู่กัน แล้วถ้าอยากจะกลับก็ควรจะกลับไปตั้งแต่ยังไม่เกิดสงครามซะสิ ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่แต่แรกละ

อีกอย่างจะให้กลับไปตอนนี้เหรอ…

 

‘ดังนั้น ฉันถึงไม่มีทางให้อภัยนายแน่’

 

คำพูดของเคียร่าซ้อนทับเข้ากับใบหน้าโกรธจัดอย่างเศร้าสร้อยของเธอผุดขึ้นมาในหัวของฉัน ป่านนี้แล้วไม่มีหน้ากลับไปหรอก ไม่สิ ไม่มีที่ให้กลับไปอีกแล้ว ฉันทำลายมันไปด้วยตัวเอง…

มันดีแล้วจริงเหรอ?

 

“อึก!!”

 

ในตอนนั้นเอง ก็รู้สึกเจ็บหัวขึ้นมาอย่างหนักจนเรี่ยวแรงหายไปและเกือบทรุดลงกับพื้น แต่ก็ใช้มือดันร่างของตัวเองไว้กับโต๊ะ พร้อมทั้งเอามือกุมหัวส่ายไปมา

แล้วตอนนั้นที่ปลายสายตา ก็สังเกตไปเห็นกระจกประดับห้องที่ใช้สำหรับแต่งตัว บนใบหน้าของฉันที่เคยดูดีพอจะเป็นที่หมายปองของสาว ๆ

ขณะนี้มันถูกพันด้วยผ้าพันแผลจำนวนมากจนมองเห็นแค่ดวงตา จมูก แล้วก็ปาก ทั้งยังมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยแสดงให้เห็นว่ามันยังไม่หายดี

ไอ้ผู้หญิงคนนั้น…ถึงจะใส่ผ้าคลุมผิดบังตัวตนไว้ก็เถอะ แต่รูปร่างและเสียงแบบนั้นต้องเป็นผู้หญิงไม่ผิดแน่ ถึงสติจะเลือนรางแต่ก็เหมือนจะได้ยินชื่ออยู่ รู้สึกว่าจะชื่อ…

 

“แฟร์…”

 

ใบหน้าที่เสียโฉมและบิดเบี้ยวแบบนี้ก็เพราะ แฟร์ ความวุ่นวายในคุกก็คงมาจากเธอคนนั้น แฟร์ และที่ฉันต้องพลัดพรากจากเคียร่าก็เป็นเพราะ…

 

“แฟร์!!”

 

‘เคร้ง!’

 

เสียงกระจกแตกกระจายพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นจากกำปั้น ฉันตะโกนชื่อนั้นที่จำฝังหัวรองลงมาจากเคียร่า แล้วต่อยเข้าไปที่กระจกซึ่งสะท้อนใบหน้าของฉันที่มีดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น

แฟร์…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะต้อง

 

“ฆ่าแกให้ได้!!”

 

——————– ——————

 

“โย่ว เหนื่อยหน่อยนะ”

 

“กรร!!”

 

เมื่อบินลงมาที่พื้นก็ได้ยินเสียงแฟร์ทักทายขึ้นมาตามปกติ แต่แน่นอนว่าฉันก็แยกเคี้ยวขู่สวนกลับไปในทันที ซึ่งเจ้าตัวก็หัวเราะร่าออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน

 

“ฮ่า ๆ ถ้าริเกลสบายดีขนาดนี้ก็คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงละนะ”

 

“…สำหรับฉัน ริเกลเป็นแบบนี้น่าเป็นห่วงมากกว่านะ”

 

ว่าแล้วเคียร่าก็ถอนหายใจให้กับเสียงหัวเราะของแฟร์ หลังจากพวกเราขนของทั้งหมดไปไว้ที่ราชวังแล้ว ก็ได้เวลาพักผ่อนมาสักพัก เพราะว่าแผลของเคียร่าก็ยังไม่หายดีแถมยังต้องทานตลอดเวลา ดังนั้นเลยลงความเห็นกันว่าจะให้พักก่อน

ซึ่งถ้าอยู่ที่วังละก็ เคียร่าคงไม่พ้นไปได้ยินเรื่องงานแล้วขอกลับไปแจมด้วยแน่ ตอนนี้เลยตัดสินใจมาใช้เวลาพักผ่อนที่เขตคาสทอร์ คฤหาสน์ของดาริกที่เป็นอาจารย์ของเคียร่า

เพราะความรู้สึกของฉันกับเคียร่าที่นี่ก็ผ่อนคลายพอ ๆ กับที่บ้านละนะ แต่ว่าใกล้กว่าบ้านเกิดของพวกเรามากโขเลย ส่วนแฟร์ก็พักอยู่ที่นี่ในฐานะแขก ก็นะ…คงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าให้คนนอกไปอยู่ในวังตอนนี้

 

“อะ พี่เคียร่าดูนี่สิ!”

 

ระหว่างที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่ ก็มีเสียงใสที่ร่าเริงของเด็กสาวดังขึ้น เมื่อมองไปก็พบกับคลิฟลูกสาวของดาริก เธอคนนั้นที่สูงเพียงเอวของแฟร์วิ่งเข้ามาพร้อมกับสมุดเล่มหนึ่ง

ทำให้เคียร่ายิ้มอ่อนออกมา พลางย่อเข่าลงให้อยู่ระดับสายตาของเด็กคนนั้น ก่อนจะรับสมุดเล่มนั้นมาเปิดอ่านทันที

นั่นทำให้เธอเปิดตากว้างด้วยความตกใจ

 

“ละเอียดมากเลยนะเนี่ย”

 

ฉันเองพอได้ยินแบบนั้นก็เลยก้มคอลงอ่านตัวหนังสือเล็ก ๆ นั้นเช่นกัน อืมมม เหมือนว่าจะเป็นสมุดบันทึกสินะ เป็นพวกพืชสมุนไพรที่หาได้ทั่วไป

แต่ว่ามันมีมากกว่าภาพสเกตและอธิบายรูปร่างภายนอก นอกจากพวกสรรพคุณแล้วก็ยังมีเรื่องการนำไปใช้เพิ่มเข้ามาด้วย ไม่สิ เหมือนว่าจะเขียนการใช้ของแต่ละพื้นที่เพิ่มเข้ามามากกว่า

เอะ คลิฟไม่เคยออกออกจากประเทศนี่นา ทำไมถึงมีการใช้ของชนเผ่าพื้นบ้านของริมิร่าเขียนไว้ด้วยละ?

 

“ฉันเห็นที่เด็กคนนั้นเขียนน่ะ ก็เลยเล่าเรื่องที่เคยเดินทางผ่านให้ฟัง”

 

“พี่แฟร์เล่าให้ฟังเพียบเลยละ!”

 

“งั้นเหรอ ดีเลยเนอะ”

 

เธอพูดออกมาด้วยความยินดีแบบนั้นพร้อมกับลูบหัวของคลิฟ ทำให้เด็กสาวยิ้มปริ่มออกมาด้วยความดีใจ มันทำให้ฉันรู้สึกจักจี้แปลก ๆ จนทำแก้มป่องเข้าไปถู ๆ ตัวเคียร่า

ลูบฉันมั้งจิ ซึ่งเธอก็เข้าใจได้ในทันทีก่อนจะใช้มืออีกข้างลูบหัวฉันด้วยอีกคน เย้!

 

“จริงสิ เด็กคนนั้น…”

 

ในขณะที่พวกเรากำลังเคลิ้มอยู่เคียร่าก็เกริ่นขึ้นมาแบบนั้น ก่อนจะหยุดมือแล้วลุกขึ้นเดินมาที่ด้านหลังของฉันซึ่งมีสัมภาระส่วนตัวของพวกเราอยู่นิดหน่อย ง่า อยากให้ลูบต่ออะ

 

“กรร…”

 

“ฮะ ๆ รอนิดนึงนะ”

 

เธอพูดปลอบใจฉันพลางยกกล่องไม้ที่มีรูออกมาจากกระเป๋าด้านหลังฉัน อะ จริงสิ ในหมู่สัมภาระของพวกเรามีลูกมังกรตัวนั้นอยู่ด้วยนี่นา

 

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ให้เป็นของขวัญคลิฟก็แล้วกัน”

 

“อะไรเหรอ ๆ”

 

แต่คนที่ตอบกลับมาดันเป็นแฟร์ที่ดูตื่นเต้นอย่างกับเป็นคนได้ของขวัญซะเอง แถมยังเดินเข้ามาใกล้อีกทำให้ฉันส่งเสียงขู่อีกครั้ง ซึ่งก็ไม่มีผลอะไรตามเดิม

เฮ้อ

 

“มังกร เวโรโน่ ได้มาจากทูตของเดเวีย คลิฟช่วยดูแลเขาหน่อยได้ไหม”

 

“เอ๋ ให้หนูดูแลมังกรเหรอ จะดีเหรอ?”

 

คลิฟที่ได้ยินแบบนั้นก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาจนถามซ้ำ ๆ แบบนั้น ซึ่งเคียร่าก็ทำเพียงส่งเสียงหัวเราะจากลำคอต่อท่าทางแบบนั้น ส่วนแฟร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังคลิฟก็วางมือบนหัวเธอแล้วลูบ…ไม่สิ ขยี้ผมมากกว่า

 

“เห็นว่าชอบพวกเคียร่ากับริเกลไม่ใช่เหรอ รับไว้ก็ดีแล้วนี่”

 

คำพูดนั้นของแฟร์ทำให้ทั้งฉันและเคียร่าเอียงคอพร้อมกันด้วยความสงสัย แต่ว่าบนใบหน้าของคลิฟนั้นแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ

แล้วยื่นมือเข้าไปหาลูกมังกรที่อยู่ในกล่อง แล้วค่อย ๆ ลูบหัวของสัตว์ตัวน้อยที่ดูหวาดหวั่นรอบข้างอยู่ด้วยความอ่อนโยน

โดยไม่คิดจะคลายความสงสัยของพวกเราแม้แต่น้อย ที่ว่าชอบพวกเรานี่หมายความว่าไงละนั่น?

 

“เด็กคนนี้ชื่ออะไรเหรอ”

 

“ยังไม่ได้ตั้งชื่อหรอก คลิฟตั้งได้เลยนะ”

 

ทันใดนั้นเด็กสาวก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ แต่ก็ยังไม่ตั้งทันทีพร้อมทั้งบอกว่าจะไปให้ท่านพ่อดูก่อน แล้วก็อุ้มลูกมังกรเข้าไปในตัวอาคารเลย

แฟร์ที่มองไล่หลังเด็กคนนั้นไปจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา

 

“เด็ก ๆ นี่ร่าเริงกันจังนะ”

 

“อืม”

 

“เด็กคนนั้นฟังเรื่องของฉันแล้วบอกว่าอยากออกเดินทางละ ความฝันของเธอคงเป็นการไปทั่วโลกสินะ”

 

“ใช่”

 

“เด็กคนนั้นบอกว่า ฉันรู้เยอะกว่าเคียร่าเยอะเลยนะ~”

 

“ฮะ ๆ ก็นะ เรื่องที่ฉันเล่าก็เอามาจากจดหมายของเธออีกทีนั่นแหละ”

 

แฟร์หัวเราะคิดคักราวกับอยากจะอวดที่ตนเองถูกพูดถึงแบบนั้น ส่วนเคียร่าก็หัวเราะแห้งตามแถมยังมีความเขินอายผสมอยู่อีก

ก็แหงสิ! เคียร่าก็ไม่เคยออกนอกประเทศเหมือนกันนั่นแหละ!

 

“แต่ก็นะ…เพราะงั้นถึงแพ้ไม่ได้สินะ”

 

“…ใช่ เพื่อปกป้องความฝันเด็กคนนั้น”

 

คำตอบที่ราวกับว่าท่องจำเอาไว้นั้นออกมาจากปากของเคียร่า นั่นทำให้แฟร์มองด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับจะเจาะลึกเข้าไปในจิตใจ

แล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความผ่อนคลาย

 

“แต่ก็นะ ถ้าพูดถึงการเตรียมใจกับเธอ คงไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกเนอะ”

 

“ฮะ ๆ ฉันดูเป็นแบบนั้นเหรอ”

 

“พอได้เจอกันจริง ๆ แล้วไม่ต้องสงสัยเลยละ ฮ่า ๆ”

 

ทั้งคู่พูดคุยกันด้วยคำที่อ้อมโลกไปไกลจนแทบไม่รู้เรื่อง แต่ก็พอเข้าใจได้ เพราะถ้าไม่อยากแพ้สงครามเพื่อปกป้องความฝันของเด็กในประเทศละก็ ประเทศที่เป็นศัตรูของเราเองก็เหมือนกัน

คงจะมีทั้งเด็กและประชาชนอีกมากที่มีความฝัน มีคนบริสุทธิ์อีกมากที่หากแพ้สงครามขึ้นมาหลายอย่างก็คงเปลี่ยนไป และไม่แน่ก็อาจจะมีคนต้องโดนดับความฝันไป

นั่นคือการเตรียมใจในการทำสงคราม…แต่จากสายตาของเคียร่าก็บ่งบอกอยู่แล้ว ว่าเธอเตรียมใจมาอย่างดีแม้จะรู้แบบนั้นก็ตาม

 

“แต่ระหว่างที่พวกฉันไม่อยู่ กองทัพของฟัวกราก็บุกเข้ามาใกล้มาก…ถ้าช้ากว่านี้อีกสักสัปดาห์คงมาถึงวังที่เมืองหลวงแล้ว ไม่แน่ฉันกับริเกลอาจจะต้องไปช่วยโต้กลับ…”

 

เมื่อถูกดึงเข้าเรื่องสงครามและคลิฟก็ไม่อยู่ เคียร่าก็พูดถึงสถานการณ์สงครามในตอนนี้ทันที ใช่แล้ว อีกสาเหตุที่ไม่ควรให้เคียร่าพักผ่อนที่เมืองหลวง เพราะที่นั่นใกล้กับแนวหน้าซึ่งกองทัพของฟัวกราตีเข้ามา

ถ้าอยู่ที่นั่นไม่มีทางสงบใจได้หรอก ขนาดที่นี่ก็ยังวางใจขนาดนั้นไม่ได้เลย ตอนนี้พวกเจ้าชายก็กำลังวิ่งวุ่นหารือเรื่องการโต้กลับอยู่ อย่างน้อยก็ให้พวกนั้นกลับไปอยู่ที่ชายแดน

 

“อ้า เรื่องนั้น…ไม่ต้องกังวลไปหรอก ไม่นานเกินรอเดี๋ยวฟัวกราก็ถอยทัพกลับไปแน่”

 

แฟร์พูดขึ้นมาแบบนั้นด้วยท่าทางสบาย ๆ พลางพัดซองจดหมายในมือ ราวกับไม่ใช่เรื่องทุกข์ร้อนอะไร ก่อนจะหยุดแล้วชูจ่าหน้าซองให้ดู เหมือนว่าจะเป็นจดหมายจากสายสืบของแฟร์ แล้ว…

 

“หมายความว่าไงน่ะ”

 

ใช่ หมายความว่าไงละนั่น เคียร่าพูดคำถามภายในใจของฉันออกไป ไม่สิ ต้องบอกว่าเราทั้งคู่คิดเหมือนกันมากกว่า ซึ่งแฟร์ก็หัวเราะแล้วตอบกลับมาด้วยเสียงใส

 

“ตั้งแต่วันที่พลังของริเกลระเบิด เหมือนว่าจะมีชาวบ้านรวมกลุ่มกันต่อต้านพวกขุนนางทั่วทั้งประเทศเลยละ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนระหว่างที่พวกเราเดินทางดูเหมือนว่า จะกลายเป็นกลุ่มกบฏขนาดใหญ่ไปแล้วละ”

 

เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นทั้งฉันและเคียร่าก็เปิดตากว้างในทันที ถ้าจำไม่ผิด เคยได้ยินว่าพวกฟัวกรารวมทหารทั้งหมดในการบุกใส่พวกเราไม่ยั้ง ทำให้พวกนั้นไม่มีทหารปกป้องเมืองหลวง…

ก็หมายความว่า

 

“ยังไงก็ต้องถอยทัพไปจัดการเรื่องภายในประเทศสินะ ว่าแต่เป็นผลจากพลังของริเกลเหรอ?”

 

“ถ้าจากที่เธอเล่าให้ฟังว่าริเกลคือมังกรพิภพตัวที่ 8 ‘อิสระ’ ก็มีความเป็นไปได้นะ เพราะยังไงซะภายในฟัวกราก็เน่าเฟะจนคนในประเทศแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วแค่ไม่มีความกล้า ไม่แน่พลังของมังกรพิภพอาจจะไปกระตุ้นพวกเขาขึ้นมาก็ได้”

 

“แบบนี้นี่เอง”

 

ว่าแล้วทั้งคู่ก็หันมามองฉันพร้อมกัน เอะ เป็นงั้นเหรอ? พอโดนมองแล้วก็พูดถึงแบบนั้นแล้วก็เขินเลยแฮะ ทำเอาเคียร่าผ่อนคลายกว่าเมื่อครู่เยอะเลย

 

“เห็นแบบนี้ริเกลก็เป็นมังกรพิภพนี่เนอะ”

 

ใช่…เอะ พูดแบบนั้นหมายความว่าไงนะ นี่เคียร่าเห็นฉันเป็นอะไรละนั่น!

 

“ก็แน่ละ ริเกลไม่ใช่ลูกหมาที่เก็บมาจากในป่าซะหน่อย”

 

“ฮะ ๆ นั่นสินะ”

 

เฮ้ย ตอบกลับไปแบบนั้นแสดงว่าตอนแรกคิดว่าเป็นหมาจริง ๆ สินะ! ถึงจะไม่ชอบที่เป็นมังกรพิภพ แต่ก็ไม่ชอบที่โดนมองว่าเป็นหมาเหมือนกันนั่นแหละ! เคียร่าแย่ที่สุด! ฮึ่มมม

ฉันทำท่าทางหัวเสียและร้องโวยวายกับบทสนทนานั้น แต่แทนที่จะมีใครขอโทษดันเป็นเสียงหัวเราะอย่างสนุกกันอีกต่างหาก ฮึ่มมม…แต่เอาเถอะ

เมื่อมองไปที่สีหน้าของเคียร่าที่กำลังหัวเราะคู่กับแฟร์อย่างเข้าขา…เขาว่ากันว่า ผู้หญิงจะงดงามที่สุดเวลามีความรัก ถึงจะรู้สึกไม่ชอบเวลาทั้งคู่อยู่ด้วยกันก็เถอะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าเวลาที่เคียร่าอยู่กับแฟร์เนี่ย

 

งดงามมากจนหลงเลยละ…

 

———————– ——————————

(มุมนักเขียน)

 

ผ่านไปแล้วกับงาน CQ5 ที่ผ่านมาค่ะะ เย้~ เรียกได้ว่าเราเกร็งมากเลยค่ะ 55 ถ้าไม่ได้คนที่บ้านกับรุ่นพี่ช่วยไว้นี่คือคงนั่งตัวแข็งตลอดงานแน่-

ถ้างั้นไหนๆก็ไหนๆ แวบมาช่วยทางนั้นขายของสักหน่อย– ทางพวกพี่ชายเราเป็นผู้พัฒนาเกม มีโปรเจคแรกที่ทำคือบอร์ดเกม ‘จ่าฝูง’ ที่เราจะสวมบทบาทเป็นนักการเมือง ที่ต้องแข่งกันหาเสียงเพื่อขึ้นเป็นจ่าฝูงในประเทศของมนุษย์สัตว์ แต่ถ้าเราได้เป็นจ่าฝูงแต่ดันทำตามนโยบายที่ตั้งไว้ไม่ได้ เหล่าประชาชนก็จะไม่พอใจซึ่งเป็นหน้าที่ของนักการเมืองคนอื่นๆ ที่จะเป็นกระบอกเสียงออกมาประท้วงจ่าฝูงนั่นเอง!!​

​ในเกมนี้เราก็ช่วยพัฒนาด้วยนิดหน่อยแต่หลักๆคือเป็นสปอนเซอร์– แค่กๆ ที่จริงเราก็เป็นที่ปรึกษาเล็กๆน้อยๆกับช่วยทดลองระบบเกมแหละค่ะ บอกเลยว่าเล่นมันส์มาก!! จะเป็นยังไงก็ติดตามที่หน้าเพจ ‘จ่าฝูง Board Game’ กันได้นะคะ! แอบกระซิบว่าอีกไม่นาน อาจจะมีลงคลิปทดลองเล่นให้ดูค่ะ

 

แล้วก็นิยายเรื่องนี้ปัจจุบันเปิดให้พรีออเดอร์ฉบับรวมเล่มแล้วนะคะ ซึ่งปัจจุบันนี้โคต้าแถมเสื้อ 3 ท่านแรกก็หมดไปแล้ว! ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาพรีออดเดอร์มากๆเลยค่ะ และถ้าใครสนใจก็สามารถสั่งจองได้ผ่านลิ๊งด้านล่างนี้เลย~

 

https://forms.gle/qPUgeMu5QLPd4VRd8

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+