ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร 94 ภาค 4 11 ได้ยินเรื่องดีๆเข้าแล้วสิ

Now you are reading ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร Chapter 94 ภาค 4 11 ได้ยินเรื่องดีๆเข้าแล้วสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเคียร่ากลับวังมาเพื่อหารือเรื่องแผนการได้ไม่นาน พวกเราก็ได้งานใหม่ในทันที นั่นคือขนเสบียงไปส่งกลุ่มกบฏนั่นเอง…

แต่ก่อนหน้านั้น เราต้องไปเจรจากับจุดที่จะใช้เป็นฐานตั้งสำหรับขนส่งเสบียงจำนวนมาก เพราะว่าถ้าแค่ขนส่งโดยฉันคนเดียวคงไม่พอสำหรับทั้งทัพกบฏ แล้วก็กลุ่มทหารรับจ้างอีก

ประชากรของฟัวกรามันมีเยอะมากขนาดนั้นแหละ แน่นอนว่าเราแบ่งหน้าที่กันกับลูกน้องของแฟร์ ดังนั้นก็เหลือเพียงที่เดียวที่เราต้องไปคุยตรงๆ

นั่นก็คือหมู่บ้านโอล ซึ่งจะอยู่ริมทะเลและใช้เป็นสถานที่ที่ฉันจะขนมันขึ้นมาเพื่อลำเลียงต่อไป

‘เงียบจังเลยนะ…’

 

คงเพราะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ห่างไกลจากความเจริญละนะ เลยเงียบสงบราวกับไม่มีคนอยู่ แต่ว่าฉันก็รู้สึกได้ว่ามีคนมองฉันที่กำลังรอเคียร่าเข้าไปคุยกับเจ้าเมืองอยู่

อาจจะไม่ค่อยได้เห็นมังกรเหรอเปล่านะ? ถึงได้ดูให้ความสนใจกับฉันน่าดูเลย เอาเถอะยังไงก็ชินกับสายตาแบบนี้อยู่แล้วละนะ ช่างมันแล้วกัน

เมื่อฉันคิดได้แบบนั้น ก็อ้าปากหาวหวอดออกมา ก่อนจะค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนเรียบไปกับพื้นอย่างขี้เกียจ ก็ขี้เกียจจริง ๆ นั่นแหละ

เดี๋ยวหลังจากนี้ต้องลงไปเมืองบาดาลอีกสินะ…ที่นั่นมีเด็กที่เป็นเจ้าหญิงกับลูกมังกรตัวเล็กอยู่ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว เฮ้ออออ

 

‘หือ?’

 

ในตอนที่ฉันกำลังนอนเอื่อยเฉื่อยอยู่นั้น ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่เข้ามาใกล้จนรู้สึกได้อย่างชัดเจน จึงลุกขึ้นมาเพื่อมองไปทางที่สัมผัสได้

แล้วก็ได้เห็นหญิงสาววัยแรกรุ่นคนหนึ่ง ที่น่าจะอายุเยอะกว่าเคียร่าไม่มาก เข้ามาใกล้ฉันกว่าเมื่อครู่โดยที่ยังคงแอบซ่อนตัวอยู่

ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่เนียนเพราะว่าจมูกที่รับกลิ่นได้ดีของฉัน รู้สึกได้ถึงตัวเธอในทันทีจึงจ้องเขม็งกลับไป ถึงจะไม่ได้มีเจตนาร้ายก็เถอะ แต่โดนมองซะขนาดนี้ยังไงก็รู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว

 

‘ฮึ่มม’

 

“เหวอ!”

 

พอฉันพ่นลมออกจากจมูกในขณะที่จ้องเธอคนนั้น อีกฝ่ายจึงผงะแล้วเผลอร้องเสียงหลงออกมา ก่อนจะล้มลงไปนั่งกับพื้น

ทำให้เราสองคนสบตากันอย่างชัดเจน

 

‘…’

 

“…ท่านไคซารัส?”

 

‘…หา?’

 

ทันทีที่ฉันได้ยินชื่อนั้น ก็หน้านิ่วคิ้วขมวดในทันที พร้อมกับส่งเสียงด้วยความสงสัยปนหงุดหงิดออกไป มันเป็นชื่อที่ฉันได้ยินจนชินหูในหลายปีมานี้

และถึงช่วงนี้ก็ได้ยินมันน้อยลงแล้ว แต่พอได้ยินอีกมันก็ชวนให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา มันคือชื่อของมังกรพิภพ พ่อของฉันนั่นเอง

 

‘มีธุระอะไรกันแน่หะ’

 

พอมีความรู้สึกเหมือนโดนกระตุ้นให้รู้สึกหงุดหงิด ฉันก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาเธอ ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกำลังขู่อยู่ ทำให้ทั้งตัวหญิงสาวคนนั้นแหละสายตาที่หลบอยู่ ดูตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที

…ถึงไม่คิดจะทำอะไรไปมากกว่านี้ก็เถอะ

 

“เดี๋ยวเถอะเฟร์ริน! อย่าเข้าไปแหย่มังกรของคนแปลกหน้าสิ!”

 

พอฉันเข้าใกล้ในระดับหนึ่ง ก็มีหญิงสาวอีกคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าวิ่งออกมาหา พร้อมทั้งดุแบบนั้นด้วยสีหน้าแตกตื่น หน้าตาก็คล้ายคลึงกันอยู่ พี่น้องละมั้ง?

แต่ฉันที่หยุดเท้าไปแล้วก็ยังคงส่งเสียงขู่ออกไป ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคนเรียกฉันแบบนั้นในที่แบบนี้

 

“นี่พี่ เด็กคนนั้น…ใช่มังกรที่เคยเล่าให้หนูฟังบ่อย ๆ รึเปล่า?”

 

“เอ๋ เด็กคนนั้น?”

 

คนที่น่าจะเป็นพี่สาวพึมพำพร้อมทั้งทำหน้าตาสงสัย ก่อนจะหันมามองทางฉันราวกับเพื่อที่จะดูให้ชัดเจนกว่าเดิม ก่อนที่จะเปิดตากว้างด้วยความตกใจ

อะไรละนั่น

 

“ท่านไคซารัส…ไม่สิ ดูต่างจากเดิม…”

 

‘อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะ!! ฉันไม่ใช่เขา!’

 

สุดท้ายแล้วพออีกคนเองก็พูดแบบเดียวกัน ฉันก็คำรามออกมาเสียงดังเป็นการแสดงออกว่าไม่ชอบใจ พร้อมกับแยกเขี้ยวขู่จนทั้งคู่ตัวแข็งไป

ในตอนนั้นเอง ด้านหลังของฉันก็มีเสียงเหล็กหนัก ๆ เข้ามาใกล้ เคียร่า!!

 

“เดี๋ยวเถอะริเกล อย่าไปขู่คนอื่นเขาแบบนั้นสิ”

 

‘แง๊! ก็มัน!’

 

พอหันไปหาเคียร่า ก็เจอเข้ากับฝ่ามือของเธอที่ตีเข้ามาเบา ๆ ฉันไม่ผิดนะ! ฉันไม่ผิดซะหน่อย! ก็ยัยพวกนั้นมาทำให้ฉันโมโหเองหนิ ไม่ใช่ความผิดของฉันน้า!

ฉันงอแงออกไปแบบนั้นอย่างไม่พอใจ แต่ก็เหมือนกับทุกครั้งที่เคียร่าส่งยิ้มเจื่อนให้กับฉัน ก่อนจะเข้าไปหาอีกสองคนที่โดนฉันขู่

เมินกันเลยเหรอ!

 

“ขอโทษนะคะ ริเกลไม่ค่อยชอบเวลาถูกเรียกแบบนั้นเท่าไหร่”

 

“อะ นั่นสินะคะ…ไม่ใช่ท่านไคซารัสจริง ๆ ด้วย”

 

พอเคียร่าเข้าไปอธิบายเพียงสั้น ๆ คนที่เป็นพี่สาวก็เข้าใจได้ในทันที ก่อนจะขอโทษฉันพลางบังคับให้น้องสาวทำแบบเดียวกัน

หึ! ก็ยังดีที่เข้าใจแล้วขอโทษละนะ! ฉันบ่นพึมพำออกมาเป็นเสียงร้องในลำคออย่างไม่พอใจ นั่นทำให้คนพี่หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย

 

“หุ แต่ก็เหมือนกันจริง ๆ นะคะ”

 

“เคยเจอมาก่อนเหรอคะ?”

 

“ค่ะ…เมื่อประมาณ 8 ปีก่อน”

 

เธอบอกเพียงแค่นั้นแล้วส่งยิ้มให้กับพวกเรา 8 ปีก่อนเหรอ…หน้าจะก่อนที่ฉันกับเคียร่าจะได้มาเจอกันแค่ปีเดียวเอง

 

“แล้ว…พวกคุณละคะ?”

 

“อ้า นั่นสินะคะ ขออภัยที่แนะนำตัวช้า”

 

หลังโดนทักแบบนั้น เคียร่าก็ใช้มือทาบอกและยืนตัวตรงเพื่อทำความเคารพแบบอัศวิน ก่อนจะแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่ดังและหนักแน่น

เพื่อให้คนอื่นในละแวกนี้ได้ยินเหมือนกัน ซึ่งนั่น เป็นการบอกผลสรุปที่ไปเจรจามาเมื่อครู่ได้เป็นอย่างดี

 

“ฉันเป็นอัศวินมังกรจากประเทศฟาเรเรีย เคียร่า และเด็กคนนี้มังกรคู่หูของฉัน ลูกของมังกรพิภพ ริเกล อย่างที่พวกท่านทราบว่าในขณะนี้ประเทศของพวกท่าน ฟัวกรา และพวกเรากำลังทำสงครามกันอยู่ แต่ว่าถึงกระนั้นราชวงศ์ของฟัวกราก็หันอาวุธเข้าใส่ประชาชนของตนเอง ดังนั้นขณะนี้เมืองที่อยู่ใกล้เคียงกับเมืองหลวง โอโบเรล จึงเต็มไปด้วยการปะทะกันระหว่างทหารและประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อต้าน”

 

คงเป็นเพราะที่นี่ห่างไกลจากตัวเมือง เคียร่าจึงจำเป็นต้องอธิบายสถานการณ์คร่าว ๆ ให้กับพวกเขาก่อน และกว่าจะรู้ตัว คนอื่นที่หลบอยู่ในเงามืดก็เริ่มเดินออกมาฟัง

ด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปไม่หมด ทั้งความหวาดกลัวในสงคราม และความกังวลที่ตนจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่เว้นแม้แต่สองพี่น้องเมื่อครู่ที่โอบกอดกันด้วยความไม่สบายใจ

จากนั้น เคียร่าจึงค่อยเอ่ยปากต่อเพื่อทำให้สถานการณ์สงบลง

 

“แต่ไม่ต้องห่วงไปค่ะ! ฉันในฐานะที่เป็นเหมือนกระบอกเสียงจากราชาแห่งฟาเรเรีย ขอประกาศ ณ ที่นี้ว่าจะให้การสนับสนุน และช่วยเหลือผู้คนที่ตกเป็นเหยื่อของราชวงศ์ฟัวกรา แม้จะไม่ใช่คนในประเทศเดียวกันก็ตาม”

 

คำพูดนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกชื่นใจขึ้นมาเล็กน้อยพอได้ยินว่ามีคนมาช่วยเหลือ แล้วไม่นานบรรยากาศรอบตัวก็ดีขึ้นอย่างชัดเจน

จึงได้เวลาเหมาะเจาะที่เคียร่าจะเข้าประเด็นหลักในคราวนี้

 

“ดังนั้น ฉันจึงรับหน้าที่ขนเสบียงจากเมืองบาดาล และใช้หมู่บ้านนี้เป็นพื้นที่ในการลำเลียงไปยังแนวหน้าที่ยังปะทะกันอยู่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”

 

และแล้ว ทุกคนก็สบายใจขึ้นมาในทันทีที่ไม่ได้ยินว่าตนเองต้องไปร่วมรบ แต่แค่ใช้เหมือนเป็นทางผ่านเท่านั้น…ยกเว้น ผู้หญิงที่คุยกับเคียร่าก่อนหน้านี้

ซึ่งยังคงทำสีหน้ากังวลใจอยู่ดี แต่เคียร่าก็ไม่สนใจพลางเดินมาขึ้นบนหลังฉัน และกุมบังเหียนเพื่อเดินทางไปเมืองบาดาลต่อ

 

“เดี๋ยวก่อน! พวกเธอจะลงไปเมืองบาดาลจริง ๆ เหรอ?”

 

“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

 

ยิ่งเคียร่ายืนยันไปแบบนั้น เธอก็ยิ่งดูเป็นกังวลมากขึ้น จนอยู่ในระดับที่คิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้ เคียร่าจึงหยุดเพื่อตั้งใจฟังเธอพูดก่อน

และดูเหมือน จะไม่ใช่สิ่งที่ปล่อยผ่านได้จริง ๆ ด้วย

 

“ที่ใต้น้ำ…มีปรสิตอยู่นะ”

 

“…ขอฟังรายละเอียดเพิ่มได้ไหมคะ?”

 

“ฉันกับน้องสาวเคยเจอมาเมื่อ 8 ปีก่อน เป็นปรสิตที่จะฝังอยู่ในร่างกายสิ่งมีชีวิตเพื่อดูสารอาหาร แล้วโตเป็นปะการังอยู่บนหลัง…ท่านไคซารัสบอกกับฉันว่า มันเป็นเหมือนโรคระบาดใต้ทะเล”

 

ทั้งฉันทั้งเคียร่าเปิดตากว้างให้กับคำตอบนั้น ไม่รู้แหละว่าเคียร่าจะตกใจกับเรื่องไหน แต่ก็คงเป็นเรื่องของการมีโรคแบบนั้นอยู่ แต่ว่าประเด็นที่ฉันสนใจน่ะ…

ไคซารัสบอกมางั้นเหรอ?! เอ๊ะ ได้ไงอะ! ก็พ่อน่ะเป็นมังกรเหมือนกับฉัน แล้วฉันก็สื่อสารเป็นคำพูดกับมนุษย์ไม่ได้…แต่ว่าเขาคนนั้นทำได้งั้นเหรอ?!

ฉันกะพริบตาปริบ ๆ ในทันทีที่เริ่มคิดขึ้นมาแบบนั้น แล้วพยายามก้มหน้าเข้าไปใกล้ด้วยความสนใจ

 

‘นี่! หรือว่าที่จริงจะไม่ใช่เพราะไคซารัสพูดได้ แต่เป็นเธอรึเปล่าที่ฟังฉันออก นี่!!’

 

“เอ๋ ดะ- เด็กคนนี้เป็นอะไรไปเหรอคะ”

 

“ฮะ ๆ นั่นสินะคะ”

 

แต่ว่าเธอคนนั้นกลับดูตกใจและไม่รู้เลยสักนิดว่าฉันพยายามจะสื่ออะไร แสดงว่าไม่ใช่สินะ…บังเหียนของฉันถูกดึงอีกครั้งเพื่อให้ตั้งสติ แล้วเลิกเข้าใกล้เกินไปแบบนั้น

เพราะมันจะทำให้คนที่ไม่คุ้นชินกับมังกรกลัวได้ แต่ได้ยินเรื่องดี ๆ เข้าซะแล้วสิ แบบนี้แน่ สักวันฉันอาจจะคุยกับเคียร่าได้ก็ได้!

แต่สุดท้ายฉันก็โดนเคียร่าดุที่คึกเกินเหตุ แล้วรีบพูดกับเธอคนนั้นถึงประเด็นหลักต่อในทันที

 

“ปรสิตสินะคะ…เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไปหาข้อมูลเพิ่มเพื่อหาทางป้องกันเองค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ”

 

‘ฉันเองก็ด้วย! ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะ!’

 

ฉันพยายามหันไปหาแล้วส่งเสียงขอบคุณเธอที่ไม่เข้าใจฉันแม้แต่น้อย พร้อมกับโดนบังคับให้กางปีกขึ้นเพื่อบินไปยังเมืองบาดาล

โดยไม่ได้สังเกตเลยว่า หญิงสาวที่ชื่อว่าเฟร์รินซึ่งเป็นคนน้องนั้น กำลังมองมาที่ฉันด้วยดวงตาเป็นประกาย แต่ก็ช่างเถอะ!

เป็นข้อมูลที่มากจริง ๆ นั่นแหละ!

 

———————– ———————-

 

“ปรสิตงั้นเหรอ…”

 

ฉันที่อยู่ในฟองอากาศซึ่งริเกลสร้างเอาไว้ให้พึมพำเช่นนั้น แน่นอนอยู่แล้วว่าฉันเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า ‘ปรสิต’ นั้นมักจะเป็นแบบไหน

แต่ว่าการที่มันมีอาการแตกต่างจากที่ฉันรู้จักไป แสดงว่าคงเป็นสิ่งมีชีวิตของโลกใบนี้เอง ซึ่งถ้าเป็นตามที่ผู้หญิงคนเมื่อกี้บอก…แสดงว่ามนุษย์ก็ตกเป็นเหยื่อได้สินะ?

ถ้างั้นละก็ คงต้องลองไปถามท่านโชกุนดู เผื่อจะมีข้อมูลอะไรบ้าง แต่ว่าก่อนหน้านั้น…

 

“มีอะไรรึเปล่าริเกล? ทำไมถึงดูคึกขนาดนั้นละ?”

 

“กรร~”

 

เธอตอบฉันที่กำลังสงสัยกลับมาด้วยเสียงร้องลากยาว ถึงจะรู้ก็เถอะว่าแบบนี้แสดงว่ากำลังอารมณ์ดี แต่ก็ไม่รู้เลยว่าเพราะเรื่องอะไร สุดท้ายฉันจึงได้แต่เอียงคอมองด้วยความสงสัย

หรือระหว่างที่ฉันไม่อยู่จะเกิดเรื่องดี ๆ ขึ้นนะ? แต่ก็ไม่สิ ก่อนหน้านั้นยังเห็นเธอขู่คนในหมู่บ้านเพราะโดนเรียกว่าท่านไคซารัสเลย…

 

“จะว่าไปเรื่องนั้น…”

 

ไคซารัส คือชื่อของพ่อริเกลที่เป็นหนึ่งในมังกรพิภพ เป็นชื่อที่ทางศาสนจักรตั้งให้นอกจากชื่อเผ่าพันธุ์อย่างเฟรริเคีย ถ้าจากที่ฟังมาแสดงว่าคนพวกนั้นเคยเจอกับเขามาก่อนเหรอ?

แล้วก็อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของปรสิตอีกด้วย ดูเหมือนว่ามีอีกหลายอย่างที่ต้องคิดเลยสินะ ถ้าไม่ทำให้แผนต้องเปลี่ยนไปมากก็ดีสิ

 

“ดีละ..ลุยกันเลยริเกล!”

 

“กรร!!”

 

ริเกลขานตอบฉันในทันทีด้วยความร่าเริง ก่อนจะว่ายทะยานตัวเองตรงไปยังแนวปะการัง ซึ่งอยู่ห่างไปค่อนข้างไกล

เอาเถอะ ยังไงฉันก็ทำเท่าที่ทำได้ และเป็นประโยชน์กับประเทศมากที่สุดนั่นแหละ เพื่อชีวิตที่จะได้อยู่แบบสงบ ๆ ซะที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด