บ่วงแค้นแสนรัก 327 พักร้อน ‘สามคนพ่อแม่ลูก’

Now you are reading บ่วงแค้นแสนรัก Chapter 327 พักร้อน ‘สามคนพ่อแม่ลูก’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เขาพูดอย่างโศกเศร้าเป็นที่สุด โม่โยวฟังจนเจ็บปวดใจทนไม่ไหว จะไปกลั้นใจพูดปฏิเสธได้อย่างไรกัน จึงรีบเอ่ยปากตอบตกลงไปในทันที กลัวว่าเจ้าตัวน้อยจะร้องไห้งอแงออกมาเสียก่อน

ลู่อันหรานชูสองนิ้วขึ้นมาภายในใจ รีบพูดขึ้นว่า “แม่ งั้นตอนนี้แม่ก็รีบกลับไปเก็บของดีกว่านะ เที่ยวบินรอบหกโมงครึ่ง ผมกับพ่อจะไปรับตอนห้าโมงเย็นนะ บายบาย”

ปากเล็กๆ ของเขาพูดออกมาอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว กล่าวเสร็จก็รีบวางสายลงไปเลยทันที ส่งสัญญาณมือว่าโอเคไปให้พ่อตนเอง จากนั้นก็กระโดดลงมาจากเตียง ดึงกระเป๋าเดินทางลายไอร่อนแมนออกมาจากใต้เตียง

ก็เป็นไปตามนี้ รอจนกระทั่งเมื่อโม่เทียนยวี๋ออกมาจากสนามบินภายในประเทศแล้วโทรศัพท์ออกไปหาโม่โยว ก็จะพบว่าเธอปิดโทรศัพท์มือถืออยู่ เนื่องจากว่าเธอได้ออกไปกับสองพ่อลูกตระกูลลู่แล้ว นั่งเครื่องบินมุ่งหน้าไปยังประเทศเอฟ

ไม่เพียงเท่านั้น ลู่จิ้นยวนยังแอบเอาโทรศัพท์ของโม่โยว มาใส่รายชื่อเบอร์โทรศัพท์ของโม่เทียนยวี๋ให้กลายอยู่ในรายการแบล็คลิสต์อีกต่างหาก เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกรบกวนในช่วงหลายวันนี้ รอจนกลับไปค่อยแอบไปจัดการ ทีนี้เรื่องนี้แม้แต่ผีสางนางไม้ก็ไม่อาจที่จะทราบได้เลย

ความจริงแล้ว ลู่จิ้นยวนอยากมาพักร้อนกับโม่โยวสองต่อสองที่ต่างประเทศ ส่วนไอ้ลูกชายก็ถูกเขามองอย่างเย็นชาว่าเป็นก้างขวางคอไปแล้ว แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะนี่ก็เป็นก้างที่จำเป็นจะต้องอยู่ด้วย

ตอนที่ทั้งสามคนเดินทางมาถึงประเทศเอฟก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เข้าไปในห้องชุดของโรงแรม โม่โยวยังคงนอนด้วยกันกับเจ้าตัวเล็ก ส่วนลู่จิ้นยวนนั้นก็นอนให้ห้องคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว

วันรุ่งขึ้น ลู่อันหรานเป็นคนที่ตื่นเช้าที่สุดก่อนคนอื่น รีบปลุกโม่โยวกับลู่จิ้นยวนให้ตื่นขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาเที่ยวด้วยกันกับทั้งพ่อและแม่ ไม่มีอะไรที่จะมีความสุขไปมากกว่านี้แล้ว

ตอนที่ลงไปกินอาหารเช้าที่ชั้นล่างของโรงแรมนั้น ลู่อันหรานก็ได้รับข้อความมาหนึ่งข้อความ ถูกส่งมาจากพ่อที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามของโต๊ะอาหาร

เนื้อหาในข้อความคือ ไอ้ลูกชาย กินข้าวเสร็จแล้วก็หาข้ออ้างไปอยู่คนเดียวในห้องซะ ฉันกับแม่ของลูกจะออกไปใช้เวลาด้วยกันสองต่อสองตามประสาผัวเมีย

พฤติกรรมนี้ที่ไม่มีเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ทำให้ลู่อันหรานเจ้าตัวน้อยโมโหขึ้นมาในทันที ทำปากยื่นจ้องไปที่พ่อตาเขม็ง ส่งเสียงร้องฮึ่มฮั่มอยู่ในใจ รีบหันไปส่งรอยยิ้มหวานให้โม่โยวราวกับเด็กที่มักจะถูกตามใจ

“แม่ พวกเรากินข้าวเสร็จแล้วไปไหนกันดีฮะ ผมอยากไปเที่ยวเล่นที่ริมหาด แล้วก็อยากนั่งรถสวยๆ พ่อมีงานต้องทำ ก็คงจะมีแค่พวกเราสองคนที่ไปเที่ยวกัน”

ลู่จิ้นยวนตะลึงตาค้าง จ้องเขม็งไปที่ไอ้ลูกชายที่คิดทรยศเขา แล้วรีบพูดขึ้นว่า “ผมไม่มีงานอะไรที่จะต้องทำ ไปด้วยได้”

“งั้นเหรอ แต่ว่าพ่อฮะ ไม่ใช่ว่าพ่อมาที่เพื่อมาทำงานหรอกเหรอ ทำไมถึงไม่มีงานให้ทำล่ะฮะ” ลู่อันหรานทำหน้าซื่อตาใสกล่าวออกมาด้วยความใคร่รู้

เขาทำหน้าดำเคร่งเครียดมองไปที่เจ้าตัวเล็ก แววตากำลังส่งสัญญาณตักเตือนออกมา

ลู่อันหรานทำปากยื่น ส่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ แล้วหันหน้าไปมองโม่โยว “แม่ครับๆ ป้อนผมหน่อยได้ไหมครับ”

ในเมื่อเขาอายุเพียงแค่ 5 ขวบ อยากจะทำอะไรก็ย่อมได้ ทำท่าทางน่ารักออดอ้อนเอาแต่ใจอย่างไม่รู้สึกกดดันเลยแม้แต่นิดเดียว

โม่โยวก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แต่ว่าโต๊ะอาหารนั้นใหญ่เกินไป ระยะทางที่ห่างกันนั้นไม่เอื้อต่อการป้อนข้าว เธอจึงอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมานั่งลงบนตักของตนเอง

ก็เกิดภาพอันรักใคร่ของสองแม่ลูก ป้อนกันคนละคำสองคำ กินข้าวกันอย่างหวานชื่น ลู่จิ้นยวนที่มองดูอยู่ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม อดไม่ไหวที่จะตำหนิขึ้นมา “โตจนขนาดนี้แล้วยังต้องให้ป้อนอยู่อีก กินเองไม่เป็นหรือไง”

เจ้าตัวน้อยเบะปาก ลำตัวแข็งเกร็ง มีท่าทีรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่เล็กน้อย “แม่ครับ งั้นผมกินเองก็ได้ครับ”

โม่โยวมีหรือจะทนไหว รีบหอมเขาแล้วพูดง้อปลอบโยนในทันที “ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่ป้อนให้เองนะ”

ขณะที่พูดก็อดที่จะหันไปมองลู่จิ้นยวนเสียทีหนึ่งไม่ได้ ในแววตาปรากฏความไม่เห็นด้วย น้ำเสียงก็ไม่สบอารมณ์ “ประธานลู่คะ อันหรานยังเด็กอยู่เลย จะให้ผู้ใหญ่ป้อนก็ไม่เป็นอะไรสักหน่อยนี่คะ คุณเข้มงวดเกินไปหรือเปล่า”

ลู่จิ้นยวน “…………..”

เขามองดูลูกชายตนเองที่หลบอยู่ในอ้อมอกของโม่โยว บนใบหน้าหาได้มีความรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ กลับดูมีท่าทีดีใจเสียมากกว่า แถมยังแอบแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา ในใจก็กรุ่นโกรธขึ้นมาเสียจนอยากจะตีตูดให้แรงๆ เสียหนึ่งรอบ

แต่เขาเองก็รู้ดี ว่าถ้าโม่โยวยังอยู่ด้วยล่ะก็ ความคิดนี้ของเขานั้นก็คงเป็นได้แค่ความคิด เขายิ้มออกมา “ไม่ใช่ ฉันแค่อยากจะให้เขาเรียนรู้ที่จะอยู่ได้ด้วยตนเอง”

โม่โยวไม่คล้อยตามเลยแม้แต่น้อย ป้อนโจ๊กให้ลูกชายอย่างอ่อนโยนหนึ่งคำ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า “เด็กที่พึ่งอายุจะ 5 ขวบก็เป็นช่วงอายุที่จะต้องคอยออดอ้อนผู้ใหญ่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว จะให้ไปอยู่ด้วยตัวคนเดียวอะไรกันล่ะคะ”

ลู่จิ้นยวนถูกตอกกลับ แต่ก็ไม่กล้าที่จะโต้เถียงออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว กลับกลายเป็นกล่าวเห็นด้วยอย่างอารมณ์ดีแทน “ใช่ใช่ เธอพูดถูก ฉันเป็นผู้ชาย เลี้ยงลูกไม่ค่อยเป็นหรอก แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะต่อไปนี้พวกเราก็มีเธออยู่ด้วยแล้วไง”

คำพูดประโยคสุดท้ายนั้นพูดออกมาอยากอบอุ่น โม่โยวคิดจะโต้เถียงอีก แต่ก็กลัวว่าอันหรานจะอ่อนไหวคิดมาก จึงอดกลั้นไม่พูดออกไป

เจ้าตัวน้อยเห็นท่าทีของพ่อตนเอง ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายในอยู่ภายในใจ อา….คุณลุงอันเฉินเคยพูดไว้ว่าอะไรนะ อ๋อใช่แล้ว แม้นแต่วีรบุรุษก็จักพ่ายให้ต่อโฉมงาม

ลู่จิ้นยวนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ สายตามองไปที่ลู่อันหราน หรี่ตาเล็กลงพร้อมกับยกมุมปากขึ้นยิ้ม “ไอ้ลูกชาย เดี๋ยวอีกสักพักพ่อจะพาลูกกลับไปคฤหาสน์เก่าดีกว่า คุณปู่บ่นว่าคิดถึงลูก”

ใจของเจ้าตัวเล็กส่งเสียงสัญญาณเตือนภัยอย่างทันทีทันใด มองไปที่พ่ออย่างตื่นตัว “ผมยังต้องไปโรงเรียน กลับไปไม่ได้หรอก”

“ไม่เป็นไร กลับไปแค่ไม่กี่วันเอง ไม่ได้เป็นการเสียเวลาอะไรมากนัก คุณปู่เขาคาดหวังเอาไว้กับลูกสูงมากนะ ให้รีบไปทักทายทางเขตรักษาดินแดนฝั่งนั้น แล้วยังตั้งใจเหลือโควต้าที่หนึ่งเอาไว้ให้ลูกด้วย สั่งให้ตอนที่พ่อมีเวลาว่าง ก็ให้พาลูกไปหาเลย”

เขามองสีหน้าที่เปลี่ยนไปบนใบหน้ากลมราวกับซาลาเปานั้น ในใจก็มีความสุขพึงพอใจเป็นอย่างมาก เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ขึ้นอยู่กับว่าพ่อมีเวลาว่างตอนไหนก็เท่านั้นเอง………”

แม้ไม่ได้ต่อท้ายประโยคให้จบ แต่เจ้าเพื่อนตัวน้อยก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกไม่หวังดีที่แฝงติดมาด้วย ถึงขนาดที่สัมผัสได้ว่าขาน้อยๆ นั้นกำลังสั่นระริกอยู่ จึงรีบยิ้มกลบเกลื่อนออกมา

“พ่อดูแลบริษัทใหญ่โตเสียขนาดนั้น น่าจะลำบากมาเลยสินะครับ เวลาจะนอนยังไม่ค่อยจะมีเลย แล้วจะไปมีเวลากลับไปได้อย่างไรกันล่ะ”

เขาแค่นหัวเราะออกมา “ไอ้สิ่งที่เรียกว่าเวลาน่ะ ก็มีมันอยู่ตลอดนั่นแหละ ลูก แล้วก็ในเมื่อก็รู้ว่าพ่อของลูกลำบากเหนื่อยซะขนาดนี้ งั้นลูกก็ต้องทำตัวดีๆ ว่านอนสอนง่าย”

เจ้าตัวเล็กรีบพยักหน้า “วางใจได้เลยพ่อ ผมจะเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษเลย”

ถ้าลู่จิ้นยวนเชื่อเขาลงก็บ้าไปแล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดก็สามารถควบคุมให้สงบได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง “เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว”

หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ทั้งสามคนก็มาเล่นที่ริมหาดตามที่ลู่อันหรานอยากมา ลู่จิ้นยวนเปลี่ยนมาเป็นใส่กางเกงขาสั้น เผยให้เห็นท่อนขาครึ่งหนึ่งที่ดูงดงาม ไม่ได้ดูด้อยไปกว่าชาวต่างชาติที่อยู่รอบๆ เลยแม้แต่นิดเดียว โม่โยวเพียงแค่เหลือบไปเห็นก็ต้องรีบเบนสายตาออกมา

เธอเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดว่ายน้ำ แต่ว่าก็เป็นชุดที่ค่อนข้างเรียบร้อยชนิดที่มีชายกระโปรงอยู่รอบๆ

เจ้าตัวน้อยใส่กางเกงขาสั้น ลำตัวท่อนบนไม่ได้สวมใส่อะไร มีเพียงแต่ห่วงยางเท่านั้นที่สวมใส่อยู่แทน ส่งเสียงร้องด้วยความดีใจแล้ววิ่งไปที่ริมหาด โม่โยวเห็นแล้วก็อกสั่นขวัญแขวนกลัวว่าจะกลิ้งล้มลงไป

“อันหราน ช้าลงหน่อย เล่นอยู่แถวนี้ก็พอ อย่าวิ่งไปไกลนะ”

ลู่จิ้นยวนกลับไม่รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย ถ้าหากว่าโม่โยวตั้งใจสังเกตดูให้ดีก็จะเห็นว่า มีผู้ชายตัวสูงใหญ่ทำสีหน้าเย็นเยียบกำลังล้อมรอบเจ้าตัวน้อยเอาไว้อยู่ ปรากฏเป็นภาพวงกลมโดยที่กำลังล้อมรอบตัวของเด็กน้อย อย่างที่ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน

ลู่กรุ๊ปนั้นแผ่กระจายขยายออกไปอยู่หลายประเทศทั่วโลก เจ้าพวกนี้เป็นลูกน้องของเขาที่ประเทศเอฟ ถ้ามีพวกเขาอยู่ล่ะก็ ไม่ว่าเจ้าตัวเล็กจะเล่นอย่างไรก็ไม่อาจมีอันตรายเกิดขึ้นได้

สายตาจับจ้องมองไปที่มหาสมุทรอันไร้ซึ่งที่สิ้นสุด ลู่จิ้นยวนไม่รู้ว่าทำไมถึงได้พลันไปนึกถึงเหตุการณ์ที่โม่โยวตกลงไปในแม่น้ำเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เป็นสถานการณ์เฉียดเป็นเฉียดตาย ในใจเขาก็ขรึมขึ้นมาทันที

ถ้าหากว่าตอนนั้นเวินหนิงว่ายน้ำเป็นล่ะก็ เธออาจจะไม่ได้รับบาดเจ็บหนักก็ได้ อาจจะไม่สูญเสียความทรงจำ พวกเขาเองก็อาจจะไม่ได้พลาดช่วงเวลา 5 ปีที่ยาวนั้นเลยก็เป็นได้

“โม่โยว ฉันจะสอนเธอว่ายให้ละกันนะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บ่วงแค้นแสนรัก 327 พักร้อน ‘สามคนพ่อแม่ลูก’

Now you are reading บ่วงแค้นแสนรัก Chapter 327 พักร้อน ‘สามคนพ่อแม่ลูก’ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เขาพูดอย่างโศกเศร้าเป็นที่สุด โม่โยวฟังจนเจ็บปวดใจทนไม่ไหว จะไปกลั้นใจพูดปฏิเสธได้อย่างไรกัน จึงรีบเอ่ยปากตอบตกลงไปในทันที กลัวว่าเจ้าตัวน้อยจะร้องไห้งอแงออกมาเสียก่อน

ลู่อันหรานชูสองนิ้วขึ้นมาภายในใจ รีบพูดขึ้นว่า “แม่ งั้นตอนนี้แม่ก็รีบกลับไปเก็บของดีกว่านะ เที่ยวบินรอบหกโมงครึ่ง ผมกับพ่อจะไปรับตอนห้าโมงเย็นนะ บายบาย”

ปากเล็กๆ ของเขาพูดออกมาอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว กล่าวเสร็จก็รีบวางสายลงไปเลยทันที ส่งสัญญาณมือว่าโอเคไปให้พ่อตนเอง จากนั้นก็กระโดดลงมาจากเตียง ดึงกระเป๋าเดินทางลายไอร่อนแมนออกมาจากใต้เตียง

ก็เป็นไปตามนี้ รอจนกระทั่งเมื่อโม่เทียนยวี๋ออกมาจากสนามบินภายในประเทศแล้วโทรศัพท์ออกไปหาโม่โยว ก็จะพบว่าเธอปิดโทรศัพท์มือถืออยู่ เนื่องจากว่าเธอได้ออกไปกับสองพ่อลูกตระกูลลู่แล้ว นั่งเครื่องบินมุ่งหน้าไปยังประเทศเอฟ

ไม่เพียงเท่านั้น ลู่จิ้นยวนยังแอบเอาโทรศัพท์ของโม่โยว มาใส่รายชื่อเบอร์โทรศัพท์ของโม่เทียนยวี๋ให้กลายอยู่ในรายการแบล็คลิสต์อีกต่างหาก เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกรบกวนในช่วงหลายวันนี้ รอจนกลับไปค่อยแอบไปจัดการ ทีนี้เรื่องนี้แม้แต่ผีสางนางไม้ก็ไม่อาจที่จะทราบได้เลย

ความจริงแล้ว ลู่จิ้นยวนอยากมาพักร้อนกับโม่โยวสองต่อสองที่ต่างประเทศ ส่วนไอ้ลูกชายก็ถูกเขามองอย่างเย็นชาว่าเป็นก้างขวางคอไปแล้ว แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะนี่ก็เป็นก้างที่จำเป็นจะต้องอยู่ด้วย

ตอนที่ทั้งสามคนเดินทางมาถึงประเทศเอฟก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เข้าไปในห้องชุดของโรงแรม โม่โยวยังคงนอนด้วยกันกับเจ้าตัวเล็ก ส่วนลู่จิ้นยวนนั้นก็นอนให้ห้องคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว

วันรุ่งขึ้น ลู่อันหรานเป็นคนที่ตื่นเช้าที่สุดก่อนคนอื่น รีบปลุกโม่โยวกับลู่จิ้นยวนให้ตื่นขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาเที่ยวด้วยกันกับทั้งพ่อและแม่ ไม่มีอะไรที่จะมีความสุขไปมากกว่านี้แล้ว

ตอนที่ลงไปกินอาหารเช้าที่ชั้นล่างของโรงแรมนั้น ลู่อันหรานก็ได้รับข้อความมาหนึ่งข้อความ ถูกส่งมาจากพ่อที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามของโต๊ะอาหาร

เนื้อหาในข้อความคือ ไอ้ลูกชาย กินข้าวเสร็จแล้วก็หาข้ออ้างไปอยู่คนเดียวในห้องซะ ฉันกับแม่ของลูกจะออกไปใช้เวลาด้วยกันสองต่อสองตามประสาผัวเมีย

พฤติกรรมนี้ที่ไม่มีเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ทำให้ลู่อันหรานเจ้าตัวน้อยโมโหขึ้นมาในทันที ทำปากยื่นจ้องไปที่พ่อตาเขม็ง ส่งเสียงร้องฮึ่มฮั่มอยู่ในใจ รีบหันไปส่งรอยยิ้มหวานให้โม่โยวราวกับเด็กที่มักจะถูกตามใจ

“แม่ พวกเรากินข้าวเสร็จแล้วไปไหนกันดีฮะ ผมอยากไปเที่ยวเล่นที่ริมหาด แล้วก็อยากนั่งรถสวยๆ พ่อมีงานต้องทำ ก็คงจะมีแค่พวกเราสองคนที่ไปเที่ยวกัน”

ลู่จิ้นยวนตะลึงตาค้าง จ้องเขม็งไปที่ไอ้ลูกชายที่คิดทรยศเขา แล้วรีบพูดขึ้นว่า “ผมไม่มีงานอะไรที่จะต้องทำ ไปด้วยได้”

“งั้นเหรอ แต่ว่าพ่อฮะ ไม่ใช่ว่าพ่อมาที่เพื่อมาทำงานหรอกเหรอ ทำไมถึงไม่มีงานให้ทำล่ะฮะ” ลู่อันหรานทำหน้าซื่อตาใสกล่าวออกมาด้วยความใคร่รู้

เขาทำหน้าดำเคร่งเครียดมองไปที่เจ้าตัวเล็ก แววตากำลังส่งสัญญาณตักเตือนออกมา

ลู่อันหรานทำปากยื่น ส่งเสียงฮึ่มออกมาเบาๆ แล้วหันหน้าไปมองโม่โยว “แม่ครับๆ ป้อนผมหน่อยได้ไหมครับ”

ในเมื่อเขาอายุเพียงแค่ 5 ขวบ อยากจะทำอะไรก็ย่อมได้ ทำท่าทางน่ารักออดอ้อนเอาแต่ใจอย่างไม่รู้สึกกดดันเลยแม้แต่นิดเดียว

โม่โยวก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แต่ว่าโต๊ะอาหารนั้นใหญ่เกินไป ระยะทางที่ห่างกันนั้นไม่เอื้อต่อการป้อนข้าว เธอจึงอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมานั่งลงบนตักของตนเอง

ก็เกิดภาพอันรักใคร่ของสองแม่ลูก ป้อนกันคนละคำสองคำ กินข้าวกันอย่างหวานชื่น ลู่จิ้นยวนที่มองดูอยู่ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม อดไม่ไหวที่จะตำหนิขึ้นมา “โตจนขนาดนี้แล้วยังต้องให้ป้อนอยู่อีก กินเองไม่เป็นหรือไง”

เจ้าตัวน้อยเบะปาก ลำตัวแข็งเกร็ง มีท่าทีรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่เล็กน้อย “แม่ครับ งั้นผมกินเองก็ได้ครับ”

โม่โยวมีหรือจะทนไหว รีบหอมเขาแล้วพูดง้อปลอบโยนในทันที “ไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่ป้อนให้เองนะ”

ขณะที่พูดก็อดที่จะหันไปมองลู่จิ้นยวนเสียทีหนึ่งไม่ได้ ในแววตาปรากฏความไม่เห็นด้วย น้ำเสียงก็ไม่สบอารมณ์ “ประธานลู่คะ อันหรานยังเด็กอยู่เลย จะให้ผู้ใหญ่ป้อนก็ไม่เป็นอะไรสักหน่อยนี่คะ คุณเข้มงวดเกินไปหรือเปล่า”

ลู่จิ้นยวน “…………..”

เขามองดูลูกชายตนเองที่หลบอยู่ในอ้อมอกของโม่โยว บนใบหน้าหาได้มีความรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ กลับดูมีท่าทีดีใจเสียมากกว่า แถมยังแอบแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา ในใจก็กรุ่นโกรธขึ้นมาเสียจนอยากจะตีตูดให้แรงๆ เสียหนึ่งรอบ

แต่เขาเองก็รู้ดี ว่าถ้าโม่โยวยังอยู่ด้วยล่ะก็ ความคิดนี้ของเขานั้นก็คงเป็นได้แค่ความคิด เขายิ้มออกมา “ไม่ใช่ ฉันแค่อยากจะให้เขาเรียนรู้ที่จะอยู่ได้ด้วยตนเอง”

โม่โยวไม่คล้อยตามเลยแม้แต่น้อย ป้อนโจ๊กให้ลูกชายอย่างอ่อนโยนหนึ่งคำ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า “เด็กที่พึ่งอายุจะ 5 ขวบก็เป็นช่วงอายุที่จะต้องคอยออดอ้อนผู้ใหญ่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว จะให้ไปอยู่ด้วยตัวคนเดียวอะไรกันล่ะคะ”

ลู่จิ้นยวนถูกตอกกลับ แต่ก็ไม่กล้าที่จะโต้เถียงออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว กลับกลายเป็นกล่าวเห็นด้วยอย่างอารมณ์ดีแทน “ใช่ใช่ เธอพูดถูก ฉันเป็นผู้ชาย เลี้ยงลูกไม่ค่อยเป็นหรอก แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะต่อไปนี้พวกเราก็มีเธออยู่ด้วยแล้วไง”

คำพูดประโยคสุดท้ายนั้นพูดออกมาอยากอบอุ่น โม่โยวคิดจะโต้เถียงอีก แต่ก็กลัวว่าอันหรานจะอ่อนไหวคิดมาก จึงอดกลั้นไม่พูดออกไป

เจ้าตัวน้อยเห็นท่าทีของพ่อตนเอง ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายในอยู่ภายในใจ อา….คุณลุงอันเฉินเคยพูดไว้ว่าอะไรนะ อ๋อใช่แล้ว แม้นแต่วีรบุรุษก็จักพ่ายให้ต่อโฉมงาม

ลู่จิ้นยวนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ สายตามองไปที่ลู่อันหราน หรี่ตาเล็กลงพร้อมกับยกมุมปากขึ้นยิ้ม “ไอ้ลูกชาย เดี๋ยวอีกสักพักพ่อจะพาลูกกลับไปคฤหาสน์เก่าดีกว่า คุณปู่บ่นว่าคิดถึงลูก”

ใจของเจ้าตัวเล็กส่งเสียงสัญญาณเตือนภัยอย่างทันทีทันใด มองไปที่พ่ออย่างตื่นตัว “ผมยังต้องไปโรงเรียน กลับไปไม่ได้หรอก”

“ไม่เป็นไร กลับไปแค่ไม่กี่วันเอง ไม่ได้เป็นการเสียเวลาอะไรมากนัก คุณปู่เขาคาดหวังเอาไว้กับลูกสูงมากนะ ให้รีบไปทักทายทางเขตรักษาดินแดนฝั่งนั้น แล้วยังตั้งใจเหลือโควต้าที่หนึ่งเอาไว้ให้ลูกด้วย สั่งให้ตอนที่พ่อมีเวลาว่าง ก็ให้พาลูกไปหาเลย”

เขามองสีหน้าที่เปลี่ยนไปบนใบหน้ากลมราวกับซาลาเปานั้น ในใจก็มีความสุขพึงพอใจเป็นอย่างมาก เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ขึ้นอยู่กับว่าพ่อมีเวลาว่างตอนไหนก็เท่านั้นเอง………”

แม้ไม่ได้ต่อท้ายประโยคให้จบ แต่เจ้าเพื่อนตัวน้อยก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกไม่หวังดีที่แฝงติดมาด้วย ถึงขนาดที่สัมผัสได้ว่าขาน้อยๆ นั้นกำลังสั่นระริกอยู่ จึงรีบยิ้มกลบเกลื่อนออกมา

“พ่อดูแลบริษัทใหญ่โตเสียขนาดนั้น น่าจะลำบากมาเลยสินะครับ เวลาจะนอนยังไม่ค่อยจะมีเลย แล้วจะไปมีเวลากลับไปได้อย่างไรกันล่ะ”

เขาแค่นหัวเราะออกมา “ไอ้สิ่งที่เรียกว่าเวลาน่ะ ก็มีมันอยู่ตลอดนั่นแหละ ลูก แล้วก็ในเมื่อก็รู้ว่าพ่อของลูกลำบากเหนื่อยซะขนาดนี้ งั้นลูกก็ต้องทำตัวดีๆ ว่านอนสอนง่าย”

เจ้าตัวเล็กรีบพยักหน้า “วางใจได้เลยพ่อ ผมจะเชื่อฟังว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษเลย”

ถ้าลู่จิ้นยวนเชื่อเขาลงก็บ้าไปแล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดก็สามารถควบคุมให้สงบได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง “เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว”

หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ทั้งสามคนก็มาเล่นที่ริมหาดตามที่ลู่อันหรานอยากมา ลู่จิ้นยวนเปลี่ยนมาเป็นใส่กางเกงขาสั้น เผยให้เห็นท่อนขาครึ่งหนึ่งที่ดูงดงาม ไม่ได้ดูด้อยไปกว่าชาวต่างชาติที่อยู่รอบๆ เลยแม้แต่นิดเดียว โม่โยวเพียงแค่เหลือบไปเห็นก็ต้องรีบเบนสายตาออกมา

เธอเองก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดว่ายน้ำ แต่ว่าก็เป็นชุดที่ค่อนข้างเรียบร้อยชนิดที่มีชายกระโปรงอยู่รอบๆ

เจ้าตัวน้อยใส่กางเกงขาสั้น ลำตัวท่อนบนไม่ได้สวมใส่อะไร มีเพียงแต่ห่วงยางเท่านั้นที่สวมใส่อยู่แทน ส่งเสียงร้องด้วยความดีใจแล้ววิ่งไปที่ริมหาด โม่โยวเห็นแล้วก็อกสั่นขวัญแขวนกลัวว่าจะกลิ้งล้มลงไป

“อันหราน ช้าลงหน่อย เล่นอยู่แถวนี้ก็พอ อย่าวิ่งไปไกลนะ”

ลู่จิ้นยวนกลับไม่รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย ถ้าหากว่าโม่โยวตั้งใจสังเกตดูให้ดีก็จะเห็นว่า มีผู้ชายตัวสูงใหญ่ทำสีหน้าเย็นเยียบกำลังล้อมรอบเจ้าตัวน้อยเอาไว้อยู่ ปรากฏเป็นภาพวงกลมโดยที่กำลังล้อมรอบตัวของเด็กน้อย อย่างที่ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน

ลู่กรุ๊ปนั้นแผ่กระจายขยายออกไปอยู่หลายประเทศทั่วโลก เจ้าพวกนี้เป็นลูกน้องของเขาที่ประเทศเอฟ ถ้ามีพวกเขาอยู่ล่ะก็ ไม่ว่าเจ้าตัวเล็กจะเล่นอย่างไรก็ไม่อาจมีอันตรายเกิดขึ้นได้

สายตาจับจ้องมองไปที่มหาสมุทรอันไร้ซึ่งที่สิ้นสุด ลู่จิ้นยวนไม่รู้ว่าทำไมถึงได้พลันไปนึกถึงเหตุการณ์ที่โม่โยวตกลงไปในแม่น้ำเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เป็นสถานการณ์เฉียดเป็นเฉียดตาย ในใจเขาก็ขรึมขึ้นมาทันที

ถ้าหากว่าตอนนั้นเวินหนิงว่ายน้ำเป็นล่ะก็ เธออาจจะไม่ได้รับบาดเจ็บหนักก็ได้ อาจจะไม่สูญเสียความทรงจำ พวกเขาเองก็อาจจะไม่ได้พลาดช่วงเวลา 5 ปีที่ยาวนั้นเลยก็เป็นได้

“โม่โยว ฉันจะสอนเธอว่ายให้ละกันนะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+