บ่วงแค้นแสนรัก 538 น่าจะเป็นความรู้สึกชอบ

Now you are reading บ่วงแค้นแสนรัก Chapter 538 น่าจะเป็นความรู้สึกชอบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมืองเจียงเฉิง

อันเฉินพาศาตราจารย์หลี่มาถึงที่หมายในช่วงค่ำ

และเนื่องจากศาตราจารย์หลี่อายุหกสิบกว่าแล้ว จึงทนต่อการเดินทางไกลแบบนี้ได้ไม่ไหวนัก อันเฉินจึงพาท่านไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน

เสร็จแล้วก็รีบไปหาเย่ซือเยวี่ยทันที

ครั้งนี้ทุกอย่างดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น อันเฉินก็ยังห่วงเย่ซือเยวี่ยอยู่มาก ไม่รู้ว่าหญิงสาวยังขี้อาระวาดอยู่มั้ย

เขาโทรฯหาที่บ้านเพื่อบอกให้รู้ว่าเขามาถึงเมืองเจียงเฉินแล้วแต่ยังมีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อยอาจต้องกลับดึกหน่อย ก่อนจะขับรถไปที่โรงพยาบาลท้ันที

คุณแม่อันเฉินเป็นคนรับสาย ในใจก็อดที่จะบ่นไม่ได้ว่า: “นี่เห็นงานสำคัญกว่าหรืออะไรกัน กลับมาเมืองเจียงเฉิงก็ต้องกลับบ้านก่อนเป็นอันดับแรกซิ หรือว่า…..มีแฟนแล้ว?”

คิดได้แบบนั้น คุณแม่ของอันเฉินก็วิ่งเข้าไปในห้อง ยืนพูดต่อหน้ารูปของพ่ออันเฉิน: “ไม่รู้ว่าลูกรักของคุณจะมีหลานให้ฉันอุ้มเมื่อไหร่กัน ถ้าได้สักคนก็คงจะดี ฉันเองก็จะได้ไม่รู้สึกติดค้างอะไรคุณอีก!”

……..

อันเฉินถึงโรงพยาบาลในเวลาที่ค่อนข้างดึกมากแล้ว

เขาคิดว่าแค่มาดูให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไรก็จะกลับ จะได้ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ

เขาเดินมาถึงหน้าห้องผู้ป่วย ค่อยๆเปิดประตูเข้าไป อันเฉินเห็นคุณแม่ของเย่ซือเยวี่ยนอนหลับอยู่ข้างเตียง

ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปหา เย่ซือเยวี่ยก็ถามขึ้น: “ใคร?”

อันเฉินตกใจจนสะดุ้ง ไม่คิดว่าเธอยังไม่นอน

“ชูว์.. เบาๆหน่อย คุณแม่หลับอยู่”

พอได้ยินเสียงอันคุ้นเคย เย่ซือเยวี่ยก็ผ่อนคลายลง : “คุณกลับมาเร็วจัง………”

“ฉันเพิ่งถึงก็มาดูเธอเลย”

“อ๋อ เข้าใจละ”

ถึงแม้น้ำเสียงจะฟังดูราบเรียบ แต่ในใจของเย่ซือเยวี่ยกลับดีใจอยู่ไม่น้อย

อันเฉินเดินเข้าไปหา : “เธอยังไม่นอน? หรือว่าฉันทำให้เธอตื่น?”

“นอนไม่หลับ วันๆอยู่แต่ในห้อง นอนมากพอแล้ว”

เย่ซือเยวี่ยแค่พูดไปตามความเป็นจริง แต่ในใจอันเฉินกลับรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาแวบหนึ่ง

“สองสามวันนี้ อาจจะมีคุณหมอมาดูอาการให้ เธออาจจะได้รับการผ่าตัดเร็ววันนี้ ไม่นานเธอก็จะมองเห็นได้อีกครั้ง”

“จริงเหรอ?”

เย่ซือเยวี่ยได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมาก แต่ก็รีบควบคุมอารมณ์ตัวเองให้สงบลง

ตอนนี้เธอไม่กล้าที่จะคาดหวังกับอะไรมากนัก เธอกลัวว่า ยิ่งคาดหวังไว้สูง ก็จะยิ่งผิดหวังมาก

“แล้ว…..ถ้าฉันไม่หายจะทำไงดี?”

“งั้นก็หาต่อไป จนกว่าจะเจอคุณหมอที่จะรักษาเธอให้หายได้”

อันเฉินตอบโดยไม่ต้องคิด

เขาไม่อยากเห็นเย่ซือเยวี่ยท้อแท้และเศร้าหมองแบบนี้

“ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทนได้อีกนานแค่ไหน”

เย่ซือเยวี่ยยิ้มขื่น

ต่อหน้าพ่อแม่ เธอพยายามทำเป็นสดใสคิดบวกเพราะไม่อยากทำให้ท่านต้องกังวลใจ แต่ไม่รู้ทำไมกับอันเฉินเธอไม่อยากพยายามทำเป็นเข้มแข็งอีกต่อไป

“ถ้างั้นฉันก็จะอยู่กับเธอตรงนี้ และทำให้เธออดทนสู้ต่อไป”

อันเฉินนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบแอปเปิลลูกหนึ่งมาปอกให้เย่ซือเยวี่ย

“ก็ถ้าต่อไปคุณมีครอบครัว ก็คงจะเบื่อฉันแล้วล่ะ…..”

เย่ซือเยวี่ยหันหน้าไปทางอันเฉิน เวลานี้เธออยากเห็นสีหน้าของเขาเหลือเกิน อยากรู้ว่าเขาจะตอบเธอยังไง

“ไม่มีทาง ถ้าเธอกังวลเรื่องนี้ ฉันสัญญากับเธอได้เลยว่า ก่อนที่เธอจะหายกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันจะไม่แต่งงาน ไม่มีลูก แบบนี้เธอจะสบายใจขึ้นมั้ย?”

“ที่ฉันเป็นแบบนี้มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ถ้าคุณแค่รู้สึกผิด…….ก็ไม่ต้องนะ”

อันเฉินวางแอปเปิลที่ปอกเสร็จแล้วไว้ข้างๆ รู้สึกผิดเหรอ….

ก็อาจมีบ้าง ใครให้เย่ซือเยวี่ยบอกว่าเกิดเรื่องตอนที่อยู่กับเขา

แต่พอโดนเธอถามแบบนี้ เขาเองก็เพิ่งสังเกตว่าที่เขาเป็นห่วงเป็นใยเธอมากมายแบบนี้คงไม่ใช่แค่รู้สึกผิดแล้วล่ะ

ถ้าแค่รู้สึกผิด เขาต้องทำถึงขนาดกลับมาปุ๊บก็ตรงมาหาเธอโดยไม่แวะกลับบ้านก่อนเลยเหรอ…..

เห็นอันเฉินนิ่งเงียบไป เย่ซือเยวี่ยก็คิดไปเองว่าเขายอมรับว่าเป็นแบบนั้น ในใจเธอรู้สึกจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อย: “ช่างเถอะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณเพิ่งกลับมา ก็น่าจะเหนื่อยมาก ยังไงก็กลับไปก่อนเถอะ”

“เย่ซือเยวี่ย”

อันเฉินลุกขึ้นยืนทันทีทันใด: “สิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ อาจจะทำให้เธอรู้สึกตกใจ เธอช่วยตั้งสติและนิ่งไว้ก่อน อย่าทำให้แม่เธอตื่นได้มั้ย?”

“อะไร?”

เย่ซือเยวี่ยเอียงหัวเล็กน้อย ก่อนจะตอบตกลง

“ฉันคิดว่า ที่เธอพูดว่าเป็นเพราะฉันรู้สึกผิด รู้สึกต้องรับผิดชอบ ฉันไม่เถียง แต่เหมือนมันจะไม่ใช่แค่นั้น”

สิ่งที่อันเฉินกำลังพูดทำให้หัวใจของเย่ซือเยวี่ยเต้นแรงมากขึ้น

“แล้วยังไง?”

“ฉันว่าฉันเหมือนจะชอบเธอเข้าแล้ว ยังไงเราลองมาคบกันมั้ย?”

อันเฉินไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว ยิ่งไม่มีโรแมนติกอะไรทั้งสิ้น เขาพูดทุกอย่างออกมาตามที่ใจต้องการ

เย่ซือเยวี่ยที่นั่งอยู่บนเตียงคนไข้มีสีหน้าเต็มไปได้ความไม่เข้าใจ

เธอก็นึกว่าอันเฉินจะพูดเรื่องอะไรซะอีก……

อ๋อ ที่แท้เขาบอกว่าเขาชอบเธอนี่เอง

ไม่สิ……เขาชอบเธอ?

“วันนี้เป็นวันโกหกโลกเหรอ?”

เย่ซือเยวี่ยถามขึ้นแบบนั้น

อันเฉินที่กำลังใจจดจ่อรอให้เธอตอบรับหรือปฏิเสธอยู่ พอได้ยินแบบนั้นก็นึกอยากตบหัวให้ทีหนึ่ง

“ไม่ใช่”

“งั้นคุณก็กำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่มั้ย?”

อันเฉินรู้สึกจนใจ :”เย่ซือเยวี่ย ทีเมื่อก่อนเธอไปพังงานดูตัวของฉันไม่เห็นจะยึกๆยักๆแบบนี้เลย สรุปเธอจะตอบรับ หรือจะปฏิเสธ?”

“มีผู้ชายที่ไหนเขาถามผู้หญิงแบบนี้กัน?”

เย่ซือเยวี่ยก้มหน้าบ่นอุบอิบ

แต่เธอรู้สึกได้ว่าใบหน้าเธอเริ่มเห่อร้อนเป็นพักๆแล้ว

ความรู้สึกในใจก็ชัดเจน เธอไม่ได้รังเกียจอันเฉิน แต่กลับรู้สึกดีใจที่เขาอยู่ที่นี่

นี่น่าจะเป็นความรู้สึกของการชอบใครสักคนสินะ?

“ปกติ เธอก็ไม่เหมือนผู้หญิงอยู่แล้ว…..”

อันเฉินเองก็อดไม่ได้ที่จะแหย่เธอ

“ผู้ชายอะไรไม่โรแมนติกเอาซะเลย…….” เย่ซือเยวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะเถียงเขา : “อยากให้ฉันตอบรับ อย่างน้อยก็ควรจะมีช่องดอกไม้มาไม่ใช่เหรอ?”

คำพูดนี้อาจฟังดูตลก

แต่ความหมายมันกลับชัดเจน

มันแปลว่าตกลง

อันเฉินยิ้มกว้างขึ้นมาทันที เมื่อครู่เขายังคิดว่าเย่ซือเยวี่ยจะปฏิเสธเขาซะอีก

“งั้นก็ติดไว้ก่อนนะ? เวลานี้ก็ไม่มีร้านดอกไม้ที่ไหนยังเปิดอยู่ เดี๋ยวครั้งหน้าฉันจะชดเชยให้”

เขาที่เอาแต่งานยุ่งอยู่กับลู่จิ้นยวน จนไม่เคยคบกับใครมาก่อน

ยังดีที่เย่ซือเยวี่ยมองไม่เห็นสภาพเขาตอนนี้ที่เขิลอายจนตัวม้วน……

ทั้งสองเพิ่งพูดคุยกันเสร็จ แม่ของเย่ซือเยวี่ยที่หลับอยู่ก็พลิกตัวเล็กน้อย

อันที่จริงแล้ว เธอตื่นตั้งแต่ตอนที่อันเฉินเข้าห้องมาแล้ว แต่เธอเห็นว่าพวกเขาเหมือนจะมีเรื่องต้องคุยกัน จึงแกล้งทำเป็นหลับต่อ

โดยไม่คิดว่าจะได้ยินข่าวดีแบบนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บ่วงแค้นแสนรัก 538 น่าจะเป็นความรู้สึกชอบ

Now you are reading บ่วงแค้นแสนรัก Chapter 538 น่าจะเป็นความรู้สึกชอบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมืองเจียงเฉิง

อันเฉินพาศาตราจารย์หลี่มาถึงที่หมายในช่วงค่ำ

และเนื่องจากศาตราจารย์หลี่อายุหกสิบกว่าแล้ว จึงทนต่อการเดินทางไกลแบบนี้ได้ไม่ไหวนัก อันเฉินจึงพาท่านไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน

เสร็จแล้วก็รีบไปหาเย่ซือเยวี่ยทันที

ครั้งนี้ทุกอย่างดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น อันเฉินก็ยังห่วงเย่ซือเยวี่ยอยู่มาก ไม่รู้ว่าหญิงสาวยังขี้อาระวาดอยู่มั้ย

เขาโทรฯหาที่บ้านเพื่อบอกให้รู้ว่าเขามาถึงเมืองเจียงเฉินแล้วแต่ยังมีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อยอาจต้องกลับดึกหน่อย ก่อนจะขับรถไปที่โรงพยาบาลท้ันที

คุณแม่อันเฉินเป็นคนรับสาย ในใจก็อดที่จะบ่นไม่ได้ว่า: “นี่เห็นงานสำคัญกว่าหรืออะไรกัน กลับมาเมืองเจียงเฉิงก็ต้องกลับบ้านก่อนเป็นอันดับแรกซิ หรือว่า…..มีแฟนแล้ว?”

คิดได้แบบนั้น คุณแม่ของอันเฉินก็วิ่งเข้าไปในห้อง ยืนพูดต่อหน้ารูปของพ่ออันเฉิน: “ไม่รู้ว่าลูกรักของคุณจะมีหลานให้ฉันอุ้มเมื่อไหร่กัน ถ้าได้สักคนก็คงจะดี ฉันเองก็จะได้ไม่รู้สึกติดค้างอะไรคุณอีก!”

……..

อันเฉินถึงโรงพยาบาลในเวลาที่ค่อนข้างดึกมากแล้ว

เขาคิดว่าแค่มาดูให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไรก็จะกลับ จะได้ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ

เขาเดินมาถึงหน้าห้องผู้ป่วย ค่อยๆเปิดประตูเข้าไป อันเฉินเห็นคุณแม่ของเย่ซือเยวี่ยนอนหลับอยู่ข้างเตียง

ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปหา เย่ซือเยวี่ยก็ถามขึ้น: “ใคร?”

อันเฉินตกใจจนสะดุ้ง ไม่คิดว่าเธอยังไม่นอน

“ชูว์.. เบาๆหน่อย คุณแม่หลับอยู่”

พอได้ยินเสียงอันคุ้นเคย เย่ซือเยวี่ยก็ผ่อนคลายลง : “คุณกลับมาเร็วจัง………”

“ฉันเพิ่งถึงก็มาดูเธอเลย”

“อ๋อ เข้าใจละ”

ถึงแม้น้ำเสียงจะฟังดูราบเรียบ แต่ในใจของเย่ซือเยวี่ยกลับดีใจอยู่ไม่น้อย

อันเฉินเดินเข้าไปหา : “เธอยังไม่นอน? หรือว่าฉันทำให้เธอตื่น?”

“นอนไม่หลับ วันๆอยู่แต่ในห้อง นอนมากพอแล้ว”

เย่ซือเยวี่ยแค่พูดไปตามความเป็นจริง แต่ในใจอันเฉินกลับรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาแวบหนึ่ง

“สองสามวันนี้ อาจจะมีคุณหมอมาดูอาการให้ เธออาจจะได้รับการผ่าตัดเร็ววันนี้ ไม่นานเธอก็จะมองเห็นได้อีกครั้ง”

“จริงเหรอ?”

เย่ซือเยวี่ยได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมาก แต่ก็รีบควบคุมอารมณ์ตัวเองให้สงบลง

ตอนนี้เธอไม่กล้าที่จะคาดหวังกับอะไรมากนัก เธอกลัวว่า ยิ่งคาดหวังไว้สูง ก็จะยิ่งผิดหวังมาก

“แล้ว…..ถ้าฉันไม่หายจะทำไงดี?”

“งั้นก็หาต่อไป จนกว่าจะเจอคุณหมอที่จะรักษาเธอให้หายได้”

อันเฉินตอบโดยไม่ต้องคิด

เขาไม่อยากเห็นเย่ซือเยวี่ยท้อแท้และเศร้าหมองแบบนี้

“ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทนได้อีกนานแค่ไหน”

เย่ซือเยวี่ยยิ้มขื่น

ต่อหน้าพ่อแม่ เธอพยายามทำเป็นสดใสคิดบวกเพราะไม่อยากทำให้ท่านต้องกังวลใจ แต่ไม่รู้ทำไมกับอันเฉินเธอไม่อยากพยายามทำเป็นเข้มแข็งอีกต่อไป

“ถ้างั้นฉันก็จะอยู่กับเธอตรงนี้ และทำให้เธออดทนสู้ต่อไป”

อันเฉินนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบแอปเปิลลูกหนึ่งมาปอกให้เย่ซือเยวี่ย

“ก็ถ้าต่อไปคุณมีครอบครัว ก็คงจะเบื่อฉันแล้วล่ะ…..”

เย่ซือเยวี่ยหันหน้าไปทางอันเฉิน เวลานี้เธออยากเห็นสีหน้าของเขาเหลือเกิน อยากรู้ว่าเขาจะตอบเธอยังไง

“ไม่มีทาง ถ้าเธอกังวลเรื่องนี้ ฉันสัญญากับเธอได้เลยว่า ก่อนที่เธอจะหายกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันจะไม่แต่งงาน ไม่มีลูก แบบนี้เธอจะสบายใจขึ้นมั้ย?”

“ที่ฉันเป็นแบบนี้มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ถ้าคุณแค่รู้สึกผิด…….ก็ไม่ต้องนะ”

อันเฉินวางแอปเปิลที่ปอกเสร็จแล้วไว้ข้างๆ รู้สึกผิดเหรอ….

ก็อาจมีบ้าง ใครให้เย่ซือเยวี่ยบอกว่าเกิดเรื่องตอนที่อยู่กับเขา

แต่พอโดนเธอถามแบบนี้ เขาเองก็เพิ่งสังเกตว่าที่เขาเป็นห่วงเป็นใยเธอมากมายแบบนี้คงไม่ใช่แค่รู้สึกผิดแล้วล่ะ

ถ้าแค่รู้สึกผิด เขาต้องทำถึงขนาดกลับมาปุ๊บก็ตรงมาหาเธอโดยไม่แวะกลับบ้านก่อนเลยเหรอ…..

เห็นอันเฉินนิ่งเงียบไป เย่ซือเยวี่ยก็คิดไปเองว่าเขายอมรับว่าเป็นแบบนั้น ในใจเธอรู้สึกจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อย: “ช่างเถอะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณเพิ่งกลับมา ก็น่าจะเหนื่อยมาก ยังไงก็กลับไปก่อนเถอะ”

“เย่ซือเยวี่ย”

อันเฉินลุกขึ้นยืนทันทีทันใด: “สิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ อาจจะทำให้เธอรู้สึกตกใจ เธอช่วยตั้งสติและนิ่งไว้ก่อน อย่าทำให้แม่เธอตื่นได้มั้ย?”

“อะไร?”

เย่ซือเยวี่ยเอียงหัวเล็กน้อย ก่อนจะตอบตกลง

“ฉันคิดว่า ที่เธอพูดว่าเป็นเพราะฉันรู้สึกผิด รู้สึกต้องรับผิดชอบ ฉันไม่เถียง แต่เหมือนมันจะไม่ใช่แค่นั้น”

สิ่งที่อันเฉินกำลังพูดทำให้หัวใจของเย่ซือเยวี่ยเต้นแรงมากขึ้น

“แล้วยังไง?”

“ฉันว่าฉันเหมือนจะชอบเธอเข้าแล้ว ยังไงเราลองมาคบกันมั้ย?”

อันเฉินไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว ยิ่งไม่มีโรแมนติกอะไรทั้งสิ้น เขาพูดทุกอย่างออกมาตามที่ใจต้องการ

เย่ซือเยวี่ยที่นั่งอยู่บนเตียงคนไข้มีสีหน้าเต็มไปได้ความไม่เข้าใจ

เธอก็นึกว่าอันเฉินจะพูดเรื่องอะไรซะอีก……

อ๋อ ที่แท้เขาบอกว่าเขาชอบเธอนี่เอง

ไม่สิ……เขาชอบเธอ?

“วันนี้เป็นวันโกหกโลกเหรอ?”

เย่ซือเยวี่ยถามขึ้นแบบนั้น

อันเฉินที่กำลังใจจดจ่อรอให้เธอตอบรับหรือปฏิเสธอยู่ พอได้ยินแบบนั้นก็นึกอยากตบหัวให้ทีหนึ่ง

“ไม่ใช่”

“งั้นคุณก็กำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่มั้ย?”

อันเฉินรู้สึกจนใจ :”เย่ซือเยวี่ย ทีเมื่อก่อนเธอไปพังงานดูตัวของฉันไม่เห็นจะยึกๆยักๆแบบนี้เลย สรุปเธอจะตอบรับ หรือจะปฏิเสธ?”

“มีผู้ชายที่ไหนเขาถามผู้หญิงแบบนี้กัน?”

เย่ซือเยวี่ยก้มหน้าบ่นอุบอิบ

แต่เธอรู้สึกได้ว่าใบหน้าเธอเริ่มเห่อร้อนเป็นพักๆแล้ว

ความรู้สึกในใจก็ชัดเจน เธอไม่ได้รังเกียจอันเฉิน แต่กลับรู้สึกดีใจที่เขาอยู่ที่นี่

นี่น่าจะเป็นความรู้สึกของการชอบใครสักคนสินะ?

“ปกติ เธอก็ไม่เหมือนผู้หญิงอยู่แล้ว…..”

อันเฉินเองก็อดไม่ได้ที่จะแหย่เธอ

“ผู้ชายอะไรไม่โรแมนติกเอาซะเลย…….” เย่ซือเยวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะเถียงเขา : “อยากให้ฉันตอบรับ อย่างน้อยก็ควรจะมีช่องดอกไม้มาไม่ใช่เหรอ?”

คำพูดนี้อาจฟังดูตลก

แต่ความหมายมันกลับชัดเจน

มันแปลว่าตกลง

อันเฉินยิ้มกว้างขึ้นมาทันที เมื่อครู่เขายังคิดว่าเย่ซือเยวี่ยจะปฏิเสธเขาซะอีก

“งั้นก็ติดไว้ก่อนนะ? เวลานี้ก็ไม่มีร้านดอกไม้ที่ไหนยังเปิดอยู่ เดี๋ยวครั้งหน้าฉันจะชดเชยให้”

เขาที่เอาแต่งานยุ่งอยู่กับลู่จิ้นยวน จนไม่เคยคบกับใครมาก่อน

ยังดีที่เย่ซือเยวี่ยมองไม่เห็นสภาพเขาตอนนี้ที่เขิลอายจนตัวม้วน……

ทั้งสองเพิ่งพูดคุยกันเสร็จ แม่ของเย่ซือเยวี่ยที่หลับอยู่ก็พลิกตัวเล็กน้อย

อันที่จริงแล้ว เธอตื่นตั้งแต่ตอนที่อันเฉินเข้าห้องมาแล้ว แต่เธอเห็นว่าพวกเขาเหมือนจะมีเรื่องต้องคุยกัน จึงแกล้งทำเป็นหลับต่อ

โดยไม่คิดว่าจะได้ยินข่าวดีแบบนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+