บ่วงแค้นแสนรัก 431 ทั้งโกรธและเจ็บปวด

Now you are reading บ่วงแค้นแสนรัก Chapter 431 ทั้งโกรธและเจ็บปวด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่ว่าถูกใครจับตัวไป คนที่อยู่เบื้องบนเป็นใครก็ให้คนไปทักทายสักหน่อย อย่างไรก็ตาม จับคนไปแล้วก็ดูแลให้ดีสะ รอเขากลับไปค่อยว่ากัน

หลังจากที่จัดการเรื่องพวกนี้แล้ว ลู่จิ้นยวนถึงจะรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง

แต่เขาไม่รู้เลยว่าคนที่เขาติดต่อไป ได้ทำในสิ่งที่เขาสั่งอย่างเร่งด่วนและตั้งใจ ทุกเรื่องที่ได้รับสั่งมาได้มอบหมายลงไปทำแล้ว

แต่คนที่ได้รับข่าวนั้นกลับได้รับโทรศัพท์อีกสายที่โทรเข้ามา ลังเลไปสักพัก ตัดสินใจยกเลิกเรื่องที่จะทำเมื่อสักครู่ไป

เวลาเดินต่อไปเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะเป็นลู่จิ้นยวนที่รอขึ้นเครื่องอยู่ที่ต่างประเทศหรือจะเป็นเวินหนิงที่รอการถูกสอบสวนอยู่ที่ในเมืองตี้ตู ทุกวินาทีล้วนเหมือนเป็นการทรมาน

สภาพเวินหนิงในตอนนี้ไม่ดีมากนัก ใบหน้าซีดเผือด คิ้วขมวดเข้ากันแน่น

เธอรู้สึกว่าเวลานั้นได้ผ่านไปนานมาก ห้องสอบสวนก็ไม่แม้จะมีคนอื่นเดินเข้ามา มีแค่เธอคนเดียว และต้องทนกับแสงไฟที่สว่างจ้ากับเสียงที่ดังจนหูจะหนวก

สมองของเธอเหมือนจะเบิด ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สมองของเธอนั้นวุ่นไปหมด ไม่สามารถคิดอะไรได้เลย

การทรมารด้วยวิธีนี้สามารถทำให้คนๆนึงเป็นบ้าได้จริงๆ

ภายใต้แสงสว่างอันเจิดจ้านั้น ตาของเธอรู้สึกแสบขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นทางด้านประสาทหรือทางจิตของเธอนั้นได้ล้ามากแล้ว แต่เสียงที่ดังอยู่นั้นทำให้เธอไม่สามารถที่จะหลับได้เลย ทรมานมากจริงๆ

เธอคิดมาตลอดว่าสิ่งที่ก่อนที่สองคนนั้นจะเดินออกจากห้องไปได้พูดนั้น บอกว่าจะใช้วิธีส่วนตัวในการลงโทษ เดิมเธอเห็นว่าในห้องสอบสวนนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น คิดว่าไม่มีอะไร

แต่พอตอนนี้กลับไปคิดอีกที รู้สึกว่าเธอนั้นมองโลกในแง่ดีเกินไป

การทรมานด้วยวิธีนี้ ไม่สามารถเห็นผลได้ในระยะเวลาอันสั้นหรอก ต้องรอไปนานๆ ความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นไม่น้อยไปกว่าการที่ร่างกายได้รับความทรมานเลย

ในเวลาพรบค่ำ แสงรอบๆตัวเธอได้ดับลง เสียงที่วนรอบหูเธอนั้นก็หายไป เธอเปิดเปลือกออกเล็กน้อย

ประตูห้องสอบสวนที่ถูกปิดไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้นั้นได้เปิดออก

เธอขมวดคิ้วแน่นและส่ายหัวเล็กน้อย สมองเธอกลับปวดขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้เธอรู้สึกอยากจะอาเจียน

ถึงเสียงจะหายไปแล้ว แต่ในหูของเธอก็ยังคงมีเสียงดนตรีนั้นวนอยู่ เหมือนก้องอยู่ในหู ยังคงได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่สามารถที่จะหยุดมันได้

สายตาของเธอนั้นพร่ามัว แต่ยังสามารถที่จะมองเห็นอยู่ หนึ่งในผู้ชายสองคนตอนเช้านั้นในมือได้ถือเอกสารหนึ่งเดินเข้ามา แล้วมาเปิดตรงหน้าของเธอ

ปากของเขาได้พูดว่าอะไรสักอย่าง แต่นั้นกลับทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถได้ยินอะไรแล้ว

ถึงเธอจะไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร แต่ดูจากท่าทางของเขาก็สามารถรู้ได้ อีกฝ่ายอยากให้เธอนั้นเซ็นเอกสารตรงหน้า เธอหลับตาลง ไม่ดูก็รู้ว่าเอกสารนี้คืออะไร

เธอไม่มีทางที่จะเซ็นอยู่แล้ว หลังจากที่เธอหลับตาก็ไม่ลืมตาขึ้นมาอีก ทั้งผู้ชายที่สอบสวนนั้นด่าเธอแล้วเดินออกไปอีกรอบเธอก็ไม่ได้สังเกต

และแสงที่สว่างจ้านั้นได้เปิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เสียงดนตรีก็ไ้ด้ดังขึ้นมาจนแสบหูอีกครั้ง แต่แท้จริงนั้นพึ่งจะผ่านไปแค่หนึ่งวันหนึ่งคืนอยู่เลย

ในเวลาใกล้ค่ำนั้น ลู่จิ้นยวนได้ข่าวว่าสามารถบินกลับได้ก็ได้ขึ้นเครื่องสำเร็จ ถึงจะเป็นอย่างนั้น การที่จะกลับถึงเมืองตี้ตู ก็ต้องรอถึงแปดโมงของวันที่สอง

วันที่สอง

ลู่จิ้นยวนลงเครื่องปุปก็ไม่ได้ไปไหนอีก พาคนที่ไปรับเขาที่สนามบินตรงไปที่สถานีตำรวจที่เวินหนิงได้ถูกควบคุมตัวไว้

ตอนที่เขาถึง ประตูของสถานีตำรวจยังเปิดได้ไม่นาน เขาพาคนพุ่งเข้าไป ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น

คนที่ดูแลนั้นพอเห็นมีคนอยู่ดีๆก็มีคนพุ่งเข้ามา กำลังจะเปิดปากด่า แต่พอสายตาของเขาประทะกับลู่จิ้นยวนก็พูดไม่ออกเลยทีเดียว

ลู่จิ้นยวนคือใคร? หน้าของเขาคนในเมืองหลวงใครบ้างที่จะไม่เคยเห็น ตัวของเขาใครกันจะไม่รู้จัก

มองไปยังอีกฝ่ายที่เหมือน เคราะห์ร้ายกำลังมาเยือนนั้น ผู้ดูแลก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา และสั่นไปทั้งตัว

“ท่านประธานลู่ นี่คือท่านประธานลู่ไม่ใช่หรือ ท่านมีเวลาว่างมาที่นี่ได้อย่าไงกัน”

“คนละ”ในดวงตาของลู่จิ้นยวนนั้นเหมือนมีเกล็ดน้ำแข็งอยู่ ผู้ดูแลคนอื่นไม่กล้าแม้จะสบตาเขา

“คน คนอะไรหรอครับ?”

ผู้ดูแลรู้อยู่แก่ใจว่าคนที่ลู่จิ้นยวนถามถึงคือใคร แต่ไม่รู้ทำไม สมองกระตุกวูบ ปากก็ไปเองสะงั้น วินาทีต่อมา เขาถึงกับหายใจไม่ออก คอของเขาได้ถูกมือแข็งแกร่งคู่หนึ่งบีบไว้แน่น

“ฉันถามว่าคนมีไหน? แกอยากตาหรือไง?”

ลู่จิ้นยวนโดนท่าทางมึนงงนั้นกระตุกต่อมความโหดร้ายขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะลงมือบีบคอเขาไว้ มือแกร่งนั้นกำเข้าหากันแน่น เหมือนว่าถ้าใช้แรงอีกนิด ลำคอที่อยู่ในมือนั้นสามารถหักไปได้เลย

หน้าของผู้ดูแลนั้นแดงกล่ำ น่ากลัวยิ่งนัก อ้าปากกว้างไม่สามารถที่จะหายใจได้ เขากลัวมาก และรู้ดีว่าถึงอีกฝ่ายจะทำกับเขายังไง คนที่ซวยก็มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้น

ตอนนี้ไม่กล้าจะปิดบังอะไรอีกต่อไป มือที่สั่นเทานั้นได้ยกขึ้นชี้ไปทางห้องสอบสวน

ลูกน้องคนนึงก้าวเดินไปอย่างรู้งาน ออกขาถีบประตูห้องอย่างแรง ประตูที่แสนแข็งแรงของห้องสอบสวนนั้นพังไปเลย

วินาทีนั้นเอง แสงสว่างมหาศาลและเสียงที่แสนจะแสบหูนั้นก็ดังออกมา ไม่เหมือนเวินหนิง ลู่จิ้นยวนเข้าใจทุกอย่างทันที เพราะรู้แล้วว่าในนั้นได้เกิดอะไรขึ้นทำให้สีหน้าของลู่จิ้นยวนนั้นดูน่ากลัวขึ้นเป็นอย่างมาก

ลู่จิ้นยวนก้าวเดินเขาไป มองไปก็เห็นเวินหนิงที่ถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ที่ไม่รู้ว่าสลบไปหรือยัง สีหน้าของเธอในตอนนี้ซีดเหมือนศพ

ใจของเขาเจ็บแปลบขึ้นมาในทันที เขาพุ่งเข้าไปหา มือสองข้างของเขาสั่นเทา วินาทีต่อมา กุญแจมือที่อยู่ตรงมือของเวินหนิงก็ถูกลู่จิ้นยวนหักทิ้งทันที

เขาอุ้มเวินหนิงขึ้นด้วยท่าทีที่เบาที่สุด แล้วเดินออกจากห้องที่แสนทรมานนี้

ดวงตาที่แดงกล่ำของลู่จิ้นยวนจ้องมองไปยังคนในสถานีตำรวจ ดี ดีมาก กล้านักที่ทำกับเวินหนิงของเขาแบบนี้ คนพวกนี้ช่างกล้ามาก

เขาจะทำให้ทุกคนในที่นี้รู้ว่า การที่มาจับต้องเส้นความอดทนของเขาแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น ไม่ดีน้อยไปกว่านรกแน่นอน

หลังจากที่คนพวกนี้ได้เดินออก ผู้ดูแลทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ด้วยความอ่อนเพลีย เหงื่อท่วมตัวไปหมด หัวใจเหมือนจะเต้นออกมาให้ได้

เขามองไปที่ประตูด้วยสายตาที่มึนเบลอ นึกถึงสายตาของลู่จิ้นยวนก่อนที่จะเดินออกไป ในใจรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

จบแน่ ครั้งนี้เขาจบแน่ๆ

ลู่จิ้นยวนอุ้มเวินหนิงเดินออกจากคอนโดของและให้คน ติดต่อไปยังหมอส่วนตัวของตระกูลลู่ให้รอที่นั่น

บนรถ มองหญิงสาวที่อยู่ในมองกอดของเขา มองเธอที่หลับตาไว้ไม่แม้แต่จะดิ้นนั้น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวด ความโกรธนั้นเป็นการโกรธตัวของเขาเอง

ตอนนี้เขาอยากที่จะตบหน้าตัวเองมาก ทั้งๆที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ให้เธอนั้นได้รับอันตรายใดๆ

แต่นี่พึ่งจะผ่านไปไม่นาน เวินหนิงกลับเกิดเรื่องอีกแล้ว ทั้งยังอยู่ในอาณาเขตของตัวเขาเอง เกิดเรื่องที่บริษัทของเขาเอง พอคิดถึงจุดนี้ ลู่จิ้นยวนอยากที่จะฆ่าตัวเองเสียจริง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บ่วงแค้นแสนรัก 431 ทั้งโกรธและเจ็บปวด

Now you are reading บ่วงแค้นแสนรัก Chapter 431 ทั้งโกรธและเจ็บปวด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่ว่าถูกใครจับตัวไป คนที่อยู่เบื้องบนเป็นใครก็ให้คนไปทักทายสักหน่อย อย่างไรก็ตาม จับคนไปแล้วก็ดูแลให้ดีสะ รอเขากลับไปค่อยว่ากัน

หลังจากที่จัดการเรื่องพวกนี้แล้ว ลู่จิ้นยวนถึงจะรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง

แต่เขาไม่รู้เลยว่าคนที่เขาติดต่อไป ได้ทำในสิ่งที่เขาสั่งอย่างเร่งด่วนและตั้งใจ ทุกเรื่องที่ได้รับสั่งมาได้มอบหมายลงไปทำแล้ว

แต่คนที่ได้รับข่าวนั้นกลับได้รับโทรศัพท์อีกสายที่โทรเข้ามา ลังเลไปสักพัก ตัดสินใจยกเลิกเรื่องที่จะทำเมื่อสักครู่ไป

เวลาเดินต่อไปเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะเป็นลู่จิ้นยวนที่รอขึ้นเครื่องอยู่ที่ต่างประเทศหรือจะเป็นเวินหนิงที่รอการถูกสอบสวนอยู่ที่ในเมืองตี้ตู ทุกวินาทีล้วนเหมือนเป็นการทรมาน

สภาพเวินหนิงในตอนนี้ไม่ดีมากนัก ใบหน้าซีดเผือด คิ้วขมวดเข้ากันแน่น

เธอรู้สึกว่าเวลานั้นได้ผ่านไปนานมาก ห้องสอบสวนก็ไม่แม้จะมีคนอื่นเดินเข้ามา มีแค่เธอคนเดียว และต้องทนกับแสงไฟที่สว่างจ้ากับเสียงที่ดังจนหูจะหนวก

สมองของเธอเหมือนจะเบิด ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สมองของเธอนั้นวุ่นไปหมด ไม่สามารถคิดอะไรได้เลย

การทรมารด้วยวิธีนี้สามารถทำให้คนๆนึงเป็นบ้าได้จริงๆ

ภายใต้แสงสว่างอันเจิดจ้านั้น ตาของเธอรู้สึกแสบขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นทางด้านประสาทหรือทางจิตของเธอนั้นได้ล้ามากแล้ว แต่เสียงที่ดังอยู่นั้นทำให้เธอไม่สามารถที่จะหลับได้เลย ทรมานมากจริงๆ

เธอคิดมาตลอดว่าสิ่งที่ก่อนที่สองคนนั้นจะเดินออกจากห้องไปได้พูดนั้น บอกว่าจะใช้วิธีส่วนตัวในการลงโทษ เดิมเธอเห็นว่าในห้องสอบสวนนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น คิดว่าไม่มีอะไร

แต่พอตอนนี้กลับไปคิดอีกที รู้สึกว่าเธอนั้นมองโลกในแง่ดีเกินไป

การทรมานด้วยวิธีนี้ ไม่สามารถเห็นผลได้ในระยะเวลาอันสั้นหรอก ต้องรอไปนานๆ ความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นไม่น้อยไปกว่าการที่ร่างกายได้รับความทรมานเลย

ในเวลาพรบค่ำ แสงรอบๆตัวเธอได้ดับลง เสียงที่วนรอบหูเธอนั้นก็หายไป เธอเปิดเปลือกออกเล็กน้อย

ประตูห้องสอบสวนที่ถูกปิดไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้นั้นได้เปิดออก

เธอขมวดคิ้วแน่นและส่ายหัวเล็กน้อย สมองเธอกลับปวดขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้เธอรู้สึกอยากจะอาเจียน

ถึงเสียงจะหายไปแล้ว แต่ในหูของเธอก็ยังคงมีเสียงดนตรีนั้นวนอยู่ เหมือนก้องอยู่ในหู ยังคงได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่สามารถที่จะหยุดมันได้

สายตาของเธอนั้นพร่ามัว แต่ยังสามารถที่จะมองเห็นอยู่ หนึ่งในผู้ชายสองคนตอนเช้านั้นในมือได้ถือเอกสารหนึ่งเดินเข้ามา แล้วมาเปิดตรงหน้าของเธอ

ปากของเขาได้พูดว่าอะไรสักอย่าง แต่นั้นกลับทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถได้ยินอะไรแล้ว

ถึงเธอจะไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร แต่ดูจากท่าทางของเขาก็สามารถรู้ได้ อีกฝ่ายอยากให้เธอนั้นเซ็นเอกสารตรงหน้า เธอหลับตาลง ไม่ดูก็รู้ว่าเอกสารนี้คืออะไร

เธอไม่มีทางที่จะเซ็นอยู่แล้ว หลังจากที่เธอหลับตาก็ไม่ลืมตาขึ้นมาอีก ทั้งผู้ชายที่สอบสวนนั้นด่าเธอแล้วเดินออกไปอีกรอบเธอก็ไม่ได้สังเกต

และแสงที่สว่างจ้านั้นได้เปิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เสียงดนตรีก็ไ้ด้ดังขึ้นมาจนแสบหูอีกครั้ง แต่แท้จริงนั้นพึ่งจะผ่านไปแค่หนึ่งวันหนึ่งคืนอยู่เลย

ในเวลาใกล้ค่ำนั้น ลู่จิ้นยวนได้ข่าวว่าสามารถบินกลับได้ก็ได้ขึ้นเครื่องสำเร็จ ถึงจะเป็นอย่างนั้น การที่จะกลับถึงเมืองตี้ตู ก็ต้องรอถึงแปดโมงของวันที่สอง

วันที่สอง

ลู่จิ้นยวนลงเครื่องปุปก็ไม่ได้ไปไหนอีก พาคนที่ไปรับเขาที่สนามบินตรงไปที่สถานีตำรวจที่เวินหนิงได้ถูกควบคุมตัวไว้

ตอนที่เขาถึง ประตูของสถานีตำรวจยังเปิดได้ไม่นาน เขาพาคนพุ่งเข้าไป ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น

คนที่ดูแลนั้นพอเห็นมีคนอยู่ดีๆก็มีคนพุ่งเข้ามา กำลังจะเปิดปากด่า แต่พอสายตาของเขาประทะกับลู่จิ้นยวนก็พูดไม่ออกเลยทีเดียว

ลู่จิ้นยวนคือใคร? หน้าของเขาคนในเมืองหลวงใครบ้างที่จะไม่เคยเห็น ตัวของเขาใครกันจะไม่รู้จัก

มองไปยังอีกฝ่ายที่เหมือน เคราะห์ร้ายกำลังมาเยือนนั้น ผู้ดูแลก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา และสั่นไปทั้งตัว

“ท่านประธานลู่ นี่คือท่านประธานลู่ไม่ใช่หรือ ท่านมีเวลาว่างมาที่นี่ได้อย่าไงกัน”

“คนละ”ในดวงตาของลู่จิ้นยวนนั้นเหมือนมีเกล็ดน้ำแข็งอยู่ ผู้ดูแลคนอื่นไม่กล้าแม้จะสบตาเขา

“คน คนอะไรหรอครับ?”

ผู้ดูแลรู้อยู่แก่ใจว่าคนที่ลู่จิ้นยวนถามถึงคือใคร แต่ไม่รู้ทำไม สมองกระตุกวูบ ปากก็ไปเองสะงั้น วินาทีต่อมา เขาถึงกับหายใจไม่ออก คอของเขาได้ถูกมือแข็งแกร่งคู่หนึ่งบีบไว้แน่น

“ฉันถามว่าคนมีไหน? แกอยากตาหรือไง?”

ลู่จิ้นยวนโดนท่าทางมึนงงนั้นกระตุกต่อมความโหดร้ายขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะลงมือบีบคอเขาไว้ มือแกร่งนั้นกำเข้าหากันแน่น เหมือนว่าถ้าใช้แรงอีกนิด ลำคอที่อยู่ในมือนั้นสามารถหักไปได้เลย

หน้าของผู้ดูแลนั้นแดงกล่ำ น่ากลัวยิ่งนัก อ้าปากกว้างไม่สามารถที่จะหายใจได้ เขากลัวมาก และรู้ดีว่าถึงอีกฝ่ายจะทำกับเขายังไง คนที่ซวยก็มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้น

ตอนนี้ไม่กล้าจะปิดบังอะไรอีกต่อไป มือที่สั่นเทานั้นได้ยกขึ้นชี้ไปทางห้องสอบสวน

ลูกน้องคนนึงก้าวเดินไปอย่างรู้งาน ออกขาถีบประตูห้องอย่างแรง ประตูที่แสนแข็งแรงของห้องสอบสวนนั้นพังไปเลย

วินาทีนั้นเอง แสงสว่างมหาศาลและเสียงที่แสนจะแสบหูนั้นก็ดังออกมา ไม่เหมือนเวินหนิง ลู่จิ้นยวนเข้าใจทุกอย่างทันที เพราะรู้แล้วว่าในนั้นได้เกิดอะไรขึ้นทำให้สีหน้าของลู่จิ้นยวนนั้นดูน่ากลัวขึ้นเป็นอย่างมาก

ลู่จิ้นยวนก้าวเดินเขาไป มองไปก็เห็นเวินหนิงที่ถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ที่ไม่รู้ว่าสลบไปหรือยัง สีหน้าของเธอในตอนนี้ซีดเหมือนศพ

ใจของเขาเจ็บแปลบขึ้นมาในทันที เขาพุ่งเข้าไปหา มือสองข้างของเขาสั่นเทา วินาทีต่อมา กุญแจมือที่อยู่ตรงมือของเวินหนิงก็ถูกลู่จิ้นยวนหักทิ้งทันที

เขาอุ้มเวินหนิงขึ้นด้วยท่าทีที่เบาที่สุด แล้วเดินออกจากห้องที่แสนทรมานนี้

ดวงตาที่แดงกล่ำของลู่จิ้นยวนจ้องมองไปยังคนในสถานีตำรวจ ดี ดีมาก กล้านักที่ทำกับเวินหนิงของเขาแบบนี้ คนพวกนี้ช่างกล้ามาก

เขาจะทำให้ทุกคนในที่นี้รู้ว่า การที่มาจับต้องเส้นความอดทนของเขาแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น ไม่ดีน้อยไปกว่านรกแน่นอน

หลังจากที่คนพวกนี้ได้เดินออก ผู้ดูแลทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ด้วยความอ่อนเพลีย เหงื่อท่วมตัวไปหมด หัวใจเหมือนจะเต้นออกมาให้ได้

เขามองไปที่ประตูด้วยสายตาที่มึนเบลอ นึกถึงสายตาของลู่จิ้นยวนก่อนที่จะเดินออกไป ในใจรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

จบแน่ ครั้งนี้เขาจบแน่ๆ

ลู่จิ้นยวนอุ้มเวินหนิงเดินออกจากคอนโดของและให้คน ติดต่อไปยังหมอส่วนตัวของตระกูลลู่ให้รอที่นั่น

บนรถ มองหญิงสาวที่อยู่ในมองกอดของเขา มองเธอที่หลับตาไว้ไม่แม้แต่จะดิ้นนั้น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวด ความโกรธนั้นเป็นการโกรธตัวของเขาเอง

ตอนนี้เขาอยากที่จะตบหน้าตัวเองมาก ทั้งๆที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ให้เธอนั้นได้รับอันตรายใดๆ

แต่นี่พึ่งจะผ่านไปไม่นาน เวินหนิงกลับเกิดเรื่องอีกแล้ว ทั้งยังอยู่ในอาณาเขตของตัวเขาเอง เกิดเรื่องที่บริษัทของเขาเอง พอคิดถึงจุดนี้ ลู่จิ้นยวนอยากที่จะฆ่าตัวเองเสียจริง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+