บ่วงแค้นแสนรัก 508 เป็นแค่เพื่อน

Now you are reading บ่วงแค้นแสนรัก Chapter 508 เป็นแค่เพื่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่ว่าในใจเขารู้ดี ถึงเรื่องราวเหล่านั้น ว่าถ้าหากลืมไปได้ง่ายๆ ก็คงไม่ปกติแล้ว

ดังนั้น จึงไม่ยืดเยื้อเวลาอะไรต่อ มองไปที่ลู่อันหราน “เด็กแบบลูกก็ต้องยึดมั่นในจุดยืน อย่าไหลไปตามกระแสลม”

ลู่อันหรานเข้าใจในทันที ในเมื่อ ปกติแล้วตัวเขามักจะถูกลู่จิ้นยวนกำหนดทุกอย่างเอาไว้ให้อย่างเรียบร้อยอยู่แล้ว ตอนนี้พอตนได้มีอิสระ ก็เลยลำพองไปหน่อย

“งั้นก็ต้องดูผลงานของพ่อแล้ว”

“หืม?”

ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว “พ่อว่านะ ไม่อย่างนั้นเอาเป็นว่าพ่อจะหาสถานที่ให้ลูกไปฝึกร่างกายหน่อยเป็นไง?”

ลู่อันหรานรีบส่ายหน้าทันที “ช่างมัน ช่างมันเถอะ ผมแค่ล้อเล่น”

ต่อมาในทันทีก็ทำท่าทางราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย ตบลงไปที่บ่าของลู่จิ้นยวน “ในเมื่อผมเป็นลูกแท้ๆ ของพ่อ ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร เมื่อถึงเวลาสำคัญ แน่นอนว่าจะยังคงคอยตามพ่อไป”

กล่าวจบ ก็กอดกล่องยาแล้ววิ่งไปหาเวินหนิงทันที

เวินหนิงเดินออกมาจากห้องครัว เมื่อสักครู่เธอพึ่งสังเกตเห็นว่าริมฝีปากของเธอบวมพองขึ้นจากการกระทำอันรุนแรงของลู่จิ้นยวน อีกทั้งยังแดงช้ำเล็กน้อย ทำให้ดูเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

ดังนั้น เธอจึงอยู่ในห้องครัวไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วใช้น้ำเย็นประคบไปสักพัก จนกระทั่งมันดูไม่เป็นที่เด่นชัดแล้วจึงเดินออกมา

“อันหราน พวกเราออกไปกินข้าวข้างนอกกันเถอะ ลูกอยากจะกินอะไร”

ลู่อันหรานส่ายหน้า “ผมไม่หิว เมื่อกี้ผมพึ่งจะกินไปแล้ว ผมทายาให้แม่ก่อนนะ”

เวินหนิงไม่ได้ปฏิเสธความปราถนาดีของเจ้าตัวน้อย จึงนั่งลงไป

ลู่อันหรานเดินเข้าไปหา แล้วหยิบยาออกมา ตั้งแต่เด็กเขาก็เป็นคนฉลาด รู้จักตัวอักษรหลายตัวแล้ว และไม่ได้ให้ผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือก็สามารถหาของที่ตนเองต้องการเจอได้

“อันนี้ใช่ไหมฮะ?”

ลู่อันหรานหยิบยาสำหรับทาแผลลวกพุพองขึ้นมา เวินหนิงจึงพยักหน้า “อื้ม ใช่แล้ว อันหรานฉลาดมากเลยลูก”

ลู่อันหรานพยักหน้า ดีใจกับคำชมนี้มาก หลังจากนั้นก็บีบยาออกมาเล็กน้อยแล้วทาลงไปบนแผลของเวินหนิง

เพียงแต่ว่า เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆ มือที่ทายานั้นไม่ได้ผ่อนแรงลงเลย ไปโดนแผลที่โดนลวกบนนิ้วมือของเวินหนิงเข้า เธอก็รู้สึกเจ็บจนเผลอขมวดคิ้ว แต่ก็ยังคงอดกลั้นมันเอาไว้ได้

ก็ในเมื่อ นี่เป็นความตั้งใจของลู่อันหราน เธอไม่อยากทำให้เขาไม่มีความสุข

ลู่จิ้นยวนเห็นภาพเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา แล้วเดินเข้ามาหา “ฉันทำเองมา”

ลู่อันหรานตอนแรกก็ไม่ยินยอม แต่เมื่อคิดดูแล้ว ตอนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ จำเป็นที่จะต้องดึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่ให้ใกล้กันมากขึ้น ก็เตรียมที่จะเขยิบที่นั่งของตนเองออกไป

เพียงแต่ว่า เวินหนิงกลับพูดตัดบทเขาขึ้นมาอย่าวงรวดเร็ว “ไม่ต้อง อันหราน ลูกทำเถอะ”

เธอในตอนนี้ ไม่อยากที่จะมีความสัมพันธ์ที่จะต้องเกี่ยวข้องกันกับลู่จิ้นยวนโดยไม่จำเป็น

ลู่จิ้นยวนนั้นได้ตัวค้างแข็งไปแล้ว ลู่อันหรานเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เข้าท่าแล้วจึงทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจ “ผมกลัวว่าจะทายาแล้วเผลอลงมือแรงไป ทำให้แม่เจ็บ ผมว่าให้พ่อมาทำแทนดีกว่า”

“ถูกต้อง”

เมื่อเห็นว่าลูกชายพูดออกไปเช่นนั้น ลู่จิ้นยวนก็พยักหน้าแสดงท่าทีราวกับว่าเห็นด้วย

เวินหนิงได้ยินลูกพูดดังว่า ก็ไม่มีทางเลือก จึงเชิดคางขึ้นเล็กน้อย แสดงความนัยออกมาว่าให้ลู่จิ้นยวนมาจัดการได้

ลู่จิ้นยวนกลับไม่ได้รู้สึกเคืองกับท่าทีที่ถูกโจมตีหรือถูกพูดเย็นชาใส่ เขาตั้งใจทายาลงบนแผลลวกพุพองบนนิ้วของเวินหนิงอย่างระมัดระวัง ตอนที่ใกล้จะทาเสร็จแล้วก็ยังเป่าลมออกไปเบาๆ หนึ่งที ไ ก็ไม่เจ็บแล้วนะ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำของฝ่ายชาย ทำให้มีเสน่ห์อันน่าดึงดูดเจือมาอยู่

เวินหนิงผงะไป แต่ต่อมาในทันทีก็รีบชักมือคืนกลับมา

เธอไม่รู้เลยว่า คนแบบนี้ก็พูดจาปลอบโยนคนอื่นแบบนี้ได้

ลู่อันหรานเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเอามือขึ้นมาป้องปากแล้วหัวเราะออกมา

นี่มันอะไรกันเนี่ย คำพูดหวานซึ้งที่ยากจะเห็นได้จากพ่ออย่างงั้นเหรอ?

แต่ว่า ดูเหมือนจะไม่ได้ผลอะไรเลยนะ………

ไม่ออกไปกินข้าวกันเหรอ”

เวินหนิงมองดูนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองแล้ว ถ้าจะบอกว่ากินมื้อเที่ยง แต่ก็เป็นบ่ายแก่ๆ ไปแล้ว

“อันหราน พวกเราออกไปตอนนี้กันเถอะ ลูกอยากกินอะไร

วันนี้อยากกินอะไรก็ได้ ตามใจเลย”

จริงไหม งั้นก็ดีเลย”

ลู่อันหรานได้ยินว่าจะได้ออกไปข้างนอกและกินของอะไรก็ได้ตามใจชอบ จึงรีบตามออกไปอย่างลิงโลด

เวินหนิงจูงมือเขาเดินนำอยู่ข้างหน้า และไม่ได้มีท่าทีสนใจลู่จิ้นยวนเลย ทำท่าราวกับจะไม่พาเขาออกไปด้วยอย่างไรอย่างนั้น

และยังคงเป็นลู่อันหรานที่จับสังเกตความผิดปกตินี้ได้ “พ่อไม่ไปเหรอครับ”

เวินหนิงหยุดฝีเท้าลงทันที หันไปมองลู่จิ้นยวนหนึ่งที

“พ่อเองก็เพราะว่าเป็นห่วงแม่ เลยยังไม่ได้กินอะไร”

ลู่อันหรานเลือกคำพูดออกมาได้อย่างถูกเวลา เวินหนิงเองก็รู้สึกผิดเล็กน้อย จึงไม่ได้ฟึดฟัดอะไร “งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ”

ลู่จิ้นยวนเองก็รอคอยประโยคนี้ของเธออยู่ เมื่อได้ยินแล้วจึงออกเดินตามไปอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ

ลู่อันหรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันขึ้นมาเงียบๆ ภายในใจ ยอมตกนรกเพื่อที่จะรักษาเกียรติไม่เสียหน้า แต่ก็เพราะด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลมของตนเอง ที่ได้หยิบยื่นบันไดให้พ่อ ไม่อย่างงั้นพ่อของเขาคงต้องอยู่ที่บ้านคนเดียวอย่างน่าสงสารแล้วกินเกี๊ยวที่ต้มจนเละนั้น

……….

ลู่จิ้นยวนเป็นคนขับรถ และในเวลาอันรวดเร็วก็มาถึงร้านอาหารที่ลู่อันหรานอยากจะมา

แม้จะบอกว่าเป็นร้านอาหาร แต่ก็ดูไม่เหมือนเป็นเช่นนั้น เพราะว่าเป็นถนนเส้นเล็กๆ สายหนึ่งที่คึกคักเป็นอย่างมาก มีอาหารเลิศรสจากทุกที่ในประเทศมารวมตัวกันอยู่ ดูแล้วมีมากมายหลากหลายชนิด

ลู่จิ้นยวนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

เขาไม่เคยมาทานอาหารในสถานที่แบบนี้มาก่อนเลย หรือควรจะพูดว่า ไม่มีใครคิดที่จะพาเขามาในสถานที่นี้

ลู่อันหรานกลับอยากมากินอาหารที่ถนนสายเล็กๆ ตามที่บรรดาเพื่อนร่วมชั้นเคยพูดมานานมากแล้ว ปกติแล้วลู่จิ้นยวนจะคอยเข้มงวดกับเขา เขาจึงไม่มีทางที่จะออกมาแบบนี้ได้เลย

ตอนนี้ จึงอาศัยโอกาสนี้ที่จะได้กินตามใจอยาก

“ผมอยากดื่มอันนี้ ชานมไข่มุก”

ลู่อันหรานมองดูร้านชานมที่เป็นที่นิยมในโลกออนไลน์ร้านหนึ่ง แล้วรีบดึงเวินหนิงเข้าไปทันที

เวินหนิงเองก็ทนไม่ไหวคิดที่จะพูดอะไรออกมา ในเมื่อ ลู่อันหรานยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ อยู่เธอกลัวว่าเขาจะกินไปทั่วไม่เลือก แล้วทำให้ปวดท้องเอาได้

“แม่บอกแล้วว่าจะพาผมไปกินของที่อยากกิน”

ลู่อันหรานรีบพูดประโยคที่เธอได้พูดไปเมื่อสักครู่ขึ้นมาทันที

“งั้น……..ลูกจะกินเยอะมากไม่ได้ ชิมได้ไม่กี่คำก็พอ”

เวินหนิงเองก็ไม่อยากเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ไม่รักษาในคำพูด จึงทำได้เพียงแต่ต้องพาลู่อันหรานวิ่งวุ่นไปทั่วทุกที่

เมื่อลู่อันหรานได้รับอนุญาต ก็เริ่มจากการซื้อชานมไข่มุก หลังจากนั้นก็ไปซื้อโรตียัดไส้ใส่ไข่ โอเด้ง และก็ข้าวผัดเนื้อ

สุดท้ายแล้ว เขาก็อดใจไม่ไหวหยุดลงที่หน้ารถเข็นขายเต้าหู้เหม็น

“อื้ม……กลิ่นนี้ ค่อนข้างรุนแรงเลย”

ลู่อันหรานมองดูก้อนเต้าหู้สีดำด้วยความประหลาดใจ สำหรับเจ้าสิ่งนี้แล้ว เขาเพียงแต่เคยได้ยินมา แต่ไม่เคยได้ลิ้มลองเลยสักครั้ง

“เจ้าหนู ไอ้นี่น่ะถ้าดมแล้วจะรู้สึกเหม็น แต่พอกินแล้วจะหอมนะ นี่แนะนำให้อย่างใจดีเลย”

“ผม……..”

ลู่อันหรานเองก็คิดที่อยากจะลองดู แต่ก็รู้สึกไม่กล้ากิน

“ลู่อันหราน……..”

ลู่จิ้นยวนอยู่ที่ด้านหลังของทั้งสองคน สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้ได้คืบจะเอาศอก กินอาหารขยะเข้าไปเป็นกองไปแล้ว ตอนนี้ยังคิดที่อยากจะกินของที่แปลกประหลาดแบบนี้อีกเหรอ?

“ทำไมครับ หรือว่าคุณพ่อเองก็อยากจะกิน”

เมื่อลู่อันหรานถูกใช้น้ำเสียงข่มขู่ ทันใดนั้นก็มีแผนร้ายผุดขึ้นมา

ฉับพลันนั้นสีหน้าของลู่จิ้นยวนก็ดำทะมึนขึ้นมา เขาไม่อยากที่จะกินอาหารที่น่ากลัวแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บ่วงแค้นแสนรัก 508 เป็นแค่เพื่อน

Now you are reading บ่วงแค้นแสนรัก Chapter 508 เป็นแค่เพื่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่ว่าในใจเขารู้ดี ถึงเรื่องราวเหล่านั้น ว่าถ้าหากลืมไปได้ง่ายๆ ก็คงไม่ปกติแล้ว

ดังนั้น จึงไม่ยืดเยื้อเวลาอะไรต่อ มองไปที่ลู่อันหราน “เด็กแบบลูกก็ต้องยึดมั่นในจุดยืน อย่าไหลไปตามกระแสลม”

ลู่อันหรานเข้าใจในทันที ในเมื่อ ปกติแล้วตัวเขามักจะถูกลู่จิ้นยวนกำหนดทุกอย่างเอาไว้ให้อย่างเรียบร้อยอยู่แล้ว ตอนนี้พอตนได้มีอิสระ ก็เลยลำพองไปหน่อย

“งั้นก็ต้องดูผลงานของพ่อแล้ว”

“หืม?”

ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว “พ่อว่านะ ไม่อย่างนั้นเอาเป็นว่าพ่อจะหาสถานที่ให้ลูกไปฝึกร่างกายหน่อยเป็นไง?”

ลู่อันหรานรีบส่ายหน้าทันที “ช่างมัน ช่างมันเถอะ ผมแค่ล้อเล่น”

ต่อมาในทันทีก็ทำท่าทางราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย ตบลงไปที่บ่าของลู่จิ้นยวน “ในเมื่อผมเป็นลูกแท้ๆ ของพ่อ ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร เมื่อถึงเวลาสำคัญ แน่นอนว่าจะยังคงคอยตามพ่อไป”

กล่าวจบ ก็กอดกล่องยาแล้ววิ่งไปหาเวินหนิงทันที

เวินหนิงเดินออกมาจากห้องครัว เมื่อสักครู่เธอพึ่งสังเกตเห็นว่าริมฝีปากของเธอบวมพองขึ้นจากการกระทำอันรุนแรงของลู่จิ้นยวน อีกทั้งยังแดงช้ำเล็กน้อย ทำให้ดูเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

ดังนั้น เธอจึงอยู่ในห้องครัวไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วใช้น้ำเย็นประคบไปสักพัก จนกระทั่งมันดูไม่เป็นที่เด่นชัดแล้วจึงเดินออกมา

“อันหราน พวกเราออกไปกินข้าวข้างนอกกันเถอะ ลูกอยากจะกินอะไร”

ลู่อันหรานส่ายหน้า “ผมไม่หิว เมื่อกี้ผมพึ่งจะกินไปแล้ว ผมทายาให้แม่ก่อนนะ”

เวินหนิงไม่ได้ปฏิเสธความปราถนาดีของเจ้าตัวน้อย จึงนั่งลงไป

ลู่อันหรานเดินเข้าไปหา แล้วหยิบยาออกมา ตั้งแต่เด็กเขาก็เป็นคนฉลาด รู้จักตัวอักษรหลายตัวแล้ว และไม่ได้ให้ผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือก็สามารถหาของที่ตนเองต้องการเจอได้

“อันนี้ใช่ไหมฮะ?”

ลู่อันหรานหยิบยาสำหรับทาแผลลวกพุพองขึ้นมา เวินหนิงจึงพยักหน้า “อื้ม ใช่แล้ว อันหรานฉลาดมากเลยลูก”

ลู่อันหรานพยักหน้า ดีใจกับคำชมนี้มาก หลังจากนั้นก็บีบยาออกมาเล็กน้อยแล้วทาลงไปบนแผลของเวินหนิง

เพียงแต่ว่า เขาก็เป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆ มือที่ทายานั้นไม่ได้ผ่อนแรงลงเลย ไปโดนแผลที่โดนลวกบนนิ้วมือของเวินหนิงเข้า เธอก็รู้สึกเจ็บจนเผลอขมวดคิ้ว แต่ก็ยังคงอดกลั้นมันเอาไว้ได้

ก็ในเมื่อ นี่เป็นความตั้งใจของลู่อันหราน เธอไม่อยากทำให้เขาไม่มีความสุข

ลู่จิ้นยวนเห็นภาพเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา แล้วเดินเข้ามาหา “ฉันทำเองมา”

ลู่อันหรานตอนแรกก็ไม่ยินยอม แต่เมื่อคิดดูแล้ว ตอนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ จำเป็นที่จะต้องดึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่ให้ใกล้กันมากขึ้น ก็เตรียมที่จะเขยิบที่นั่งของตนเองออกไป

เพียงแต่ว่า เวินหนิงกลับพูดตัดบทเขาขึ้นมาอย่าวงรวดเร็ว “ไม่ต้อง อันหราน ลูกทำเถอะ”

เธอในตอนนี้ ไม่อยากที่จะมีความสัมพันธ์ที่จะต้องเกี่ยวข้องกันกับลู่จิ้นยวนโดยไม่จำเป็น

ลู่จิ้นยวนนั้นได้ตัวค้างแข็งไปแล้ว ลู่อันหรานเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เข้าท่าแล้วจึงทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจ “ผมกลัวว่าจะทายาแล้วเผลอลงมือแรงไป ทำให้แม่เจ็บ ผมว่าให้พ่อมาทำแทนดีกว่า”

“ถูกต้อง”

เมื่อเห็นว่าลูกชายพูดออกไปเช่นนั้น ลู่จิ้นยวนก็พยักหน้าแสดงท่าทีราวกับว่าเห็นด้วย

เวินหนิงได้ยินลูกพูดดังว่า ก็ไม่มีทางเลือก จึงเชิดคางขึ้นเล็กน้อย แสดงความนัยออกมาว่าให้ลู่จิ้นยวนมาจัดการได้

ลู่จิ้นยวนกลับไม่ได้รู้สึกเคืองกับท่าทีที่ถูกโจมตีหรือถูกพูดเย็นชาใส่ เขาตั้งใจทายาลงบนแผลลวกพุพองบนนิ้วของเวินหนิงอย่างระมัดระวัง ตอนที่ใกล้จะทาเสร็จแล้วก็ยังเป่าลมออกไปเบาๆ หนึ่งที ไ ก็ไม่เจ็บแล้วนะ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำของฝ่ายชาย ทำให้มีเสน่ห์อันน่าดึงดูดเจือมาอยู่

เวินหนิงผงะไป แต่ต่อมาในทันทีก็รีบชักมือคืนกลับมา

เธอไม่รู้เลยว่า คนแบบนี้ก็พูดจาปลอบโยนคนอื่นแบบนี้ได้

ลู่อันหรานเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะเอามือขึ้นมาป้องปากแล้วหัวเราะออกมา

นี่มันอะไรกันเนี่ย คำพูดหวานซึ้งที่ยากจะเห็นได้จากพ่ออย่างงั้นเหรอ?

แต่ว่า ดูเหมือนจะไม่ได้ผลอะไรเลยนะ………

ไม่ออกไปกินข้าวกันเหรอ”

เวินหนิงมองดูนาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองแล้ว ถ้าจะบอกว่ากินมื้อเที่ยง แต่ก็เป็นบ่ายแก่ๆ ไปแล้ว

“อันหราน พวกเราออกไปตอนนี้กันเถอะ ลูกอยากกินอะไร

วันนี้อยากกินอะไรก็ได้ ตามใจเลย”

จริงไหม งั้นก็ดีเลย”

ลู่อันหรานได้ยินว่าจะได้ออกไปข้างนอกและกินของอะไรก็ได้ตามใจชอบ จึงรีบตามออกไปอย่างลิงโลด

เวินหนิงจูงมือเขาเดินนำอยู่ข้างหน้า และไม่ได้มีท่าทีสนใจลู่จิ้นยวนเลย ทำท่าราวกับจะไม่พาเขาออกไปด้วยอย่างไรอย่างนั้น

และยังคงเป็นลู่อันหรานที่จับสังเกตความผิดปกตินี้ได้ “พ่อไม่ไปเหรอครับ”

เวินหนิงหยุดฝีเท้าลงทันที หันไปมองลู่จิ้นยวนหนึ่งที

“พ่อเองก็เพราะว่าเป็นห่วงแม่ เลยยังไม่ได้กินอะไร”

ลู่อันหรานเลือกคำพูดออกมาได้อย่างถูกเวลา เวินหนิงเองก็รู้สึกผิดเล็กน้อย จึงไม่ได้ฟึดฟัดอะไร “งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ”

ลู่จิ้นยวนเองก็รอคอยประโยคนี้ของเธออยู่ เมื่อได้ยินแล้วจึงออกเดินตามไปอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ

ลู่อันหรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันขึ้นมาเงียบๆ ภายในใจ ยอมตกนรกเพื่อที่จะรักษาเกียรติไม่เสียหน้า แต่ก็เพราะด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลมของตนเอง ที่ได้หยิบยื่นบันไดให้พ่อ ไม่อย่างงั้นพ่อของเขาคงต้องอยู่ที่บ้านคนเดียวอย่างน่าสงสารแล้วกินเกี๊ยวที่ต้มจนเละนั้น

……….

ลู่จิ้นยวนเป็นคนขับรถ และในเวลาอันรวดเร็วก็มาถึงร้านอาหารที่ลู่อันหรานอยากจะมา

แม้จะบอกว่าเป็นร้านอาหาร แต่ก็ดูไม่เหมือนเป็นเช่นนั้น เพราะว่าเป็นถนนเส้นเล็กๆ สายหนึ่งที่คึกคักเป็นอย่างมาก มีอาหารเลิศรสจากทุกที่ในประเทศมารวมตัวกันอยู่ ดูแล้วมีมากมายหลากหลายชนิด

ลู่จิ้นยวนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

เขาไม่เคยมาทานอาหารในสถานที่แบบนี้มาก่อนเลย หรือควรจะพูดว่า ไม่มีใครคิดที่จะพาเขามาในสถานที่นี้

ลู่อันหรานกลับอยากมากินอาหารที่ถนนสายเล็กๆ ตามที่บรรดาเพื่อนร่วมชั้นเคยพูดมานานมากแล้ว ปกติแล้วลู่จิ้นยวนจะคอยเข้มงวดกับเขา เขาจึงไม่มีทางที่จะออกมาแบบนี้ได้เลย

ตอนนี้ จึงอาศัยโอกาสนี้ที่จะได้กินตามใจอยาก

“ผมอยากดื่มอันนี้ ชานมไข่มุก”

ลู่อันหรานมองดูร้านชานมที่เป็นที่นิยมในโลกออนไลน์ร้านหนึ่ง แล้วรีบดึงเวินหนิงเข้าไปทันที

เวินหนิงเองก็ทนไม่ไหวคิดที่จะพูดอะไรออกมา ในเมื่อ ลู่อันหรานยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ อยู่เธอกลัวว่าเขาจะกินไปทั่วไม่เลือก แล้วทำให้ปวดท้องเอาได้

“แม่บอกแล้วว่าจะพาผมไปกินของที่อยากกิน”

ลู่อันหรานรีบพูดประโยคที่เธอได้พูดไปเมื่อสักครู่ขึ้นมาทันที

“งั้น……..ลูกจะกินเยอะมากไม่ได้ ชิมได้ไม่กี่คำก็พอ”

เวินหนิงเองก็ไม่อยากเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ไม่รักษาในคำพูด จึงทำได้เพียงแต่ต้องพาลู่อันหรานวิ่งวุ่นไปทั่วทุกที่

เมื่อลู่อันหรานได้รับอนุญาต ก็เริ่มจากการซื้อชานมไข่มุก หลังจากนั้นก็ไปซื้อโรตียัดไส้ใส่ไข่ โอเด้ง และก็ข้าวผัดเนื้อ

สุดท้ายแล้ว เขาก็อดใจไม่ไหวหยุดลงที่หน้ารถเข็นขายเต้าหู้เหม็น

“อื้ม……กลิ่นนี้ ค่อนข้างรุนแรงเลย”

ลู่อันหรานมองดูก้อนเต้าหู้สีดำด้วยความประหลาดใจ สำหรับเจ้าสิ่งนี้แล้ว เขาเพียงแต่เคยได้ยินมา แต่ไม่เคยได้ลิ้มลองเลยสักครั้ง

“เจ้าหนู ไอ้นี่น่ะถ้าดมแล้วจะรู้สึกเหม็น แต่พอกินแล้วจะหอมนะ นี่แนะนำให้อย่างใจดีเลย”

“ผม……..”

ลู่อันหรานเองก็คิดที่อยากจะลองดู แต่ก็รู้สึกไม่กล้ากิน

“ลู่อันหราน……..”

ลู่จิ้นยวนอยู่ที่ด้านหลังของทั้งสองคน สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้ได้คืบจะเอาศอก กินอาหารขยะเข้าไปเป็นกองไปแล้ว ตอนนี้ยังคิดที่อยากจะกินของที่แปลกประหลาดแบบนี้อีกเหรอ?

“ทำไมครับ หรือว่าคุณพ่อเองก็อยากจะกิน”

เมื่อลู่อันหรานถูกใช้น้ำเสียงข่มขู่ ทันใดนั้นก็มีแผนร้ายผุดขึ้นมา

ฉับพลันนั้นสีหน้าของลู่จิ้นยวนก็ดำทะมึนขึ้นมา เขาไม่อยากที่จะกินอาหารที่น่ากลัวแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+