ภาพรักสีจางกลางสมุทร 189 ฉันรักเขา

Now you are reading ภาพรักสีจางกลางสมุทร Chapter 189 ฉันรักเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เธอลงเอยด้วยการยันตัวกับเตียงเพื่อลุกขึ้น เสียวเหยี่ยวิ่งเข้ามาช่วยพยุงเธอไว้ ชายคนนั้นลุกโซเซขึ้นมาจากพื้น “โอ๊ะ… พวกของเธอมาช่วยแล้วสินะ… น่าเสียดาย… แต่ว่าเรื่องมันยังไม่จบหรอกนะ เดี๋ยวคนของฉันก็จะมาถึงแล้ว”

 

 

เสียวเหยี่ยว่าขึ้น “ฉันไม่ต้องใช้เวลาในการกำจัดพวกแกนานขนาดนั้นหรอก”

 

 

เธอประคองตัวยืนขึ้นและพิงตัวเกาะเสียวเหยี่ยไว้ รู้สึกเวียนหัวในขณะที่ใบหน้าซีดเซียวลง เธอต้องจับแขนของอีกฝ่ายไว้เพื่อพยุงตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยหวังว่าจะมีเรี่ยวแรงที่จะคงสติของตัวเองเอาไว้

 

 

เสียวเหยี่ยคงจะรู้สึกถึงแรงจับของเธอจึงหันมามอง “พี่ลิน่า ไม่ต้องเป็นห่วง เชื่อใจผมได้เลย พี่พักก่อนเถอะ”

 

 

ฝ่ายตรงข้ามคว้ามีดมาจากที่ไหนสักแห่งและพุ่งเข้าไปหาพวกเขา เสียวเหยี่ยยังคงพูดกับเธออย่างไม่ได้ระวังตัวด้วยความด้อยประสบการณ์ เธอผลักเขาออกไปในขณะที่กำลังคิดว่าจะรับมือกับชายตรงหน้าเหมือนอย่างที่เคยทำ

 

 

เสียวเหยี่ยหันไปมองอย่างเกรี้ยวกราดหลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น รีบกระโดดถีบชายคนนั้นจากด้านข้าง แต่เขากลับหลบได้และจับเสียวเหยี่ยกดลงบนพื้น ทั้งคู่กลิ้งไปมาบนพื้นในขณะที่ต่อสู้กัน

 

 

ทว่าเธอทนไม่ไหวอีกต่อไป ใช้เรี่ยวแรงที่หลงเหลือเพียงเล็กน้อยผลักเสียวเหยี่ยออกไป ดวงตาของเธอฉายแวววูบไหวและได้ยินเพียงเสียงหอบหนักๆ และเสียงล้มลงบนพื้นของตัวเอง

 

 

เธอนอนนิ่งลงไปกับพื้นเหมือนคนตายอีกครั้ง ท่ามกลางภาพเลือนรางดูเหมือนเธอจะเห็นนายน้อยสามมาถึง

 

 

เธอยิ้ม ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้แม้แต่ในภาพหลอนของเธอกันนะ

 

 

ซ่งเนี่ยนมู่สลบลงไปอย่างไร้ซึ่งสติหลงเหลืออยู่

 

 

เมื่อเธอฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล รู้สึกว่ามันคงเป็นภาพหลอนของตัวเองเช่นกัน คนอย่างเธอจะมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้อย่างไร

 

 

เธอถูกทิ้งให้กองอยู่บนพื้นเพียงลำพังในบ้านหลังเล็กๆ ที่มืดมิด แม้แต่ตอนที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสตอนอายุสิบสอง อวัยวะภายในของเธอบอบช้ำและแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

 

 

เปลือกตาของเธอกะพริบขึ้นลงไม่กี่ครั้งก่อนที่เธอจะกัดลิ้นตัวเอง ตอนนั้นเองที่เธอรู้ว่าไม่ใช่ภาพหลอน กลิ่นยาจางๆ ที่โชยไปทั่วในอากาศเป็นเรื่องจริง

 

 

“ฟื้นแล้วเหรอ”

 

 

เธอมองไปทางด้านข้างและเห็นนายน้อยสามที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเธอตัวเป็นๆ

 

 

“สิ่งที่เกิดขึ้นกับจางลี่ที่นั่นถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว” น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งและเฉยชา

 

 

จากนั้นซ่งเนี่ยนมู่จึงนึกขึ้นได้ว่าจางลี่คือชายร่างท้วมที่อยู่ที่โรงแรม เธอลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล อาการเวียนศีรษะยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง “ผ่านมานานเท่าไหร่แล้วคะ”

 

 

“เธอสลบไปสองวัน”

 

 

ท่าทีของเธอเรียบเฉยและพิงตัวกับกำแพง สายตาก้มมองผ้าห่มสีขาวบนตัว ก่อนเอ่ยขึ้นหลังจากนั้นครู่ใหญ่ “ฉันขอโทษค่ะ… ที่ทำเสียแผน”

 

 

เธอกล่าวเสริม “ฉันไม่น่าดื่มน้ำแก้วนั้น”

 

 

อีกฝ่ายฮึมฮัมขึ้น “ฉันไม่ได้บอกก่อนหน้านี้ว่าไม่ให้ดื่มน้ำที่คนอื่นยื่นให้เธอเหรอ”

 

 

เธอไม่ได้พูดแก้ตัวใดๆ “ฉันขอโทษค่ะ… ฉันจะไม่ทำอีก”

 

 

“เธอหิวน้ำเหรอ”

 

 

เธอก้มหน้าและนิ่งเงียบ

 

 

“ครั้งต่อไปถ้าเธอหิวน้ำจำไว้ว่าให้ดื่มน้ำที่เธอเติมเอง และอย่าทำแผนพังเวลาทำภารกิจอยู่อีก!” เขากัดฟันพูดขึ้นอย่างเย็นชา

 

 

“เข้าใจแล้วค่ะ” เธอพยักหน้ารับคำของเขา

 

 

นายน้อยสามลุกขึ้นและก้าวไปทางประตู ก่อนที่เขาจะเดินออกไปเขาหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูและว่าขึ้นทั้งยังหันหลังให้เธอ “เธออยู่ที่นี่มาเจ็ดปีแล้ว ฉันไม่อยากกลับไปสั่งสอนเธอเรื่องพื้นฐานหรอกนะ”

 

 

หลังจากเขาจากไป เธอก้มมองมือของตัวเองและจ้องมองไปที่จุดหนึ่งเนิ่นนาน ก่อนจะค่อยๆ ได้สติกลับมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่หล่นร่วงลงมา

 

 

เธออยู่ที่นี่มาเจ็ดปีแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอก็ไม่เคยเสียน้ำตาแม้สักหยด ทว่าในวันนี้เธอร้องไห้ออกมาเพียงเพราะถูกเขาต่อว่าไม่กี่คำเช่นนี้

 

 

เมื่อครุ่นคิดแล้วอาจเพราะว่าเธอรักเขามากเกินไปก็เป็นได้

 

 

มีคนอีกมากมายบนโลกใบนี้ที่ทำให้ตัวเองทุกข์ทรมานเพราะพวกเขารักใครบางคนมากเกินไปเหมือนเช่นเธอในตอนนี้

 

 

พวกเขาบางคนอาจค่อยๆ เปลี่ยนไปเพราะได้แลกเปลี่ยนความรู้สึกกับคนอื่น ความรู้สึกที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความสุขสันต์เปรมปรีดิ์ ทว่าเธอกลับรู้สึกว่าเธอไม่มีทางเหมือนพวกเขาเหล่านั้นและคงต้องถูกกักขังในห้วงความทุกข์ทรมานนี้ไปตลอดชีวิต

 

 

นายน้อยสามช่ำชองในการให้ความหวังกับผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาเขา ในตอนที่เธอรู้ว่าตัวเองตกหลุมรักเขาก็รู้ว่าเรื่องระหว่างพวกเขาสองคนไม่มีทางเป็นไปได้

 

 

เสียวเหยี่ยเข้ามาหลังจากที่นายน้อยสามออกไปไม่นาน เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่งยิ้มมาให้ในขณะที่เดินเข้ามาหา มือที่พันแผลไว้ยังถูกห้อยไว้กับแถบผ้าที่คล้องคออยู่

 

 

ในตอนนั้นเธอกำลังยืนพิงหน้าต่าง สายตามองไปยังทิวทัศน์ด้านนอก

 

 

“ขอบใจที่ช่วยฉันไว้วันนั้น” เธอขอบคุณที่เขามาช่วยเธอไว้ได้ทันเวลา

 

 

อีกฝ่ายเกาศีรษะและเอาแต่ยิ้มมาให้ขณะที่จ้องมองมาที่เธอ ท่าทางดูละอายเล็กน้อย “วันนั้นผมไม่ได้ทำอะไรมากเลยครับ เป็นนายน้อยสามที่เข้ามาจัดการกับเขาหลังจากนั้น”

 

 

เธอมุ่นหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนักก่อนมองไปที่เขา

 

 

เขาอธิบาย “วันนั้นตอนที่พี่สลบไปแล้วนายน้อยสามก็เข้ามาพอดี เขาทุ่มตัวผู้ชายคนนั้นเข้าใส่กำแพงและซ้อมเขาจนเกือบตายตอนที่เห็นพี่นอนนิ่งอยู่บนพื้น ระหว่างทางจะไปถึงที่นั่นเขายังจัดการลูกน้องที่ชายคนนั้นเรียกมาทั้งหมดและส่งพี่มารักษาที่โรงพยาบาล”

 

 

คำพูดของเสียวเหยี่ยทำให้เธออึ้งไป “เธอกำลังจะบอกว่า… นายน้อยสามซ้อมเขาด้วยตัวเองเหรอ”

 

 

“ใช่ครับ” อีกฝ่ายตอบ “ตอนแรกผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน ผมอยู่ที่นี่มานานแต่ก็ไม่เคยเห็นเขาลงมือด้วยตัวเองเลยสักครั้ง ทีแรกผมยังคิดว่าเขาต่อสู้ไม่เป็นด้วยซ้ำ”

 

 

เมื่อได้ยินที่เขาพูดเธอก็นิ่งเงียบไป คิดมาตลอดว่าที่เห็นนายน้อยสามก่อนที่เธอจะหมดสติไปเป็นเพียงสิ่งที่คิดไปเอง ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่เขาจะเข้ามาช่วยเธอจริงๆ

 

 

ในที่สุดเสียวเหยี่ยที่เห็นเธอก้มหน้าครุ่นคิดและดูท่าทางอัดอั้นตันใจก็เอ่ยถาม “พี่ลิน่า… พี่ชอบนายน้อยสามใช่ไหมครับ”

 

 

คนถูกถามจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย

 

 

“ทุกครั้งที่เขาจองโรงแรมเพื่อไปกับผู้หญิงพวกนั้น ผมเห็นพี่เอาแต่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ แม้ว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็น… แต่ผมก็รู้สึกได้ว่า… พี่ดูเศร้า”

 

 

คนอื่นๆ ทำตัวอย่างไรเมื่อความลับของพวกเขาถูกเปิดเผยกัน เธอควรจะยืนกรานปฏิเสธหรือเถียงกลับเสียงแข็งไม่ใช่หรือ ทว่าเธอกลับมีท่าทีเฉยชา

 

 

เมื่อเห็นว่าเธอยังคงนิ่งเงียบ เขาก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อยและยกมือขึ้นเกาจมูก “ผมขอโทษ… ผมพูดมากเกินไปแล้วใช่ไหม”

 

 

เธอกล่าวออกมาในท้ายที่สุด “เธอรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

“น่าจะสักช่วงปีก่อนมั้งครับ” เขาถามกลับ “พี่ได้บอกเขาหรือเปล่าครับ”

 

 

“เธออยากให้ฉันตายเหรอ” เธอยิ้ม

 

 

เขาตกใจเล็กน้อย “มันคงไม่ใช่เรื่องจริงจังขนาดนั้นมั้งครับ”

 

 

“เขาไม่เคยปล่อยให้คนรอบตัวมีความคิดเป็นอื่นกับเขา ฉันเคยเห็นพวกผู้หญิงที่เขาเคยยุ่งเกี่ยวด้วย ไม่มีใครที่ลงเอยด้วยดีสักคน” เธอยิ้มขึ้นอย่างสิ้นหวัง “ฉันไม่อยากเป็นหนึ่งในพวกหล่อนหรอกนะ”

 

 

“แล้วถ้าหากว่า… นายน้อยสามก็คิดว่าพี่เป็นคนพิเศษเหมือนกันล่ะครับ”

 

 

เธอส่ายศีรษะ “ไม่มีทางหรอก… ให้เชื่อว่าเขาจะปล่อยฉันไปสักวันยังจะเป็นไปได้มากกว่าให้เชื่อแบบนั้นอีก”

 

 

จู่ๆ เธอก็รู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายที่ไม่เคยได้สัมผัสก่อนที่ความลับของเธอจะถูกเปิดเผย เธอเก็บงำความลับนี้ไว้เพียงลำพังมานานหลายปีและไม่มีใครพูดถึงมันมาก่อน ยังเคยคิดว่าหากพูดมันออกไปคงต้องเกิดเรื่องใหญ่กับเธอแน่ แต่ในตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองสามารถพูดถึงเรื่องนี้ด้วยท่าทีผ่อนคลายเช่นนี้ได้

 

 

“ถ้าอย่างนั้นพี่จะอยู่… แบบนี้ต่อไปเหรอครับ”

 

 

“ไม่หรอก” เธอไม่ได้พูดอีกครึ่งประโยคที่เหลือออกไป ประโยคที่ว่าขอเวลาฉันอีกหน่อย

 

 

เพียงขอเวลาอีกสักหน่อย เดี๋ยวฉันก็คงสามารถกลบฝังความคิดนี้ได้เอง

 

 

นายน้อยสามจะไม่มีทางรู้เรื่องนี้ เธอต้องรีบกำจัดมันก่อนที่เขาจะรู้เรื่องนี้

 

 

เสียวเหยี่ยรับปากกับเธอว่าจะไม่ทำให้เขารู้เรื่องนี้ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไร หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล เธอก็กลับมาทำงานให้กับนายน้อยสาม ดูเหมือนชีวิตของเธอจะกลับมาเป็นปกติอย่างที่เคยเป็นมา

 

 

ทว่าในที่สุดบางสิ่งก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากที่เธอเล่าทุกอย่างให้เสียวเหยี่ยฟัง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดูจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น อีกฝ่ายชอบเข้ามาคุยกับเธอมากขึ้น หลังจากที่ทำภารกิจที่ถูกมอบหมายเสร็จเรียบร้อย เขาก็มักจะมาอยู่กับเธอเสมอและพูดคุยไม่หยุด สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสุขซึ่งเธอไม่รู้ว่ามีที่มาจากไหน

 

 

หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล ดูเหมือนรอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าของเธอบ่อยขึ้น เธอชอบที่จะพูดคุยกับเสียวเหยี่ย แม้ว่าจะไม่ได้เป็นฝ่ายพูดนักแต่ก็เพลิดเพลินกับการฟังเขาพูดในขณะที่ทำงานของตัวเอง

 

 

ตอนแรกเธอวางเสียวเหยี่ยไว้ในฐานะน้องชายคนหนึ่ง แม้ว่าเธอจะไม่เคยมีสักคนก็ตามแต่ก็รู้สึกว่าหากมีน้องชายสักคนเขาคงต้องเป็นเหมือนเสียวเหยี่ยแน่ เธอมั่นใจ

 

 

ผู้คนรอบข้างต่างสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ เธอรู้ดีว่าพวกเขาคงกำลังพูดถึงเรื่องนี้กันไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม ตัวเธอเองไม่ได้สนใจนักและไม่คิดจะเอ่ยแก้ตัวใดๆ คนคงคิดไปไกลมากกว่าเดิมหากเธอทำเช่นนั้น

 

 

และเธอก็ไม่ได้คาดคิดว่าวันหนึ่งนายน้อยสามจะมาถามเธอว่ากำลังคบหากับเสียวเหยี่ยอยู่เหรอ เขาบอกให้เธอจบความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายให้เร็วที่สุดหากพวกเขาคบกันจริงๆ เธออดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าเธอคบหากับใครสักคนจริงๆ เขาจะพูดเช่นนี้และทำลายความสัมพันธ์ที่เธอมีกับคนรอบตัวหรือไม่

 

 

หรือเขาหวังให้เธอเป็นเพียงนักฆ่าผู้เลือดเย็นที่ใช้ความสวยในการล่อลวงหัวใจของผู้ที่พบเห็น เหมือนกับเธอเป็นเพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งที่ไม่มีชีวิตจิตใจ

 

 

เธอไม่สามารถอดกลั้นความต้องการของตัวเองและเอ่ยถามเขาออกไปเป็นครั้งแรก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ภาพรักสีจางกลางสมุทร 189 ฉันรักเขา

Now you are reading ภาพรักสีจางกลางสมุทร Chapter 189 ฉันรักเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เธอลงเอยด้วยการยันตัวกับเตียงเพื่อลุกขึ้น เสียวเหยี่ยวิ่งเข้ามาช่วยพยุงเธอไว้ ชายคนนั้นลุกโซเซขึ้นมาจากพื้น “โอ๊ะ… พวกของเธอมาช่วยแล้วสินะ… น่าเสียดาย… แต่ว่าเรื่องมันยังไม่จบหรอกนะ เดี๋ยวคนของฉันก็จะมาถึงแล้ว”

 

 

เสียวเหยี่ยว่าขึ้น “ฉันไม่ต้องใช้เวลาในการกำจัดพวกแกนานขนาดนั้นหรอก”

 

 

เธอประคองตัวยืนขึ้นและพิงตัวเกาะเสียวเหยี่ยไว้ รู้สึกเวียนหัวในขณะที่ใบหน้าซีดเซียวลง เธอต้องจับแขนของอีกฝ่ายไว้เพื่อพยุงตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยหวังว่าจะมีเรี่ยวแรงที่จะคงสติของตัวเองเอาไว้

 

 

เสียวเหยี่ยคงจะรู้สึกถึงแรงจับของเธอจึงหันมามอง “พี่ลิน่า ไม่ต้องเป็นห่วง เชื่อใจผมได้เลย พี่พักก่อนเถอะ”

 

 

ฝ่ายตรงข้ามคว้ามีดมาจากที่ไหนสักแห่งและพุ่งเข้าไปหาพวกเขา เสียวเหยี่ยยังคงพูดกับเธออย่างไม่ได้ระวังตัวด้วยความด้อยประสบการณ์ เธอผลักเขาออกไปในขณะที่กำลังคิดว่าจะรับมือกับชายตรงหน้าเหมือนอย่างที่เคยทำ

 

 

เสียวเหยี่ยหันไปมองอย่างเกรี้ยวกราดหลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น รีบกระโดดถีบชายคนนั้นจากด้านข้าง แต่เขากลับหลบได้และจับเสียวเหยี่ยกดลงบนพื้น ทั้งคู่กลิ้งไปมาบนพื้นในขณะที่ต่อสู้กัน

 

 

ทว่าเธอทนไม่ไหวอีกต่อไป ใช้เรี่ยวแรงที่หลงเหลือเพียงเล็กน้อยผลักเสียวเหยี่ยออกไป ดวงตาของเธอฉายแวววูบไหวและได้ยินเพียงเสียงหอบหนักๆ และเสียงล้มลงบนพื้นของตัวเอง

 

 

เธอนอนนิ่งลงไปกับพื้นเหมือนคนตายอีกครั้ง ท่ามกลางภาพเลือนรางดูเหมือนเธอจะเห็นนายน้อยสามมาถึง

 

 

เธอยิ้ม ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้แม้แต่ในภาพหลอนของเธอกันนะ

 

 

ซ่งเนี่ยนมู่สลบลงไปอย่างไร้ซึ่งสติหลงเหลืออยู่

 

 

เมื่อเธอฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล รู้สึกว่ามันคงเป็นภาพหลอนของตัวเองเช่นกัน คนอย่างเธอจะมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้อย่างไร

 

 

เธอถูกทิ้งให้กองอยู่บนพื้นเพียงลำพังในบ้านหลังเล็กๆ ที่มืดมิด แม้แต่ตอนที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสตอนอายุสิบสอง อวัยวะภายในของเธอบอบช้ำและแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

 

 

เปลือกตาของเธอกะพริบขึ้นลงไม่กี่ครั้งก่อนที่เธอจะกัดลิ้นตัวเอง ตอนนั้นเองที่เธอรู้ว่าไม่ใช่ภาพหลอน กลิ่นยาจางๆ ที่โชยไปทั่วในอากาศเป็นเรื่องจริง

 

 

“ฟื้นแล้วเหรอ”

 

 

เธอมองไปทางด้านข้างและเห็นนายน้อยสามที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเธอตัวเป็นๆ

 

 

“สิ่งที่เกิดขึ้นกับจางลี่ที่นั่นถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว” น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งและเฉยชา

 

 

จากนั้นซ่งเนี่ยนมู่จึงนึกขึ้นได้ว่าจางลี่คือชายร่างท้วมที่อยู่ที่โรงแรม เธอลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล อาการเวียนศีรษะยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง “ผ่านมานานเท่าไหร่แล้วคะ”

 

 

“เธอสลบไปสองวัน”

 

 

ท่าทีของเธอเรียบเฉยและพิงตัวกับกำแพง สายตาก้มมองผ้าห่มสีขาวบนตัว ก่อนเอ่ยขึ้นหลังจากนั้นครู่ใหญ่ “ฉันขอโทษค่ะ… ที่ทำเสียแผน”

 

 

เธอกล่าวเสริม “ฉันไม่น่าดื่มน้ำแก้วนั้น”

 

 

อีกฝ่ายฮึมฮัมขึ้น “ฉันไม่ได้บอกก่อนหน้านี้ว่าไม่ให้ดื่มน้ำที่คนอื่นยื่นให้เธอเหรอ”

 

 

เธอไม่ได้พูดแก้ตัวใดๆ “ฉันขอโทษค่ะ… ฉันจะไม่ทำอีก”

 

 

“เธอหิวน้ำเหรอ”

 

 

เธอก้มหน้าและนิ่งเงียบ

 

 

“ครั้งต่อไปถ้าเธอหิวน้ำจำไว้ว่าให้ดื่มน้ำที่เธอเติมเอง และอย่าทำแผนพังเวลาทำภารกิจอยู่อีก!” เขากัดฟันพูดขึ้นอย่างเย็นชา

 

 

“เข้าใจแล้วค่ะ” เธอพยักหน้ารับคำของเขา

 

 

นายน้อยสามลุกขึ้นและก้าวไปทางประตู ก่อนที่เขาจะเดินออกไปเขาหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูและว่าขึ้นทั้งยังหันหลังให้เธอ “เธออยู่ที่นี่มาเจ็ดปีแล้ว ฉันไม่อยากกลับไปสั่งสอนเธอเรื่องพื้นฐานหรอกนะ”

 

 

หลังจากเขาจากไป เธอก้มมองมือของตัวเองและจ้องมองไปที่จุดหนึ่งเนิ่นนาน ก่อนจะค่อยๆ ได้สติกลับมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่หล่นร่วงลงมา

 

 

เธออยู่ที่นี่มาเจ็ดปีแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอก็ไม่เคยเสียน้ำตาแม้สักหยด ทว่าในวันนี้เธอร้องไห้ออกมาเพียงเพราะถูกเขาต่อว่าไม่กี่คำเช่นนี้

 

 

เมื่อครุ่นคิดแล้วอาจเพราะว่าเธอรักเขามากเกินไปก็เป็นได้

 

 

มีคนอีกมากมายบนโลกใบนี้ที่ทำให้ตัวเองทุกข์ทรมานเพราะพวกเขารักใครบางคนมากเกินไปเหมือนเช่นเธอในตอนนี้

 

 

พวกเขาบางคนอาจค่อยๆ เปลี่ยนไปเพราะได้แลกเปลี่ยนความรู้สึกกับคนอื่น ความรู้สึกที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความสุขสันต์เปรมปรีดิ์ ทว่าเธอกลับรู้สึกว่าเธอไม่มีทางเหมือนพวกเขาเหล่านั้นและคงต้องถูกกักขังในห้วงความทุกข์ทรมานนี้ไปตลอดชีวิต

 

 

นายน้อยสามช่ำชองในการให้ความหวังกับผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาเขา ในตอนที่เธอรู้ว่าตัวเองตกหลุมรักเขาก็รู้ว่าเรื่องระหว่างพวกเขาสองคนไม่มีทางเป็นไปได้

 

 

เสียวเหยี่ยเข้ามาหลังจากที่นายน้อยสามออกไปไม่นาน เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่งยิ้มมาให้ในขณะที่เดินเข้ามาหา มือที่พันแผลไว้ยังถูกห้อยไว้กับแถบผ้าที่คล้องคออยู่

 

 

ในตอนนั้นเธอกำลังยืนพิงหน้าต่าง สายตามองไปยังทิวทัศน์ด้านนอก

 

 

“ขอบใจที่ช่วยฉันไว้วันนั้น” เธอขอบคุณที่เขามาช่วยเธอไว้ได้ทันเวลา

 

 

อีกฝ่ายเกาศีรษะและเอาแต่ยิ้มมาให้ขณะที่จ้องมองมาที่เธอ ท่าทางดูละอายเล็กน้อย “วันนั้นผมไม่ได้ทำอะไรมากเลยครับ เป็นนายน้อยสามที่เข้ามาจัดการกับเขาหลังจากนั้น”

 

 

เธอมุ่นหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนักก่อนมองไปที่เขา

 

 

เขาอธิบาย “วันนั้นตอนที่พี่สลบไปแล้วนายน้อยสามก็เข้ามาพอดี เขาทุ่มตัวผู้ชายคนนั้นเข้าใส่กำแพงและซ้อมเขาจนเกือบตายตอนที่เห็นพี่นอนนิ่งอยู่บนพื้น ระหว่างทางจะไปถึงที่นั่นเขายังจัดการลูกน้องที่ชายคนนั้นเรียกมาทั้งหมดและส่งพี่มารักษาที่โรงพยาบาล”

 

 

คำพูดของเสียวเหยี่ยทำให้เธออึ้งไป “เธอกำลังจะบอกว่า… นายน้อยสามซ้อมเขาด้วยตัวเองเหรอ”

 

 

“ใช่ครับ” อีกฝ่ายตอบ “ตอนแรกผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน ผมอยู่ที่นี่มานานแต่ก็ไม่เคยเห็นเขาลงมือด้วยตัวเองเลยสักครั้ง ทีแรกผมยังคิดว่าเขาต่อสู้ไม่เป็นด้วยซ้ำ”

 

 

เมื่อได้ยินที่เขาพูดเธอก็นิ่งเงียบไป คิดมาตลอดว่าที่เห็นนายน้อยสามก่อนที่เธอจะหมดสติไปเป็นเพียงสิ่งที่คิดไปเอง ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่เขาจะเข้ามาช่วยเธอจริงๆ

 

 

ในที่สุดเสียวเหยี่ยที่เห็นเธอก้มหน้าครุ่นคิดและดูท่าทางอัดอั้นตันใจก็เอ่ยถาม “พี่ลิน่า… พี่ชอบนายน้อยสามใช่ไหมครับ”

 

 

คนถูกถามจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย

 

 

“ทุกครั้งที่เขาจองโรงแรมเพื่อไปกับผู้หญิงพวกนั้น ผมเห็นพี่เอาแต่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ แม้ว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็น… แต่ผมก็รู้สึกได้ว่า… พี่ดูเศร้า”

 

 

คนอื่นๆ ทำตัวอย่างไรเมื่อความลับของพวกเขาถูกเปิดเผยกัน เธอควรจะยืนกรานปฏิเสธหรือเถียงกลับเสียงแข็งไม่ใช่หรือ ทว่าเธอกลับมีท่าทีเฉยชา

 

 

เมื่อเห็นว่าเธอยังคงนิ่งเงียบ เขาก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อยและยกมือขึ้นเกาจมูก “ผมขอโทษ… ผมพูดมากเกินไปแล้วใช่ไหม”

 

 

เธอกล่าวออกมาในท้ายที่สุด “เธอรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

“น่าจะสักช่วงปีก่อนมั้งครับ” เขาถามกลับ “พี่ได้บอกเขาหรือเปล่าครับ”

 

 

“เธออยากให้ฉันตายเหรอ” เธอยิ้ม

 

 

เขาตกใจเล็กน้อย “มันคงไม่ใช่เรื่องจริงจังขนาดนั้นมั้งครับ”

 

 

“เขาไม่เคยปล่อยให้คนรอบตัวมีความคิดเป็นอื่นกับเขา ฉันเคยเห็นพวกผู้หญิงที่เขาเคยยุ่งเกี่ยวด้วย ไม่มีใครที่ลงเอยด้วยดีสักคน” เธอยิ้มขึ้นอย่างสิ้นหวัง “ฉันไม่อยากเป็นหนึ่งในพวกหล่อนหรอกนะ”

 

 

“แล้วถ้าหากว่า… นายน้อยสามก็คิดว่าพี่เป็นคนพิเศษเหมือนกันล่ะครับ”

 

 

เธอส่ายศีรษะ “ไม่มีทางหรอก… ให้เชื่อว่าเขาจะปล่อยฉันไปสักวันยังจะเป็นไปได้มากกว่าให้เชื่อแบบนั้นอีก”

 

 

จู่ๆ เธอก็รู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายที่ไม่เคยได้สัมผัสก่อนที่ความลับของเธอจะถูกเปิดเผย เธอเก็บงำความลับนี้ไว้เพียงลำพังมานานหลายปีและไม่มีใครพูดถึงมันมาก่อน ยังเคยคิดว่าหากพูดมันออกไปคงต้องเกิดเรื่องใหญ่กับเธอแน่ แต่ในตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองสามารถพูดถึงเรื่องนี้ด้วยท่าทีผ่อนคลายเช่นนี้ได้

 

 

“ถ้าอย่างนั้นพี่จะอยู่… แบบนี้ต่อไปเหรอครับ”

 

 

“ไม่หรอก” เธอไม่ได้พูดอีกครึ่งประโยคที่เหลือออกไป ประโยคที่ว่าขอเวลาฉันอีกหน่อย

 

 

เพียงขอเวลาอีกสักหน่อย เดี๋ยวฉันก็คงสามารถกลบฝังความคิดนี้ได้เอง

 

 

นายน้อยสามจะไม่มีทางรู้เรื่องนี้ เธอต้องรีบกำจัดมันก่อนที่เขาจะรู้เรื่องนี้

 

 

เสียวเหยี่ยรับปากกับเธอว่าจะไม่ทำให้เขารู้เรื่องนี้ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไร หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล เธอก็กลับมาทำงานให้กับนายน้อยสาม ดูเหมือนชีวิตของเธอจะกลับมาเป็นปกติอย่างที่เคยเป็นมา

 

 

ทว่าในที่สุดบางสิ่งก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากที่เธอเล่าทุกอย่างให้เสียวเหยี่ยฟัง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดูจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น อีกฝ่ายชอบเข้ามาคุยกับเธอมากขึ้น หลังจากที่ทำภารกิจที่ถูกมอบหมายเสร็จเรียบร้อย เขาก็มักจะมาอยู่กับเธอเสมอและพูดคุยไม่หยุด สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสุขซึ่งเธอไม่รู้ว่ามีที่มาจากไหน

 

 

หลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล ดูเหมือนรอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าของเธอบ่อยขึ้น เธอชอบที่จะพูดคุยกับเสียวเหยี่ย แม้ว่าจะไม่ได้เป็นฝ่ายพูดนักแต่ก็เพลิดเพลินกับการฟังเขาพูดในขณะที่ทำงานของตัวเอง

 

 

ตอนแรกเธอวางเสียวเหยี่ยไว้ในฐานะน้องชายคนหนึ่ง แม้ว่าเธอจะไม่เคยมีสักคนก็ตามแต่ก็รู้สึกว่าหากมีน้องชายสักคนเขาคงต้องเป็นเหมือนเสียวเหยี่ยแน่ เธอมั่นใจ

 

 

ผู้คนรอบข้างต่างสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ เธอรู้ดีว่าพวกเขาคงกำลังพูดถึงเรื่องนี้กันไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม ตัวเธอเองไม่ได้สนใจนักและไม่คิดจะเอ่ยแก้ตัวใดๆ คนคงคิดไปไกลมากกว่าเดิมหากเธอทำเช่นนั้น

 

 

และเธอก็ไม่ได้คาดคิดว่าวันหนึ่งนายน้อยสามจะมาถามเธอว่ากำลังคบหากับเสียวเหยี่ยอยู่เหรอ เขาบอกให้เธอจบความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายให้เร็วที่สุดหากพวกเขาคบกันจริงๆ เธออดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าเธอคบหากับใครสักคนจริงๆ เขาจะพูดเช่นนี้และทำลายความสัมพันธ์ที่เธอมีกับคนรอบตัวหรือไม่

 

 

หรือเขาหวังให้เธอเป็นเพียงนักฆ่าผู้เลือดเย็นที่ใช้ความสวยในการล่อลวงหัวใจของผู้ที่พบเห็น เหมือนกับเธอเป็นเพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งที่ไม่มีชีวิตจิตใจ

 

 

เธอไม่สามารถอดกลั้นความต้องการของตัวเองและเอ่ยถามเขาออกไปเป็นครั้งแรก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+