หมอผีแม่ลูกติด 221 เตรียมการล่วงหน้า

Now you are reading หมอผีแม่ลูกติด Chapter 221 เตรียมการล่วงหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 221

เตรียมการล่วงหน้า

ถึงแม้ว่าจะไม่ปรากฏบนสีหน้าของเขา แต่ในใจของ เชียนอี้นั้นก็ได้ยกนิ้วโป้งให้นายท่านของเขา

บุตรีคนที่ห้าบ้านมหาเสนาบดีนั้นเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าองค์ชายในรัฐเจียง

แล้วในเวลานี้เขาก็ได้ปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของฮ่องเต้หลี ถ้าหากว่าเขาอยากที่จะแต่งงานกับนางแล้วล่ะก็ อยากจะรู้ว่าจะมีเรื่องที่น่าสนุกเกิดขึ้นสักกี่เรื่องกันนะ

หลินซีเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้มองไปที่สีหน้าของทั้งสองคน แล้วดวงตาหงส์ไฟของนางก็ได้จ้องมาอย่างครุ่นคิด

“ข้าจะไปลงมือเดี๋ยวนี้ขอรับ” ไม่นานนักเชียนอี้ก็ได้ขานรับคำสั่งและถอนตัวออกไป

ส่วนเจียงหวายเย่ก็ได้เดินไปหาหลินซีเหยียนด้วยสีหน้าที่ยินดี แล้วที่มุมปากของเขาก็ได้ยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “เสี่ยวเหยียนเอ๋อจะไม่ถามเปิ่นหวางหน่อยเหรอว่า ทำไมเปิ่นหวางถึงได้มีความสุขนัก?”

“ท่านบอกข้าโดยไม่ถามไม่ได้เหรอ?”

“แน่นอน” เขารู้ดีว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นกำลังหยอกเขาอยู่ เจียงหวายเย่ก็ได้เต็มใจให้หยอกแล้วกล่าว “ฮ่องเต้จากรัฐหลีนามหลีเจี้ยนเฉินนั้น จะมาที่รัฐเจียงในเร็วๆนี้”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ท่านมีความสุขด้วย?” หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วแล้วมองดูราวกับกำลังนินทากัน “หรือว่าที่ฮ่องเต้หลีมาที่เจียงก็เพราะมีเหตุผลบางอย่าง?”

เป็นยิ่งกว่าคำถาม เกือบจะเข้าเป้าเลยทีเดียว!แล้วก็มีแววตาชั่วร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำของเขา แล้วเจียงหวายก็ได้ทำเสียงในลำคอ “หึ เขามาที่นี่เพื่อต่อคิวแต่งงานน้องห้าของเจ้า

“ข้าไม่นึกเลยว่าน้องห้าของข้านั้นจะมีวาสนาเช่นนี้”

นางเคยได้ยินเรื่องของฮ่องเต้ของรัฐหลีมาบ้าง ได้ยินมาว่าเขานั้นเป็นคนที่มีความสามารถและมีความคิดที่ไม่เหมือนใคร แต่ก็แย่นิดหน่อยที่การแต่งงานของเขานั้นไม่ได้อิสระนัก ซึ่งจะต้องเป็นไปตามนิมิตของหัวหน้านักบวช

แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ น้องห้าแค่ในนามของนางนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรนางเลย

นางจึงได้ยืนนิ่งๆด้วยความยินดี

นางหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรตามมาหลังจากที่นางแต่งงานและไปอยู่ที่รัฐหลีแล้ว

ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เจียงหวายเย่ก็ได้ครุ่นคิดกับคำพูดของหลินซีเหยียนที่พูดออกมาโดยไม่ได้คิด

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ การแต่งงานกับฮ่องเต้หลีนั้นข้าว่าไม่ใช่โชคดีหรอก มันเป็นโชคร้ายมากกว่า เพราะไม่มีทางที่จะเอาชนะความคิดของฮ่องเต้หลีได้เลย”

“องค์ชายเย่ก็คิดมากเกินไป ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!” หลินซีเหยียนก็ได้ตอบกลับไป แต่หัวใจของนางก็รู้สึกคล้อยตามเล็กน้อย นางจำต้องจัดการกับธุระของนางโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นอาจจะมีความเสี่ยงตามมาได้

ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ทั้งสองคนก็ได้เดินมาจนถึงหน้าประตูจวนมหาเสนาบดี

“ข้าจะไปที่เรือนชิงซงเพื่อไปดูองค์ชายจงเสียหน่อย ท่านกลับไปที่เรือนเชียนเหยียนก่อนเลย!”

ถึงแม้เจียงหวายเย่นั้นจะไม่อยาก แต่เขาก็จำต้องกลับไปที่เรือนก่อน

ณ เรือนชิงซง สีหน้าของจงซู่เฟิงนั้นซีดเซียวนิดหน่อย เขากำลังอ่านหนังสือและลิ้มรสชาอยู่ในสวน กำลังศึกษาอย่างสบายใจอยู่

หลังจากที่เหลือบไปเห็นหลินซีเหยียนเข้า เขาก็ได้รีบลุกขึ้นยืนแล้วผงกหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่ทราบว่าวันนี้แม่นางหลินมาพบซู่เฟิงทำไมเหรอ?”

หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มไปตามธรรมชาติ “เมื่อวานนี้ ข้าเห็นคุณชายสีหน้าซีดเซียว ด้วยความกังวลข้าจึงได้แวะมาดู”

เมื่อจงซู่เฟิงที่ได้ที่พูด เขาก็ได้ก้มหน้าลงและยิ้ม “เราขอขอบคุณแม่นางมาก”

“วันนี้คุณชายดูอาการดีมากกว่าเมื่อวานมาก ให้ ซีเหยียนตรวจอาการท่านหน่อยได้ไหม?” ไหลไปตามน้ำ หลินซีเหยียนก็ได้เสนอขอตรวจชีพจรจงซู่เฟิงอีกครั้ง

แต่ก็อย่างที่คาด จงซู่เฟิงยังคงยืนกรานปฏิเสธ

“ซู่เฟิงนั้นรู้ถึงสภาพร่างกายของตัวเองดี เราคงไม่กล้าที่จะรบกวนแม่นาง”

ในคราวนี้หลินซีเหยียนก็ไม่ได้ตื๊อจงซู่เฟิงต่อ แต่นางก็ได้จ้องไปที่เสื้อของจงซู่เฟิงแทน แล้วนางก็ได้พูดอย่างครุ่นคิด “เสื้อผ้าของคุณชายจง ทำที่รัฐจงเหรอ?”

หลังจากที่พูดจบ นางก็ได้เดินเข้าไปจงซู่เฟิงอย่างรวดเร็วเพื่อดูใกล้ๆ

การกระทำที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ทำให้หัวใจของจงซู่เฟิงนั้นแทบจะเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ในอกข้างซ้ายของเขา เขานั้นกลั้นลมหายใจแล้วจ้องมองไปที่ใบหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าเขา

มีสายลมพาดผ่านเข้ามา พัดเอาผมดุจผ้าไหมของ จงซู่เฟิงนั้นสะบัดเข้าหน้าของหลินซีเหยียน แล้วก็มีกลิ่นแปลกๆเสียดแทงเข้าจมูกของนาง

“พวกท่านกำลังทำอะไรกันน่ะ?”

หนึ่งสุภาพบุรุษ หนึ่งหญิงงาม ภาพที่สวยงามเช่นนี้กลับต้องมาถูกขัดโดยคนที่โง่เขลา

หลินเสวี่ยเหยียนยืนอยู่ที่ประตูเรือนอย่างโมโห ด้วยแรงโมโหทำให้หน้าอกของนางนั้นสั่นไหวขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง นางนั้นได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนด้วยสายตาหึงหวง

สายตาของนางจ้องมองมาราวกับว่าหลินซีเหยียนถ้าชิงเอาของบางอย่างจากนางไป

หลินซีเหยียนก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วกลับมานั่งตรงที่เดิมอีกครั้ง

มีแววตาที่มืดมนปรากฏในดวงตาของจงซู่เฟิง เขานั้นไม่เคยนึกชอบคุณหนูสามเลย เพราะอีกฝ่ายนั้นชอบทึกทักว่าตัวเขานั้นเป็นของของนาง

มองไปที่นางที่เต็มไปด้วยความต้องการที่ไม่ปิดบังตลอดเวลาแล้ว…..

ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกเบื่อหน่ายนางจากก้นบึ้งของหัวใจ

แต่บนสีหน้าของเขานั้น ก็ยังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนอยู่ “คุณหนูสามมาที่นี่ ไม่ทราบว่ามีธุระอันใดหรือเปล่า?”

หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้เดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็วราวกับหมาป่าหวงของ แล้วจับจ้องไปที่หลินซีเหยียนอยู่ตลอด

ส่วนหลินซีเหยียนที่รู้ในสิ่งที่นางต้องการที่จะรู้แล้ว จึงได้ไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ต่อแล้วลุกขึ้นยืน “เชิญทั้งสองคนคุยกันตามสบาย ข้ายังมีธุระต้องไปทำ ขอตัวก่อน”

“แม่นางหลิน!”

จงซู่เฟิงนั้นอยากที่จะให้นางอยู่ต่อ แต่หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้ฉวยโอกาสคว้าแขนของเขาเอาไว้ “ท่านพี่ซู่เฟิง ปล่อยนางไปเถอะเจ้าค่ะ เสวี่ยเหยียนจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนท่านเอง”

จงซู่เฟิงก็ได้ขมวดคิ้วแล้วจากนั้นก็ได้ออกแรงแกะใช้มืออีกข้างแกะเอามือของหลินเสวี่ยเหยียนออกจากตัวของเขาแล้วกล่าว “คุณหนูสาม ได้โปรดเคารพตัวเองด้วย”

หลินเสวี่ยเหยียนก็รู้สึกไม่ยินดีขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางนั้นรู้ตัวดีว่าตัวนางนั้นเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆและคงไม่อาจที่จะหาสามีดีๆได้ในอนาคตแน่ ในเวลานี้สวรรค์ได้มอบโอกาสที่ดีให้แก่นางแล้ว ถ้าเกิดนางสามารถคว้าองค์ชายจากรัฐจงคนนี้เอาไว้ได้ นางก็จะได้เป็นนางสนมขององค์ชายเลยทีเดียว

เคารพตัวเองแล้วยังไง? ถ้าหากนางกลัวกับคำพูดขององค์ชายแล้ว นางจะยังเสนอตัวเองอยู่ในตำแหน่งหมอนข้างของเขาได้อีกเหรอ?

จงซู่เฟิงที่เริ่มหมดความอดทนก็ไม่ได้ปิดบังอีกต่อไป แล้วเขาก็ได้พูดออกไปว่าเขารู้สึกไม่ค่อยดี จึงได้ไล่หลินเสวี่ยเหยียนให้กลับไปเพราะเขาจะนอนแล้ว

มองไปที่แผ่นหลังของหลินเสวี่ยเหยียน จงซู่เฟิงก็ได้มองดูอย่างเย็นชา “เหลยถิง หลังจากนี้ถ้านางมาที่นี่อีก ให้หาทางไล่นางกลับไปเลยนะ”

เหลยถิงก็ได้มองไปที่เจ้านายของเขาแล้วจากนั้นก็ผงกหัวตอบอย่างเข้าใจ ผู้หญิงที่ไร้สมองเช่นนี้ไม่คู่ควรกับองค์ชายของเขาแม้แต่น้อย

ณ เรือนเชียนเหยียน เจียงหวายเย่ก็ได้ตรวจดูการบ้านของเทียนเอ๋อ แล้วก็รู้สึกพึงพอใจกับการผลงานที่ออกมา เจียงหวายเย่จึงได้ตกลงที่จะสอนวิชากระบี่ให้กับเขา

“เจ้าอยากที่จะเรียนวิชากระบี่แล้ว ก่อนอื่นก็ต้องมีกระบี่ที่ดีเสียก่อน”

เมื่อพูดถึงกระบี่แล้ว เจียงหวายเย่ก็พลันนึกถึงกระบี่ที่มีพลังวิญญาณขึ้นมาได้ แล้วเขาก็ได้แกะเอากระบี่ออกมาจากเอวของเขาแล้วมองดูมันอย่างตั้งใจ ตั้งแต่ตอนที่เขาตกอยู่ในอันตรายวันนั้นแล้วกระบี่ก็มีการตอบสนอง แต่หลังจากนั้นมามันก็ได้เงียบสนิท

“ท่านอาจารย์ กระบี่ของท่านเหมือนกับของท่านแม่เลยขอรับ!” เทียนเอ๋อก็ได้ยื่นมือของเขาไปจับดูราวกับจะขอดู

นึกไม่ถึงว่ากระบี่เล่มนั้นจะมีการตอบสนองอีกครั้งและส่งคลื่นกระบี่ออกมาอย่างยินดี

หรือว่ากระบี่นั้นจะไม่ชอบตัวเขามันจึงได้ไม่ส่งเสียงออกมาเลย!

ในใจของเจียงหวายเย่นั้นก็ได้รู้สึกผิดหวังขึ้นมา

แล้วในขณะนั้นเอง หลินซีเหยียนก็ได้กลับมาแล้วกระบี่สวรรค์ที่อยู่ที่เอวของนางก็ได้เริ่มมีการตอบสนอง

กระบี่ทั้งสองเล่มสวรรค์กับยมโลก บัวแดงกับหน่อเขียวก็ได้เริ่มสื่อสารกันอย่างมีความสุข

หลินซีเหยียนที่เห็นเช่นนี้ก็ได้ยิ้มอย่างยินดี ไม่คาดคิดว่าบัวแดงกับหน่อเขียวนั้นจะหลอมรวมเข้ากับกระบี่ได้เร็วเช่นนี้

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้าไม่มีอะไรจะพูดกับเปิ่นหวางหน่อยเลยเหรอ?”

หลินซีเหยียนก็ได้เดินไปหาเจียงหวายเย่แล้วหยิบกระบี่ทั้งสองเล่มให้มาอยู่ด้วยกัน “มีวิญญาณสองดวงแฝงอยู่ในกระบี่สองเล่มนี้น่ะ เจ้าหน่อเขียวอาศัยอยู่ในกระบี่ยมโลก ส่วนเจ้าบัวแดงอาศัยอยู่ในกระบี่สวรรค์”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมอผีแม่ลูกติด 221 เตรียมการล่วงหน้า

Now you are reading หมอผีแม่ลูกติด Chapter 221 เตรียมการล่วงหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 221

เตรียมการล่วงหน้า

ถึงแม้ว่าจะไม่ปรากฏบนสีหน้าของเขา แต่ในใจของ เชียนอี้นั้นก็ได้ยกนิ้วโป้งให้นายท่านของเขา

บุตรีคนที่ห้าบ้านมหาเสนาบดีนั้นเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าองค์ชายในรัฐเจียง

แล้วในเวลานี้เขาก็ได้ปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของฮ่องเต้หลี ถ้าหากว่าเขาอยากที่จะแต่งงานกับนางแล้วล่ะก็ อยากจะรู้ว่าจะมีเรื่องที่น่าสนุกเกิดขึ้นสักกี่เรื่องกันนะ

หลินซีเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้มองไปที่สีหน้าของทั้งสองคน แล้วดวงตาหงส์ไฟของนางก็ได้จ้องมาอย่างครุ่นคิด

“ข้าจะไปลงมือเดี๋ยวนี้ขอรับ” ไม่นานนักเชียนอี้ก็ได้ขานรับคำสั่งและถอนตัวออกไป

ส่วนเจียงหวายเย่ก็ได้เดินไปหาหลินซีเหยียนด้วยสีหน้าที่ยินดี แล้วที่มุมปากของเขาก็ได้ยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “เสี่ยวเหยียนเอ๋อจะไม่ถามเปิ่นหวางหน่อยเหรอว่า ทำไมเปิ่นหวางถึงได้มีความสุขนัก?”

“ท่านบอกข้าโดยไม่ถามไม่ได้เหรอ?”

“แน่นอน” เขารู้ดีว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นกำลังหยอกเขาอยู่ เจียงหวายเย่ก็ได้เต็มใจให้หยอกแล้วกล่าว “ฮ่องเต้จากรัฐหลีนามหลีเจี้ยนเฉินนั้น จะมาที่รัฐเจียงในเร็วๆนี้”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ท่านมีความสุขด้วย?” หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วแล้วมองดูราวกับกำลังนินทากัน “หรือว่าที่ฮ่องเต้หลีมาที่เจียงก็เพราะมีเหตุผลบางอย่าง?”

เป็นยิ่งกว่าคำถาม เกือบจะเข้าเป้าเลยทีเดียว!แล้วก็มีแววตาชั่วร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำของเขา แล้วเจียงหวายก็ได้ทำเสียงในลำคอ “หึ เขามาที่นี่เพื่อต่อคิวแต่งงานน้องห้าของเจ้า

“ข้าไม่นึกเลยว่าน้องห้าของข้านั้นจะมีวาสนาเช่นนี้”

นางเคยได้ยินเรื่องของฮ่องเต้ของรัฐหลีมาบ้าง ได้ยินมาว่าเขานั้นเป็นคนที่มีความสามารถและมีความคิดที่ไม่เหมือนใคร แต่ก็แย่นิดหน่อยที่การแต่งงานของเขานั้นไม่ได้อิสระนัก ซึ่งจะต้องเป็นไปตามนิมิตของหัวหน้านักบวช

แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ น้องห้าแค่ในนามของนางนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรนางเลย

นางจึงได้ยืนนิ่งๆด้วยความยินดี

นางหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรตามมาหลังจากที่นางแต่งงานและไปอยู่ที่รัฐหลีแล้ว

ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เจียงหวายเย่ก็ได้ครุ่นคิดกับคำพูดของหลินซีเหยียนที่พูดออกมาโดยไม่ได้คิด

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ การแต่งงานกับฮ่องเต้หลีนั้นข้าว่าไม่ใช่โชคดีหรอก มันเป็นโชคร้ายมากกว่า เพราะไม่มีทางที่จะเอาชนะความคิดของฮ่องเต้หลีได้เลย”

“องค์ชายเย่ก็คิดมากเกินไป ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!” หลินซีเหยียนก็ได้ตอบกลับไป แต่หัวใจของนางก็รู้สึกคล้อยตามเล็กน้อย นางจำต้องจัดการกับธุระของนางโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นอาจจะมีความเสี่ยงตามมาได้

ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ทั้งสองคนก็ได้เดินมาจนถึงหน้าประตูจวนมหาเสนาบดี

“ข้าจะไปที่เรือนชิงซงเพื่อไปดูองค์ชายจงเสียหน่อย ท่านกลับไปที่เรือนเชียนเหยียนก่อนเลย!”

ถึงแม้เจียงหวายเย่นั้นจะไม่อยาก แต่เขาก็จำต้องกลับไปที่เรือนก่อน

ณ เรือนชิงซง สีหน้าของจงซู่เฟิงนั้นซีดเซียวนิดหน่อย เขากำลังอ่านหนังสือและลิ้มรสชาอยู่ในสวน กำลังศึกษาอย่างสบายใจอยู่

หลังจากที่เหลือบไปเห็นหลินซีเหยียนเข้า เขาก็ได้รีบลุกขึ้นยืนแล้วผงกหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่ทราบว่าวันนี้แม่นางหลินมาพบซู่เฟิงทำไมเหรอ?”

หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มไปตามธรรมชาติ “เมื่อวานนี้ ข้าเห็นคุณชายสีหน้าซีดเซียว ด้วยความกังวลข้าจึงได้แวะมาดู”

เมื่อจงซู่เฟิงที่ได้ที่พูด เขาก็ได้ก้มหน้าลงและยิ้ม “เราขอขอบคุณแม่นางมาก”

“วันนี้คุณชายดูอาการดีมากกว่าเมื่อวานมาก ให้ ซีเหยียนตรวจอาการท่านหน่อยได้ไหม?” ไหลไปตามน้ำ หลินซีเหยียนก็ได้เสนอขอตรวจชีพจรจงซู่เฟิงอีกครั้ง

แต่ก็อย่างที่คาด จงซู่เฟิงยังคงยืนกรานปฏิเสธ

“ซู่เฟิงนั้นรู้ถึงสภาพร่างกายของตัวเองดี เราคงไม่กล้าที่จะรบกวนแม่นาง”

ในคราวนี้หลินซีเหยียนก็ไม่ได้ตื๊อจงซู่เฟิงต่อ แต่นางก็ได้จ้องไปที่เสื้อของจงซู่เฟิงแทน แล้วนางก็ได้พูดอย่างครุ่นคิด “เสื้อผ้าของคุณชายจง ทำที่รัฐจงเหรอ?”

หลังจากที่พูดจบ นางก็ได้เดินเข้าไปจงซู่เฟิงอย่างรวดเร็วเพื่อดูใกล้ๆ

การกระทำที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ทำให้หัวใจของจงซู่เฟิงนั้นแทบจะเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ในอกข้างซ้ายของเขา เขานั้นกลั้นลมหายใจแล้วจ้องมองไปที่ใบหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าเขา

มีสายลมพาดผ่านเข้ามา พัดเอาผมดุจผ้าไหมของ จงซู่เฟิงนั้นสะบัดเข้าหน้าของหลินซีเหยียน แล้วก็มีกลิ่นแปลกๆเสียดแทงเข้าจมูกของนาง

“พวกท่านกำลังทำอะไรกันน่ะ?”

หนึ่งสุภาพบุรุษ หนึ่งหญิงงาม ภาพที่สวยงามเช่นนี้กลับต้องมาถูกขัดโดยคนที่โง่เขลา

หลินเสวี่ยเหยียนยืนอยู่ที่ประตูเรือนอย่างโมโห ด้วยแรงโมโหทำให้หน้าอกของนางนั้นสั่นไหวขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง นางนั้นได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนด้วยสายตาหึงหวง

สายตาของนางจ้องมองมาราวกับว่าหลินซีเหยียนถ้าชิงเอาของบางอย่างจากนางไป

หลินซีเหยียนก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วกลับมานั่งตรงที่เดิมอีกครั้ง

มีแววตาที่มืดมนปรากฏในดวงตาของจงซู่เฟิง เขานั้นไม่เคยนึกชอบคุณหนูสามเลย เพราะอีกฝ่ายนั้นชอบทึกทักว่าตัวเขานั้นเป็นของของนาง

มองไปที่นางที่เต็มไปด้วยความต้องการที่ไม่ปิดบังตลอดเวลาแล้ว…..

ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกเบื่อหน่ายนางจากก้นบึ้งของหัวใจ

แต่บนสีหน้าของเขานั้น ก็ยังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนอยู่ “คุณหนูสามมาที่นี่ ไม่ทราบว่ามีธุระอันใดหรือเปล่า?”

หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้เดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็วราวกับหมาป่าหวงของ แล้วจับจ้องไปที่หลินซีเหยียนอยู่ตลอด

ส่วนหลินซีเหยียนที่รู้ในสิ่งที่นางต้องการที่จะรู้แล้ว จึงได้ไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ต่อแล้วลุกขึ้นยืน “เชิญทั้งสองคนคุยกันตามสบาย ข้ายังมีธุระต้องไปทำ ขอตัวก่อน”

“แม่นางหลิน!”

จงซู่เฟิงนั้นอยากที่จะให้นางอยู่ต่อ แต่หลินเสวี่ยเหยียนก็ได้ฉวยโอกาสคว้าแขนของเขาเอาไว้ “ท่านพี่ซู่เฟิง ปล่อยนางไปเถอะเจ้าค่ะ เสวี่ยเหยียนจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนท่านเอง”

จงซู่เฟิงก็ได้ขมวดคิ้วแล้วจากนั้นก็ได้ออกแรงแกะใช้มืออีกข้างแกะเอามือของหลินเสวี่ยเหยียนออกจากตัวของเขาแล้วกล่าว “คุณหนูสาม ได้โปรดเคารพตัวเองด้วย”

หลินเสวี่ยเหยียนก็รู้สึกไม่ยินดีขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางนั้นรู้ตัวดีว่าตัวนางนั้นเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆและคงไม่อาจที่จะหาสามีดีๆได้ในอนาคตแน่ ในเวลานี้สวรรค์ได้มอบโอกาสที่ดีให้แก่นางแล้ว ถ้าเกิดนางสามารถคว้าองค์ชายจากรัฐจงคนนี้เอาไว้ได้ นางก็จะได้เป็นนางสนมขององค์ชายเลยทีเดียว

เคารพตัวเองแล้วยังไง? ถ้าหากนางกลัวกับคำพูดขององค์ชายแล้ว นางจะยังเสนอตัวเองอยู่ในตำแหน่งหมอนข้างของเขาได้อีกเหรอ?

จงซู่เฟิงที่เริ่มหมดความอดทนก็ไม่ได้ปิดบังอีกต่อไป แล้วเขาก็ได้พูดออกไปว่าเขารู้สึกไม่ค่อยดี จึงได้ไล่หลินเสวี่ยเหยียนให้กลับไปเพราะเขาจะนอนแล้ว

มองไปที่แผ่นหลังของหลินเสวี่ยเหยียน จงซู่เฟิงก็ได้มองดูอย่างเย็นชา “เหลยถิง หลังจากนี้ถ้านางมาที่นี่อีก ให้หาทางไล่นางกลับไปเลยนะ”

เหลยถิงก็ได้มองไปที่เจ้านายของเขาแล้วจากนั้นก็ผงกหัวตอบอย่างเข้าใจ ผู้หญิงที่ไร้สมองเช่นนี้ไม่คู่ควรกับองค์ชายของเขาแม้แต่น้อย

ณ เรือนเชียนเหยียน เจียงหวายเย่ก็ได้ตรวจดูการบ้านของเทียนเอ๋อ แล้วก็รู้สึกพึงพอใจกับการผลงานที่ออกมา เจียงหวายเย่จึงได้ตกลงที่จะสอนวิชากระบี่ให้กับเขา

“เจ้าอยากที่จะเรียนวิชากระบี่แล้ว ก่อนอื่นก็ต้องมีกระบี่ที่ดีเสียก่อน”

เมื่อพูดถึงกระบี่แล้ว เจียงหวายเย่ก็พลันนึกถึงกระบี่ที่มีพลังวิญญาณขึ้นมาได้ แล้วเขาก็ได้แกะเอากระบี่ออกมาจากเอวของเขาแล้วมองดูมันอย่างตั้งใจ ตั้งแต่ตอนที่เขาตกอยู่ในอันตรายวันนั้นแล้วกระบี่ก็มีการตอบสนอง แต่หลังจากนั้นมามันก็ได้เงียบสนิท

“ท่านอาจารย์ กระบี่ของท่านเหมือนกับของท่านแม่เลยขอรับ!” เทียนเอ๋อก็ได้ยื่นมือของเขาไปจับดูราวกับจะขอดู

นึกไม่ถึงว่ากระบี่เล่มนั้นจะมีการตอบสนองอีกครั้งและส่งคลื่นกระบี่ออกมาอย่างยินดี

หรือว่ากระบี่นั้นจะไม่ชอบตัวเขามันจึงได้ไม่ส่งเสียงออกมาเลย!

ในใจของเจียงหวายเย่นั้นก็ได้รู้สึกผิดหวังขึ้นมา

แล้วในขณะนั้นเอง หลินซีเหยียนก็ได้กลับมาแล้วกระบี่สวรรค์ที่อยู่ที่เอวของนางก็ได้เริ่มมีการตอบสนอง

กระบี่ทั้งสองเล่มสวรรค์กับยมโลก บัวแดงกับหน่อเขียวก็ได้เริ่มสื่อสารกันอย่างมีความสุข

หลินซีเหยียนที่เห็นเช่นนี้ก็ได้ยิ้มอย่างยินดี ไม่คาดคิดว่าบัวแดงกับหน่อเขียวนั้นจะหลอมรวมเข้ากับกระบี่ได้เร็วเช่นนี้

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้าไม่มีอะไรจะพูดกับเปิ่นหวางหน่อยเลยเหรอ?”

หลินซีเหยียนก็ได้เดินไปหาเจียงหวายเย่แล้วหยิบกระบี่ทั้งสองเล่มให้มาอยู่ด้วยกัน “มีวิญญาณสองดวงแฝงอยู่ในกระบี่สองเล่มนี้น่ะ เจ้าหน่อเขียวอาศัยอยู่ในกระบี่ยมโลก ส่วนเจ้าบัวแดงอาศัยอยู่ในกระบี่สวรรค์”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+