Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 194

Now you are reading Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต Chapter 194 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

บทที่ 194: พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส

หลังจากที่ออกมาจากห้องของนักบวชฮัวอวิ๋น มู่ซื่อหรงค้นพบมุมหนึ่งที่เงียบสงบให้กับตนเองพร้อมกับร้องไห้ออกมา นางได้แต่พึมพำความโกรธแค้นทั้งหมดกับตนเอง “ไขมันสารเลว เจ้ากล้ามาที่ข่มขืนข้า ในตอนนี้ข้าไม่มีใครสักคนให้ร้องเรียนถึงเรื่องนี้ นี่มันไม่ยุติธรรมกับข้าเลย! ความภาคภูมิใจในตนเองของข้าพังทลายไปหมดแล้ว! แน่นอนว่าข้าจะให้เจ้าชดใช้มันอย่างสาสม!”

หลังจากที่มู่ซื่อหรงก่นด่าสาปแช่งจนพอใจ มีเสียงหนึ่งลอยเข้าหูนาง “เจ้าไม่ควรทำลายตนเองเช่นนั้นเลย! เจ้ากำลังสร้างความสุขให้กับผู้อื่นไม่ใช่กับตนเอง!”

มู่ซื่อหรงตกตะลึงไปชั่วขณะและมองหญิงสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงสีเขียว เมื่อเห็นนางมู่ซื่อหรงรู้ทันทีว่านางคือใครพร้อมตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ท่านป้า ท่านมาทำอะไรที่นี่งั้นหรือ?” นางเป็นลูกสาวคนเล็กของนักบวชฮัวอวิ๋นอยู่ในระดับจินตันนามว่า ฮัวเฉียนหวู่

ในขณะที่นางได้ยินเช่นนั้น นางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ตอนแรกข้าคิดว่าจะเข้าไปพบท่านพ่อก่อน แต่บังเอิญมาเห็นเจ้าร้องไห้อยู่ตรงนี้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ข้าจึงเดินมาตรวจสอบและได้ยินบางอย่างเข้า! ข้าขอถามเจ้าตรงๆว่าเจ้าบัดซบซ่งจงมันข่มขืนเจ้าจริงหรือไม่?”

“แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง!” มู่ซื่อหรงกระโดดออกมายืนตรงหน้าของฮัวเฉียนหวู่พร้อมกับคร่ำครวญ “วันนี้ในขณะที่ข้ากำลังฝึกฝนดาบอยู่ที่ริมทะเลสาบ ไขมันบัดซบนั่นได้เข้ามารบกวนข้าโดยที่ข้าไม่เคยไปรบกวนเขาเลย แต่เขากระทำกับข้าเยี่ยงอสูรกาย!”

“แน่นอนว่าผู้ที่ทำเรื่องเช่นนี้ได้จะต้องเป็นอสูรกายเท่านั้น!” ฮัวเฉียนหวู่คำรามออกมา

“ใช่ เขาคืออสูรกาย! แต่ท่านปู่กลับไม่คิดเช่นนั้น ข้าร้องเรียนเขาแต่เขากลับบอกว่ามันเป็นเรื่องดีแล้วที่ข้าถูกมันข่มขืน ในตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะไม่เรียกร้องความยุติธรรมให้กับข้า แต่เขากลับต้องการให้ข้าแต่งงานกับไขมันบัดซบนั่น!” มู่ซื่อหรงกล่าวออกมาอย่างเศร้าโศก “ท่านป้า ไขมันบัดซบนั่นมันข่มขืนข้าแต่กลับเป็นการกระทำที่ดี นี่มันตรรกะอันใดกัน?”

“เฮ้อ!” ฮัวเฉียนหวู่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ในสายตาของปู่เจ้านั้น นี่เป็นเพียงสิ่งที่เขาต้องการ มันไม่มีตรรกะใดทั้งนั้น!”

“ข้าไม่สนใจ!” มู่ซื่อหรงร้องไห้ออกมา “แม้ว่าท่านปู่จะโง่เง่าแต่ถ้าหากท่านป้าเข้าใจข้า ท่านสามารถช่วยข้าได้!”

“ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไรกัน?” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาอย่างขื่นขม “ในตอนนี้ซ่งจงเป็นคนโปรดของท่านพ่อ พรุ่งนี้เขาจะช่วยท่านพ่อจัดการพี่ใหญ่จินแห่งสี่พี่น้อง ถ้าหากสั่งสอนบทเรียนให้กับเขาในตอนนี้ ท่านพ่อจะไม่คิดว่าข้าท้าทายเขางั้นหรือ? แน่นอนว่าเขาจะต้องสังหารข้าทิ้งอย่างแน่นอน!”

“บัดซบ!” มู่ซื่อหรงกัดฟัน “พวกท่านทุกคนล้วนแต่ใจร้าย! ก็ได้ เพราะทุกคนไม่คิดจะช่วยเหลือ ข้าก็คงจะต้องช่วยตัวเอง! หลังจากที่เจ้าอ้วนแต่งงานกับข้า ข้าจะหาทางนอกใจมันทุกวัน!”

“เจ้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้!” เมื่อฮัวเฉียนหวู่ได้ยินเช่นนั้น นางรีบเตือนมู่ซื่อหรงทันที “เด็กน้อย นอกจากเจ้าอ้วนจะไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว แต่มันกลับส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของครอบครัวเราอย่างมาก! ถ้าหากในอนาคตเจ้าทำลายชื่อเสียงของตระกูล แน่นอนว่าพวกเราจะไม่ยอมให้เจ้าได้เงยหน้ามองฟ้าอีกต่อไป ท่านพ่อจะต้องจัดการเจ้าอย่างถึงที่สุด! จะเป็นการดีที่สุดถ้าหากเจ้าไม่ทำเรื่องไร้สาระเหล่านั้น!”

“ให้ตายเถอะ!” เมื่อมู่ซื่อหรงได้ยินคำเตือน นางกล่าวออกมาอย่างหมดหวัง “อย่าบอกนะว่าข้าจะต้องอดทนอยู่กับความอัปยศที่เจ้าอ้วนมอบให้อย่างนี้ตลอดไป!”

“ไม่จำเป็น!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาอย่างสงบ “ป้าของเจ้าจะแนะนำวิธีแก้แค้นให้ มันสามารถสร้างประโยชน์ให้กับเจ้าได้ แต่ว่า…”

“แต่อะไร?” มู่ซื่อหรงรีบถามออกไป

“เรื่องนี้ค่อนข้างจะอันตรายและเจ้าจะต้องทุกข์ทรมานสักหน่อย!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาอย่างห้วน ๆ

“เหอะ ข้าไม่เกรงกลัวแม้แต่ความตาย ในตอนนี้ข้าจะต้องกลัวสิ่งใดอีก?” มู่ซื่อหรงกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา “ท่านป้า จงพูดสิ่งที่ท่านคิดออกมาเถิด แม้ว่าข้าจะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลหรือภูเขาที่ใด ข้าก็ยังต้องการที่จะแก้แค้น!”

“ประเสริฐ เจ้ามีความตั้งใจที่ดี สมแล้วที่เป็นลูกหลานตระกูลฮัว!” ฮัวเฉียนหวู่พยักหน้าอย่างพอใจพร้อมกล่าวว่า “ข้ามีเคล็ดวิชาการฝึกฝนของสำนักปีศาจ ไม่เพียงแต่เจ้าจะสามารถสังหารเจ้าอ้วนได้อย่างเงียบงันโดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น และมันยังจะช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน แม้แต่ท่านพ่อก็ไม่อาจเมินเฉยต่อเจ้าได้ในอนาคต!”

“โอ้?” มู่ซื่อหรงที่ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของนางเป็นประกายแล้วรีบถามออกไปทันที “ท่านป้ามันคือเคล็ดการฝึกฝนอะไรกัน?”

“มันเรียกว่าวิชาเบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหาร!” ในขณะที่นางกล่าวออกมาเช่นนั้น นางยื่นแถบหยกให้กับมู่ซื่อหรง

มู่ซื่อหรงรีบใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบมันทันที หลังจากที่ดูอยู่สักครู่หนึ่ง นางอุทานออกมา “นี่เป็นเคล็ดวิชาที่ชั่วร้ายซึ่งมันจะเติมเต็มพลังงานหยินของข้าโดยการดูดพลังงานหยาง!”

“ถูกแล้ว มันเป็นการฝึกฝนแบบคู่เหมาะกับหญิงสาวที่อยู่ในสำนักปีศาจ บุคคลที่สามารถฝึกฝนมันได้จะต้องเป็นคนที่สามารถยืดหยุ่นได้และมีความแข็งแกร่งทางจิตใจอย่างมาก ถ้าหากเจ้าตัดสินใจแล้วที่จะฝึกฝนมัน แน่นอนว่าเจ้าจะไม่มีวันหันหลังกลับได้!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง

“เคล็ดวิชาการฝึกตนของเจ้าอ้วนนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ร่างกายของมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล่าพี่น้องทั้งสี่ เคล็ดการฝึกตนแบบดูดพลังเช่นนี้สามารถสังหารเขาได้จริงงั้นหรือ?” มู่ซื่อหรงกล่าวออกมาอย่างโง่งม

“เหอะ เจ้าไม่รู้อะไรเสียแล้ว!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหารไม่ใช่เคล็ดวิชาธรรมดา ก่อนอื่นเจ้าจะต้องพุ่งความสนใจที่บุรุษสักหนึ่งคน และทำให้เขาเป็นของเจ้าซะ ในเวลาอันสั้นเจ้าจะกลายเป็นทาสรักของเขาและเรียกร้องหาเขาอยู่เสมอ เจ้าต้องยินยอมให้เขาย่ำยีและทำกับเจ้าดั่งใจเขาปรารถนา ในขณะนั้นแรงดึงดูดของเจ้าจะเพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ จนเขาไม่สามารถอยู่ได้ถ้าหากไม่มีเจ้า นี่เป็นความลำบากที่ข้ากำลังหมายถึง แน่นอนว่าเขาจะตายทั้งเป็นหลังจากพบเจอเรื่องเหล่านี้!”

“สวรรค์ ข้าต้องกลายเป็นสตรีชั่วช้างั้นหรือ?” ขณะที่มู่ซื่อหรงได้ยินเช่นนั้น นางอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “ทำไมข้าจึงต้องทำเรื่องเช่นนั้นด้วยล่ะ?”

“นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขาลดการป้องกันลงเมื่ออยู่กับเจ้า วิธีนี้จะทำให้เจ้าสามารถดูดกลืนปราณจิตวิญญาณของเขาได้โดยที่เขาไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาอย่างเลือดเย็น “เบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหารไม่เพียงแต่สามารถดูดกลืนปราณจิตวิญญาณได้ แต่มันสามารถดูดกลืนสัมผัสวิญญาณได้อีกด้วย หลังจากที่ทั้งหมดถูกดูดเข้ามาสู่ร่างกายของเจ้า แน่นอนว่ามันจะกลายเป็นของเจ้าทั้งหมด! ในขณะนั้นเจ้าจะสามารถมีทุกอย่างที่เขามี ทั้งปราณจิตวิญญาณ สัมผัสวิญญาณ และความแข็งแกร่งของร่างกาย!”

“ว่าอะไร?” มู่ซื่อหรงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก “สวรรค์ ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะสามารถแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเขางั้นหรือ?”

“ไม่ เจ้าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขา! เพราะว่าไม่เพียงแต่เจ้ามีทุกอย่างของเขา แต่ทุกอย่างของเจ้ายังคงอยู่ เมื่อทั้งสองอย่างรวมกัน เจ้าจะกลายเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักเสวียนเทียน ไม่พ่ายแพ้แม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นฉุ่ยจิ้ง!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวหว่านล้อมอย่างอ่อนโยน “เจ้าคิดว่าอย่างไร มันดีพอหรือไม่?”

“มันเป็นสิ่งที่ประเสริฐมาก!” หลังจากที่มู่ซื่อหรงชื่นชมมันเสร็จสิ้นแล้ว นางถามออกมาอย่างสงสัย “แล้วท่านป้าได้รับเคล็ดวิชาที่ทรงพลังเช่นนี้มาจากที่ใดกัน?”

“อา ป้าของเจ้าเพียงโชคดีเท่านั้น หลังจากที่ข้าได้สังหารศัตรูจึงค้นพบมันในร่างกายของเขา!” ฮัวเฉียนหวู่อธิบาย

“อ่า ท่านป้าช่างมีอารมณ์ขัน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่ซื่อหรงตอบกลับด้วยรอยยิ้มเย็นชา “แม้ว่าข้าจะไม่คุ้นเคยกับการฝึกฝนแบบคู่ ข้ารู้เพียงแต่ว่าการฝึกฝนแบบคู่สามารถดูดปราณจิตวิญญาณแบบธรรมดาได้เท่านั้น มีเพียงการฝึกฝนระดับสูงเท่านั้นที่จะสามารถดูดสัมผัสวิญญาณได้! เบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหารเป็นเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งของสำนักปีศาจ มันคงเป็นเคล็ดวิชาระดับสูงของสำนักพันปีศาจ ให้ข้าถามท่านสักอย่าง ท่านคิดว่ามันจะผิดหรือไม่ที่นำเคล็ดวิชาระดับสูงของสำนักปีศาจมาฝึกฝน?”

“เป็นเรื่องที่ข้าสงสัยอยู่!” ฮัวเฉียนหวู่พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมถามกลับว่า “เจ้ากำลังจะกล่าวอะไรกันแน่?”

“ข้ากำลังจะบอกว่าเจ้าอ้วนนั้นออกไปค้นหาครอบครัวของตนเองและถูกซุ่มโจมตีโดยสำนักพันปีศาจ และหลายคนได้สันนิฐานว่าในสำนักมีคนทรยศเปิดเผยที่อยู่ของเจ้าอ้วนให้แก่สำนักปีศาจ!” มู่ซื่อหรงแสร้งพูดช้าลง “ข้าอยากรู้ว่าท่านป้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?”

“เจ้าฉลาดมาก!” ฮัวเฉียนหวู่ตกใจไปชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างซื่อตรง “แม้ว่าเจ้าจะกล่าวถูก แต่เจ้าจะทำสิ่งใดได้เกี่ยวกับเรื่องนี้? บอกข้ามา”

“อา ข้าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น ความจริง ข้าต้องขอบคุณท่าน ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่าน ข้าคงต้องนอนอยู่บนเตียงอย่างจำยอม!” มู่ซื่อหรงกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“ถ้าหากเป็นเช่นนี้ เจ้าต้องการเคล็ดวิชาเบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหารหรือไม่?” ฮัวเฉียนหวู่ถามด้วยรอยยิ้ม

“แน่นอน ทำไมข้าจะไม่ต้องการมันล่ะ? มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก เพื่อที่จะสังหารเจ้าอ้วนและเสริมความแข็งแกร่งของข้า มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ไม่ยอมฝึกฝนมัน!” มู่ซื่อหรงกล่าวออกมาพร้อมกับเก็บแถบหยกทันที

“ประเสริฐนัก ข้าหวังว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จ!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เหอะเหอะ ท่านป้า ท่านกล่าวผิดแล้ว ท่านควรจะพูดว่าเราจะประสบความสำเร็จ!” มู่ซื่อหรงหัวเราะออกมา “เจ้าสารเลวนั้นอ้วนเกินไป ข้ากลัวว่าจะกินมันคนเดียวไม่ไหว เหตุใดเราจึงไม่ร่วมมือกันล่ะ?”

“อะไรนะ เจ้าต้องการให้ข้าฝึกฝนเคล็ดวิชาเบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหารร่วมกับเจ้าเพื่อสังหารเจ้าอ้วนงั้นหรือ?” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาด้วยความตกใจ

“แน่นอน นี่เป็นสิ่งดี ๆ ที่ควรจะแบ่งปันไม่ใช่หรือ?” มู่ซื่อหรงกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย

“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ อายุของเราแตกต่างกัน!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวอย่างจริงจัง

“ฮ่า ท่านป้า อย่าได้ถ่อมตนไป อะไรคืออายุห่างกัน ท่านคิดว่าการฝึกฝนแบบคู่นั้นสนใจเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นหรือ?” มู่ซื่อหรงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ภรรยารองของท่านปู่บางคนมีอายุมากกว่าข้าเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น เขาไม่ได้แต่งงานกับนางงั้นหรือ?”

“ปู่ของเจ้าเป็นพวกขี้โกง เจ้าไม่สามารถเปรียบเทียบข้ากับเขาได้!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวอย่างรวดเร็ว

“ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่เพียงคนเดียวที่สามารถข้ามรุ่นไปมาได้! เจ้าไขมันก็กำลังมีความสัมพันธ์กับหงหยิงซึ่งบิดาของนางเป็นถึงอดีตจ้าวสำนัก เจ้าอ้วนตัวติดกันอยู่กับนางตลอดเวลา อีกทั้งอดีตจ้าวสำนักยังไม่ปฏิเสธอีกด้วย ทั้งยังสนับสนุนเขา เห็นได้ว่าช่องว่างของอายุไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการฝึกฝนเลย!” มู่ซื่อหรงกล่าวเสริม “ท่านป้าไม่ควรคิดให้มากความ จากสิ่งที่ท่านทำให้เขาพบเจอกับสำนักพันปีศาจ เห็นได้ชัดว่าท่านก็เกลียดเขาเช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเราไม่ร่วมมือกันเพื่อแก้แค้นล่ะ?”

“เหตุใดเจ้าจึงต้องบังคับข้าด้วย?” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวออกมาอย่างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

“เพราะว่าไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ควรหย่อนการระวังตัว!” มู่ซื่อหรงกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา “ในอดีตท่านป้าไม่เคยสนใจข้าเลย แต่วันนี้ท่านกลับมอบเคล็ดวิชาระดับสูงให้กับข้า มันเป็นเรื่องที่ประหลาด ผู้ใดจะเชื่อถือถ้าหากท่านกล่าวว่าไม่มีสิ่งใดซ่อนอยู่? ถ้าหากข้าไม่ดึงให้ท่านร่วมฝึกฝนกับข้าก็คงไม่รู้ว่ามีสิ่งใดซ่อนอยู่ภายในความหวังดีครั้งนี้จริงหรือไม่?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด