Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 301.1

Now you are reading Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต Chapter 301.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ (เรื่องใหม่)

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

••••••••••••••••••••

บทที่ 301: ค่ายกลที่น่าขบขัน (1)

“งั้นหรือ?” ซ่งจงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจ้าตัวเล็กนี้จะจัดการได้ยาก ข้าจะต้องจัดการกับมันให้ได้เป็นคนแรกสินะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะไม่สามารถซัดเด็กน้อยที่เพิ่งเกิดใหม่ได้! แล้วหินจิตวิญญาณนั้นเพียงพอที่จะฟักมันหรือไม่?” เมื่อกล่าวออกมาเช่นนั้น ซ่งจงมองไปที่หินจิตวิญญาณระดับสูงนับหมื่นที่กองอยู่

“เพียงพอแล้ว!” แม่มดเทวะรีบกล่าวออกมา จากนั้นพวกนางเริ่มจัดการทันที พวกนางเริ่มงานอย่างรวดเร็วพร้อมจัดระเบียบที่อยู่ให้กับสัตว์เลี้ยงที่กำลังจะเกิดมา จิตวิญญาณมากมายพวยพุ่งออกมาพร้อมไหลเข้าสู่ไข่ดำอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่แม่มดเทวะได้เทจิตวิญญาณระดับสูงเข้าไป อาคมรวบรวมวิญญาณเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จิตวิญญาณทั้งหมดถูกดูดซึมเข้าไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนแต่เป็นปราณจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์อย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ซ่งจงนั้นไม่มีเวลามากนักเพื่อรอมันฟักออกมา เขาจะต้องรีบไปช่วยหญิงสาวทั้งสองคนให้พ้นจากอันตราย สำหรับหน้าที่ของแม่มดเทวะนั้นพวกนางรีบเร่งให้ไข่ดำเกิดปฏิกริยาให้รวดเร็วที่สุด ทั้งหมดจัดการสร้างอาคมใหม่ขึ้นมาเพื่อให้มันดูดซึมพลังวิญญาณให้เร็วกว่าเดิม แต่ถึงอย่างไรมันกินไปเวลาไปมากกว่าชั่วโมงสำหรับการดูดซึม เวลาผ่านไป ซ่งจงนั้นไม่เห็นไข่ดำเคลื่อนไหวอะไรอีก เขาได้แต่ถอนใจเพราะคิดว่ามันคงจะตายแล้วจริงๆ แต่สุดท้ายสิ่งที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น เปลือกโลหะสีดำค่อยๆแตกออก พร้อมกับปรากฏอสูรกายรูปร่างคล้ายกับพยัคฆ์สีดำทมินทร์ ตัวของมันเล็กจ้อยร่อยน่ารักน่าชัง

แม้ว่ามันจะดูคล้ายกับพยัคฆ์ แต่ก็ดูไม่ใช่ในคราวเดียวกัน เนื่องจากร่างกายของมันไร้ขนและผิวหนังของมันเป็นโลหะ

ซึ่งเหล็กเหล่านั้นดูทรงพลังและคล้ายกับว่ามันไร้ชีวิต แต่ความจริงคือมันมีชีวิต! มันเหยียดร่างกายออกคล้ายกับเด็กน้อยที่เพิ่งตื่นนอน จากนั้นความหิวถาโถมที่กระเพาะของมันทันที มันมองซ้ายขวาและเริ่มจัดการกับเปลือกไข่ของตนเองที่อยู่ใต้เท้าของมัน

แน่นอนว่าเปลือกของมันนั้นเป็นโลหะที่บริสุทธิ์อย่างมาก อีกทั้งมันจะไม่ยอมให้ผู้ใดขโมยเปลือกไข่นี้ไปจากตน เปลือกไข่ที่ดูแข็งแกร่งนี้ถูกเคี้ยวอย่างง่ายดายโดยสัตว์ร้ายตนนี้ มันกินราวกับว่ากัดขนมและกลืนลงท้องไปอย่างหิวโหย

กระบวนการทั้งหมดของมันนั้นผ่อนคลาย ราวกับกินขนมปังอย่างไรอย่างนั้น!

เมื่อเห็นเช่นนี้ ซ่งจงตกใจมาก เขาอุทานออกมา “โอ้ ปากของมันนั้นยอดเยี่ยมเกินไปรึเปล่า เขากินเปลือกไข่ที่แข็งแกร่งเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”

“ฟันของสัตว์ประหลาดกลืนทองคำนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ซึ่งเขาสามารถเคี้ยวโลหะทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้ได้เมื่อเขาอยู่ในระดับหกสิบเจ็ด คุณค่าของฟันคู่นี้ แน่นอนว่ามันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ไม่อาจหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้!” แม่มดเทวะกล่าวตอบ

“ในตอนนี้ข้าไม่คิดมาก่อนว่าเจ้าตัวเล็กนี้จะมีค่ามากขนาดนั้น!” ซ่งจงกล่าวพร้อมเผยยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับเดินหน้าไปสองก้าว

ในเวลานั้นสัตว์ประหลาดกลืนทองคำนั้นจัดการกับเปลือกไข่เสร็จแล้ว มันรับรู้ได้ถึงความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของซ่งจงที่เดินเข้ามา จากนั้นมันเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างช่วยไม่ได้

แม่มดเทวะรีบร้องออกมา “นายท่าน มันกำลังเตือนท่านว่าเข้าใกล้มัน อีกไม่ช้ามันจะโจมตีแน่นอน!”

“ฮี่ฮี่ มันบอกไม่ให้ข้าเข้าใกล้งั้นหรือ? แล้วถ้าข้าจะเข้าไปล่ะ?” ซ่งจงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าอยากรู้ว่ามันจะทำอะไรข้าได้!” เมื่อกล่าวเช่นนั้น ซ่งจงเดินเข้าไปอีกทันที พร้อมกับสัตว์ตัวน้อยเริ่มส่งเสียงขู่

ในที่สุดเจ้าตัวเล็กก็ไม่สามารถอดกลั้นความโกรธไว้ได้ มันคำรามออกมาเบาๆราวกับพยัคฆ์น้อย พร้อมกระโดดสูงขึ้นไปด้านบนพร้อมเป้าหมายคือศีรษะของซ่งจง

แต่ซ่งจงนั้นเห็นว่าฟันของเจ้าตัวเล็กนี้น่ากลัวเกินไป แล้วเขาจะกล้ายอมให้มันงับหัวเล่นได้อย่างไร? เขากระโดดด้วยความเร็วที่มากกว่าเจ้าตัวเล็กและขึ้นไปยืนบนศรีษะของมันพร้อมกับทุบลงอย่างรุนแรง

ซ่งจงใช้พลังเพียงสามในสิบเท่านั้น สัตว์ร้ายล่วงหล่นสู่พื้นเสียงดัง ปัง! เกิดหลุมขนาดใหญ่พร้อมกับร่างมันอยู่ก้นหลุมอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อมองไปที่ศีรษะของมัน เห็นได้ชัดว่ามีร่องรอยของกำปั้นสลักไว้อย่างสวยงาม ซ่งจงที่เห็นเช่นนั้นอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มและกล่าวอย่างยโส “โอ้ ลืมไปเลยว่าเจ้ายังเด็กอยู่ ข้านั้นใช้แรงมากเกินไป ถ้าหากเจ้าตายมาจะทำอย่างไรล่ะเนี่ย?”

เมื่อแม่มดเทวะได้ยินเช่นนั้น พวกนางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “นายท่านไม่ต้องกังวล ร่างกายของสัตว์ประหลาดกลืนทองคำนั้นเป็นโลหะแก่นแท้ แม้ว่าจะสามารถบุบได้ แต่เพียงไม่นานมันก็จะสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิม และแน่นอนว่ามันไม่เจ็บปวด!”

“หืม? มีเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นหรือ?” ซ่งจงประหลาดใจอย่างมาก จากนั้นเขามองไปที่สัตว์ประหลาดตัวน้อยอย่างรู้สึกดี

เป็นเช่นนั้น ภายในหลุมมีเจ้าตัวเล็กนอนอยู่และมันไม่ตาย เพียงแค่มึนๆเท่านั้น รอยสลักบนศีรษะของมันเมื่อครู่ได้จางหายไปแล้วอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวเล็กส่ายหัวของมันเร็วๆเพื่อขับไล่ความมึนงงเมื่อครู่ พร้อมส่งสายตาเกลียดชังมาให้เจ้าอ้วนอย่างดุร้าย

มันไม่รอให้ซ่งจงกล่าวอะไรออกมา ขาของมันเพิ่มความเร็วขึ้นและพุ่งมาหาเขาทันที อีกทั้งยังไม่ลืมที่จะคำรามด้วยเสียงน้อยๆของมันด้วย

ซ่งจงเห็นว่าร่างกายของมันสามารถยืดหยุ่นได้มาก เขาจึงไม่กังวลอีกต่อไป เขาเตะมันเข้าที่ท้องโดยตรง เขาออกแรงมากขึ้นเป็นห้าในสิบ ร่างของเจ้าตัวเล็กกระเด็นไปไกล ถ้าหากเป็นพยัคฆ์ทั่วไป แน่นอนว่าคงตายคาเท้าของซ่งจงแล้ว

แต่เจ้าตัวเล็กกลิ้งหลายตลบก่อนที่จะหยุด พื้นที่มันไถลเกิดเป็นหลุมยาวตามทาง จากนั้นมันหยุดนิ่งและร่างกายของมันเริ่มฟื้นฟูตัวเองอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

ซ่งจงเห็นว่าถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงไม่อาจล้มมันลงได้ เขาจึงเริ่มใช้แรงมากขึ้น ทุบตีมันอย่างต่อเนื่องกว่าสิบครั้ง สุดท้ายเขาใช้แรงมากถึงเก้าในสิบเพื่อจัดการมัน ร่างกายของมันแบนไปกับพื้น เหมือนจะบุบไปครึ่งหนึ่ง

แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าตัวเล็กก็ยังคงไม่ยอมแพ้ มันลุกขึ้นมาอีกครั้งพร้อมฟื้นฟูร่างกายทันที สายตาของมันส่งมาหาซ่งจงอย่างเกลียดชัง

ซ่งจงนั้นเครื่องติดแล้วในตอนนี้ เขาคิดจะเล่นกับมันอย่างจริงจังทันที เขาปล่อยลูกเตะออกไป จากนั้นจับหางของมันเหวี่ยงไปมาและทุบลงพื้นอย่างรุนแรง

“เฮ้! ข้าไม่มีเวลาจะมาเล่นกับเจ้ามากนะ ในตอนนี้เจ้าทำให้ข้าเริ่มอยากจะกินเนื้อเป็นมื้อเย็นแล้วจริงๆ!” ซ่งจงหัวเราะออกมา จากนั้นเขาเริ่มไล่ทุบเจ้าตัวเล็กอย่างบ้าคลั่ง

ปัง ปัง ปัง !

ในทุกครั้งที่ซ่งจงทุบตีเขา ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมากมายนับไม่ถ้วน ฝุ่นสีขาวฟุ้งอยู่ในอากาศจนแทบมองไม่เห็น ร่างกายของเจ้าตัวเล็กบิดเบี้ยวจนแทบไม่เหลือชิ้นดี แต่ซ่งจงไม่สนใจเรื่องนั้น เขายังเดินหน้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในตอนนี้เขาทุบตีมันมากกว่าแปดสิบครั้งแล้ว ภายในห้องตอนนี้เต็มไปด้วยหลุมและฝุ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณ

ซ่งจงหยุดมือลงพร้อมกับจ้องมองไปที่เจ้าตัวเล็กอย่างเอ็นดู จากนั้นเขาหัวเราะออกมาดังลั่น “ว่าไงเจ้าตัวเล็ก เหนื่อยแล้วงั้นหรือ? ยังหายใจอยู่รึเปล่า?”

ในเวลานี้ร่างกายของเจ้าตัวเล็กเต็มไปด้วยหลุมบ่ออย่างน่าสงสาร แต่โชคดีที่ร่างกายของเขาเป็นโลหะแก่นแท้ ซึ่งมันสามารถฟื้นฟูได้ด้วยความรวดเร็ว อาจจะมีอาการบาดเจ็บบ้างเล็กน้อย แต่ทุกสิ่งจะผ่านไปได้ด้วยดี เห็นได้ชัดว่าการทุบตีเหล่านี้ไม่ได้มีผลอะไรกับมันมากนัก

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะไม่ได้บาดเจ็บมากนัก แต่การถูกซ่งจงทุบตีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ทำให้มันรู้สึกมึนงงโดยสมบูรณ์ มันก้าวเท้าออกมาสองก้าวอย่างเซื่องซึม การทรงตัวของมันในตอนนี้คล้ายกับปู ซึ่งจากนั้นไม่นาน มันก็ไม่อาจฝืนต่อไปได้ มันล้มลงอย่างรวดเร็ว

แต่ทว่าสัตว์ประหลาดกลืนทองคำยังไม่คิดยอมแพ้แม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพเช่นนี้ หางของมันยังชี้และตายังมองตรงไปที่ซ่งจง และซ่งจงที่เห็นว่ามันยังคงไม่ยอมแพ้อีกทั้งยังส่งสายตามากระตุ้นเขาอีกงั้นเหรอ?

ซ่งจงโกรธจัดทันทีกับเด็กที่ดื้อด้านเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามันพ่ายแพ้แล้ว แต่ทว่ายังเย่อหยิ่งได้อีกงั้นหรือ? แน่นอนว่าเขาจะต้องสั่งสอนมันอีกครั้ง!

เมื่อคิดเช่นนั้น ซ่งจงพุ่งไปด้านหน้าของสัตว์ประหลาดตัวน้อยทันที เขาทุบตีมันอีกครั้ง พร้อมกับจับหางของมันหมุนอยู่ในอากาศอย่างเหี้ยมโหด

ในตอนนี้เหล่าอสูรกายเริ่มที่จะส่งเสียงคร่ำครวญออกมาแล้ว เมื่อแม่มดเทวะเห็นเช่นนั้น นางรีบพูดทันที “นายท่าน มันยอมแพ้แล้ว ท่านหยุดมือเถิด!”

“หืม?” ซ่งจงที่ได้ยินเช่นนั้น เขาหยุดนิ่งพร้อมกับมองไปที่เจ้าตัวเล็กตรงหน้าและกล่าวว่า “ยอมแพ้แล้วจริงๆหรือ?”

เจ้าตัวเล็กไม่ได้กล่าวอะไร แต่ทว่าหางใหญ่ๆของมันชี้มาที่หน้าของซ่งจงอีกครั้ง ใบหน้าของซ่งจงแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวพร้อมกับคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “พวกเจ้ามองดูไอ้วายร้ายตัวนี้ มันยังกล้าที่จะชี้หน้าข้าอีกงั้นหรือ? มันไม่ได้สนใจข้าแม้แต่น้อย!” เมื่อกล่าวจบ เขายกมือขึ้นเพื่อที่จะสั่งสอนมันต่อ

อย่างไรก็ตาม แม่มดเทวะรีบวิ่งเข้ามาห้ามเขาอย่างรวดเร็ว “นายท่านได้โปรดสงบจิตใจลงก่อน ที่มันยกหางขึ้นเช่นนั้นแปลว่ายอมแพ้ ไม่ใช่การยั่วยุ!”

“อะไร?” ซ่งจงถามออกมาอย่างงุนงง “เป็นเช่นนั้นได้อย่าไร?”

จากนั้นเขาหันไปพูดกับเจ้าตัวเล็ก “เจ้าตัวแสบ ถ้าหากเจ้ายอมแพ้แล้วจริงๆ ส่งหางเจ้ามาให้ข้า!”

“!” สัตว์ประหลาดกลืนทองคำนั้นวิ่งวนไปมาสองสามรอบพร้อมกับรีบเอาหางและหัวของตนมาถูไถกับน่องขาของซ่งจง เห็นได้ชัดว่ามันยอมแพ้แล้ว

ซ่งจงเห็นเช่นนั้น จากที่โกรธจัดกลายเป็นมีความสุขทันที เขาลูบหัวของเจ้าตัวเล็กพร้อมรอยยิ้ม “อืม ข้ารู้แล้ว ที่ผ่านมาข้าขอโทษนะ!” จากนั้นซ่งจงกัดนิ้วมือของตนเองพร้อมกับหยดเลือดลงไปบนศีรษะของมัน ทั้งหมดแทรกซึมเข้าไปในหัวของมันอย่างรวดเร็ว ต่อจากนี้ไปมันจะกลายเป็นของซ่งจงและไม่มีวันทรยศเขาอย่างแน่นอน

เมื่อแม่มดเทวะเห็นว่าซ่งจงสามารถควบคุมมันได้แล้ว พวกนางรีบชื่นชมซ่งจงทันที “ยินดีกับนายท่านด้วย ยินดีด้วย!”

“ฮ่าฮ่า มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ!” ซ่งจงกล่าวต่อ “แต่ยังมีอีกเรื่องที่ข้ายังคิดไม่ออก ข้าควรจะตั้งชื่อให้กับมันหรือไม่?”

“ใช่แล้ว นายท่านจะต้องตั้งชื่อให้กับมันก่อน!” แม่มดเทวะกล่าวออกมา

“อืม!” ซ่งจงพยักหน้า จากนั้นเขาขมวดคิ้ว “ข้าจะตั้งชื่ออะไรให้กับมันดีนะ? อืม รูปร่างของมันเหมือนพยัคฆ์ เช่นนั้นเอาชื่อเสี่ยวหูแล้วกัน!”

เมื่อมันได้ยินชื่อของตนเอง มันวิ่งวนไปมาด้วยความดีใจพร้อมกับเริ่มเอาหัวมาถูซ่งจงอีกรอบ จากนั้นมันอ้าปากใหญ่ๆของมันออกราวกับว่าจะให้ซ่งจงดูอะไรสักอย่าง

ในตอนแรกซ่งจงตกใจ แต่สักครู่เดียวเขาก็เข้าใจความหมายของมัน เจ้าตัวเล็กของเขาในตอนนี้หิวแล้ว! ซ่งจงมองเช่นนั้นพร้อมกับหัวเราะออกมาทันที “นี่เจ้าเป็นพยัคฆ์หรือว่าถังข้าวกันล่ะ? น้ำหนักของเจ้าเพียงไม่กี่ร้อยจิน แต่ทว่าต้องการกินทันทีหลังจากกินเสร็จน่ะหรือ!”

แม้ว่าซ่งจงจะบ่นอุบอิบแต่เขาก็ลูบหัวของมันอย่างอ่อนโยน จากนั้นเขาคว้าเหล็กสีดำจำนวนมากและยื่นให้กับเจ้าตัวเล็กนี่ด้วยตนเอง

ซ่งจงนั้นกลัวว่าจะให้มันกินมากเกิน เขาจึงค่อยๆมองมันอยู่ตรงนั้นและเห็นว่ามันกินทั้งหมดเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันส่งเสียงขอกินอีก… จากนั้นซ่งจงเห็นสายตาเช่นนั้น เขาเลยพามันเข้าไปด้านในมิติลึกลับของตนเอง ก่อนหน้านี้เขามีภูเขาเหล็กสีดำมากมาย และคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรกับมันดี แต่ในตอนนี้เขาไม่ต้องห่วงสิ่งใดอีกต่อไป เพราะเจ้าเสี่ยวหูจะจัดการให้เขาเอง!

เสี่ยวหูมองเห็นอาหารของตนเองกองอยู่ราวกับภูเขาเล็กๆ ดวงตาของมันเปล่งประกายออกมาทันที

หลังจากที่มันเข้ามาในมิติลึกลับแล้ว มันเดินอย่างมีความสุขตรงไปที่กองอาหารของตนทันที มันคิดในใจว่ามันจะกินจนกว่ากระเพาะของมันจะรับไม่ไหว! ตั้งแต่นั้นมา เสี่ยวหูกินอิ่มนอนหลับอย่างสบายใจ มันจะสามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่และใช้ชีวิตจากการกินที่ไร้ขีดจำกัด และแน่นอนว่ามันมีความสุขมาก!

หลังจากที่ซ่งจงจัดการกับเสี่ยวหูได้แล้ว เขาแยกตัวออกไปทันที เป้าหมายต่อไปของเขาคือสำนักค่ายกล!

ประตูที่สามารถออกไปพบกับสำนักค่ายกลได้นั้นอยู่ในทิศตะวันออก ซึ่งห่างออกไปราวๆแปดแสนลี้ ถ้าหากเขาจะต้องเดินเท้าไป แน่นอนว่าคงอีกนานกว่าจะถึง แต่นักบวชเซือหมัวนั้นเผื่อเวลาให้กับซ่งจงแล้ว แน่นอนว่าเขาจะไปถึงสถานที่แห่งนั้นแน่นอน แต่อาจจะช้าไปสักสองชั่วโมง!

 

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

ฝากกด like เพจด้วยนะคะ

*ผู้แปลขี้โรค

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด