Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 214

Now you are reading Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต Chapter 214 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

บทที่ 214: เดินทางมาถึงเกาะภูเขาไฟ

ด้านบนของนาวายักษ์สีดำมีศาลาที่สวยงามและเจ้าอ้วนกับทีมกำลังพักผ่อน ทั้งหมดเพลิดเพลินกับชาและฉากตรงหน้าที่สวยงาม แต่แน่นอนว่านักบวชหินยังคงหลบมุมเงียบและอยู่ในสมาธิเช่นเดิม สิ่งนี้ทำให้เจ้าอ้วนรู้สึกว่าเขาฝึกฝนอย่างหนักเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

หลังจากบินมาสักครู่หนึ่ง ซูหยุ่นและซูหยู่กล่าวออกมาพร้อมกัน “พี่ชายนักบวช…”

หลังจากที่ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างขื่นขม “ข้านั้นอายุน้อยและอ่อนแอกว่า ได้โปรดเรียกข้าว่าศิษย์น้องเถิด อย่าเรียกข้าว่าพี่ชายนักบวช คำนี้มันทำให้ข้าดูแก่ไปมาก!”

“อา!” ซูหยู่และซูหยุ่นเมื่อได้ยินคำพูดของเขาเช่นนั้นได้แต่หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พวกนางได้แต่ยอมรับและกล่าวว่า “ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เราจะไม่มีพิธีรีตองอีกต่อไป! ศิษย์น้องซ่ง!”

“ดี!” ซ่งจงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าสงสัยว่าศิษย์พี่หญิงทั้งสองต้องการอะไรจากข้า?”

“อ๋อเรื่องนั้น!” ซูหยุ่นและซูหยู่รีบกล่าวออกมา “เมื่อเจ้าต้องบินผ่านส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลตะวันออก จะดีที่สุดถ้ารักษาระดับความสูงให้ต่ำที่สุด สักร้อยฟุตเหนือจากทะเล จะต้องไม่สูงไปกว่านี้!”

“ว่าอะไร?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาถามออกมาด้วยความสับสน “ดีกว่างั้นหรือถ้าไม่บินสูง? ทิวทัศน์นั้นดีกว่ามากและเรายังคาดเดาสถานการณ์ได้ ถ้าหากบินต่ำ เราอาจจะชนกับภูเขาได้!”

ซ่งจงนั้นไม่ใช่ว่าไม่สนใจสิ่งที่ทั้งสองกล่าว แต่การที่เรือนี้สามารถบินด้วยความเร็วห้าร้อยลี้ภายในสิบนาที ถ้าหากมันอยู่ใกล้กับทะเลเกินไป ความเร็วของมันจะสร้างคลื่นทะเลขึ้นมา และถ้าหากมีเกาะปรากฏขึ้นอย่างกระทันหัน แน่นอนว่าคงไม่สามารถหลบได้ทัน

เมื่อซูหยุ่นและซู่หยู่ได้ยินเช่นนั้น นางรีบอธิบายออกมาทันที “เจ้าสามารถลดความเร็วลงได้ แต่อย่าบินสูงเกินไปเพราะบนท้องฟ้านั้นอันตรายอย่างยิ่ง ทั้งผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งและอสูรกายนั้นอยู่บนท้องฟ้า แน่นอนว่าไม่อาจพบเห็นพวกเขาได้โดยง่าย แต่ถ้าเราต้องพบเจอ แน่นอนว่ามันจะสร้างปัญหาให้กับพวกเรา!”

“สร้างปัญหา?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างสับสน “อย่าบอกข้านะว่าคนพวกนั้นมีนิสัยชอบปล้นมือใหม่?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น พวกเขาไม่ปล้นมือใหม่ ในความจริงแล้วการแบ่งรุ่นนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรกับพวกเขาเลย มันเกี่ยวข้องกับสมบัติเท่านั้น แน่นอนว่าทุกคนพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อเรือของเจ้า สมบัติเช่นนี้หาได้ยากยิ่งในสถานที่แห่งนี้ แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับจินตันยังไม่สามารถครอบครองได้ ถ้าหากสิ่งของเช่นนี้อยู่ในมือของผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิ เจ้าคิดว่าพวกเขาจะไม่เข้ามาเพื่อแย่งไปงั้นหรือ?” ทั้งสองอธิบาย

“อา เจ้าพูดถูก!” ซ่งจงเข้าใจสถานการณ์ทันที

ในขณะนั้นมู่ซื่อหรงที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวออกมา “ข้าขอให้พวกมันเข้ามาและฉกฉวยมันเถิด! อย่าบอกนะว่าเราจะต้องเกรงกลัวต่อผู้ฝึกตนระดับจินตันเพียงคนเดียว?”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาตะลึงทันที แม้ว่าความสามารถของมู่ซื่อหรงจะแข็งแกร่งแต่ทว่าความมั่นใจของนางกลับมากกว่าหลายเท่า พวกเขาไม่เคยคาดหวังว่านางจะคิดว่าตนเองสามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนระดับจินตันได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือนางอยู่ในระดับปฐมภูมิขั้นต้นเท่านั้น นางไปเอาความเย่อหยิ่งเช่นนี้มาจากไหนกัน?

เมื่อเห็นว่าในสายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความสงสัย ซ่งจงรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถ้าหากพลังที่แท้จริงของมู่ซื่อหรงถูกเปิดเผย แน่นอนว่าความลับของภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าก็จะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

เขาทำได้เพียงจ้องมองมู่ซื่อหรงและบังคับให้นางหยุดพูดอะไรออกมาอีก จากนั้นเขาอธิบายด้วยรอยยิ้ม “อย่าใส่ใจกับเรื่องไร้สาระที่นางกล่าวเลย นางจะเอาชนะผู้ฝึกตนระดับจินตันได้อย่างไรกัน? เหตุผลเดียวที่นางกล้ากล่าวเช่นนี้คงเป็นเพราะการมีสำนักเสวียนเทียนคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ภายในทะเลตะวันออกนี้มีอยู่หลายคนที่ไม่กล้าต่อกรกับสำนักเสวียนเทียน ถูกต้องหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเจ้าอ้วนอธิบายเช่นนั้น ทุกคนแสดงท่าทีโล่งอกออกมา จากนั้นเจ้าอ้วนได้แต่ถอนหายใจด้วยความผ่อนคลาย

แต่ซูหยุ่นและซูหยู่รีบกล่าวว่า “ศิษย์น้องซ่ง เจ้าคิดน้อยเกินไป ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งในทะเลตะวันออกไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรทะเลตะวันออก นอกจากนี้ยังมีอสูรกายระดับสูงมากมาย พวกมันฉลาดและชอบท่องเที่ยวไปในทะเล อีกทั้งยังสามารถบุกเข้ามาที่ทะเลออกที่กลุ่มพันธมิตรเช่นเราอาศัยอยู่เพื่อสังหารคนเล่น ถ้าหากเราพบกับพวกนิสัยเสียเช่นนี้ พวกมันจะสังหารเจ้าโดยไม่นึกถึงสถานะที่เจ้ามี จะดีกว่าถ้าหากเราระวังตัว!”

“เจ้าพูดถูก!” ซ่งจงตอบรับและกล่าวว่า “ลดระดับลง!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาควบคุมให้เรือบินเหนือทะเลเล็กน้อย ในขณะนั้นเขาได้ลดความเร็วของมันลงด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงการชนกับภูเขา

แม้ว่าจะลดความเร็วลงแล้ว พวกเขาไม่ได้พักผ่อนแต่อย่างใดในยามค่ำคืน ทุกคนยังคงอยู่ในสมาธิเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นอีกสองวันพวกเขาก็จะถึงที่หมาย

ในที่สุด เรือก็จอดลงบนเกาะสีดำที่มีปล่องภูเขาไฟที่ในตอนนี้ปล่อยเพียงแค่ควันออกมาเท่านั้น

เมื่อมองไปที่เกาะตรงหน้าของพวกเขา ทุกคนเปิดเผยความรู้สึกตื่นเต้นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ในเวลานั้นพวกเขารู้สึกว่าประหยัดเวลาอย่างมาก การเดินทางครั้งนี้ปลอดภัยมากและไม่ต้องหยุดพัก ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดหวังไว้และสามารถเริ่มต่อสู้ตอนไหนก็ได้ โดยปกติแล้วเมื่อมาถึงสถานที่ทั้งหมดจะต้องพักก่อนหนึ่งวันเพื่อเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ เรื่องนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก

แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่พวกเขาก็ซาบซึ้งที่เจ้าอ้วนนำเรือยักษ์ออกมาใช้มันเพื่อทีม แม้แต่นักบวชหินยังพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อขอบคุณเจ้าอ้วน สิ่งเหล่านี้ทำให้เจ้าอ้วนรู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก

หลังจากนั้นแม่มดเปลือยกายได้ถามออกมา “พวกเราพร้อมจะลงมือกันเลยหรือไม่?”

“เจ้าสามารถตัดสินใจได้เลย!” เจ้าอ้วนตอบกลับ “เจ้าเป็นหัวหน้าทีม พวกเราจะฟังเจ้า!”

เพียงประโยคเดียวที่เจ้าอ้วนออกคำสั่งออกมา นั่นไม่ใช่เพราะเขาวางใจแม่มดเปลือยกาย แต่นี่เป็นครั้งแรกของเขาในภารกิจเช่นนี้และเขาไม่รู้อะไรเลย ถ้าหากเขาสั่งออกไปมั่วซั่ว เขาคงทำให้ทุกอย่างพังลง จากนั้นสิ่งที่เขาพยายามสร้างมาทั้งหมดจะพังลงโดยสมบูรณ์ ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงเลิกออกคำสั่งและเข้าร่วมในฐานะลูกทีม ถ้าหากว่าแม่มดเปลือยกายสร้างผลงานที่ดี เขายังสามารถมีความสุขร่วมกับนางได้ แต่ถ้าหากนางทำพลาด เขาก็จะสามารถดูแลความยุ่งเหยิงได้ สิ่งนี้จะทำให้เขาได้รับความนิยมจากทีมเพิ่มขึ้นอีกด้วย การตัดสินใจเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้

แม่มดเปลือยกายนั้นไม่ได้เอะใจอะไรในแผนการของซ่งจงแม้แต่น้อย นางคิดว่าเขาแค่ขี้เกียจและได้แต่ก่นด่าเขาภายในใจ จากนั้นนางยึดครองตำแหน่งผู้นำพร้อมกับออกคำสั่งทันที “หิน จงไปตรวจสอบสถานการณ์ภายในเกาะ!”

หินไม่ได้กล่าวอะไรนอกจากพยักหน้า จากนั้นเขาหยิบดาบออกมาและเดินหายไป เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนสอดแนมของทีมและคุ้นเคยกับการทำเช่นนี้

จากนั้นแม่มดเปลือยกายหันไปกล่าวกับซูหยู่และซูหยุ่น “พวกเจ้าไปในบริเวณที่สูงที่สุดของเกาะและเริ่มการก่อตัวได้!”

“อืม!” ทั้งสองพยักหน้ารับพร้อมกับปฏิบัติทันที ทั้งสองบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและเริ่มสำรวจเกาะ

เมื่อเห็นเช่นนี้ ซ่งจงจึงถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าไม่ได้กล่าวว่าเจ้าและตาเฒ่าพิษจะจัดการพวกมันงั้นหรือ? ทำไมยังต้องการให้ซูหยุ่นและซูหยู่เริ่มเคล็ดวิชาก่อตัว?”

“นั่นเป็นแผนสำรอง!” แม่มดเปลือยกายอธิบาย “ทะเลตะวันออกนั้นโกลาหลอย่างมาก อาจมีคนที่พยายามจะแทงข้างหลังเราในขณะที่เรากำลังต่อสู้ ดังนั้นเราต้องมีแผนเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันด้วย!”

“ฉลาดมาก! แผนของเจ้านั้นยอดเยี่ยม!” ซ่งจงอดไม่ได้ที่จะชื่นชม

“เหอะ ข้าเรียนรู้ทุกอย่างจากความผิดพลาด!” แม่มดเปลือยกายถอนหายใจยาวพร้อมกล่าวต่อ “หลังจากที่ข้าได้อาศัยอยู่ในทะเลตะวันออกมาหลายปี ข้าพบกับเรื่องไม่คาดฝันมากเกินไป ข้าจึงต้องระวังให้มากขึ้น!”

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวผู้นี้ถอนหายใจยาว เจ้าอ้วนได้แต่ถามออกมาอย่างสงสัย “อย่าบอกข้านะว่าสิ่งไม่คาดฝันชอบเกิดขึ้นในทะเลตะวันออก?”

“แล้วข้าไม่ควรใส่ใจมัน?” แม่มดเปลือยกายยักไหล่พร้อมกล่าวต่อ “หากเจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องยากถ้าต้องหากพบกับสิ่งนั้น มันก็คงไม่ปรากฏขึ้นภายในสิบปี แต่ถ้าหากเจ้าคิดว่ามันง่ายมากถ้าต้องพบเจอกับปัญหา เจ้าอาจจะพบกับสิ่งเหล่านั้นภายในสองถึงสามปีก็ได้! สองปีที่ผ่านมาทีมของเราโชคไม่ค่อยดีนัก เราพบกับอุบัติเหตุมากมายจนสูญเสียสมาชิกไปสี่คน! โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพยายามสังหารอสูรกายให้หมดเกาะครั้งล่าสุด ในเวลานั้นเราต่อสู้ด้วยทุกอย่างที่มีและทุกอย่างได้หมดสิ้นแล้ว แล้วเราจะปกป้องตนเองได้อย่างไร? ดังนั้นเราจึงไม่มีทางเลือกและต้องเสียสละทีมของเราเพื่อความอยู่รอด ทั้งหมดนี้เป็นเพราะซูหยู่และซูหยุ่นได้ทำการก่อตัวเรียบร้อยแล้วด้วย ถ้าไม่เช่นนั้นพวกเราคงตายตกไปทั้งหมด!”

แม้ว่าแม่มดเปลือยกายจะกล่าวทุกอย่างออกมาอย่างเรียบง่าย ซ่งจงยังสามารถจินตนาการได้ว่าการต่อสู้ในครั้งนั้นขมขื่นเพียงใด เขาเพียงนึกภาพทีมที่เหนื่อยล้าและไม่ได้รับการช่วยเหลือใด อีกทั้งยังถูกโจมตีโดยเหล่าอสูรกาย สถานการณ์มันช่างน่าเวทนานัก แน่นอนว่ามันคงไม่ง่ายนักที่พวกเขาทั้งหมดจะอยู่รอดในสถานการณ์เช่นนั้น

แน่นอน ซ่งจงเชื่อว่าบุคคลทั้งสองที่ต้องเสียสละนั้นก็ไม่ได้เต็มใจ เขาอาจจะถูกบังคับโดยแม่มดเปลือยกายด้วยวิธีใดสักวิธี

แต่เรื่องเหล่านี้ไม่สามารถทำให้ซ่งจงใส่ใจได้ เขาจึงปล่อยมันไป

ในขณะนั้น หินกลับมาและเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขากล่าวกับแม่มดเปลือยกายด้วยท่าทีเฉยเมย “เก้าสิบแปดใหญ่ เจ็ดสิบสอง ยี่สิบหกกลาง ภูเขาไฟ!” หลังจากเขากล่าวจบเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ

ทุกคนเข้าใจสิ่งที่เขากล่าวยกเว้นเจ้าอ้วนและมู่ซื่อหรงผู้ที่อยู่ในความงุนงงอย่างสมบูรณ์ เมื่อเห็นเช่นนั้น แม่มดเปลือยกายอธิบายทันที “หินบอกว่าภูเขาไฟแห่งนี้มีอสูรกายเก้าสิบแปดตน มีเจ็ดสิบสองตนที่โตเต็มวัยและอีกยี่สิบหกตนที่ยังเด็ก! พวกมันอาศัยอยู่ที่ใจกลางของภูเขาไฟ!”

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เขาช่างประหยัดถ้อยคำเหลือเกิน!”

“ช่วยไม่ได้ เขาเป็นเช่นนี้เสมอ และเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้!” แม่มดเปลือยกายกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

ในขณะนั้น ซูหยุ่นและซูหยู่ร่อนลงบนพื้นพร้อมกับรายงาน “ทางด้านตะวันออกของเกาะมีปราณจิตวิญญาณแห่งโลหิตไหลผ่าน เราจะก่อตัวตรงนั้น!”

“ถ้าเช่นนั้น มุ่งหน้าไปตรงนั้นเพื่อรวมตัว! จงระวังในทุกการเคลื่อนไหว อย่าให้ถูกเหล่าอสูรกายที่ลาดตะเวนจับตัวได้!” แม่มดเปลือยกายกล่าวกับเจ้าอ้วน “ได้โปรดเก็บเรือบินของเจ้าด้วย!”

“ตกลง!” ซ่งจงตอบกลับพร้อมกับเก็บเรือบิน จากนั้นทั้งหมดเริ่มลักลอบเข้าเกาะทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด