Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 206

Now you are reading Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต Chapter 206 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

บทที่ 206: ทะเลตะวันออกที่แสนโหดร้าย

วันถัดมาเจ้าอ้วนพามู่ซื่อหรงเข้าพบนักบวชฮัวอวิ๋น แน่นอนว่ามู่ซื่อหรงถูกควบคุมโดยมู่เอ๋อ เหตุผลที่เขาเรียกใช้นางเพราะว่าเป็นธาตุไม้เหมือนกันและง่ายที่จะควบคุมมู่ซื่อหรงไม่ให้ผิดแปลกเกินกว่าใครจะสังเกตเห็นได้

เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาถึงอาคารของสำนักชั้นใน เขาเห็นคุณชายใหญ่และคุณชายรองอยู่ที่นั่น พร้อมด้วยพี่ใหญ่จินยืนอยู่ด้านหลังของคนทั้งสอง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผล เมื่อทั้งสามคนเห็นเจ้าอ้วนเดินเข้ามาใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความเกลียดชังและต้องการจะกลืนกินเจ้าอ้วนให้ตายตกไปในตอนนี้เสียเลย

เมื่อเห็นเช่นนั้น นักบวชฮัวอวิ๋นรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จากนั้นเขากล่าวต้อนรับเจ้าอ้วนด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ฮ่าฮ่า วีรบุรุษของเรามาถึงแล้ว นั่งก่อน นั่งลงก่อนไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรหรอก!”

“วีรบุรุษงั้นหรือ?” เมื่อพี่ใหญ่จินได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดจนแทบจะตายในทันที จากนั้นเขาไม่สามารถเก็บงำความในใจไว้ได้จึงตะโกนออกไปว่า “ท่านจ้าวสำนัก ไอ้บัดซบผู้นี้สังหารศิษย์น้องของข้าถึงสามคนและมันคือกบฏ เหตุใดจึงกลายเป็นวีรบุรุษไปได้?”

“เหอะ!” เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “คนที่สังหารโจรตัวเล็กจ้อยที่เจตนาบุกบ้านของตนเองนั้นไม่ได้ทำผิดอะไร แน่นอนว่าเขาคือวีรบุรุษ!”

“เจ้า!” พี่ใหญ่จินโกรธจัด แต่เขาไม่กล้าที่จะต่อกรกับจ้าวสำนัก เขาระงับความโกรธของตนพร้อมกล่าวว่า “ท่านจ้าวสำนัก โปรดอย่าลืมว่าเหตุที่ซ่งจงต้องถูกส่งไปยังทะเลตะวันออกเนื่องจากเขาสังหารผู้อื่น! ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่าเขามีความผิด!”

“ฮ่าฮ่า เรื่องตลกยิ่งนัก!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างรังเกียจ “ใครบอกกันว่าซ่งจงถูกส่งไปทะเลตะวันออกเพื่อเป็นการลงโทษ? นั่นเป็นเพียงความปรารถนาของเขาเท่านั้น! ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้น! เห็นได้ชัดว่าเขาไปอยู่ในสถานที่แห่งนั้นเพื่อป้องกันมนุษย์จากอสูรกาย และผู้ที่คิดจะเสียสละเช่นนี้เรียกว่าวีรบุรุษไม่ถูกงั้นหรือ?”

เจ้าอ้วนตกใจไปชั่วขณะหลังจากที่ฟังพวกเขาทั้งสองโต้เถียงกัน จากนั้นเขาเข้าใจอย่างรวดเร็วถึงเหตุผลที่เขาต้องไปทะเลตะวันออก! คุณชายใหญ่และคุณชายรองต้องการส่งเขาไปที่นั่นเพื่อลงโทษ แต่นักบวชฮัวอวิ๋นต้องการบอกว่าเขาเต็มใจที่จะไปสถานที่แห่งนั้นเอง ซึ่งทั้งสองเหตุผลนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ตามความตั้งใจของคุณชายใหญ่และคุณชายรอง คือเจ้าอ้วนถูกเนรเทศไปยังสถานที่แห่งนั้นเพื่อลงโทษ แม้ว่าในอนาคตเขาจะกลับมา แน่นอนว่าความผิดนี้จะติดอยู่ในประวัติของเขา มันหมายความว่าเจ้าอ้วนมีความผิดที่สังหารผู้ฝึกตนไปสามคน แน่นอนว่าสิ่งนี้จะส่งผลเสียต่ออนาคตของเขาอย่างแน่นอน

ส่วนนักบวชฮัวอวิ๋นนั้นลงบันทึกไว้ว่าเจ้าอ้วนเต็มใจที่จะไปยังทะเลตะวันออกด้วยตนเอง ดังนั้นเมื่อเขากลับมา เขาจะกลายเป็นวีรบุรุษและจะได้รับตำแหน่งสำคัญภายในสำนัก

เทพธิดาเหมยฮวานั้นตอบกลับจดหมายมาเพียงสองคำเท่านั้นและไม่ได้ระบุเหตุผลที่ส่งเขาไป ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงมีเหตุผลที่แตกต่างกันอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อเห็นว่าไม่อาจเอาชนะนักบวชฮัวอวิ๋นได้ พี่ใหญ่จินหันมาคำรามใส่เจ้าอ้วนแทน “เจ้าตัวบัดซบ เจ้าสังหารพี่น้องของข้าและข้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้า! เจ้ายอมรับความผิดในครั้งนี้หรือไม่?”

“ยอมรับบ้าอะไรกัน!” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขาตะโกนออกมาบ้าง “เจ้าพวกหัวล้านทั้งสี่บุกเข้าบ้านของข้าและทำลายทรัพย์สินในบ้านข้า ยังให้ข้ายอมรับอะไรอีก? เจ้าไม่รู้งั้นหรือว่าอะไรที่ถูกเรียกว่าความอัปยศ?”

พี่ใหญ่จินหงุดหงิดทันทีพร้อมกับต้องการที่จะต่อสู้กับเจ้าอ้วน แต่คุณชายใหญ่ดึงเขาไว้พร้อมกล่าวออกมาอย่างเรียบง่าย “อย่าไปโกรธคนตายเลย! มันไม่คุ้มค่า!”

“ขอรับ!” พี่ใหญ่จินตอบกลับพร้อมกับอยู่ในความสงบอย่างรวดเร็ว

จากนั้นคุณชายใหญ่กล่าวออกมาอย่างสุขุม “ศิษย์พี่จ้าวสำนัก ไม่ว่าจะยังไงข้าก็ไม่อาจเชื่อได้ว่าซ่งจงต้องการไปที่นั่นด้วยความเต็มใจ ในความจริงแล้วเขากำลังถูกลงโทษ ท่านต้องยอมรับ!”

“ข้าเพียงแค่ไม่ยอมรับเท่านั้น!” นักบวชฮัวอวิ๋นตอบกลับ “เขาสังหารโจรที่บุกบ้านของตนเองเท่านั้น เขาทำผิดอะไรกัน?”

“ศิษย์ของข้าไม่ใช่โจร!” คุณชายรองได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธทันที

“ฮ่าฮ่า เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่โจร แล้วเหตุใดจึงบุกเข้าไปในบ้านของผู้อื่นโดยไร้เหตุผลล่ะ?” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างรังเกียจ “อย่าบอกนะว่าสำนักเสวียนเทียนไม่ได้สอนให้พวกเขาปฏิบัติตามกฏ?” เห็นได้ชัดว่านักบวชฮัวอวิ๋นกำลังถามคุณชายทั้งสองว่าได้สั่งสอนศิษย์ของตนหรือไม่

คุณชายทั้งสองหรี่ตาลงอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ก็ไม่อาจกล่าวอะไรได้เนื่องจากเรื่องนี้คนของพวกเขาทำผิดอย่างแท้จริง

แต่อย่างน้อยนักบวชฮัวอวิ๋นก็ไม่ต้องการกระตุ้นพวกเขาทั้งสองมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงหันไปคุยกับเจ้าอ้วน “อ้วนน้อยแม้ว่าทะเลตะวันออกจะเป็นสถานที่ที่แย่ แต่มันเต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามอีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญอาศัยอยู่มากมาย มันเหมาะสำหรับการฝึกตนอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ฮี่ฮี่…” เมื่อเขากล่าวมาถึงตอนนี้ นักบวชฮัวอวิ๋นยิ้มกว้างทันที

เจ้าอ้วนรีบถามออกมาด้วยความอยากรู้ “นอกจากนี้อะไรหรือ?”

“นอกจากนี้ ทะเลตะวันออกยังไม่มีกฏ เนื่องจากเกิดความโหดร้ายทุกย่อมหญ้า กล่าวได้ว่าเจ้าสามารถจะทำอะไรก็ได้เท่าที่เจ้าต้องการ เหตุผลนี้จึงทำให้หลายคนต้องการจะไปยังที่แห่งนั้น!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

“ข้ายังไม่เข้าใจ!” เจ้าอ้วนขมวดคิ้ว

“อา เจ้าจะเข้าใจเมื่อไปถึงที่นั่น ถ้าอย่างนั้นถ้าจะขอกล่าวอะไรสักอย่างในฐานะจ้าวสำนัก เจ้าไปจากสำนักเสวียนเทียนแล้วเจ้าสามารถลืมกฏทุกอย่างของสำนักได้ ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร เราจะไม่ไล่ตามเจ้า!” นักบวชฮัวอวิ๋นยิ้มกว้าง “และเจ้าต้องทำตามกฏของสำนักเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว!”

“ว่าอะไร?” เมื่อเจ้าอ้วนได้ยินเช่นนั้น เขางุนงงอย่างมากและไม่เข้าใจในสิ่งที่นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าว เขาขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับถามว่า “ท่านจ้าวสำนัก ท่านหมายถึงอะไร?”

“ข้าพูดไปแล้ว และเจ้าจะรู้ได้เองเมื่อไปถึงที่นั่น!” นักบวชฮัวอวิ๋นหยิบจดหมายออกมาพร้อมกับยื่นให้เจ้าอ้วน “เมื่อเจ้าเข้าสู่ทะเลตะวันออก ค้นหาผู้ฝึกตนระดับจินตันนามว่าฮัว เขาเป็นลูกชายคนโตของข้าและรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ของสำนักเสวียนเทียนที่ทะเลตะวันออก ข้าได้เขียนจดหมายนี้ถึงเขาแล้วและเจ้าอย่าลืมเอาให้เขาดู!”

“ขอรับ!” เจ้าอ้วนตอบกลับพร้อมรับจดหมาย

ในขณะนั้น มู่ซื่อหรงกล่าวออกมาทันที “ท่านปู่ข้าต้องการที่จะไปด้วย!”

“อย่าสร้างปัญหา!” นักบวชฮัวอวิ๋นร้องออกมา “ทะเลตะวันออกนั้นอันตรายมาก เจ้าต้องการจะไปที่นั่นทำไมกัน?”

“ข้าต้องการจะไป!” มู่ซื่อหรงอ้อนวอนนักบวชฮัวอวิ๋นพร้อมกับดึงแขนของเขาไว้ “ถ้าหากท่านไม่อนุญาตให้ข้าไป ข้าจะตายอยู่ตรงนี้!”

เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นเห็นเช่นนั้น เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขามองไปที่เจ้าอ้วนพร้อมกับมองไปที่มู่ซื่อหรงสลับกัน พร้อมกับถอนหายใจออกมาและตอบกลับ “เอาล่ะ ถ้าหากเจ้ายืนยันเช่นนั้นก็จงตามเขาไป! แต่เจ้าอ้วน เจ้าต้องดูแลปกป้องหลานรักของข้าให้ดีที่สุด! ถ้าหากนางเป็นอันตรายแม้แต่ปลายผม ข้าจะถลกหนังเจ้า!”

“ท่านจ้าวสำนักโปรดวางใจ ศิษย์ผู้นี้จะปกป้องนางด้วยชีวิตและจะไม่ให้สิ่งใดมาทำอันตรายนางได้แม้แต่เส้นผม!” เจ้าอ้วนคำนับและตอบกลับอย่างเคร่งขรึม

“ยอดเยี่ยม!” นักบวชฮัวอวิ๋นพยักหน้าด้วยความพอใจ

ในขณะนั้นเจ้าอ้วนสังเกตได้ทันทีว่าสีหน้าของพี่ใหญ่จินนั้นผิดแปลกไป ราวกับเขารู้ว่าการกระทำของมู่ซื่อหรงนั้นแปลกประหลาด ทันในนั้นเจ้าอ้วนเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อวานนี้มู่ซื่อหรงบอกเขาว่าต้องการสวมเขาให้กับเขา! นางเกลียดเจ้าอ้วนถึงจุดที่ยอมหลับนอนกับพี่ใหญ่จินเพื่อสร้างความอัปยศให้กับเจ้าอ้วน นั่นทำให้เขารู้สึกว่ามู่ซื่อหรงนั้นแปลกไปมากในวันนี้

หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้ว เขาสาปแช่งอยู่ภายในใจอย่างเงียบเชียบ ‘เจ้าหัวล้าน แกต้องการหลับนอนกับผู้หญิงของข้างั้นหรือ จงรอก่อนเถิด เมื่อข้ากลับมาแน่นอนว่าหัวใสเลี่ยนของเจ้าจะถูกข้าทุบตีจนเละเป็นแตงโมบด!’

แน่นอนว่าเจ้าอ้วนไม่กล้ากล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป นอกเหนือจากเรื่องของพี่ใหญ่จิน เจ้าอ้วนไม่กล้าพูดชื่อของฮัวเฉียนหวู่ออกไป แม้จะรู้ว่านางเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทำให้ครอบครัวของเขาต้องจากไป ในตอนนี้เขาทำได้เพียงเก็บกดความโกรธไว้และรอโอกาสแก้แค้นเท่านั้น

ก่อนอื่นที่ทุกคนรู้ดีคือ ฮัวเฉียนหวู่นั้นเป็นลูกสาวคนเล็กของนักบวชฮัวอวิ๋นและอยู่ในระดับจินตัน ตอนนี้เจ้าอ้วนไม่สามารถที่จะเข้าใกล้นางได้ อีกทั้งถ้าหากต้องต่อสู้กันจริงๆ แน่นอนว่าฮัวอวิ๋นจะต้องเข้าข้างฮัวเฉียนหวู่อย่างแน่นอน ความจริงแล้วฮัวอวิ๋นอาจจะไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเรื่องครอบครัวของเขาก็ได้ ดังนั้นเจ้าอ้วนต้องอดทนเงียบไว้และรอโอกาสเท่านั้น วันใดถ้าหากเขาสามารถต่อกรกับนักบวชฮัวอวิ๋นได้ แน่นอนว่าวันนั้นเขาจะได้ล้างแค้นให้กับครอบครัว

เมื่อเห็นทุกคนเริ่มมารวมตัวกันเพื่อส่งเจ้าอ้วนออกไป คุณชายใหญ่และคุณชายรองเดินออกไปทันที นักบวชฮัวอวิ๋นได้มอบของขวัญให้กับเจ้าอ้วนและมู่ซื่อหรงจากนั้นทั้งสองค่อยกลับออกมา

เจ้าอ้วนและมู่ซื่อหรงเดินทางมาถึงหอคอยลอยฟ้าและเริ่มเคลื่อนย้ายทันที ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวซึ่งมันจะส่งทั้งคู่ไปยังทะเลตะวันออก

เมื่อเจ้าอ้วนและมู่ซื่อหรงออกจากแสงสีขาวมาได้ พวกเขาอยู่ในห้องหนึ่ง มันเป็นห้องทึบมีหลังคาหนาแน่น ราวกับเป็นคุกจองจำพวกเขาไว้ และมีผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมินับสิบคนกำลังจ้องมองเขาอยู่พร้อมด้วยผู้ฝึกตนระดับจินตันในฐานะผู้นำกลุ่ม

ก่อนที่เจ้าอ้วนและมู่ซื่อหรงจะได้สติ หนึ่งในผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิกล่าวออกมา “บอกชื่อของเจ้ามาซะ ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้าไร้ความเมตตา!”

“ซ่งจง!”

“มู่ซื่อหรง!” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพขนาดใหญ่เช่นนี้ ทั้งสองไม่กล้าที่จะกล่าวสิ่งใดไปมากกว่าชื่อของตนเอง

ทุกคนผ่อนคลายเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อ แต่พวกเขาไม่ได้ปล่อยตัวออกไปและเริ่มสอบสวนต่อ “พวกเจ้ามาจากที่ใด?”

“สำนักเสวียนเทียน!” เจ้าอ้วนตอบกลับอย่างรวดเร็ว “พวกเรามีเครื่องราง!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น ทั้งคู่หยิบยันต์หยกของตนเองที่นักบวชฮัวอวิ๋นมอบให้เมื่อครู่ให้ทั้งหมดดู

“โยนมันทิ้ง!” ผู้ฝึกตนตะโกนออกมา “ระวัง!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น มันเกิดรอยแตกขึ้นเล็กน้อยและทุกคนก็ผ่อนคลายลง

เจ้าอ้วนและมู่ซื่อหรงไม่กล้าที่จะต่อกรกับพวกเขา จึงโยนแผ่นหยกนั้นผ่านรอยแตกอย่างรวดเร็ว หลังจากที่กองทัพนั้นเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ พวกเขาใช้สัมผัสวิญญาณเพื่อตรวจสอบร่างกายของทั้งสองทันที ในที่สุดทั้งหมดก็รู้ได้ว่าทั้งคู่ไม่ใช่อสูรกายอำพรางตัวมา พวกเขาจึงมอบแผ่นหยกคืนให้กับมู่ซื่อหรงและเจ้าอ้วนพร้อมกับนำพาทั้งคู่ออกไปจากห้องมืด

ตลอดทาง เจ้าอ้วนรู้สึกว่าเขาอยู่ภายในถ้ำที่ลึกมาก เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้มีการป้องกันที่แน่นหนามาก ดังนั้นเขาจึงถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ศิษย์พี่ ทำไมการป้องกันของที่แห่งนี้มันแปลกประหลาดเช่นนี้? ทำไมพวกท่านจึงทำตัวเหมือนเพิ่งถูกโจมตีมา?”

เมื่อพวกเขาได้ยิน จึงทำการตอบกลับทันทีด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามาที่นี่ครั้งแรกใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้ว!” เจ้าอ้วนพยักหน้า

“ฮ่าฮ่า งั้นก็ไม่แปลกถ้าหากเจ้าไม่รู้! สถานที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัย ไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมามีอสูรกายปลอมตัวเป็นมนุษย์ ลักลอบเข้ามาที่นี่โดยใช้ประตูเคลื่อนย้าย ศิษย์ของเราไม่ได้ตรวจสอบและปล่อยให้พวกมันเข้ามา ในตอนจบเกิดความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จากการต่อสู้ในคราวนั้น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ประตูเคลื่อนย้ายจึงต้องวางการคุ้มกันไว้อย่างหนาแน่น แม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถเข้ามาได้ถ้าหากไม่ผ่านการตรวจสอบ!” หนึ่งในนั้นอธิบาย

หลังจากที่เจ้าอ้วนได้ยิน เขาตอบกลับด้วยความตกใจ “งั้นที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่แห่งทะเลตะวันออกงั้นหรือ? แล้วก่อนหน้านี้เราถูกซุ่มโจมตีด้วย?”

“แน่นอนว่าที่นี่อยู่ในทะเลตะวันออก และมันไม่มีที่ไหนปลอดภัย เจ้าจะเข้าใจเองในอนาคต!” หนึ่งในนั้นตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ทางออกอยู่ตรงนั้น พวกเจ้าไปได้แล้ว!”

เจ้าอ้วนเดินมาถึงทางออกโดยไม่รู้ตัว มันเป็นประตูเหล็กดำขนาดใหญ่ อีกทั้งมีผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมินับสิบคอยป้องกันอยู่ หลังจากได้เห็นพวกเขาแล้ว ทั้งสองถูกตรวจสอบอีกครั้งพร้อมกับถูกปล่อยตัวออกมา

หลังจากเดินออกจากถ้ำมืด ทั้งสองได้พบกับแสงแดดอันอบอุ่น เจ้าอ้วนและมู่ซื่อหรงรู้สึกสดชื่นอย่างมาก มีเสียงคลื่นทะเลเบา ๆ อยู่ใกล้ ๆ ด้วย เมื่อมองไปรอบ ๆ พวกเขาตระหนักได้ทันทีว่าตนเองยืนอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขาขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อมองตรงไปไกลสุดตาจะพบกับเทือกเขาที่พวกเขาจากมา ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างยิ่ง

ด้านบนของภูเขาลูกนี้มีผู้ฝึกตนกำลังเดินทางไปมาด้วยดาบบินมากมายจนนับไม่ถ้วน สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คน บางคนกำลังพูดคุย บางคนกำลังซื้อยาหรือซื้อผิวหนังของอสูรกาย นอกจากนี้ยังมีคนที่เดินไปรอบ เพื่อสำรวจตลาด

เจ้าอ้วนมองไปรอบด้านอย่างตื่นเต้น และรู้ได้ว่าผู้คนที่มาทำการขายของอยู่ในสถานที่แห่งนี้นั้นอยู่ในระดับเซียนเทียนเท่านั้น มีผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิเพียงไม่กี่ร้อยคนและผู้ฝึกตนระดับจินตันเพียงสามคน ทุกคนอยู่รวมกันทั้งผู้ฝึกตนชอบธรรมและผู้ฝึกตนปีศาจ ทั้งหมดดูเป็นคนหยาบกร้านและโหดร้าย แม้แต่ผู้ฝึกตนชอบธรรมก็ยังทำตัวโหดร้าย

บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ผู้คนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ในสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ผู้ฝึกตนที่เป็นบุรุษกำลังกอดรัดหญิงสาวอย่างทารุน ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใด ทุกคนล้วนแต่แสดงอารมณ์เบื้องลึกของตนเองออกมาอย่างชัดเจน ในตอนนี้เจ้าอ้วนมองเห็นสตรีที่มาจากหอเฉวียนจี้กำลังถูกบุรุษจากสำนักพันปีศาจย่ำยี ปล่อยให้พวกเขาสัมผัสนางได้อย่างเต็มที่ ไม่เพียงแต่นางไม่อาย แต่กลับหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข แน่นอนว่าภาพเหล่านี้ประหลาดมากสำหรับเจ้าอ้วน จึงไม่แปลกที่เขาจะตกอยู่ในภวังค์

จากนั้นมีบางสิ่งทำให้เจ้าอ้วนตะลึงมากยิ่งขึ้น ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิขั้นสุดท้ายเหมือนจะถูกใจกับร่างกายของมู่ซื่อหรง จากนั้นเขาเดินมาหานางอย่างเปิดเผยพร้อมกับมีสตรีจากหอเฉวียนจี้อยู่ในอ้อมแขนอีกด้วย พร้อมกันนั้นเขากล่าวขึ้นมาและเผยรอยยิ้มปีศาจ “น้องชายตัวอ้วน สตรีของเจ้านั้นงดงามมาก ทำไมเราไม่ลองแลกเปลี่ยนกันสักสองสามวันล่ะ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด