Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 266

Now you are reading Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต Chapter 266 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

บทที่ 266: เทพธิดาเหมยฮวา

ถ้าหากเปิดการใช้งานค่ายกลสำเร็จ มันจะสามารถป้องกันการโจมตีของผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินสามสี่คนได้อย่างง่ายดายและจะสามารถหยุดการโจมตีของซ่งจงและเรือมังกรทองคำได้ แต่ในตอนนี้แตกต่างออกไป หอคอยลอยฟ้าและเสาหมื่นนิทราที่เป็นส่วนสำคัญของค่ายกลนี้ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นการยิงของหวงหลงสายฟ้าสีม่วงได้ทำลายรากฐานโดยรอบจนหมดสิ้น นับได้ว่าตอนนี้สำนักเสวียนเทียนได้สูญเสียพลังในการป้องกันไปแล้วครึ่งหนึ่ง!

เมื่อพลังการป้องกันลดลงไปครึ่งหนึ่ง จึงเป็นเรื่องยากที่จะป้องกันสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ตกลงมาราวกับห่าฝน แม้ว่าจะมีคุณชายใหญ่และคุณชายรองเข้ามาเสริมกำลังแต่สถานการณ์ยังคงย่ำแย่ ค่ายกลด้านนอกถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ ที่พักอาศัยของสำนักชั้นนอกในตอนนี้ถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว

ในขณะที่คุณชายใหญ่และคุณชายรองเห็นเช่นนั้น เขาทั้งสองรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตแล้ว เดิมทีทั้งสองต้องการใช้สถานการณ์นี้เพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจ้าวสำนัก แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะได้เป็นจ้าวสำนักอาจจะเป็นถูกทุบตีให้แหลกเป็นผุยผงโดยซ่งจง ทั้งสองหันไปกล่าวกับนักบวชฮัวอวิ๋นที่กำลังมึนงงอย่างรวดเร็ว “ศิษย์พี่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเกลียดชังกันแล้ว! เรือมังกรทองคำของซ่งจงน่ากลัวเกินไป ค่ายกลของสำนักไม่อาจต้านไว้ได้นาน!”

“อะไรนะ?” นักบวชฮัวอวิ๋นฟื้นคืนสติทันทีพร้อมอุทานออกมาว่า “ค่ายกลของสำนักนั้นแข็งแกร่งมาก มันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?”

“ของเดิมนั้นไม่ได้มีปัญหา แต่ว่าตอนนี้หอคอยลอยฟ้าได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ซึ่งมันคือส่วนสำคัญของพลังการป้องกันและมันถูกทำลายโดยซ่งจง! ตอนนี้สำนักมีพลังการป้องกันเพียงครึ่งเดียวจากเดิม นอกจากนั้นซ่งจงยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องราวกับว่าเขามีหินจิตวิญญาณที่ไร้ขอบเขต! ถ้าในตอนนี้เราไม่ทำอะไรสักอย่าง แน่นอนว่าเราจะต้องถูกทำลายย่อยยับ!”

“ปัญหานี้รุนแรงมากงั้นหรือ?” นักบวชฮัวอวิ๋นตกใจ ในตอนแรกเขาคิดว่าค่ายกลของสำนักจะสามารถจับกุมซ่งจงได้อย่างแน่นอนและเขาจะปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงจมอยู่กับความคิดพร้อมกับหาทางออกให้กับปัญหานี้ แต่หลังจากที่ได้รับการกระตุ้นโดยคุณชายทั้งสอง เขารีบฟื้นคืนสติและมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว ในตอนสุดท้ายเขาพบว่าค่ายกลของสำนักกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงจากการโจมตีที่บ้าคลั่งของซ่งจง

ท่าทีของนักบวชฮัวอวิ๋นเปลี่ยนไปทันที เมื่อเทียบกับชื่อเสียงของตนเอง เขารู้แล้วว่าชีวิตนั้นสำคัญกว่ามาก เขาสั่นศีรษะสลัดความคิดอื่นออกไปพร้อมกับตะโกนทันที “ส่งสาวกทั้งหมดเพื่อไปซ่อมแซมค่ายกลที่พัง!”

“เราได้ลองทำมันแล้วแต่ไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังมีสาวกที่เข้าสู่การฝึกฝนแบบปิดกั้นอยู่มาก ในตอนนี้จึงไม่มีทางออกอื่น!” คุณชายรองโอดครวญ

เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ทางเลือกเดียวของเราในตอนนี้คือขอร้องให้ศิษย์พี่หญิงออกจากภูเขา!”

“เทพธิดาเหมยฮวา?” คุณชายทั้งสองร่าเริงอย่างมาก แต่หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองขมวดคิ้วพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่น “เราต้องเผชิญกับความโกลาหลครั้งใหญ่และนางอยู่ใกล้เราเพียงเท่านี้ เป็นไปได้อย่างไรที่นางจะไม่ทราบถึงสถานการณ์นี้? นางไม่ได้ยื่นมือเข้ามาแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้!”

“เอะ!” นักบวชฮัวอวิ๋นอุทานออกมาราวกับคิดได้ “บัดซบ สองสามทศวรรษที่แล้ว ศิษย์พี่หญิงเคยกล่าวว่าสำนักเสวียนเทียนของเราจะพบกับโศกนาฏกรรมและนางไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงเข้าสู่การฝึกฝนแบบปิดกั้นเป็นเวลาร้อยปี ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนักเพราะสำนักเสวียนเทียนนั้นแข็งแกร่งมาก ข้าไม่ได้คิดว่าเราจะพบเจอกับอันตราย ไม่เคยคิดเลยว่าซ่งจงจะเป็นคนพาโศกนาฏกรรมนี้มา!”

“นางรู้งั้นหรือว่าซ่งจงจะก่อกบฏ?” คุณชายทั้งสองอุทานออกมา “แล้วทำไมนางจึงไม่หยุดเขา?”

“เรื่องนั้น… ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน การกระทำของศิษย์พี่หญิงนั้นลึกลับเสมอและมันไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะเข้าใจได้!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างหมดหนทาง

“เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรในตอนนี้?” คุณชายใหญ่และคุณชายรองกล่าวออกมาอย่างกังวล “หอคอยลอยฟ้าได้ถูกทำลายไปแล้วและเราไม่สามารถขอกำลังเสริมได้! ถ้าหากเทพธิดาเหมยฮวาไม่มีท่าทีใดๆกับเรื่องนี้ พวกเราสามคนทำได้เพียงหลบหนีและปล่อยให้สำนักเสวียนเทียนที่ก่อตั้งมานับพันปีถูกทำลาย!”

 

นักบวชฮัวอวิ๋นที่ได้ยินเช่นนั้น เขายิ่งรู้สึกเสียใจอย่างมาก อย่างไรก็ตามเรื่องราวได้ดำเนินไปไกลแล้ว เสียใจต่อไปไม่ทำให้เกิดประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงกล่าวออกมาอย่างโกรธแค้น “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สำนักเสวียนเทียนจะไม่มีวันถูกทำลายได้ถ้าหากข้ายังคงเป็นจ้าวสำนัก!”

ถ้าหากสำนักเสวียนเทียนถูกทำลาย นักบวชฮัวอวิ๋นคือคนแรกที่จะได้รับโทษในฐานะจ้าวสำนัก แม้ว่าเขาจะสามารถหลบหนีไปได้ แต่กฎของสำนักจะไม่มีวันปล่อยเขาไป ดังนั้นเขาจึงต้องยืนหยัดและปกป้องเลือดเนื้อของบรรพบุรุษทั้งหมดไว้จนนาทีสุดท้าย

คุณชายใหญ่และคุณชายรองไม่อยากเป็นคนไร้มารยาทแม้ว่าจะเข้าสู่สำนักเสวียนเทียนได้เพียงไม่นานนัก ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าวออกมา “ถ้าหากสำนักเสวียนเทียนถูกทำลาย เราทั้งสามคนจบอย่างแท้จริง! รีบหาทางเถอะ!”

“ทางไหน?” นักบวชฮัวอวิ๋นขมวดคิ้วพร้อมถามกลับอย่างเยือกเย็น “ข้าเกรงว่าพวกเจ้าจะมีความกล้าหาญไม่มากพอ!”

“ตอนนี้เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว มีอะไรอีกที่พวกเราจะไม่กล้าทำ?” คุณชายใหญ่และคุณชายรองตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ยอดเยี่ยม!” นักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวต่อ “เราจะออกไปขอความช่วยเหลือจากศิษย์พี่หญิงที่ภูเขาเหมย!”

“เอะ?” เมื่อคุณชายรองได้ยินเช่นนั้น เขาถามกลับอย่างงุนงง “ศิษย์พี่เหมยฮวาไม่ต้องการร่วมด้วยไม่ใช่หรือ? ถ้าหากเราเข้าไป มันจะเป็นเช่นไรถ้าหากนางไม่เปิดประตูต้อนรับเรา?”

“งี่เง่า!” คุณชายใหญ่ตะคอกคุณชายรองอย่างรวดเร็ว “มันไม่สำคัญว่านางจะเปิดหรือไม่ แต่ซ่งจงจะไล่ล่าพวกเราไปที่นั่นด้วยเรือมังกรทองคำ เมื่อไปถึงภูเขาเหมย แน่นอนว่าซ่งจงจะระเบิดมันทันทีด้วยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าเทพธิดาเหมยฮวาจะต้องการอยู่อย่างสงบ แต่นางก็คงไม่ยอมที่จะให้คนอื่นขัดความสุขของตน ถูกไหม?”

“อ่า ข้าเข้าใจล่ะ!” คุณชายรองตอบกลับอย่างประหลาดใจ “นี่คือต้นเหตุที่นำพาหายนะให้นาง! หากนางต้องการหลีกเลี่ยงซ่งจง เราจึงต้องส่งซ่งจงไปที่ประตูหน้าบ้านของนางเอง มาดูกันว่านางจะทำอะไรได้บ้าง!”

“ถูกต้อง เรียกได้ว่าเป็นการยืมมือคนอื่นสังหารคน!” คุณชายใหญ่ยิ้มออกมา “ศิษย์พี่ นี่เป็นแผนการที่เฉียบแหลมจริงๆ!”

“เหอะ!” นักบวชฮัวอวิ๋นส่ายหัว “สำหรับข้านั้นไม่ได้อยากที่จะบีบบังคับศิษย์พี่เหมยฮวาเช่นนี้เลย แต่เหตุการณ์ได้บานปลายมากเกินไปแล้ว ข้าจึงต้องดึงนางเข้ามาร่วมด้วย!”

เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นกล่าวจบ เสียงของสตรีที่โกรธจัดได้ดังขึ้น “ฮ่าฮ่า พูดได้ดี เจ้าเป็นน้องชายที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! เหมือนว่ามีบางอย่างที่เหมือนว่าพี่สาวคนนี้จะถูกขายออกไป!”

สตรีรูปงามปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสามคน หญิงสาวผู้นี้เหมือนว่าจะอายุเพียงสามสิบปีเท่านั้นและกำลังจ้องมองทั้งสามคนอย่างเยือกเย็น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความโกรธ นางคืออาจารย์ของฉุ่ยจิ้งและเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งภายในสำนักเสวียนเทียน เทพธิดาเหมยฮวา!

เห็นได้ชัดว่าเทพธิดาเหมยฮวานั้นอยู่ตรงนี้นานแล้ว นางซ่อนตัวอยู่ในเงามืดด้วยสถานะผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินขั้นสมบูรณ์ พวกกับความจริงที่ทั้งสามมีเป้าหมายเดียวคือซ่งจง ไม่มีใครสังเกตเห็นการมาถึงของนาง ดังนั้นการสนทนาทั้งหมดจึงเข้าหูของนางอย่างชัดเจน!

ในขณะที่เทพธิดาเหมยฮวาเก็บตัวเงียบหลายทศวรรษและดูเหมือนว่านางใจร้าย แต่นางก็ไม่อาจทนได้ถ้าหากสำนักเสวียนเทียนจะต้องพบกับโศกนาฏกรรม ดังนั้นนางจึงซ่อนตัวและตรวจสอบสถานการณ์พร้อมประเมินว่านางสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามนางไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ยินน้องชายของตนเองวางแผนจะต่อต้านนาง ในตอนนี้เทพธิดาเหมยฮวาจะต้องรู้สึกอย่างไรกัน?

ผู้ฝึกตนที่ทรงพลังคนนี้นั้นมีอายุมาสองถึงสามทศวรรษแล้ว นางโกรธเคืองนักบวชฮัวอวิ๋นอย่างถึงที่สุดถึงจุดที่ร่างกายสั่นไหวและปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ถ้าหากไม่มีการรุกรานของซ่งจง แน่นอนว่านางอาจจะสังหารทั้งสามคนในทันที!

เมื่อทั้งสามเห็นการปรากฏตัวของเทพธิดาเหมยฮวา ทุกคนหวาดกลัวจนวิญญาณแทบจะกระเด็นออกจากร่างกาย โดยเฉพาะนักบวชฮัวอวิ๋น เขารู้จักเทพธิดาเหมยฮวาดีที่สุด หลังจากที่ใช้ชีวิตร่วมกันมายาวนาน เขากลับคิดใช้นางเป็นเครื่องมือ เช่นนี้ความรู้สึกผิดถาโถมทันที สำหรับคุณชายทั้งสองนั้นไม่ได้ใกล้ชิดกับนาง จึงไม่มีความรู้สึกผิดใดๆเกิดขึ้น

“ศิษย์พี่หญิงฟังข้าอธิบายก่อน!” เมื่อเห็นความโกรธของเทพธิดาเหมยฮวา นักบวชฮัวอวิ๋นหวาดกลัวจนหลั่งเหงื่อออกมาท่วมร่างกายพร้อมกล่าวอย่างติดขัด “ข้า.. ข้า.. ข้าถูกบังคับให้ทำเช่นนี้…”

 

“ฮ่า! ถูกบังคับให้ประกาศเรื่องครอบครัวของซ่งจงเป็นสายลับให้กับอสูรกายงั้นหรือ? ถูกบังคับจากลูกนอกไส้ของเจ้าให้ช่วยปกปิดเรื่องการสั่งฆ่าครอบครัวของเข้างั้นหรือ?” เทพธิดาเหมยฮวากล่าวออกมาอย่างโหดเหี้ยม “ฮัวอวิ๋น เจ้ายังมีความเป็นมนุษย์อยู่ในจิตใจหรือไม่?!”

“อา!” เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น ลมหายใจของเขาเย็นเฉียบ จากนั้นเขาตระหนักได้ว่านับตั้งแต่ที่เทพธิดาเหมยฮวามาที่นี่ นางต้องได้ยินทุกอย่างที่ซ่งจงกล่าวออกมาแล้ว เมื่อเขาคิดได้ว่าตนเองได้ทำเรื่องน่าสมเพชลงไป ใบหน้าของเขาเล็กลีบและไร้คำจะกล่าวออกมา

อย่างไรก็ตาม เทพธิดาเหมยฮวายังคงไม่ยอมปล่อยเขาไปและกล่าวต่อ “ข้าสงสัยเพียงอย่างเดียวว่าเหตุใดข้าจึงไม่สามารถตรวจสอบการตายของครอบครัวซ่งจงได้ด้วยการพยากรเลย ซึ่งการทำเช่นนั้นข้าจะถูกรบกวนทุกครั้ง ในตอนนี้ข้ารู้แล้วว่ามันเป็นพลังของยันต์เจ็ดดาวแห่งสำนักพันปีศาจ อย่างไรก็ตามนับได้ว่าเจ้าเป็นน้องชายที่ยอดเยี่ยม เจ้าคิดจะใช้ความคุ้นเคยของข้ากับเขามารบกวนข้า ถูกไหม?”

นักบวชฮัวอวิ๋นนั้นเป็นมนุษย์ธรรมดา เมื่อเห็นว่าเทพธิดาเหมยฮวานั้นรู้ทุกอย่าง เขาอยู่ในความเงียบทันที ในตอนนี้เขายอมรับความผิดทั้งหมดแล้ว หลังจากที่คิดอยู่นาน นักบวชฮัวอวิ๋นหัวเราะออกมาอย่างขื่นขม “ศิษย์พี่หญิง ข้าไม่รู้จริงๆเรื่องที่ฮัวเฉียนหวู่ทำร้ายครอบครัวของซ่งจง กว่าที่ข้าจะรู้เรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดได้จบลงแล้ว อย่างไรก็ตามในตอนนั้นมันสายเกินไปแล้ว ถ้าหากเด็กของเราทำผิดพลาด มันไม่ใช่หน้าที่ของเรางั้นหรือที่จะทำความสะอาดมัน? ดังนั้น ข้า… เฮ้อ ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านผิดหวัง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด