Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 242

Now you are reading Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต Chapter 242 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

บทที่ 242: เจ้าต้องการที่จะรู้หรือไม่?

“เพราะการช่วยเหลือของข้าจึงทำให้เทพธิดาชิงหยุนสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว แทบจะนำหน้าข้าด้วยซ้ำไป! ด้วยสิ่งนี้จึงทำให้นางอยู่เหนือเพื่อนร่วมสำนักคนอื่น ถึงจุดที่นางสามารถอยู่เหนือจ้าวสำนักของตนเองและขึ้นเป็นผู้นำหอเฉวี้ยนจี้! ในตอนแรกที่นางตามหาข้า นางอยู่ในระดับหยวนหยินขั้นกลางเท่านั้น แต่ในตอนนี้ข้าเพิ่งเข้าสู่ระดับหยวนหยินขั้นกลาง แต่นางนั้นอยู่ในระดับหยวนหยินขั้นสมบูรณ์ที่พร้อมจะเข้าสู่ระดับเฟินเสินได้ตลอดเวลา! เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผู้คนไม่น้อยต้องตื่นตะลึง!” ตาเฒ่าเฟิงคร่ำครวญอย่างขื่นขม

ในขณะที่เขากล่าวออกมาเช่นนั้น ตาเฒ่าเฟิงอดไม่ได้ที่จะลูบเคราตนเองด้วยความขื่นขม เห็นได้ว่าเขาหดหู่มากขนาดไหน ซ่งจงนั้นยิ่งงุนงงเมื่อได้ยินเรื่องราวเช่นนี้ แม้จะรู้ว่าการตายของครอบครัวเขานั้นจะดูน่าสงสัยอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะซับซ้อนมากถึงขนาดนี้!

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมาถึงขั้นนี้แล้วไม่ว่าอย่างไรซ่งจงก็จะต้องเจาะข้อมูลลงไปให้มากที่สุด ดังนั้นเขาจึงเปิดปากอีกครั้งเพื่อถามต่อ “ถ้าเป็นเช่นนั้นฮัวเฉียนหวู่จึงมาหาเจ้าผ่านทางมารดาของตนหรือ?”

“ไม่เป็นเช่นนั้น!” ตาเฒ่าเฟิงโบกมือพร้อมกล่าวว่า “เรื่องระหว่างข้ากับชิงหยุนนั้นเป็นความลับอย่างมาก นอกเหนือจากเราทั้งคู่ ไม่มีใครรู้เลย แม้แต่สำนักของข้าก็ไม่เคยรับรู้! เหตุผลเดียวที่ทำให้ข้าได้พบกับฮัวเฉียนหวู่นั้นคือความบังเอิญ! ในวันนั้นข้านัดพบกับชิงหยุนและได้พบกับฮัวเฉียนหวู่โดยบังเอิญ ข้าไม่สามารถหลบหนีได้ทันและต้องยอมตกอยู่ในสภาวะเช่นนั้น ถ้าหากเป็นผู้อื่น แน่นอนว่าข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป ปากของเขาจะต้องปิดสนิทไปตลอดกาล อย่างไรก็ตามนางเป็นลูกสาวคนเดียวของชิงหยุน! นางทนไม่ได้ที่จะสังหารบุตรของตนเอง ดังนั้นข้ากับฮัวเฉียนหวู่จึงรู้จักกัน!”
“แล้วถ้าเช่นนั้นนางจะทรยศครอบครัวข้าไปเพื่ออะไร?” ซ่งจงรีบถาม

“นางทรยศอย่างไร?” ตาเฒ่าเฟิงหยักไหล่ “นางมาหาข้า ขอให้ข้าซุ่มโจมตีบุรุษคนหนึ่งเพื่อสังหารครอบครัวของเจ้า อีกทั้งนางยังเต็มใจที่จะใช้ร่างกายของตนเองตอบแทนข้าอีกด้วย! เดิมทีแล้วข้าไม่เต็มใจนัก แต่แม่ของนางนั้นยังต่อสู้กับผู้ฝึกตนปีศาจเช่นพวกเราอยู่ อย่างไรก็ตามนางได้ใช้ความสัมพันธ์ข่มขู่ข้า ถ้าหากข้าไม่ยอมนางจะบอกทุกคนเกี่ยวกับการนัดเจอกันของเราและโยนความผิดทั้งหมดให้ข้า เฮ้อ ชิงหยุนนั้นเข้ามาในชีวิตข้าเองด้วยซ้ำ! เจ้าบอกข้าทีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าหรือเปล่า นางนั้นเริ่มงี่เง่าหลังจากที่ถูกบิดาของเจ้าทอดทิ้งใช่หรือไม่?!”

“เฮ้อ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ความจริงแล้วข้าไม่เต็มใจที่จะลงมือกับครอบครัวของเจ้า เขาเป็นศิษย์คนสำคัญของสำนักเสวียนเทียน หากไม่มีเหตุผล ใครกันที่อยากจะเดินเข้าไปกระตุ้นมังกร? แต่ว่าข้าก็ไม่อาจปฏิเสธฮัวเฉียนหวู่ได้ นางบังคับข้าทุกหนทาง ดังนั้นข้าจึงยอมทำตามอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก็พูดเถอะว่าฮัวเฉียนหวู่นั้นเป็นผู้หญิงที่เล่นด้วยแล้วสนุกยิ่งนัก! ปัญหาเดียวก็คือเมื่อนางมาพบข้า นางมักจะครวญครางชื่อบิดาของเจ้าในขณะที่กำลังสนุกกับข้าอยู่!”

เมื่อได้ยินเรื่องราวมาถึงตรงนี้ ซ่งจงโกรธจัดจนแทบจะหมดสติ เขาอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งออกมา “นังสารเลว แพศยา!”

“ฮี่ฮี่!” ตาเฒ่าเฟิงเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า “เอาล่ะ เรื่องทั้งหมดก็เป็นตามที่ข้าบอก เจ้าควรที่จะบอกตำแหน่งของภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าได้แล้ว!”

“เดี๋ยวก่อน!” ซ่งจงยกมือขึ้นมาพร้อมกล่าวต่อ “เจ้ากล่าวถึงฮัวเฉียนหวู่เท่านั้น แต่ไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่จะพิสูจน์คำพูดของตัวเอง แล้วเช่นนี้ข้าจะสามารถเชื่อเจ้าได้อย่างไร?”

“ฮ่าฮ่า แล้วถ้าหากเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าจะทำอะไรได้? ข้าไม่มีวิธีพิสูจน์หรอกว่านางคือผู้บงการเรื่องทั้งหมด! อย่างไรก็ตามถ้าหากเจ้าพบกับฮัวเฉียนหวู่ เจ้าสามารถดูรอยสักบนหน้าอกของนางได้!” ตาเฒ่าเฟิงกล่าวออกมาอย่างสดใส “อาจถือได้ว่านั้นเป็นหลักฐานใช่หรือไม่? ฮ่าฮ่า!”

“ข้าเดาว่าเช่นนั้น!” ซ่งจงตอบกลับอย่างเยือกเย็น “ถ้าหากข้ามีโอกาส ข้าจะไปและจัดการกับนาง!”

“ฮี่ฮี่ น่าเสียดาย ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสที่จะทำมัน!”

“อาจเป็นเช่นนั้น!” ซ่งจงกล่าวแบบไม่สนใจพร้อมถามต่อ “ข้ามีหนึ่งคำถามสุดท้าย ถ้าหากเจ้าสามารถตอบข้าได้ ข้าจะบอกตำแหน่งของภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า แน่นอนว่าข้าจะไม่ผิดคำพูดของตนเองอย่างแน่นอน!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของตาเฒ่าเฟิงสดใสทันทีพร้อมกับรีบกล่าวออกมา “ย่อมได้ ถามมาเลย!”

“ในขณะที่ฮัวเฉียนหวู่ทรยศครอบครัวของข้า ฮัวอวิ๋นรับรู้เรื่องนี้หรือไม่?” ซ่งจงถามอย่างเยือกเย็น

“ฮี่ฮี่ เรื่องนี้หรือ? เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้รู้เรื่องเลยในตอนแรก แต่แผนนี้มันบ้าเกินไป ถ้าหากมันเดินทางไปถึงหูของเหล่ามังกร แน่นอนว่าหายนะที่ไม่อาจคาดเดามันจะเกิดขึ้นกับเรา! นอกจากนี้ฮัวอวิ๋นยังเป็นสหายของตระกูลหงและเหล่ามังกรที่ดุร้าย ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมแน่นอนที่จะให้ฮัวเฉียนหวู่วางแผนทำร้ายบิดาของเจ้า!”

“จากคำพูดของเจ้า เขาอยู่ในความมืดอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ?” ซ่งจงยังไม่ย่อท้อที่จะถาม นักบวชฮัวอวิ๋นปฏิบัติกับเขาอย่างเฉยชาในเรื่องครอบครัวของเขาและไม่ยอมให้เขาสืบค้นหาหลักฐานใดเพราะเกรงว่าจะกลายเป็นศัตรูกัน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คาดหวังอาจไม่เป็นดั่งใจ เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งจง ตาเฒ่าเฟิงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาก่อนจะกล่าวว่า “หึ ซ่งจงเอ๋ย เจ้ากำลังดูถูกชายชราอย่างเช่นพวกเรา ฮัวอวิ๋นนั้นมีชีวิตมายาวนานร้อยกว่าปี เส้นสายของเขาในภูเขามากมาย ถือได้ว่าเขานั้นเป็นบุคคลสำคัญเลยก็ว่าได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือวิธีการสอบสวน เขาทำทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจนั่งอยู่ในตำแหน่งจ้าวสำนักเสวียนเทียนได้! เจ้าคิดว่าการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของฮัวเฉียนหวู่จะสามารถรอดพ้นสายตาของเขาได้งั้นหรือ? เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าภูมิหลังของตนสูงส่งมากเพียงใด? ความตายของครอบครัวเจ้าจะถูกเพิกเฉยงั้นหรือ? เหอะ เด็กน้อย เจ้าไร้เดียงสายิ่งนัก!”

“อา!” หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ซ่งจงแทบหมดสติทันที “เจ้าหมายความว่าอะไร สุดท้ายแล้วฮัวอวิ๋นรู้เรื่องนี้งั้นหรือ?”

“แน่นอน!” ตาเฒ่าเฟิงตอบกลับ “ถ้าหากเขาไม่อยู่ตรงนั้นเพื่อช่วยฮัวเฉียนหวู่จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เรื่องนี้คงไม่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างมิดชิดหรอกจริงไหม? เจ้าคิดว่าผู้คนจากสำนักเสวียนเทียนนั้นโง่เขลางั้นหรือ? เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะไม่รู้ว่าศิษย์ของตนเองตายอยู่ตรงไหน ตายด้วยน้ำมือของใคร? จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?”

“เจ้ากำลังบอกว่าฮัวอวิ๋นไม่เพียงแต่ทำให้ฮัวเฉียนหวู่รอดไปได้ แต่เขายังช่วยจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย?” เจ้าอ้วนกล่าวออกมาอย่างหมดความอดทน

“เจ้ายังต้องถามอีกงั้นหรือ? ในตอนจบฮัวเฉียนหวู่ก็คือลูกสาวของเขาในนาม ถ้าหากข่าวแพร่กระจายออกไปแน่นอนว่าจะเกิดความปฏิปักษ์ระหว่างตระกูลฮัวและตระกูลหง! ฮัวเฉียนหวู่ต้องตายและฮัวอวิ๋นก็จะไม่สามารถหลบหนีการลงโทษได้! เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ฮัวอวิ๋นทำได้แค่กัดฟันและช่วยเหลือฮัวเฉียนหวู่ให้รอดพ้นจากเรื่องนี้โดยขาวสะอาดที่สุด!” ตาเฒ่าเฟิงยิ้มพร้อมกล่าวต่อ “แน่นอนว่าฮัวอวิ๋นไม่เพียงแต่ปล่อยฮัวเฉียนหวู่ไปอย่างง่ายดาย ในความจริงเขาไปพบกับชิงหยุนพร้อมกับเกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรง จากนั้นเขาโยนฮัวเฉียนหวู่ให้กับชิงหยุนไป ผ่านมาสิบปีแล้ว นางไม่เคยได้กลับสำนักเสวียนเทียนอีกเลย!”

“เหอะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฮัวเฉียนหวู่จึงหายไปจากสำนักทั้งที่นางเป็นคนที่น่านับถือ ทั้งหมดนี้คงเป็นเรื่องจริง!” ซ่งจงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นความจริงได้ปรากฏกับข้าแล้ววันนี้! นังแพศยาฮัวเฉียนหวู่ เจ้าควรจะรอข้าอย่างใจเย็น วันหนึ่งบิดาของบิดาเจ้าคนนี้จะสับเจ้าให้เป็นชิ้นเพื่อล้างแค้นให้กับครอบครัวของข้า!”

“นี่ เจ้าไขมันน้อยเอ๋ยหยุดเพ้อฝันก่อน!” ตาเฒ่าเฟิงพูดแทรกขึ้นมา “ในตอนนี้ข้าบอกเจ้าไปหมดแล้ว ช่วยทำเรื่องนี้ให้จบโดยการรักษาสัญญาได้ไหม?”

“ฮี่ฮี่!” ซ่งจงยิ้มเยาะออกมาและวางมือบนไหล่ซูหยุนและซูหยู่

“ที่รัก ไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะส่งเจ้าไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยมาก ๆ!” เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น ซ่งจงไม่ได้รอให้พวกนางตอบอะไรพร้อมกับเปิดใช้งานทักษะของตนเองทันที ในขณะนั้นหญิงสาวทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าของตาเฒ่าเฟิงได้หายเข้าไปอยู่ในมิติลึกลับของเจ้าอ้วนอย่างรวดเร็วรวมทั้งนาวายักษ์สีดำด้วย

เมื่อเห็นเช่นนั้น ตาเฒ่าเฟิงอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ “ซ่งจงเจ้ากำลังพยายามจะทำอะไร?”

“เหอะ!” ซ่งจงตอบกลับอย่างยียวน “ข้ากำลังทำความสะอาดพื้นที่เพื่อเตรียมที่จะต่อสู้!”

“ต่อสู้?” ตาเฒ่าเฟิงโกรธจัด “เจ้าไขมันบัดซบ ข้าคิดว่าเจ้ากำลังจะบอกข้าเกี่ยวกับภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า อย่าบอกนะว่าเจ้ากำลังจะผิดคำพูด?”

“แน่นอนว่าไม่! ข้าไม่เหมือนเจ้า แน่นอนว่าคนอย่างข้านั้นสามารถเชื่อถือได้!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างภูมิใจ “ตั้งแต่ข้าได้กล่าวออกไปแน่นอนมันหมายความว่าข้าจะเปิดเผยมัน ข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับสิ่งนี้เช่นกัน!”

แม้ว่าตาเฒ่าเฟิงจะถูกเย้ยหยันอย่างหนักโดยซ่งจง เขาก็ต้องเก็บงำความโกรธไว้เพราะภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้านั้นสำคัญกว่า ดังนั้นเขาจึงยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า “เยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก เจ้าคือวีรบุรุษแท้จริง เอ้า ไหนล่ะวิธีที่เจ้าจะปฏิบัติตามคำสัญญา?”

“ไม่มีปัญหา เจ้าได้รู้แน่ว่ามันอยู่ที่ไหน ดูนี่!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาหยิบสิ่งหนึ่งออกมา เป็นพัดหยกสีเขียวอยู่ในมือของซ่งจง จากนั้นเขาเปิดมันออกเผยให้เห็นภาพวาดด้านในให้ตาเฒ่าเฟิงดู

“ภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า!” เมื่อเห็นเช่นนั้น ตาเฒ่าเฟิงตะโกนออกมาอย่างดีใจ “ฮ่าฮ่า ข้านั้นค้นพบทองคำโดยที่ไม่ต้องพยายามเลย! ภาพวาดนี้อยู่ในการครอบครองของเจ้างั้นหรือ ฮ่าฮ่า เด็กน้อย ยอดเยี่ยมมาก!”

“เหอะ!” ซ่งจงหัวเราะเบา ๆ อย่างช่วยไม่ได้ “ใช่ ภาพวาดนี้อยู่ในมือของข้า แต่ปัญหามีอยู่ว่าเจ้ามีความสามารถที่จะหยิบมันไปหรือไม่?” เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น ซ่งจงขยับมือเล็กน้อยเพื่อปลดปล่อยผู้ฝึกตนดาบทั้งห้าและนักบวชทั้งสี่ออกมา ทั้งหมดมีอุปกรณ์ครบมือ พวกนางจ้องมองที่ตาเฒ่าเฟิงอย่างระมัดระวัง

เมื่อเห็นเช่นนี้ ตาเฒ่าเฟิงจะไม่ตกใจได้อย่างไร “แม่มดเทวะทั้งเก้า? เป็นไปได้อย่างไร แม้ว่าข้าจะไม่สามารถเอาชนะพวกนางได้ แต่เจ้าทำให้พวกนางยอมรับได้อย่างไรกัน?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าอ้วนตอบกลับอย่างสบาย ๆ “ลองเดาดูสิ”

“เด็กน้อยสารเลว ไม่คิดบอกข้างั้นหรือ?”

“แน่นอนว่าไม่!” ซ่งจงตอบกลับ “เพราะข้าต้องการให้เจ้าอยากรู้เรื่องนี้ไปตลอดกาล เหอะเหอะ เจ้าต้องการรู้หรือไม่? ถ้าหากเจ้าต้องการ เจ้าก็ควรที่จะออมมือให้ข้าบ้าง แต่ถ้าหากเจ้าเผลอสังหารข้าทิ้งไป ก็จงลืมวิธีเหล่านี้ไปได้เลย!”

“สารเลว!” ตาเฒ่าเฟิงแทบจะตายตกไปเพราะคำพูดเหล่านี้ เขาอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งออกมา “นี่เจ้าคิดข่มขู่ข้างั้นหรือ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด