Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 211

Now you are reading Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต Chapter 211 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

บทที่ 211: ซื่อหรงผู้เกรี้ยวกราด

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งจงเผยรอยยิ้มเย็นเยือกออกมาและไม่ได้ตอบกลับอะไรนาง แต่ความเป็นจริงเขากำลังจะรับชมการแสดงดี ๆ ต่อจากนี้ต่างหาก

มู่เอ๋อที่ควบคุมร่างกายของมู่ซื่อหรงอยู่ยืนขึ้นพร้อมกล่าวอย่างเยือกเย็น “นังเพศยา ได้โปรดสุภาพต่อพี่ชายซ่งด้วย! ถ้าไม่เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้ตายอย่างน่าสยดสยอง!”

เมื่อแม่มดเปลือยกายได้ยินเช่นนั้น นางโกรธจัดแทบจะตายอยู่ตรงนั้น ทุกคนในบริเวณตกใจอย่างสิ้นเชิง ทุกคนรู้ว่านางไม่ใช่คนธรรมดา นี่คือแม่มดที่ร้ายกาจ แต่กลับมีมือใหม่ระดับปฐมภูมิขั้นต้นเรียกนางว่าเพศยาต่อหน้าผู้คน? นี่เป็นการแสวงหาความตายอย่างชัดเจน!

แม่มดเปลือยกายโกรธจัดจนดวงตาของนางสั่นคลอน คล้ายกับว่านางจะเป็นลมอยู่ตรงนั้น ชายร่างสูงยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงขอโทษปนหัวเราะ “ลูกพี่หญิง สำหรับหญิงสาวผู้นี้คงไม่เหมาะที่ท่านจะลงมือเองเป็นการส่วนตัว ทำไมท่านจึงไม่ให้ข้าลองดูล่ะ ข้าสัญญาว่าข้าจะทรมานนางจนกว่านางจะตาย และท่านจะต้องพึงพอใจอย่างแน่นอน!”

เมื่อแม่มดเปลือยกายได้ยินเช่นนั้น นางหลับตาลงพร้อมกล่าวออกมา “ยอดเยี่ยม ข้าไม่ได้รับชมการแสดงสดมาสักพักหนึ่งแล้ว เจ้าสามารถมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับทุกคนได้วันนี้ เหล่าฉือทำงานหนักหน่อยนะ!”

“ลูกพี่หญิงสามารถมั่นใจในตัวของเหล่าฉือผู้นี้ได้!” เขาหัวเราะพร้อมก้าวออกมายืนอยู่ตรงหน้าของมู่ซื่อหรง ทั้งสองมือเหยียดออกมาพร้อมกับมีโลหิตเปื้อนมือทั้งสองข้าง เลือดเหล่านั้นพุ่งเน้นไปที่หน้าอกของมู่ซื่อหรง

สำหรับมู่ซื่อหรงที่เห็นเช่นนั้น นางหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “หัตถ์โลหิตแห่งสำนักพันปีศาจงั้นหรือ เจ้ากล้ามากที่ใช้เคล็ดวิชาโง่เง่าเช่นนี้กับข้า ช่างน่าประทับใจเหลือเกิน!”

ในขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น มู่ซื่อหรงสัมผัสมือทั้งสองเผยเงาดาบของตน พร้อมกับตวัดไปที่หัตถ์โลหิตอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นเหล่าฉือได้แต่กรีดร้องออกมาอย่างน่าสยดสยอง มือของเขาทั้งสองข้างถูกเจาะอย่างโหดร้าย แต่มู่ซื่อหรงไม่ได้ปล่อยเขาไป นางไม่หยุดและโจมตีต่อไปเรื่อยอย่างนับไม่ถ้วน ร่างกายของเหล่าฉือแดงฉานเต็มไปด้วยเลือดพร้อมกับล้มลงบนพื้นทันที นางจึงหยุดมือลง

เมื่อเห็นฉากดังนั้น ทุกคนที่อยู่ในบริเวณไม่อาจช่วยได้นอกจากอุทานออกมา แม้แต่ชายที่แต่งตัวสีขาวราวกับหินก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจอย่างแท้จริง

ทุกคนรู้ดีว่าเหล่าฉือนั้นไม่ใช่บุคคลธรรมดา ทั้งหมดที่นั่งอยู่ข้างแม่มดเปลือยกายนั้นเป็นพยานในความสามารถของเขา เขาอยู่ในระดับปฐมภูมิขั้นท้ายและทำการแลกเปลี่ยนกับระดับปฐมภูมิขั้นแรก นี่เป็นการกินกล้วยชัด ๆ แต่ในตอนจบเขากลับพ่ายแพ้และพิการ ถ้าหากทั้งหมดนี้ไม่ได้พบเจอเหตุการณ์นี้ด้วยตนเอง แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่มีวันเชื่อ

แน่นอนว่าสำหรับซ่งจงนั้นเขาไม่ได้ประหลาดใจอะไรนัก เขารู้ดีว่าภายในมู่ซื่อหรงความจริงแล้วคือมู่เอ๋อ ถ้าหากนำมู่ซื่อหรงตัวจริงออกมาต่อสู้แน่นอนว่านางจะพ่ายแพ้แม้ว่าจะมีดาบเทวะเงาคราม นอกจากนั้นช่องว่างระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นมากเกินไป

แต่ปัญหาก็คือผู้ที่ควบคุมร่างกายของมู่ซื่อหรงอยู่นั้นสังกัดธาตุไม้และฝึกฝนดาบมานับพันปี ด้วยการฝึกที่ยาวนาน เห็นได้ชัดเจนว่านางสามารถเอาชนะผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิได้อย่างง่ายดายเนื่องจากประสบการณ์ของนางมีมากจนเหลือล้น ถ้าหากนางไม่สามารถเอาชนะคนผู้นี้ได้ แน่นอนว่าการฝึกที่ผ่านมาคงจะสูญเปล่า

ทุกคนกำลังตกตะลึงกับการโจมตีของมู่ซื่อหรง มู่ซื่อหรงไม่ปล่อยให้เหล่าฉือออกไป เมื่อนางได้รับอนุญาตจากซ่งจง จิตวิญญาณแม่มดร้ายก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของนางโดยสมบูรณ์

จากนั้นนางก็เดินไปที่เหล่าฉือที่ยังนอนหายใจอยู่พร้อมกับใช้ดาบเงาครามเทวะชี้ไปที่เขาและหัวเราะ “ฮ่าฮ่า เจ้าไม่ได้ต้องการเล่นกับข้าจนข้าตายงั้นหรือ? ทำไมเจ้าจึงหดตัวเช่นนี้ล่ะ? ทำไมเจ้าไม่ลุกขึ้นมาเล่นกับข้าล่ะ? ข้าหากเจ้าไม่เล่นกับข้า งั้นข้าจะเล่นกับเจ้าแทน! ฮี่ฮี่ เจ้านี่ช่างเป็นคนตลกจริง ๆ กล้ามเนื้อของเจ้านั้นถูกสร้างมาอย่างดี นั้นทำให้ข้าสนุกมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าควรจะแทงเจ้าตรงเส้นเอ็นก่อน จากนั้นข้าจะคอยดูว่าในอนาคตเจ้าจะยังสามารถเดินได้หรือไม่?”

อย่างที่นางกล่าว มู่ซื่อหรงไม่ได้หยุดลงและเริ่มแทงเหล่าฉืออย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้โดนเส้นเลือดใหญ่ ท้ายที่สุดนางทำให้เหล่าฉือร้องออกมาอย่างเจ็บปวด มันเป็นชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย

เมื่อเผชิญหน้ากับแม่มดที่ร้ายกาจ เหล่าฉือพังลงอย่างสมบูรณ์พร้อมกับอ้อนวอนขอชีวิตอย่างน่าสมเพช แน่นอนว่ามู่ซื่อหรงไม่สนใจและจ้วงแทงอีกฝ่ายต่อไปอย่างมีความสุข ราวกับว่านางไม่ได้ทรมานมนุษย์แต่เป็นการทรมานสัตว์อยู่

เมื่อเห็นฉากที่น่ากลัวนี้ ทุกคนที่อยู่บริเวณนี้ได้แต่แสดงใบหน้าที่หวาดกลัวออกมา แม้แต่แม่มดเปลือยกายยังรู้สึกแตกตื่นในใจและท่าทีของนางเริ่มเปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัวแทน ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่นางไม่ได้รู้สึกมานานมากแล้ว

เสียงร้องของเหล่าฉือกินเวลายาวนานกว่าสี่ชั่วโมง ไม่ใช่ว่าเขาตาย แต่เป็นเพราะมู่ซื่อหรงรำคาญและตัดลิ้นเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถกรีดร้องได้อีก หลังจากนั้นนางเริ่มเบื่อที่จะเล่นกับเขาและเตะให้เขาออกไปพ้นทาง จากนั้นนางเดินกลับไปหาเจ้าอ้วนอย่างเชื่อฟัง จากนั้นนางหยิบอุปกรณ์ชงชาขึ้นมา เห็นได้ชัดว่านางต้องการจะเตรียมชาให้กับเจ้าอ้วน

ซ่งจงนั่งบนเก้าอี้ที่มู่ซื่อหรงจัดไว้ให้อย่างพอใจ จากนั้นเขาลูบหัวของมู่ซื่อหรงพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าซ่งจง ได้โปรดดูแลข้าด้วย!”

มู่ซื่อหรงที่ก่อนหน้านี้ทรมานเหล่าฉืออย่างโหดร้ายได้กลายเป็นแมวน้อยภายใต้เจ้าอ้วนไปเรียบร้อยแล้ว นางอนุญาตให้เขากอดรัดและลูบผมหรือหลังของนางโดยไม่ปริปากสักคำ และในเวลาเดียวกันนางไม่ได้ชักช้าในการชงชาเลย

เมื่อได้เห็นฉากดังกล่าวของเจ้าอ้วนที่ดูสุภาพอ่อนโยนแต่กลับแฝงไปด้วยความคุกคาม ทุกคนที่พบเห็นได้แต่แสดงสีหน้าความประหลาดออกมา

เมื่อเห็นใบหน้าของทุกคนเป็นเช่นนั้น เจ้าอ้วนอดไม่ได้ที่จะมีความสุขในหัวใจ จากนั้นเขามองไปที่แม่มดเปลือยกายพร้อมกับถามว่า “เจ้าคงเป็นคนที่ถูกเรียกว่าแม่มดเปลือยกายสินะ?”

“ใช่ ข้าเอง!” ในขณะนี้นางไม่กล้าที่จะเย่อหยิ่งอีกต่อไป เพราะตอนนี้ความจริงคือเหล่าฉือเป็นซากอยู่ตรงหน้าของนาง คุณต้องรู้ว่าแม้เหล่าฉือจะเทียบกับนางไม่ได้ แต่พวกเขามีความแข็งแกร่งที่คล้ายกัน ถ้าหากทั้งคู่จะต้องต่อสู้กัน นางก็สามารถชนะได้แต่ต้องจ่ายราคาแพง แต่สิ่งที่ดูจะไม่อันตรายอย่างเช่นมู่ซื่อหรงจะสร้างความปวดร้าวให้กับเหล่าฉือจนถึงตาย กล่าวก็คือนางสามารถทรมานให้แม่มดเปลือยกายตายตกไปได้อย่างง่ายดาย

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม่มดเปลือยกายไม่คิดที่จะเย่อหยิ่งอีกต่อไป ถ้าหากนางทำเช่นนั้นก็เท่ากับว่านางต้องการแสวงหาความตาย ในความจริงนางรู้สึกขอบคุณภายในใจอย่างเงียบงันที่ใครบางคนเข้าไปต่อสู้แทนนาง ไม่เช่นนั้นคนที่นอนกองอยู่บนพื้นจะต้องเป็นนางอย่างแน่นอน!

เมื่อเผชิญกับการตอบกลับอย่างนุ่มนวล ซ่งจงรู้สึกดีขึ้นอย่างมาก แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้คนที่สร้างความอัปยศให้กับเขาจากไปอย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงเผยรอยยิ้มปีศาจออกมา “ถ้าอย่างนั้น ในอนาคตข้าสามารถเรียกเจ้าว่าอีตัวได้หรือไม่?”

เมื่อแม่มดเปลือยกายได้ยินเช่นนั้น นางโกรธจัดทันทีแต่นางก็เก็บกดความโกรธนั้นได้อย่างรวดเร็วพร้อมตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนเจ้าทำได้ เจ้าสามารถทำได้อย่างที่เจ้าต้องการ!”

“ยอดเยี่ยม!” ซ่งจงกล่าวออกมาพร้อมกับหัวเราะ “อีตัวคนนี้ช่างหลักแหลมยิ่งนัก ข้าชอบ!”

เมื่อแม่มดเปลือยกายได้ยินเช่นนั้น นางโกรธจัดจนเลือดในร่างกายเดือด นางถูหน้าอกเบา ๆ เพื่อระบายความโกรธออกไปก่อนที่จะถูกดูแลโดยมู่ซื่อหรง นางต้องปรับอารมณ์อย่างรวดเร็วถ้าไม่เช่นนั้นสถานการณ์ของนางคงไม่ต่างอะไรจากเหล่าฉือ

เมื่อมองเห็นว่าแม่มดเปลือยกายสามารถจัดการกับความโกรธของตนเองได้และลดความเย่อหยิ่งลงแล้ว ซ่งจงพยักหน้าด้วยความพอใจจากนั้นจึงถามต่อ “ข้าจำได้ว่าเคล็ดการฝึกฝนของเจ้านั้นเป็นสิ่งที่พิเศษอย่างมาก มันจะปล่อยกลิ่นพิเศษ ใครก็ตามที่ได้กลิ่นมันจะถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง ซึ่งมันจะรบกวนจิตใจของคนเหล่านั้นจะทำให้พวกเขาต่อสู้กันเอง มันเป็นเช่นนี้จริงหรือไม่?”

“ใช่!” แม่มดเปลือยกายไม่กล้าที่จะชักช้าและรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ในความจริงแล้วเรามักใช้กลิ่นนี้เพื่อกำจัดเหล่าอสูรกาย รวมกับพิษ เหล่าอสูรกายจะล้มลงได้โดยง่าย หลังจากที่พวกมันต่อสู้กันจนหมดแรง พวกเราจะปรากฏตัวขึ้นและจัดการกับพวกมันได้อย่างง่ายดาย!”

“ยอดเยี่ยม!” ซ่งจงพยักหน้า จากนั้นเขาหันไปมองชายชราที่มีท่าทีแปลกประหลาด “เจ้าคือตาเฒ่าพิษ?”

“เป็นข้าเอง!” ตาเฒ่าพิษรีบตอบกลับ

“เจ้าเชี่ยวชาญด้านการใช้พิษงั้นหรือ?” เจ้าอ้วนถามออกไป

“ใช่ ข้ามาจากสำนักพิษศักดิ์สิทธิ์และใช้พิษเหล่านี้เพื่อปกป้องตนเอง!” ตาเฒ่าพิษรีบตอบเรื่องราวเกี่ยวกับตนเอง

“ยอดเยี่ยม!” ซ่งจงพยักหน้าพร้อมหันไปหาหญิงสาวทั้งสองคน “ข้าขอถามชื่อศิษย์พี่ทั้งสองได้หรือไม่? สำนักที่ท่านมา? แล้วก็ความพิเศษของพวกท่าน?”

ทั้งคู่มองหน้ากัน จากนั้นเปล่งเสียงไพเราะออกมาซึ่งขัดแย้งกับหน้าตาของพวกนางอย่างยิ่ง “สามารถเรียกพวกเราว่าซื่อหยู่และซื่อหยุ่น เรามาจากสำนักประตูแห่งครหา ความเชี่ยวชาญของพวกข้าคือการก่อตัว!”

ดวงตาของเจ้าอ้วนส่องสว่างเมื่อได้ยินพวกนางพูด เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของพวกนางดี เมื่อใดที่ประสบความสำเร็จในการวางจะสามารถสังหารศัตรูได้มากกว่าพวกเขาถึงสิบเท่า มันเป็นความยากในเรื่องของเวลาเมื่อเทียบกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขา มีคนน้อยมากที่เรียนรู้วิชาเช่นนี้ เจ้าอ้วนไม่คาดหวังว่าจะได้พบเจอกับพวกนางทั้งสอง อีกทั้งยังกลายเป็นลูกทีมของเขาอีกด้วย

ซ่งจงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “จงฝึกฝนให้กลายเป็นผู้ฝึกตนที่มีชื่อเสียง ในอนาคตข้าหวังว่าศิษย์พี่ทั้งสองจะดูแลข้าเป็นอย่างดี!”

เมื่อเห็นว่าซ่งจงนั้นสุภาพมากกว่ามู่ซื่อหรงเมื่อครู่ พวกเขาลดการป้องกันลงและผ่อนคลายมากขึ้นได้ตอบกลับว่า “เจ้าเยินยอข้ามากไปแล้ว!”

เพียงแค่ในขณะนั้น มู่ซื่อหรงที่กำลังจิบชาอยู่ถามด้วยความสงสัย “เห็นได้ชัดว่าท่านทั้งสองงดงามราวกับนางฟ้า เหตุใดจึงต้องกินยาเพื่อเปลี่ยนแปลงให้ใบหน้าของท่านน่าเกลียดเช่นนี้?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด