Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต 216

Now you are reading Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต Chapter 216 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

บทที่ 216: แยบยล

“ห่วงว่าพวกเราจะเจอศพเหล่านี้? ข้ารู้สึกขอบคุณเจ้าจากใจอย่างแท้จริง!” ซ่งจงประชด

“ไม่ใช่ ไม่ใช่เลย ข้ากลัวว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บจากเหล่าอสูรกายที่เหลืออยู่!” แม่มดเปลือยกายรีบปกป้องตนเองอย่างรวดเร็ว

“ยอดเยี่ยม! ถ้าหากเป็นเช่นนั้น จงไปลาดตระเวณซะ เจ้าสามารถออกจากสถานที่แห่งนี้ได้แล้ว!” ซ่งจงกล่าวเช่นนั้นพร้อมกับโบกมือราวกับว่าเขาตบอากาศอย่างรุนแรง

เมื่อแม่มดเปลือยกายได้ยินเช่นนั้น นางเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว สำหรับสิ่งที่ซ่งจงทำนั่นคือให้นางสละสิทธิ์จากสมบัติจากสงครามดี ๆ นั่นเอง หลังจากที่พยายามกำจัดเหล่าอสูรกายเหล่านี้ด้วยความยากลำบาก ทำไมนางจะต้องละทิ้งมันไปด้วย? ซ่งจงและคนอื่นแทบจะไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรเลย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาทั้งหมดกลับต้องการสมบัติเหล่านี้ จะไม่ให้นางโกรธแค้นได้อย่างไร?

ดังนั้นแม่มดเปลือยกายอดไม่ได้ที่จะเถียง “นี่เจ้าไม่คิดว่ามันมากเกินไปหน่อยงั้นหรือ? ไม่ว่ายังไงก็ตามพวกมันทั้งหมดถูกสังหารโดยข้า แต่เจ้ากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องที่เรียกว่าการเรียกร้องสิทธิ์ของตนเองน่ะหรือ?”

“เหอะ! เจ้าเป็นเพียงโจรเท่านั้น!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างรังเกียจ “แล้วเจ้ายังมีหน้ามากล่าวโทษพวกข้าในการต่อสู้ครั้งนี้อีกงั้นหรือ? ถ้าหากพวกข้าไม่เดินทางมา มันจะทำให้เจ้าได้รับสมบัติทั้งหมดงั้นหรือ?”

“เรื่องนั้น” แม่มดเปลือยกายตอบสนองอย่างรวดเร็วพร้อมกับปกป้องตนเอง “เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน? เพียงแกนกลางของเหล่าอสูรกาย ข้าเพียงถือมันไว้ชั่วคราวเท่านั้นและจะนำมันไปแบ่งให้กับทีมอย่างไม่ต้องสงสัย!”

“เหอะ!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาโต้กลับทันที “แกนกลางอสูรนั้นสามารถนับได้ แล้วสมุนไพรล่ะ?” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาจ้องมองที่แม่มดเปลือยกายพร้อมชี้ไปที่พื้นดิน

เมื่อทุกคนเห็นซ่งจงทำเช่นนี้ ต่างตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม้ว่าตรงนี้จะไม่มีน้ำอมฤตก็ตามแต่พื้นดินนั้นมีความชุ่มชื้นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างเพิ่งถูกถอนรากถอนโคนไป ทันใดทุกคนก็ทราบว่าแม่มดเปลือยกายนั้นกอบโกยผลประโยชน์ในครั้งนี้อย่างใหญ่หลวง

เมื่อเห็นว่าซ่งจงนั้นรู้แผนการของตนเอง นางรีบปกป้องตนเองทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะฉกฉวยสมุนไพรไป “วันนี้อากาศดีมาก พวกเจ้าเพียงแค่พักผ่อนไปก่อน ข้าจะไปลาดตระเวนแถวนี้เพื่อดูว่าเหล่าอสูรกายยังคงเหลืออยู่หรือไม่!” เมื่อนางกล่าวจบ นางไม่รอคำตอบจากใครพร้อมกับบินออกไปทันที ความร้อนรนของนางนั้นราวกับหัวขโมยที่เต็มไปด้วยความผิด

เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนโกรธแค้นอย่างมากที่ไม่สามารถทำอะไรได้ การเดินทางมาในครั้งนี้ ซ่งจงเพียงต้องการปลุกระดมความเกลียดชังในตัวของทุกคนที่มีต่อแม่มดเปลือยกายเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เปิดเผยเรื่องราวแต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินอะไร อย่างไรก็ตามมันไม่ได้สำคัญมากมายนักสำหรับเขา หากสิ่งที่เขากำลังจะได้รับมันคุ้มค่ามากพอ ก็ถือว่าเขายังไม่ขาดทุน

เมื่อเห็นว่าแม่มดเปลือยกายจากไปแล้ว ทุกคนเข้าทำความสะอาดพื้นที่ทันที ซูหยู่และซูหยุ่นดูแลเหล่าสมุนไพรและวัสดุที่มีค่า ส่วนหิน ตาเฒ่าพิษและมู่ซื่อหรงเก็บกวาดเหล่าอสูรกายที่กองอยู่บนพื้น

ปกติแล้วร่างกายของเหล่าอสูรกายจะได้รับการดูแลอย่างยอดเยี่ยม รวมถึงผิวหนังของมัน ไขกระดูก เส้นเอ็น และแกนกลางภายในของมัน สิ่งของเหล่านี้สามารถนำไปขายได้ราคาที่ดีเยี่ยม แน่นอนว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดคือแกนกลางภายใน โดยเฉพาะแกนกลางของเหล่าอสูรกายธาตุไฟในที่แห่งนี้ ความพิเศษก็คือมันมีแกนกลางสองถึงสามอันในร่างกายซึ่งมากกว่าอสูรกายทั่วไปถึงสองเท่า

การจัดการซากศพของเหล่าอสูรกายนั้นมีมูลค่าสูงมาก แต่มันก็ลำบากมากเช่นกัน หินและตาเฒ่าพิษจัดการกับพวกมันอย่างคุ้นเคย ทั้งหมดใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าจะจัดการทั้งหมดได้

อย่างเช่นซ่งจงแนะนำให้ดึงแค่แกนกลางของมันเท่านั้น แกนด้านในของมัน ทั้งสมุนไพรและวัสดุมีค่าจะถูกแบ่งให้ทีมอย่างเท่าเทียม และเขาไม่ต้องการอะไรนอกจากซากศพของเหล่าอสูรกายทั้งหมดเท่านั้น

หลังจากที่ฟังซ่งจงแนะนำ ทุกคนได้แต่ตกใจอย่างช่วยไม่ได้ มันไม่ใช่ความโลภของเขาแต่มันกลับตรงกันข้าม ซ่งจงใจกว้างเกินไป ก่อนอื่นที่ต้องรู้คือถ้าหากสมบัติจากสงครามนั้นถูกแบ่งแยกตามสัดส่วน ซ่งจงจะได้รับแต่ของคุณภาพต่ำเท่านั้น เหล่าของคุณภาพสูงนั้นไม่มีทางกระเด็นมาหาเขาอย่างแน่นอน ถ้าหากพวกเขาประเมินค่าของสิ่งของเหล่านี้ พวกเขาจะต้องรู้สึกสูญเสียครั้งใหญ่ เพราะวัสดุคุณภาพสูงนั้นมากมายเหลือเกินบนเกาะแห่งนี้ ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าอสูรกายเลย

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการมัน แล้วทำไมเขาจึงต้องการเช่นนี้? ทุกคนงุนงงอย่างมาก หญิงสาวพี่น้องยังเอ่ยปากถามเขาด้วยซ้ำ แต่ซ่งจงเพียงตอบกลับด้วยรอยยิ้มและไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น

ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าซ่งจงเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริงและไม่ลุ่มหลงกับวัตถุ ดังนั้นเขาจึงเลือกตัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดออกไป สำหรับเรื่องนี้ทุกคนขอบคุณเขาอย่างสุดหัวใจ ทั้งหมดสัมผัสเรื่องราวดีงามได้อย่างลึกซึ้ง

เมื่อเห็นฉากเช่นนี้ ซ่งจงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ ในความเป็นจริงเหตุผลเดียวที่เขาต้องการศพของเหล่าอสูรกายไม่ใช่เพราะเขาใจกว้าง มันเป็นเพราะมิติลึกลับของเขาต้องการมัน

นับตั้งแต่เขาออกจากสำนักเสวียนเทียนและมาอาศัยอยู่ที่ทะเลตะวันออก ซ่งจงไม่สามารถไปที่หุบเขานภาเพื่อรวบรวมขยะได้อีกต่อไป ถ้าหากขยะทั้งหมดที่อยู่ในมิติถูกย่อยสลายไปจนหมด แบบนั้นก็นับว่ามันจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แน่นอนว่ามันจะต้องเกิดการปั่นป่วนของปราณจิตวิญญาณที่ไม่เพียงพออย่างแน่นอน ที่รุนแรงที่สุดคือน้ำแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าจะไม่ถูกผลิตอีกต่อไป พร้อมด้วยดอกบัวจะเหี่ยวเฉา ถ้าเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นผลกระทบของมันคือหายนะอย่างแน่นอน

ต้องขอบคุณมิติลึกลับของซ่งจง มันไม่เพียงแต่ย่อยสลายอุปกรณ์วิเศษต่าง ๆ ได้ แต่มันยังย่อยสลายศพได้ด้วย สิ่งเดียวที่มีอยู่เต็มไปหมดในทะเลตะวันออกแห่งนี้คือศพของเหล่าอสูร และเพียงภารกิจนี้เพียงครั้งเดียว ซ่งจงสามารถรวบรวมศพของเหล่าอสูรกายได้มากกว่าร้อยตัว พร้อมทั้งอยู่ในขั้นสี่ ความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิ ถ้าหากได้รับมา แน่นอนว่ามันจะต้องปล่อยปราณจิตวิญญาณออกมามากมาย

แน่นอนว่าแม้ส่วนใหญ่จะเป็นปราณจิตวิญญาณของธาตุไฟ แต่มันผสมไปด้วยธาตุอื่นอยู่ภายใน สิ่งเหล่านี้จึงไม่จำเป็น สิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดคือมิติลึกลับสามารถควบแน่นปราณจิตวิญญาณที่เหลืออยู่ให้กลายเป็นหินจิตวิญญาณได้ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกสิ่งจะคงอยู่ เขาต้องนำศพเหล่านี้ไปฝังไว้ในดินสีดำ

ทุกคนอยู่ในสีหน้าตกใจ เมื่อซ่งจงเก็บอสูรกายขนาดยักษ์จำนวนหนึ่งร้อยตัวอย่างง่ายดาย! ถ้าจับมันมาทับถมกันแน่นอนว่ามันคือภูเขาขนาดเล็ก กระเป๋ามิติของเขาจะต้องใหญ่ขนาดไหนจึงจะเก็บสิ่งของเหล่านี้ได้? ทุกคนต่างตกตะลึงกับกระเป๋ามิติของซ่งจง

ในความจริงแล้ว ซ่งจงไม่ได้เก็บสิ่งของเหล่านี้ไว้ในแหวนมิติแต่เขาเก็บไว้ในมิติลึกลับ นอกจากนี้เหล่าแม่มดเทวะทั้งแปดที่อยู่ด้านในเริ่มทำงานกันทันทีเพื่อนำศพเหล่านี้ฝังลงไปในดินสีดำ ทุกอย่างดำเนินการอย่างรวดเร็วทำให้ซ่งจงพอใจกับปริมาณปราณจิตวิญญาณที่หนาแน่นเช่นนี้

แม้ว่าการกระทำของซ่งจงจะทำให้พวกเขาทั้งหมดประหยัดเวลาไปมาก แต่พวกเขาก็ไม่ได้รีบกลับแต่อย่างใด ทั้งหมดเริ่มกระจายตัวออกไปรอบๆเกาะเพื่อตามหาสมบัติ เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีมนุษย์มาเยือนเป็นเวลานานแล้ว อาจจะมีสมบัติซ่อนอยู่ ทั้งหมดตัดสินใจที่จะยกระดับภารกิจของตนเอง ดังนั้นทุกคนจึงตั้งใจอย่างมากที่จะค้นหาสมบัติ ในที่สุดทุกคนได้รับสมบัติมากมายกลับบ้าน โดยเฉพาะซูหยู่และซูหยุ่นได้รับเห็ดหลินจืออายุกว่าสองพันปี!

ดวงตาของแม่มดเปลือยกายเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอิจฉาและเรียกร้องให้นางขายมันพร้อมทั้งแบ่งให้กับทุกคน แน่นอนว่าตาเฒ่าพิษเห็นด้วย แต่ทั้งสองถูกตักเตือนโดยซ่งจง อีกทั้งหินยังคงสนับสนุนซูหยู่และซูหยุ่น ดังนั้นเห็ดจึงเป็นสมบัติของสองพี่น้องอย่างสมบูรณ์

หญิงสาวทั้งสองรู้สึกขอบคุณซ่งจงอย่างมาก เมื่อเห็นเช่นนั้นซ่งจงกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าหากพวกเจ้ารู้สึกขอบคุณข้าจริงๆ ทำไมไม่ยอมให้ข้าเห็นใบหน้าที่แท้จริงเสียที?”

ในขณะที่ซ่งจงกล่าวเช่นนั้น ซูหยู่และซูหยุ่นกล่าวออกมาดังเดิมและยืนยันว่ามันเป็นใบหน้าที่แท้จริงของพวกนาง พร้อมกับหัวเราะคิกคักและวิ่งออกไป ทำให้ซ่งจงรู้สึกหดหู่อย่างมาก

ในชั่วพริบตาเดียว เวลาล่วงเลยมาจนค่ำ แม้ว่าในวันนี้พวกเขาจะไม่ได้ต่อสู้มากมายนัก แต่ทั้งหมดก็เหนื่อยล้าจากการวิ่งไปทั่วเพื่อค้นหาสมบัติ นอกจากนี้ทะเลตะวันออกยังไม่ปลอดภัยอย่างมากในยามค่ำคืน มีเหล่าอสูรกายมากมายที่ชอบเที่ยวเล่นในเวลากลางคืน ดังนั้นทุกคนจึงตัดสินใจที่จะพักผ่อนที่นี่ก่อนหนึ่งคืน นับตั้งแต่ที่เหล่าอสูรกายภูเขาไฟถูกกำจัดไปหมด แน่นอนว่ามันมีความปลอดภัยระดับหนึ่ง

ในตอนกลางคืนซ่งจงและทีมรวมตัวกันอยู่ริมทะเลสาปลาวา พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แม้ว่าแม่มดเปลือยกายที่ดูเหมือนจะสูญเสียกำไรครั้งยิ่งใหญ่ แต่นางก็เป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดในภารกิจครั้งนี้ นางเก็บสมุนไพรคุณภาพสูงไว้เพียงผู้เดียวซึ่งมันมีค่ามากกว่าเหล่าอสูรกายเสียอีก ดังนั้นอารมณ์ของนางจึงค่อนข้างดีและเข้าร่วมวงสนทนาด้วยเสียงหัวเราะ ราวกับว่าเรื่องราวทั้งหมดในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น แน่นอนว่านางเป็นคนเดียวที่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่!

เช้าวันถัดมา ทุกคนตื่นทันทีเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น หลังจากที่ชำระล้างร่างกายแล้ว ซ่งจงหยิบเรือออกมาอีกครั้ง ทุกคนรู้ดีว่าพวกเขาไม่ควรอยู่ที่นี่นานนัก ทุกคนเดินทางออกทันทีหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น

อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ซ่งจงหยิบเรือออกมา เกิดเสียงนกร้องดังไปทั่วท้องฟ้า เสียงนี้ดังอย่างมากและมันมาจากระยะไกล จากนั้นทุกคนมองไปบนท้องฟ้าและเห็นว่ามีแสงสีขาวกำลังพุ่งตรงมาหาพวกเขา ในไม่ช้ามันลอยอยู่เหนือหัวของทุกคนอย่างรวดเร็ว

มันคืออินทรีย์ขาวมีปีกทอดยาวกว่าสิบฟุต ร่างกายของมันถูกล้อมรอบไปด้วยลำแสงสายฟ้า อย่างที่ทุกคนเห็นในตอนนี้ มันเปลี่ยนทิศทางการบินและบินวนเป็นวงกลมอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา ในเวลานั้นมันส่งเสียงร้องออกมาอย่างต่อเนื่องราวกับกำลังส่งข้อความบางอย่าง

เมื่อได้พบเห็นอินทรีย์สีขาวเงินตนนี้ ซ่งจงถามออกมาอย่างรวดเร็ว “ฮ่าฮ่า นี่หรือที่เรียกว่าอสูรกาย? มันสวยงามเหลือเกิน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด