I Don’t Want To Defy The Heavens 87 หยุดเสแสร้งและพูดออกมา

Now you are reading I Don’t Want To Defy The Heavens Chapter 87 หยุดเสแสร้งและพูดออกมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย | Don’t Want To Defy The Heavens

DTH ตอนที่ 87 หยุดเสแสร้งและพูดออกมา

(TL: เปลี่ยนจากหยูฉางเป็นโหย่วเฉิงราชาหอู่ตงเป็นราชาหรูทง)

อาหารค่ำของตระกูลหลินตามปกติแล้วจะดูธรรมดามากมันไม่ได้หรูหรามากนักอาจเรียกได้ว่าค่อนข้างธรรมดา

แต่คืนนี้มันต่างออกไป
อาหารราคาแพงมากมายวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ

“ท่านพ่อทําไมวันนี้ถึงมีอาหารมากมายนักมีเรื่องอะไรดีๆเกิดขึ้นงั้น หรือ?” หลินฟานถาม

“เจ้าไม่รู้จริงๆงั้นรึว่าเรื่องอะไร?”หลินวานยี่ชูแก้วขึ้น“เรามาฉลองให้แก่การมีสมาชิกใหม่เข้าร่วมตระกูลหลินกันเถอะ”

โอ้พระเจ้า!

หลิน ฟานต่อต้านสิ่งนี้
ผู้หญิงคนนี้จะเป็นสมาชิกตระกูลของเราได้อย่างไร? จะดีที่สุดหากนางจากไปแต่เนิ่นๆ

ตระกูลหลินไม่ได้มีคนมากมายนักและมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเรีย กได้ว่าเป็นครอบครัวอาวุโสหวี่ติดตามหลินวานฝีมาทั้งชีวิตและเขาได้เฝ้าดูหลินฟานเติบโตแม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ที่นี่ในฐานะข้ารับใช้แต่หลินวานยกปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันมานานแล้ว

แต่สําหรับหลี่ คือเซียวคนนี้นั้น… ลืมมันไปเถอะอย่าไปพูดถึงเลย กับดักมันก็แค่กับดัก

“ขอบคุณท่านพ่อ” หลี่ คือเซียวลุกขึ้นและดื่มเข้าไปรวดเดียวเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนแผดเผาในลําคอแต่นางยังคงกลั่นมันเอาไว้และยิ้มออกมา

หลิน ฟานเหลือบมองนางวิธีที่นางเรียกพ่อของเขานั้นช่างเป็นธรรมชาติจริงๆ

รมชาติจริงๆเขานั้นช่าง

ไม่ช้าก็เร็ว เขาจะทําให้นางกลัวจนต้องถึงกับหนีไป

เมื่อมองไปยังซยหลานที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็รู้ได้ในทันทีเลยว่านางกําลังกลัวเขาใบหน้าของนางขาวซีดนางไม่กล้าแม้แต่จะมองโจวเชียงเหมาและหลินฟานตรงๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ยังคงติดตาของนางอยู่และยากที่จะลืม

มันน่ากลัวเกินไป

“ท่านพ่อ สามคนที่ข้าเจอเมื่อตอนกลางวันเป็นใครกัน?”

หลิน ฟานอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยชายทั้งสามมาที่เมืองโหย่วเฉิงเพื่อมาหาพ่อของเขาแต่พวกเขาก็ถูกขับไล่ออกมาหลังจากที่เขากลับมาได้ไม่นานแถมพวกเขายังถูกทุบตีอีก

มันเร็วเกินไป

มันต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่

หลิน วานยี่เหลือบมอง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการจะบอกเขาจึงอ้างเหตุผลแบบสุ่มไป

หลิน ฟานไม่ยอมแพ้

“ท่านพ่อ ข้าได้ยินพวกเขากล่าวว่าท่านขัดคําสั่งราชาหรูทงเขาเป็นใครกัน?เขาแข็งแกร่งจริงๆงั้นเหรอ?”

“ทําไมเจ้าถึงถามมากมายนัก? มันมีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับเจ้างั้นรึ?” หลินวานยกล่าว

หลิน ฟานกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าก็จริงแต่อย่างน้อยหากท่านสร้างศัตรูท่านก็ควรจะบอกข้าบ้าง เพราะหากข้าบังเอิญเจอกับพวกเขาขึ้นมาข้าก็จะได้ช่วยท่านสอนบทเรียนให้กับพวกเขา”

“กินอาหารของเจ้าไป อยากจะรู้นักว่าทําไมเจ้าถึงชอบพูดเรื่องไร้สาระมากมายนัก?” หลินวานนี่จ้องไปยังเจ้าเด็กไม่เอาไหน

ช่วยสอนบทเรียนให้พวกเขา?

หากเขาเกิดได้เผชิญหน้ากับราชาหวี่ทงจริงๆเกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นเด็กคนนี้คงกลายเป็นศพไปแล้ว

ไม่คิดเลยว่าชายทั้งสามจะบอกเรื่องราชาหรูทงให้กับเจ้าเด็กไม่เอาไหน

เขาน่าจะฆ่าพวกมันไปซะตั้งแต่แรกหากรู้ว่ามันช่วยแก้ปัญหาแบบนี้ได้

แต่ก็ดี

การให้เจ้าเด็กคนนี้รู้บางอย่างมันอาจจะช่วยกระตุ้นเขาได้
หลี่ คือเซียวที่รู้เรื่องของราชาหรูทงไม่ได้ขัดหรือถามอะไรแต่นางยังคงสงสัยอยู่ว่าทําไมราชาหรูทงถึงส่งคนมาที่เมืองโหย่วเฉิงเพื่อพบกับตระกูลหลิน

ไม่นานมื้ออาหารก็จบลงอย่างรวดเร็ว

“เซียวเอ๋อร์ ฟานเอ๋อร์ นี่มันก็เริ่มดึกแล้วพวกเจ้าทั้งสองควรรีบกลับไปนอน” หลินวานยกล่าว

คําพูดเหล่านั้นฟังดูไม่ถูกต้อง

หลี่ คือเซียวตัวสั่น นางรู้สึกกลัวเล็กน้อย

นางรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับหัวหน้าตระกูลหลินแต่นางไม่ได้ถามมันออกมาตอนนี้ค่าพูดของเขาฟังดูราวกับขอให้นางรีบกลับไปนอนเร็วๆเขาจะได้ส่งลูกชายของเขา ไปที่นั่น

นางตัวสั่น

หลี่ คือเซียวลุกขึ้นและรีบกลับไปที่ลานด้านหลังของนางอย่างรวดเร็วตะปูและไม้กระดานที่นางขอให้ซุยหลานไปหามาได้ใช้ประโยชน์แล้วในตอนนี้นางใช้พวกมันปิดหน้าต่างและกั้นประตูโดย ไม่เหลือช่องว่างแม้แต่นิดเดียว

ตอนนี้นางกําลังสั่นกลัว

นางไม่กล้าแม้แต่จะนอนนางนั่งลงบนเตียงและทําสมาธิเพื่อสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวภายนอก

“ท่านพ่อ ข้ายังไม่ง่วงเลยสักนิดข้าเลยคิดอยากอ่านหนังสือเพื่อเสริมความรู้ให้ตัวเองเสียหน่อย” หลินฟานกล่าว

เขาอยากจะอ่านหนังสือ?มันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเพื่อให้เขาสามารถหมกตัวอยู่ในห้องอ่านหนังสือได้ก็เท่านั้นเหตุเพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปมันทั้งอันตรายและซับซ้อนเกินไปแม้ผิวของเขาจะหนาและชอบทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ใครมันจะไปอยากทําให้ผู้อื่นร้องไห้ กัน?

แท้จริงแล้วเขาเป็นคนบริสุทธิ์มือสะอาดคนหนึ่งไม่มีใครถูกพรากชีวิตไปด้วยมือคู่นี้ของเขา

เขาไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์ปัจจุบันหลี่จือเซียวได้

“กลับไปนอน” หลิน วานยกล่าวเสียงแข็ง

ลูกสะใภ้ในอนาคตของเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ดังนั้นเขาจึงไม่จําเป็นต้องไว้หน้าเจ้าเด็กไม่เอาไหนหากเขาไม่ดุเสียบ้างเกรงว่าเขาจะหลงระเริงมากจนเกินไป

“เอาล่ะ เอาล่ะ งั้นข้ารีบไปนอนก็ได้” หลินฟานหมดคําพูดพ่อของเขาเอาแต่ใจเกินไปเมื่อเจอหน้าเขาก็เอาแต่สั่งคืนนี้เมื่อเขาหลับ เขาคงต้องระมัดระวังให้มากขึ้นเพื่อในกรณีที่เขาถูกย้ายอีกครั้ง

แต่เอาเข้าจริง ไม่ว่าเขาจะนอนหรือไม่ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน

สุดท้ายแล้วเขาก็จะโดนพ่อไล่ออกมา

นี่เป็นการไม่เคารพความปรารถนาส่วนตัวและเป็นการกระทําการตามอําเภอใจ

ณ ลานบ้าน

หลังจากหลิน ฟานกลับมา ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็นอนไม่หลับวิธีที่ดีที่สุดในการต่อต้านพ่อของเขาคือการเพิ่มสถานะของเขา เขาจะต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้

มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่จะสามารถต่อต้านพ่อของเขาได้

แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ยังไม่รู้ว่าพ่อของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่จากคําบอกเล่าของลูกพี่ลูกน้องเขาไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว

ฉะนั้นแล้วเขาจะต้องแข็งแกร่งมากและแข็งแกร่งมากที่กล่าวถึงไม่ใช่ความแข็งแกร่งแบบทั่วไป

ลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่ได้อ่อนแอเขาในตอนนี้อยู่ในขั้น 8 และกําลังจะเข้าสู่ขั้น 9 สําหรับเขาที่ไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร?

นั้นแปลว่าพ่อของเขาน่ากลัวมากราวกับเขามีปีศาจรายล้อม

หากเขาอยากต่อต้านเขาจะต้องมีพลังมากกว่านี้

หลิน ฟานเขียนบางอย่างลงบนกระดาษ

“เอาดาบไปกับข้าด้วยข้าต้องใช้มันปกป้องตนเอง”

เขาพาดดาบไว้ที่หลังของเขาก่อนจะผล็อยหลับไปพร้อมกับกระดาษบนอก

เขาไม่ได้ปิดประตู

ถึงอย่างไรจะปิดหรือไม่ปิดผลก็คงเหมือนกันค่ำคืนเงียบสงัด

ในลานบ้าน ชายทั้งสองที่ยังมีชีวิตอยู่ถูกมัดไว้กับไม้ ขณะที่พวกเขากําลังง่วงจู่ๆก็มีเสียงแว่วเข้ามาในหู

“พวกเจ้าพูดมากเกินไป”

แคร็ก!

หลิน วานยี่บีบคอพวกเขา

จากนั้นเขาก็สะบัดนิ้ว แสงสีขาวลอยขึ้นไปในอากาศก่อนจะเข้าไปในห้อง และทําให้หลิน ฟานสลบไป

หลี่ จือเซียวยังไม่หลับ

นางรู้สึกประหม่ามาก

เมื่อนางมาที่ตระกูลหลินครั้งแรก นางก็หลงคิดไปว่าตนเองนั้นเป็นเสือแต่ตอนนี้นางตระหนักได้แล้วว่าความจริงนางเป็นเพียงแค่แกะเท่านั้น

เป็นแกะที่ดูเหมือนเสือ

เมื่อเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวภายนอกทําให้นางค่อยๆสงบลงอย่างช้าๆ

แต่อย่าลืมว่าระดับหลินวานยื่นั้นสูงแค่ไหนเขาสามารถลงพื้นและเดินได้โดยไร้เสียง

เขามายืนอยู่หน้าประตูปรากฎเป็นเงาดํา

“นั่นใคร?” หลี่คือเซียวตกใจเมื่อเห็น

เงาดํา เขามาจริงๆ แต่ก่อนที่เธอจะทันคิดอะไรประตูที่ถูกแผ่นไม้ปิดไว้ถูกเตะเปิดออกและกระแทกกับพื้น
โอ้พระเจ้า!

เขากล้าทําแบบนั้นได้ยังไง?

แน่นอนว่าคนที่เพิ่งเตะประตูคือหลินวานยี่ที่ปิดหน้า

หลี่ จ๋อเซียวต้องการต่อต้าน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินวานยี่เธอก็เป็นเพียงแค่มดเธอหมดสติไปในทันที

เหมือนคืนก่อน เขาทําทุกอย่างไปโดยไม่เคารพความต้องการของเธอเลยสักนิด

“ท่านหัวหน้าตระกูล คืนนี้ลมแรงการขาดประตูเช่นนี้ข้ากลัวว่านายน้อยจะเป็นหวัด”อาวุโสหวี่ปรากฏตัวและกล่าว

“ไม่เป็นไร เจ้าค่อยมาแก้ไขทีหลังก็ได้ว่าแต่น้องหวี่เจ้ามียาโปิติดตัวอยู่บ้างไหม?” หลินวานยถาม

อาวุโสหวี่ตกตะลึงเขาดูจริงจังมากขึ้น

สุดท้ายแล้วสิ่งนี้ต้องเกิดขึ้น

“ท่านหัวหน้าตระกูล เราไม่ได้ใช้มันมาสองสามทศวรรษแล้วดังนั้นเราจึงไม่มีเหลือ”อาวุโสหวี่กล่าว

ย้อนกลับไปในครั้งที่ท่านหัวหน้าตระกูลและเขาออกเดินทางเขานั้นได้เตรียมของดีติดตัวเอาไว้มากมายเพื่อพร้อมรับกับทุกสถานการณ์

เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาอย่างท่วมท้นพวกเขาก็จะโปรยยาโปใส่อีกฝ่ายก่อนจะใช้ดาบ แทงเพื่อปลิดชีวิต

เขาไม่รู้เลยว่ามีคนเย่อหยิ่งกี่คนที่ตายอย่างอนาถด้วยมือของพวกเขา

อย่างไรก็ตามเมื่อสถานะของพวกเขาเปลี่ยนไปพวกเขาก็ไม่มีความจําเป็นต้องใช้มันอีก

หลินวานยี่ถอนหายใจ

“น่าเสียดาย หากมีมันหลายสิ่งจะง่ายขึ้นมาก”

พวกเขาเป็นปีศาจที่แท้จริง

หลิน ฟานจะเป็นปีศาจไปได้อย่างไร?

อย่างมาก เขาก็ถูกมองว่าเป็นปีศาจตัวน้อยที่มีเมตตา

TL : กลับมาแปลต่อหลังจากหยุดไปช่วงหนึ่งดังนั้นมันอาจมีบางชื่อหรือคํา แทนตัวเปลี่ยนไปก็ขอแจ้งเอาไว้ล่วงหน้าครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด