I Don’t Want To Defy The Heavens 97 กระสุนเคลือบน้ําตาล

Now you are reading I Don’t Want To Defy The Heavens Chapter 97 กระสุนเคลือบน้ําตาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย | Don’t Want To Defy The Heavens

DTH ตอนที่ 97 กระสุนเคลือบน้ําตาล

เมื่อต้องเผชิญกับเหลียง หยงที่หดหูเขาก็ไม่สามารถเปิดปากได้นับประสาอะไรกับลงมือ

แล้วแบบนี้มันจะไปต่างอะไรกับการมีเพศสัมพันธ์กับศพ?

บางทีเหลียง อี้ชอาจได้รับความรักจากหัวหน้าตระกูลเหลียงและเปลี่ยนจากพี่ชายคนโตที่ไม่ได้รับการต้อนรับไปสู่ผู้สืบทอดตระกูลเหลียง

นั่นทําให้บุตรชายคนที่สามของตระกูลเหลียงถูกบังคับให้กลายเป็นคนที่ไม่มีใครสนใจ

เขาไม่เข้าใจความเจ็บปวดของอีกฝ่ายเนื่องจากตระกูลหลินมีเขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียว น่าเศร้านักที่เขาไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ในเวลานี้

ไม่มีใครสนใจเหลียง หยงฉีที่เมาหลับไปแล้ว แน่นอนว่าหลิน ฟานเองก็เช่นกัน เขาปล่อยให้อีกฝ่ายนอนอยู่บนโต๊ะดังเดิม
พูดก็พูดเถอะ ใครมันจะไปกล้าช่วยเขากัน

ถ้าช่วยก็แปลว่าต้องจ่ายเงินแทนนะสิ ไม่มีใครอยากเป็นคนนั้นที่ถูกหลอก

กลับมาที่คฤหาสน์หลิน

“ลูกพี่ลูกน้อง ข้าทะลวงผ่านจนถึงขึ้น 9 แล้ว ตอนนี้หัวหน้าตระกูลหยวนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอย่างแน่นอน” โจวเชียงเหมารีบเดินเข้ามาและกล่าวอย่างตื่นเต้น

เขาไม่ได้ตื่นเต้นเนื่องจากความสามารถของตัวเองเพิ่มขึ้น

แต่เป็นเพราะเมื่อระดับของเขาเพิ่มขึ้น เขาก็จะสามารถปกป้องลูกพี่ลูกน้องของเขาได้ดีกว่าเดิมล่า

สุดที่หัวหน้าตระกูลหยวนปราบปรามเขา เขายังคงจําภาพในวันนั้นได้ดี ในครั้งนั้นเขาไม่สามารถปกป้องลูกพี่ลูกน้องของตัวเองได้ซึ่งถือเป็นตราบาปที่ติดตัวเขาจนถึงตอนนี้

ตอนนี้ระดับของเขาได้มาถึงขั้น 9 แล้วเขาจึงมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะชายชราคนนั้นได้
“เยี่ยมไปเลยลูกพี่ลูกน้อง เจ้าทําให้ข้ามีความสุขมาก”

ในเมื่อเขามีลูกพี่ลูกน้องที่รักเขามากขนาดนี้ เขาจะพูดอะไรได้อีก?

สาหรับหลิน ฟานระดับบ่มเพาะของเขาไม่ได้เป็นมากกว่าไปสิ่งที่ทําเพื่อแก้เบื่อ การต่อสู้และการฆ่ามันไม่เหมาะกับเขา

เรื่องระดับบ่มเพาะของลูกพี่ลูกน้องเพิ่มขึ้นถือเป็นข่าวดี สิ่งนี้จะช่วยเขาแก้ปัญหาที่รออยู่ในอนาคตได้อีกมาก

ใบหน้าของโจว เชียงเหมาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม การได้รับคําชมจากลูกพี่ลูกน้องถือเป็นกําลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสําหรับเขา

สิ่งที่แปลกคือเมื่อพวกเขาพูดถึงตระกูลหยวน เขาก็นึกถึงหยวน เทียนชูขึ้นมา เพื่อนคนนั้นไม่ได้ปรากฏตัวออกมาให้เห็นหน้านานแล้วซึ่งเมื่อก่อนเขาไม่เคยเป็นแบบนี้

เมืองโหย่วเป็นเพียงเมืองเล็กๆที่เหมาะแก่การเกษียณอายุ
มื้อเย็น

เขาคิดว่ามันจะเป็นอาหารค่ําที่เรียบง่ายดังเดิม
อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาเดินเข้ามา เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมายังเขา

สายตานั้นช่างพิเศษ เต็มไปด้วยความรักที่แปลกประหลาด

หลินฟานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับการจ้องมองของพ่อ เขาเกาคอก่อนจะถาม “ท่านพ่อ ทําไมท่านมองข้าแบบนั้น? หรือมันมีดอกไม่ติดอยู่บนหน้าข้า?”

สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ก่อนหน้านี้หากเขามาช่ พ่อก็จะกินไปก่อนเลยโดยไม่รอ
ซึ่งวันนี้เขาตั้งใจมาชําแต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดเลยคือพ่อกําาลังรอเขาอยู่ให้ตายสิ!

มันมีบางอย่างผิดปกติ ข้าว่ามันต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่

“ไม่มีอะไร แค่พ่ออยากมองลูกชายของตัวเองไม่ได้งั้นรึ?” หลินวานยี่กล่าว

“แน่นอน แน่นอนอยู่แล้ว ท่านสามารถมองได้ทุกเมื่อที่ท่านต้องการ” หลินฟานกล่าว
หลินวานยี่โบกมือ “นั่งสิ วันนี้ทุกจานคือของโปรดของเจ้า”

แปลกนี่มันแปลกเกินไปแล้ว

พ่อของเขาแตกต่างจากทุกที่ มันมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ หรือว่าจะเป็นหลุมที่รอให้เขากระโดดเข้าไป?

อาวุโสหวี่นั่งอยู่ตรงนั้นและมองเขาด้วยรอยยิ้ม

“นี่มันแปลกมาก พวกท่านปิดบังอะไรข้าอยู่รึเปล่า?” หลินฟานถาม

แปลกมาก มันต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ หากไม่มี สถานการณ์มันจะน่าอึดอัดอย่างที่เป็นอยู่ได้อย่างไร?

“ไปเอาไวน์เก่าล้ําค่าของข้ามา” หลินวานยี่กล่าว

“ขอรับ ท่านหัวหน้าตระกูล”

หลินฟานนั่งอยู่กับที่และไม่กล้าแม้แต่จะขยับตะเกียบ พฤติกรรมแปลก ๆ ของพ่อทําให้เขาประหม่าเล็กน้อย

“ฟานเอ๋อร์ พ่อเคยเข้มงวดกับเจ้า แต่นั่นก็เพื่อประโยชน์ของตัวเจ้าเอง เจ้าเข้าใจหรือไม่?” หลินวานยกล่าว

“ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ”

หลิน ฟานพยักหน้า เขาไม่ได้พูดอะไรอีกและกําลังรอดูว่าพ่อจะพูดอะไร

เขาหันไปมองลูกพี่ลูกน้องซึ่งส่ายหัวเงียบๆ เพื่อแสดงว่าเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน

ตอนหลี่ จ๋อเซียวกว่าที่พวกเขาจะไล่นางออกไปได้ก็ล่าบากมากแล้ว ขออย่าให้มีมาอีกคนเลยเถอะ

“อย่างไรก็ตาม เจ้าทําให้ข้าผิดหวังมาก เจ้าไม่เคยพยายาม แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือก เพราะถึงอย่างไรเจ้ก็เป็นลูกของข้า ต่อให้เจ้าเป็นขยะ มันก็จะไม่ส่งผลต่อตําแหน่งของเจ้าในใจข้า” หลินวานยี่กล่าวอย่างมีอารมณ์ คําพูดของเขาทําให้หัวใจของหลินฟานเต้นแรงเกิดอะไรขึ้น?

ทําไมพ่อของเขาถึงพูดเช่นนั้น?

มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
ไม่นานอาวุโสหวี่ก็กลับมาพร้อมกับขวดไวน์ที่ถูกเก็บไว้ค่อนข้างนานดูได้จากฝุ่นหนาที่เกาะอยู่ทั่วขวด

หลินฟานหันซ้ายขวาก่อนจะเริ่มครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เมื่อเร็วๆนี้เขาพลาดเบาะแสใดไปหรือไม่?

หลังจากนึกอยู่นานเขาก็ไม่พบปัญหาใดๆ

“ท่านพ่อจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นไม่?” หลินฟานถาม

หลินวานยี่ยิ้ม “ไม่มี เจ้ากินอาหารของเจ้าไปเถอะ”

เนื่องจากพ่อของเขาบอกว่าไม่มีอะไร ดังนั้นมันต้องมีบางอย่างแน่นอน ถ้าเขาเชื่อจริงๆว่ามันไม่มีอะไรงั้นเขาก็คงโง่เกินเยียวยา

สิ่งต่าง ๆ จะไม่เกิดขึ้นโดยปราศจากเหตุผล

มื้อเย็นคืนนี้ไม่ธรรมดาแต่กลับดูผิดปกติมาก

หลังจากดื่มไปสองสามครั้ง เขาก็เริ่มถามพ่อว่าเขาพยายามหาภรรยาให้เขาอีกหรือไม่
เขาไม่เคยสงสัยในความสามารถของพ่อ

ถ้าเขาต้องการจริงๆการหาภรรยาให้กับเขาสักคนคงไม่ใช่เรื่องยาก

อย่างไรก็ตามคําตอบของคําถามกลับไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งนั่นทําให้หลินฟานถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องนั้นก็พอแล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเผชิญกับแผนการที่ไม่รู้จัก เขาก็กลับมารู้สึกหวาดกลัวอีกครั้ง ทําไมไม่ทําให้ทุกอย่างมันชัดเจนไปเลย ท่านช่วยอย่าตีพุ่มไม้รอบๆจะได้ไหม?

หลินวานยี่ยังคงเก็บมันเป็นความลับ ดูเหมือนเขาไม่คิดจะพูดก่อนเวลาที่เหมาสมจะมาถึง

นั่นทําให้ข้างในหลิน ฟานตื่นตระหนก

ทําไมไม่พูดทุกอย่างออกมาเลยเล่า จะซ่อนไปเพื่ออะไร?

อาหารเย็นสิ้นสุดลง

หลินวานยี่ตบไหล่หลิน ฟานและจากไปโดยไม่พูดอะไรสักค่า

“อาวุโสหวู นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับพ่อข้า? เขากาลังปิดบังอะไรข้าอยู่รึเปล่า?” หลินฟานถาม

อาวุโสหวี่กล่าว “นายน้อย ท่านหัวหน้าตระกูลทําทุกอย่างไปก็เพื่อประโยชน์ของท่าน”

“ข้าร์ แต่ช่วยบอกข้าหน่อยได้ไม่ว่ามันเป็นเรื่องอะไร?”

หลิน ฟานหงุดหงิดมาก พูดไปก็ตั้งมากมาย แต่ช่วยเข้าประเด็นหลักสักทีได้ไหม?

อาวุโสหวู่ยิ้มและไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเดินตามหลังหลินว่านยี่ไปเยี่ยมมาก

คําถามของเขาไม่ได้รับค่าตอบจากใครสักคน

อาวุโสหภู่และพ่อของเขาร่วมมือกัน ดังนั้นเนื่องจากพ่อของเขาไม่ต้องการพูดอาวุโสหวี่ก็ไม่กล้าพูดเช่นกัน
เขารู้สึกคันที่หัวใจ อะไรกันที่พวกเขาไม่สามารถพูดได้ในทันทีและต้องกระตุ้นความอยากรู้ของเขา? พวกเขาคิดว่ามันสนุกมากนักเหรอ?

“ลูกพี่ลูกน้อง พ่อของข้ากาลังวางแผนอะไรอยู่?” หลินฟานครุ่นคิดอย่างไม่แน่ใจ

การระดมสมองและใช้ความคิดเป็นเรื่องที่น่ารําคาญจริงๆ

ดูเหมือนตอนนี้รอบตัวเขาจะขาดคนที่มีสมอง

โจว เชียงเหมาส่ายหัว “ลูกพี่ลูกน้อง ถ้าท่านไม่รู้ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร? แต่ข้าว่าท่านลุงคงไม่ได้ปิดบังอะไร”

ช่างเถอะ

ลืมมันไป ข้าไม่น่าถามมันออกไปตั้งแต่แรก ข้าสามารถถามใครก็ได้แต่ดันไปถามลูกพี่ลูกน้อง นี่ข้ากลังคาดหวังอะไรอยู่กัน?

หลินฟานส่ายหัวและเดินออกมา เขาต้องกลับไปคิดเรื่องนี้

ณ ตระกูลหยวน

อารมณ์ของหยวน เทียนชุดีขึ้นมากขณะที่เขาแบ่งพื้นที่เพาะปลูกของตระกูลให้กับคนยากจน

อย่าถามเขาว่าทําไมจู่ๆเขาถึงทําอย่างนั้น

อันที่จริงเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไม แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าสกุลหลินทํานั้นน่าทึ่งมาก ดังนั้นเขาจึงทําตาม

ซึ่งมันมีประโยชน์บางอย่างจริงๆ

เมื่อวานเรามาพูดถึงเรื่องเมื่อวานกันเถอะ ขณะที่เขาออกไปสํารวจพื้นที่เพาะปลูก เขาไม่คิดเลยว่าจู่ๆพวกผู้ลี้ภัยก็มาคุกเข่าขอบคุณซึ่งนั่นทําให้เขาตกตะลึง

สิ่งนี้ทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเพราะเขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน

ความภาคภูมิใจที่ซ่อนลึกอยู่ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกพึงพอใจอย่าง
มาก

ผู้กอบกู้? ผู้มีพระคุณอย่างสูง? ต้องการตั้งป้ายเพื่อบูชา? ถ้อยคําสรรเสริญทั้งหลายถูกกล่าวออกมา

แม้แต่เขาก็ยังคิด ถ้าพวกเจ้าพูดแบบนี้ก่อนหน้า นายน้อยเช่นข้าจะยังเอาเปรียบพวกเจ้าอย่างเลวร้ายอีกหรือ?

เขารู้สึกว่าเขาจะไม่ถูกหลอกโดยเพื่อนสกุลหลินอีกต่อไป

ไม่ว่าเจ้าจะทําอะไรข้าจะเฝ้ามองและแอบดูก่อนท่าตาม

ถ้าเจ้าแจกพื้นที่เพาะปลูกของเจ้าแก่พวกเขา งั้นข้าก็จะทําเช่นกัน แต่จะให้มากกว่า

ผลประโยชน์ที่เจ้าต้องการได้รับ ข้าจะเป็นคนเก็บเกี่ยวก่อน

ไม่มีใครไม่ชอบฟังคําเยินยอ หยวนเทียนชูถูกหอมล้อมด้วยคําสรรเสริญของพวกผู้ลี้ภัยจนทําให้เขาเริ่มมึนเมาจากค่าพูดเหล่านั้น

มันมีแม้กระทั่งบางคนที่ส่งลูกสาวของตัวเองไปตระกูลหยวนเพื่อหวังจะรับใช้เขา

แน่นอนว่าสําหรับพฤติกรรมนี้เขาไม่สามารถยอมรับได้อย่างแน่นอน

เขาปฏิเสธอย่างเคร่งครัดและปล่อยให้พวกนางกลับไปทําฟาร์มกับครอบครัวดั้งเดิม

ฉากที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นช่างเหลือเชื่อ เหล่าผู้ลี้ภัยเริ่มคุกเข่าก่อนจะน้ําตาไหลออกมาด้วยความกตัญญู

อันที่จริงหยวน เทียนชูรู้สึกอับอายมาก

ที่พวกเจ้าส่งมายังเรียกว่าหญิงสาวได้อีกงั้นรึ? พวกนางทั้งผิวซีดและตัวก็บางราวกับเทียนไข เอาเข้าจริงสาวใช้ในตระกูลของเขายังดีกว่าพวกนางเสียอีก

ต่อมาไม่นาน หยวนเทียนชูก็ตกใจ เขาตระหนักว่าเขาค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของหลินฟานเข้าแล้ว

การให้พื้นที่การเกษตรแก่พวกผู้ลี้ภัยมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเขาจะได้รับการยกย่อง
ส่วนข้อเสียคือพวกผู้ลี้ภัยจะส่งลูกสาวของพวกเขามาที่ตระกูล

หากเขายอมรับ ตระกูลหยวนก็จะมีคนใช้เพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลให้พวกเขาต้องจ่ายมากขึ้นเพื่อเลี้ยงดผู้ลี้ภัยเหล่านี้ นั่นจะกินทั้งเวลาและความพยายามอย่างมาก

น่าสะพรึงกลัว

นั่นเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ

เมื่อทุกค่อยๆอย่างชัดเจนขึ้น เขาก็ตระหนักถึงเป้าหมายที่แท้จริงของหลินฟาน นั่นเป็นเหตุผลที่ทําให้เขารู้สึกโชคดีที่ปฏิเสธไป

“เทียน” ในตอนนั้นเองหัวหน้าตระกูลหยวนก็ปรากฏตัวขึ้น “ไปห้องอ่านหนังสีอกับข้า”

“ครับ ท่านพ่อ” หยวน เทียนชูตอบ

เขาไม่รู้ว่าทําไมพ่อถึงมองหาเขา แต่มันต้องเป็นเรื่องที่จริงจังแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นช่วงกลางดึกแบบนี้แล้วด้วย

มันต้องสําคัญมากแน่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด