Summoning the Holy Sword 70

Now you are reading Summoning the Holy Sword Chapter 70 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

70 – กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

 

ทั้งสองคนตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบ

 

โรดส์ยืนอยู่ตรงหน้ามาร์ลีน กำลังยกดาบขึ้นและพึมพำในใจ เขาเกรงว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูชั้นสูงอยู่ ความจริงแล้วคำเรียกที่ใช้ว่า ชั้นสูง เป็นระดับที่อยู่เหนือล้ำกว่ามนุษย์ทั่วไปและอาจเรียกได้ว่า เหนือมนุษย์ ไปแล้ว แม้ว่าสายลับคนนี้จะไม่รู้ความแข็งแกร่งของพวกเขา แต่มันไม่ได้หมายความว่าคนๆนี้จะไม่แข็งแกร่ง อย่างที่เห็นความเร็วของสายลับคนนี้รวดเร็วมาก คนส่วนใหญ่ไม่อาจตอบโต้ได้ทัน ยิ่งไปกว่านั้น…ครั้งนี้มันเป็นมนุษย์ จะดีกว่าถ้าศัตรูตรงหน้าเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ถูกเล่นแร่แปรธาตุที่มีสติปัญญาเพียงเล็กน้อย

 

แต่ตอนนี้ ไม่มีเวลามาเสียใจอีกแล้ว

 

“มาร์ลีน ตั้งสมาธิให้ดี อย่าให้มันมีโอกาสได้โจมตี เข้าใจนะ?”

 

“ฉันจะพยายาม”

 

เมื่อได้ยินคำสั่งของโรดส์ มาร์ลีนซึ่งกำลังตั้งสมาธิอยู่แล้ว เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นไปอีก เธอไม่เคยเห็นความเร็วขนาดนี้มาก่อน อีกทั้งศัตรูยังสามารถทำลายได้แม้กระทั่งโล่เวทมนตร์ป้องกันของเธอ นั่นทำให้มาร์ลีนรับรู้ได้ถึงความอันตราย เธอถอยหลังและสงบสติอารมณ์ ก่อนที่จะยกคทาขึ้น

 

ในวินาทีนั้นสายลับเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง

 

เร็วมาก!

 

ในพริบตาเดียว โรดส์เห็นกริชพุ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าเขา เขาประหลาดใจมากและตวัดดาบขึ้นป้องกันกริบตรงหน้า

 

แต่จากนั้น เขารับรู้ได้ถึงเรี่ยวแรงมหาศาลกดทับลงมาจากดาบ ทำให้เขากระเด็นถอยไปหลายเมตร ส่งผลให้เขาล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง แม้ว่าการโจมตีนี้จะหนักหน่วงมาก แต่เขาก็ยังคงกัดฟันลุกขึ้นมา เขากวัดแกว่งดาบในมือและป้องกันกริชของสายลับอีกครั้ง

 

ตูม!!!

 

ร่างของโรดส์เสียสมดุลและคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่อุปกรณ์เวทมนตร์ในมือของเขาลากยาวกับพื้น ส่งเสียงดังครืดออกมา

 

มันเป็นบาบาเรี่ยนหรือสายลับกันแน่!?

 

มือหนึ่งของโรดส์จับที่ดาบจับ ในขณะที่อีกมือหนึ่งจับไปที่ตัวดาบ เขาคำรามออกมาเบาๆ

 

คนนี้ๆรับมือได้ยากจริงๆ ความเร็วและความแข็งแกร่งของมันเหนือกว่า ถ้าไม่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้มาก่อน ฉันคงตายไปนานแล้ว

 

“เอ๊ะ?”

 

เมื่อมองเห็นสีหน้าที่มืดมนของโรดส์ สายลับถึงกับมึนงง

 

เขาไม่ได้ประเมินโรดส์ต่ำไป จากก่อนหน้านี้ผู้ติดตามของเขา 2 คนถูกสังหารอย่างเงียบงัน เขาเคยเห็นมาว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนกล้าหาญและมีประสบการณ์การต่อสู้ อีกทั้งโรดส์เองยังสามารถรับรู้ถึงตัวตนของเขาและหลบการโจมตีกะทันหันของเขาได้ นั่นหมายความว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่าย และนั่นเป็นสิ่งที่เขาพลาดไป การโจมตีแรกของเขาล้มเหลว เขาจึงตัดสินใจออกมาเผชิญหน้ากับโชคชะตา

 

เขาไม่เคยจินตนาการว่าความสามารถของเด็กหนุ่มคนนี้จะเหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้อย่างเทียบไม่ติด เมื่อเขาโจมตีอีกครั้ง

 

เขาสามารถรับการโจมตีของเขาได้งั้นรึ?

 

เมื่อมองไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังต้านทานการโจมตีของเขา สายลับถึงกับงุนงง โดยทั่วไปแล้ว เขารู้ว่าคนทั่วไปไม่สามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้ถ้าไม่ใช่พวกชั้นสูง แต่นักดาบคนนี้ยังไม่ได้เข้าสู่ขอบเขตระดับสูง แต่กลับสังหารผู้ติดตามของเขาได้ถึง 2 คน? มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก

 

โดยปกติแล้วประสบการณ์การต่อสู้และความแข็งแกร่งนั้นเป็นของคู่กัน เมื่อคนๆนั้นมีประสบการณ์การต่อสู้มากขึ้น ความแข็งแกร่งของคนๆนั้นจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่แม้ว่าคนๆนี้จะมีประสบการณ์การต่อสู้มาก แต่พละกำลังของเขากลับอ่อนแอ ทำไมกัน? แน่นอนว่าสายลับชุดดำไม่มีทางรู้ว่าโรดส์ได้รับประสบการณ์การต่อสู้มาจากอีกโลกหนึ่ง ในฐานะสายลับ การระวังภัยถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ตั้งแต่ที่มีบางอย่างผิดปกติและศัตรูของเขายังแสดงท่าทีออกมาอย่างกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว  ภาพตรงหน้าของเขาราวกับเป็นเรื่องโกหก นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องระมัดระวังไม่นำตัวเองไปติดกับดักหรือสร้างปัญหา

 

เมื่อคิดได้ดังนี้ สายลับชุดดำช่วยไม่ได้ จึงใช้แรงน้อยลง

 

เมื่อเห็นดังนี้ โรดส์ตอบโต้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมสายลับตรงหน้าถึงทำแบบนี้ เขาไม่อาจปล่อยโอกาสตรงหน้าให้หลุดลอยไปได้! โอกาสที่จะจบทุกอย่างในครั้งเดียว

 

เขายืดมือซ้ายออกมาและชี้ตรงไปทางเดียวกับดาบ

 

เปลวเพลิงสีแดงสดปรากฏขึ้นบนมือของโรดส์และพุ่งตรงไปยังสายลับตรงหน้า ตามมาด้วยเสียงคำรามของหมาล่าเนื้อสีดำที่ปรากฏตัวออกมาท่ามกลางเปลวเพลิง มันอ้าปากและพุ่งตรงไปข้างหน้า

 

“นี่มันตัวบ้าอะไรเนี่ย!!”

 

เมื่อเห็นเปลวเพลิงตรงหน้า สายลับถึงกับมึนงง เขาถอยหลังเพื่อหลบหนีการโจมตีด้วยเปลวเพลิงอย่างรวดเร็ว แต่นักฆ่าเปลวเพลิงไม่ปล่อยให้สายลับได้ตั้งตัว มันกระโจนไปกลางอากาศและอ้าปาก คมเขี้ยวสีขาวแหลมคมทำให้สายลับตรงหน้าตกใจเล็กน้อย แต่สำหรับสายลับชั้นสูงแล้ว เขาไม่ได้หวาดกลัวศัตรูตรงหน้า การเผชิญหน้ากับหมาล่าเนื้อ สายลับอย่างเขาได้แต่กัดฟันกรอด เขาโบกมือและประกายแสงสว่างตวัดผ่านร่างของนักฆ่าเปลวเพลิง

 

สายลับขยับมือของเขาอีกครั้งและหลบศพของนักฆ่าเปลวเพลิง ทางเลือกของเขาถูกต้อง แต่เขาไม่รู้ว่านักฆ่าเปลวเพลิงมีคุณสมบัติพิเศษ….

 

ตูม!!!!

 

เสียงระเบิดดังสนั่น เปลวเพลิงสีแดงสดสาดกระจายไปทั่ว แม้ว่าพระราชวังจะสั่นไปทั้งหลัง สายลับได้แต่ถอยหนีอย่างมืดมน ความสงบนิ่งทั้งหมดหายไป ดวงตาของเขาตอนนี้เหลือเพียงความตื่นตระหนก

 

อย่างที่คิด! เด็กหนุ่มคนนี้พิลึกมาก!

 

เขาปากริชที่ถูกหลอมละลายในมือซ้ายทิ้งออกไปและกัดฟัน เขาไม่เคยเห็นเวทย์อัญเชิญวิญญาณที่แปลกขนาดนี้มาก่อน มันเป็นการเรียกโดยตรงโดยไม่มีขั้นตอนการร่าย ยิ่งไปกว่านั้น วิญญาณอัญเชิญยังสร้างความเสียหายได้รุนแรงขนาดนี้?

 

นี่เป็นพลังของอุปกรณ์เวทมนตร์รึ หรือความสามารถของตัวมันกันแน่?

 

ขณะที่สายลับกำลังตื่นตกใจ ประกายแสงสีขาวพุ่งผ่านหมอกควันตรงมายังร่างของเขา

 

มันเป็นดาบสีขาวบริสุทธิ์!

 

“บ้าน่า!”

 

ชายในชุดคลุมดำเคยผ่านการต่อสู้มันนับครั้งไม่ถ้วน เขารู้ดีว่าสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่นี้เริ่มพลิกกลับตั้งแต่ที่ศัตรูของเขาโจมตีเขาอย่างเลือดเย็น ยิ่งไปกว่านั้น แนวทางการต่อสู้แปลกๆของโรดส์สร้างความลำบากให้เขามากขึ้นไปอีก เขาจับกริชขึ้นมาและขว้างออกไปเพื่อขวางการโจมตีของดาบ จากนั้นเขาถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว ใช่แล้ว สายลับคนนี้กำลังโจมตีกลับพร้อมทั้งสร้างโอกาสหนีไปในตัว ยังเหลือเวลาอยู่ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้!

 

แต่ตอนนี้ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

 

เมื่อกริชที่ขว้างไปเพื่อป้องกันดาบที่พุ่งมา ดาบนั่นเปลี่ยนสภาพกลายเป็นแสงสีเขียวอย่างกะทันหันและปรากฎรูปร่างเป็นนก มันลอยไปในอากาศและวนกลับมา ก่อนจะพุ่งมาทางเขา

 

ตัวพวกนี้มันบ้าอะไรกัน!!

 

แม้ว่าเขาจะผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน เขายังคงสับสนเพราะว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันเกินกว่าที่เขาเคยพบเจอมาก่อน วิญญาณอัญเชิญที่ระเบิดได้  จากนั้นนกที่เปลี่ยนรูปร่างมาเป็นดาบ? หรือจะดาบที่กลายสภาพมาเป็นนก? พระเจ้าช่วย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

 

แม้ว่าจิตใจของเขาจะตกต่ำอย่างมาก แต่เขาไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกไป นี่เป็นเพราะเขาสามารถมองเห็นได้ไม่ไกลจากนก ร่างของโรดส์พุ่งผ่านหมอกควันตรงเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ

 

“ฮึบบ!!00

 

ถึงจุดนี้ สายลับปราศจากความลังเล มือซ้ายของเขาคว้ากริชออกมาจากเอวและปาไปที่นกวิญญาณ ขณะที่มือขวาของเขากำกริชอีกอันแน่นไว้เหนืออก หลังจากเผชิญหน้ากันก่อนหน้านี้ เขาได้เรียนรู้บางอย่าง ถ้าวิหควิญญาณที่ถูกอัญเชิญออกมานั้นระเบิดได้เหมือนกับหมาล่าเนื้อ เขาคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นใช่ไหม?”

 

อย่างที่คิด

 

โรดส์ดีใจอย่างมาก เมื่อเขาเห็นว่าปฏิกิริยาของสายลับตรงหน้า เมื่อสายลับถอยกลับ โรดส์ที่สับสนเล็กน้อยก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป โรดส์ที่เคยคิดว่าศัตรูตรงหน้าเป็นพวกชอบเล่นกับเหยื่อ แต่ตอนนี้เขาพบความจริงแล้ว ความจริงก็คือศัตรูตรงหน้ากลัวเขา!

 

หรืออีกทางหนึ่งคือ ศัตรูกลัววิธีการต่อสู้ของเขา

 

ด้วยความคิดนี้ โรดส์ตัดสินใจในทันที โอกาสในการจัดการในครั้งเดียว เนื่องจากศัตรูไม่เข้าใจวิธีการต่อสู้ของเขา เขาจึงครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ในโลกใบนี้ยังไม่เคยมีนักดาบอัญเชิญมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้กับคนเหล่านั้น มันส่งผลให้เกิดความลังเล แต่มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับโรดส์ ถ้าศัตรูสามารถเข้าใจแนวทางการต่อสู้ของเขา ความตายของโรดส์จะขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

 

โรดส์เองก็ไม่ได้โง่ เนื่องจากสายลับคนนี้ระวังตัวมาก เขาไม่เลือกที่จะไม่โจมตีออกไปโดยตรง โรดส์หยุดและขว้างดาบสีแดงในมือออกไป

 

ประกายแสงพุ่งผ่านความมืดและพุ่งตรงมาข้างหน้า

 

มันทำอะไร!?

 

เมื่อเห็นดาบของโรดส์ สายลับขว้างกริชในมือออกไปทันที

 

ควบแน่นดาบ แยกโจมตี! เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักดาบชั้นสูงแล้ว! ข้าถูกหลอก!! ข้าเกือบติดกับดักแล้ว!

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น สายลับในชุดดำถึงกับเหงื่อตก

 

เด็กหนุ่มคนนี้ชอบเล่นกับเหยื่อหรือไง?

 

การคาดเดาของเขาตรงกับที่โรดส์คิดไว้ก่อนหน้านี้พอดี

 

เป็นการเข้าใจผิดที่งดงาม

 

เมื่อเผชิญหน้ากับควบแน่นดาบ สายลับชุดดำยากที่จะป้องกันการโจมตีได้ด้วยมือเปล่า เขากระโดดถอยหลังเพื่อหลบการโจมตี แต่เสียงที่เขาได้ยินนั้นทำให้เลือดในตัวของเขาเยือกเฉียบ

 

วืดดดด!!!

 

เพราะว่าในขณะนี้ มาร์ลีนได้ล็อกเป้ามาที่เขาแล้ว เธอยกไม้คทาในมือขึ้นและชี้มาด้านหน้า!

 

คมมีดสายลมล่องหนตัดผ่านอากาศพุ่งตรงไปยังเป้าหมาย

 

“กรร!!”

 

เสียงหงุดหงิดดังขึ้น

 

แม้ว่าทักษะของสายลับชุดดำจะไม่ได้เลวร้าย แต่ความเร็วของเขายังถูกจำกัดในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เขาพยายามหลบการโจมตีของโรดส์อย่างยากลำบาก เมื่อต้องเจอกับคมมีดสายลมของมาร์ลีน เขาไม่อาจต้านทานได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการกลิ้งไปบนพื้นและพยายามหลบการโจมตี ถึงแม้อย่างนั้นเขายังถูกโจมตีด้วยคมดาบ

 

เมื่อเขายืนขึ้น ร่างทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล แม้กระทั่งผ้าคลุมหน้าก็ขาดหลุดลุ้ย

 

“เอ๊ะ?”

 

หลังจากที่เห็นใบหน้าของสายลับชัดๆ มาร์ลีนถึงกับโง่งมทันที

 

เพราะว่าใบหน้าที่ซ่อนอยู่หลังผ้าคลุมหน้านั้นที่จริงแล้วเป็นเด็กสาว

 

ตอนนี้ใบหน้าสีขาวนวลเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดวงตาสีฟ้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ เพราะไม่พอใจที่ใบหน้าที่แท้จริงของเธอถูกเปิดเผย สายลับคนนี้ไม่คิดจะถอยอีกต่อไป เธอตะโกนออกมาและถือกริช พุ่งตรงไปยังมาร์ลีน!

 

“มาร์ลีน โจมตี!”

 

แม้ว่าเธอจะได้ยินคำสั่งของโรดส์และเวทมนตร์ถูกรวบรวมไว้ที่ปลายคทาของเธอ แต่เธอไม่สามารถยกคทาเมื่อเธอเห็นว่าเป็นเด็กสาวตรงหน้าเธอราวกับว่ามือของเธอถูกถ่วงด้วยน้ำหนัก 1000 กิโลกรัมซึ่งเธอยกไม่ขึ้น

 

นั่นเป็นเพราะเด็กสาวคนนั้นอายุพอๆกับเธอ! ฉันต้องฆ่าเธอจริงๆหรอ?

 

ความคิดนี้ไหวแปลบเข้ามาในหัวของเธอทำให้เธอเสียสมาธิ ในไม่กี่อึดใจ มาร์ลีนสูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว

 

“ตาย!!”

 

ราวกับเสือดาว สายลับชุดดำปรากฏขึ้นตรงหน้ามาร์ลีนและตะโกนขณะที่กำลังแทงกริชลงไป

 

“บ้าเอ้ย!!”

 

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า โรดส์กัดฟัน เขาไม่ได้วิ่งตรงไป กลับกันเขาเลือกที่จะถอยหลัง

 

ต่อมา ความมืดกลืนกินร่างของเขา

 

“อ่า….”

 

เสียงคำรามอย่างโกรธแค้นของเด็กสาวสั่นประสาทของมาร์ลีน แม้ว่าเธอจะพยายามตั้งสมาธิ แต่สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงเคียวของยมทูตที่กำลังคร่าชีวิตของเธอ

 

กำลังรอรับดวงวิญญาณของเธอ

 

“—!!!”

 

ในขณะนั้น เลือดของมาร์ลีนเย็นยะเยือก เธอหลับตาในขณะที่กำคทาในมือแน่ ในหัวของเธอว่างเปล่าไปหมด

 

ฉันกำลังจะตายสินะ?

 

นั่นเป็นความคิดของมาร์ลีนในช่วงชณะนั้น

 

กริชกำลังพุ่งเข้ามา มันแทงทะลุโล่ของเธอ ตามมาด้วยเลือดที่สาดกระจายออกมา

 

“ตาย!”

 

แต่มาร์ลีนไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด

 

ฉันตายแล้วงั้นหรอ?

 

เธอลืมตาขึ้นมาอย่างประหลาดใจ สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอคือมือขนาดใหญ่ที่ถูกกริชแทงทะลุฝ่ามือ

 

แล้วเจ้าของมือนั่นก็คือ

 

“คุณโรดส์!”

 

“กรรร!!”

 

โรดส์ใช้มือหนึ่งป้องกันการโจมตีของสายลับ เขาคำรามออกมาและตวัดอีกมือหนึ่งที่กำลังถือดาบอยู่

 

สีหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยความโกรธ ดวงตาของเธอเป็นสีเลือด จากนั้น-เสี้ยวจันทร์- ลำแสงส่องสว่างออกมา ก่อนที่หัวของเด็กสาวจะร่วงลงไปอย่างรุนแรง ร่างที่เสียสมดุลเองก็ร่วงลงกับพื้น เลือดสีแดงสว่างไหลทะลักออกมาจากลำคอ ศพที่นอนอยู่กระตุกไม่หยุด ราวกับปลาตายที่กำลังพยายามเอาชีวิตรอด

 

“เฮ้อออ….”

 

เมื่อเขาเห็นศัตรูของเขาล้มลง โรดส์ถอนหายใจออกมมา เขาคุกเข่าลงกับพื้นและกัดฟัน เขาดึงกริชออกมาจากมือของเขาด้วยรุนแรง จากนั้นเขาหันหลังกลับและมองมาร์ลีนด้วยความโกรธ

 

“ผมบอกให้คุณโจมตี ทำไมคุณไม่ทำตาม!”

 

“….”

 

มาร์ลีนพูดไม่ออก

 

เธอไม่เคยเห็นโรดส์โกรธมาก่อน ที่ผ่านมาสีหน้าของโรดส์ส่วนใหญ่จะสงบนิ่ง และมีบ้างที่จะขมวดคิ้ว แต่ในครั้งนี้ เขาเหมือนกับคนบ้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาดุร้ายอย่างมาก ดวงตาของเขาเป็นประกายเย็นชาและมุ่งตรงมาที่เธอ

 

“ตอบมาสิ!”

 

“ฉั-ฉันขอโทษ….”

 

มาร์ลีนรู้สึกว่าเธอไร้ค่าและเมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธของโรดส์ เธอพูดไม่ออก ถ้าเธอทำตามคำสั่งของโรดส์ในตอนนั้น เธออาจจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับอันตราย แต่เธอเสียสมาธิและไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ไม่ว่าอย่างไร มันเป็นความผิดของเธอ และนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ ความรู้สึกที่เธอไม่ได้รู้สึกมาเป็นเวลานาน

 

“มัน…มันเป็นความผิดของเธอเองค่ะ….”

 

มาร์ลีนก้มหัวลง

 

“ฉันขอโทษค่ะ คุณโรดส์ ฉันไม่ควรพลาดเองค่ะ….”

 

“ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่คุณต้องรู้ ในเวลานี้ ถ้าคุณลังเล คุณอาจจะตายไปแล้ว!”

 

คำขอโทษของมาร์ลีน โรดส์ยังไม่ยอมรับมัน แต่เขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธมันออกไป

 

“โชคดีที่ผมเตรียมการไว้แล้ว แต่ถ้าเป็นไลซ์ล่ะ? ถ้าเป้าหมายของศัตรูเป็นไลซ์ล่ะ? ตอนนั้นคุณจะยังลังเลที่จะปล่อยให้เธอกลายเป็นศพและเสียใจไปทั้งชีวิตไหม!”

 

“….”

 

มาร์ลีนสั่นไหวเล็กน้อยและไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้

 

“….เนื่องจากคุณรู้ว่าคุณผิด ผมจะมอบบทลงโทษให้ คุณจะยอมรับมันไหม?”

 

“แน่นอนค่ะ คุณโรดส์ คุณต้องการให้ฉันทำอะไร?”

 

เมื่อเห็นว่าโรดส์ให้โอกาสได้แก้ไขความผิดพลาด มาร์ลีนรีบเอ่ยามขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่โรดส์ทำนั้นคือยื่นดาบมาให้เธอ

 

“ใช้ดาบนี่ ตัดหัว 2 ศพนั่น จากนั้นเผาพวกมันทิ้งซะ”

 

“เอ๊ะ?”

 

“ถ้าคุณไม่เคยฆ่าคนมาก่อน งั้นคุณก็สามารถฆ่าศพพวกนี้ก่อนได้ ถือเป็นการฝึกฝน”

 

สำหรับมาร์ลีน มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เธอลังเลที่จะมองไปยังดาบที่โรดส์ส่งมาให้เธอ เธอตัวสั่นเทาเมื่อยื่นมือออกไปรับ ท้ายที่สึด เธอกัดฟันและรับมันมา

 

“ผมหวังว่าคุณจะจำได้นะ ถ้าคุณไม่ฆ่าพวกมัน หัวที่วางอยู่ตรงนี้อาจจะเป็นหัวของคุณหรือของเพื่อนคุณ…ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจจุดนี้นะ”

 

เมื่อเห็นว่ามาร์ลีนรับดาบและเดินไปยัง 2 ศพ โรดส์ถอนหายใจออกมา เขาเอนกายพิงเสาและนั่งลง ขณะที่กัดฟัน ‘ฉันต้องบอกว่ามันเจ็บมาก’ กริชที่แทงทะลุฝ่ามือของเขา ความเจ็บปวดนั้นยากเกินจะต้านทานและยิ่งไปกว่านั้นกริชนั่นยังเคลือบไปด้วยพิษร้ายแรงระดับสูง…

 

โชคดีที่พลังชีวิตของฉันมากพอ

 

โรดส์ยกมือซ้ายขึ้นและมองไปยังแสงสีเขียวใจกลางฝ่ามือของเขา เขาหายใจเข้าลึกๆ เขามองไปยังหน้าต่างระดับที่แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถต้านพิษได้โดยสมบูรณ์ ถ้าไม่เช่นนั้น เขาคงเป็นไอ้โง่ที่เสียเวลามาสอนให้มาร์ลีนรู้จักวิธีการฆ่า กลับกันเขากลับล้างพิษได้เรียบร้อยแล้ว

 

แต่ไม่ว่าโรดส์หรือมาร์ลีนก็ไม่ได้สังเกตว่าเลือดที่หยดลงพื้นจากมือซ้ายของโรดส์นั้นมีลักษณะแปลกๆ มันไม่ได้แห้งเหมือนเลือดทั่วไป ในทางตรงกันข้าม เลือดมันเหมือนกับมีชีวิตของตัวมันเอง มันไหลไปที่คูน้ำรอบๆพระราชวังและกระจายตัวออกไป

 

ท่ามกลางความมืด ณ สถานที่ที่ไม่มีใครมองเห็น พลังลึกลับได้ดึงดูดเลือดเหล่านั้นมา มันไหลขึ้นไปตามพื้น ขึ้นเสา และไปจบที่แท่นพิธีกรรม ก่อนจะรวมตัวกัน….

 

“คุณโรดส์ ฉันทำเสร็จแล้ว”

 

ในเวลานั้น มาร์ลีนทำตามคำสั่งของโรดส์ได้เสร็จสิ้น ใบหน้าของเธอซีดเซียว เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ แต่โรดส์ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขามองไปยังศพทั้ง 3 ที่อยู่ไม่ไกลและยืนขึ้น จากนั้นพยักหน้าให้มาร์ลีน

 

“ดีมาก เตรียมตัวออกจากที่บ้าๆนี่กัน มีคนอยู่ข้างนอกอีก 2 คน และพวกเราต้องจัดการพวกมัน อย่าทำผิดเหมือนเดิม…”

 

“อ้า!!!!”

 

โรดส์พูดไม่ทันจบประโยค เสียงกรีดร้องดังขึ้นขัดจังหวะเขา

 

เกิดอะไรขึ้น?

 

โรดส์มองไปยังต้นเสียงอย่างระมัดระวัง มันน่าจะมาจากเส้นทางลับ สายลับสองคนนั้นถูกฆ่าแล้วงั้นหรอ? เกิดอะไรขึ้น?

 

“ระวังตัวด้วย ไปกันเถอะ!”

 

เขาไม่ลืมที่จะพันแผล โรดส์พามาร์ลืนและวางแผนที่จะออกไปจากที่นี่ พวกเขาไปได้ไม่ไกล เมื่อแสงสีทองสว่างขึ้น

 

บุคคลลึกลับปรากฏตัวขึ้นในอากาศธาตุ กำแพงลึกลับปิดผนึกทางเดินทั้งหมด ในขณะเดียวกัน โรดส์มองเห็นรูปปั้น 2 ฝั่งที่อยู่ข้างเสาเปล่งแสงออกมา!

 

มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย….

 

ถ้าเป็นไปตามที่โรดส์คิด รูปปั้นพวกนั้นกำลังหันมาทางโรดส์และยกดาบขึ้น!

 

จากนั้นเสียงทุ้มดังสะท้อนกึ่งก้อง

 

“เชื้อสายของอัศวินผู้พิทักษ์ ในที่สุดเจ้าก็มาเข้ารับบททดสอบสินะ?”

 

บททดสอบ?

 

โรดส์และมาร์ลีนมองหน้ากัน

 

บททดสอบอะไร?

 

“ฉัน-ฉันอ่านข้อความจากเสาเมื่อกี้นี้ค่ะ คุณโรดส์” มาร์ลีนพูดอย่างตะกุกตะกัก

 

“ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้จะเคยถูกใช้เป็นบททดสอบสำหรับอัศวินค่ะ พวกเขามาที่นี่เพื่อฝึกฝน จากนั้นเมื่อพวกเขาได้รับการยอมรับ พวกเขาก็จะได้รับคำนำหน้าว่า ผู้พิทักษ์…แต่ฉันไม่รู้ว่าพวกมันกำลังปกป้องอะไรอยู่ แต่ดูเหมือนจะเป็นของล้ำค่า…”

 

“ไม่ว่าพวกมันจะปกป้องอะไรอยู่ มันก็ไม่สำคัญกับพวกเราหรอก”

 

ความเจ็บปวดมือซ้ายของโรดส์รุนแรงขึ้น ไลซ์ไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นมันเป็นเรื่องยากที่จะรักษาให้หาย แม้ว่าโรดส์จะพันผ้าพันแผลแล้ว แต่มันจะดีกว่าถ้าเขาไม่ต้องทนทรมานกับความเจ็บปวด ดูเหมือนว่านี่จะเป็นภารกิจลับ แต่ด้วยสถานการณ์ของโรดส์ในตอนนี้ เขาไม่สนใจท้าทายอะไรทั้งนั้น เขาได้รับบาดเจ็บและลงแรงไปมากกับการต่อสู้กับสายลับก่อนหน้านี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาใช้แหวนวิญญาณมืด ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าการทดสอบอะไร เขาต้องปฏิเสธไปให้หมด

 

“ผมขอโทษด้วย พวกเราไปผิดทาง” โรดส์พูดขณะที่เกาะบ่าของมาร์ลีน “ไปกันเถอะ”

 

แต่ไม่มีเสียงตอบรับคำตอบของโรดส์ มันหยุด จากนั้นก็พูดต่อ

 

“ตราบเท่าที่เจ้าสามารถเอาชนะอำนาจของเทพได้  เจ้าจะได้ครอบครองพลังและความรับผิดชอบทั้งหมด ก่อนที่จะได้รับตำแหน่งผู้พิทักษ์”

 

…นี่มันโลกจริงไม่ใช่รึ? มันจะไม่เมตตากันหน่อยรึไง? ทำเป็นเหมือนคอมพิวเตอร์เกมไปได้?

 

แม้ว่าเขาจะบ่นออกมา แต่โรดส์ยังรู้ว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นไร้ประโยชน์

 

“มาร์ลีน ใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ของเธอซะ ไปกันเถอะ” เขาพูด ขณะที่จับมือกับมาร์ลีน

 

“ได้สิ คุณโรดส์”

 

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของโรดส์ เธอพยักหน้าและหลับตา เธอเหยียดมือขวาออกมาและวางไปที่หน้าอกของเธอ ทันใดนั้นแสงสว่างห่อหุ้มร่างของพวกเขา….แต่ทันใดนั้น มันสลายหายไปเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“มิติถูกผนึก! คุณโรดส์ มิตินี้ถูกผนึกไว้แล้ว!”

 

มาร์ลีนเริ่มกังวล เธอยกคทาขึ้นและชี้ไปรอบๆอย่างระมัดระวังโดยไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ในเวลาเดียวกัน มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง

 

“ยอมรับการทดสอบ เชื้อสายผู้พิทักษ์”

 

หลังจากเสียง รุปปั้นทั้งสองขยับออกมาด้านหน้า แต่ละตัวถือดาบอยู่ในมือคนละเล่มและเอื้อมมือออกมา

 

เดี๋ยว เดี๋ยว สัญลักษณ์มือนั่นมัน….

 

สีหน้าของโรดส์เปลี่ยนไปทันที

 

ถ้าเป็นไปตามที่โรดส์คิด วงเวทย์ลึกลับปรากฎขึ้นที่มือของรูปปั้นอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเริ่มหมุนมือไปในอากาศช้าๆ

 

ต่อมา รูปปั้นคำรามและถือการ์ดออกมา!

 

“โฮกกก!!”

 

ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่ว รูปปั้นคล้ายกับเสือชีต้า 2 ตัวปรากฏขึ้นบนพื้น พวกมันเดินเข้ามาล้อมโรดส์และมาร์ลีน ดวงตาที่เบิกกว้างของพวกเขาจ้องมองมาที่โรดส์ตาไม่กระพริบ

………………………………….

ฝากกดติดตามเพจ KN Translate

ตอนนี้มีกลุ่มลับถึงกลุ่มที่ 2 (71-120) แล้วนะครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด