Summoning the Holy Sword 95

Now you are reading Summoning the Holy Sword Chapter 95 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

95 – ความลังเลของแอน จอร์เจีย

 

โครงกระดูกยักษ์ล้มลงตรงหน้าโรดส์

 

เซเร็คลุกขึ้น ถอนหายใจ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาการล้มโครงกระดูกยักษ์ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป แต่การฆ่ามันในระยะเวลาที่จำกัดเป็นอีกเรื่องนึง ถ้าเขาเป็นตำนาน บางทีเขาน่าจะสามารถลบตัวตนของโครงกระดูกยักษ์ได้ในดาบเดียว

 

จบ!

 

โรดส์ยืนยันการตายของมัน เมื่อได้รับค่าประสบการณ์ เมื่อเขามองไปที่ระบบแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ ตราบเท่าที่เขามีสิ่งนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่ศัตรูจะหลอกเขาจากความตายของมัน แต่เขาไม่มีเวลามาดีใจเพราะ…..

 

ตูม…ตูม..ตูม….ตูม!!!

 

ในขณะนั้น เสียงกลองดังมาแต่ไกลและทำลายความเงียบ

 

กลองศึก!?

 

โรดส์รู้สึกตกใจ

 

เขาตกใจมาก

 

แอนกำลังทำอะไรกัน?! นั่นไม่ใช่แผนของเขา!!

 

หลายคนเชื่อว่าการดวลเป็นเพียงการต่อสู้ของอัศวินเพราะพวกเขาเกี่ยวข้องกับเกียรติยศและศักดิ์ศรี แต่ในความเป็นจริง ไม่เพียงแต่อัศวินเท่านั้นที่มีคุณสมบัตินี้

 

เพราะมีอีกคลาสหนึ่งที่ต่อสู้ด้วยเกียรติยศเช่นกัน!

 

นักรบโล่!

 

ดาบและโล่เป็นสิ่งตรงข้ามกันเสมอ เหมือนกับการโจมตีและการป้องกันซึ่งอยู่ขั้วตรงข้ามกัน

 

เสียงกลองศึกเป็นสัญญาณของนักรบโล่ที่จะประกาศตัวเพื่อท้าดวลกับอัศวิน โรดส์จำได้ว่าเขาเคยเห็นการต่อสู้หนึ่งที่ถุูกบันทึกไว้นานมาแล้วในเกม มันเป็นการต่อสู้ไม่ธรรมดาระหว่างประเทศขนาดใหญ่และประเทศขนาดเล็ก ในสมัยก่อนมีกองทหารม้าขนาดใหญ่ ในขณะที่ประเทศขนาดเล็กไม่มีม้า ไม่มีอาวุธและอยู่ในความสิ้นหวัง พวกเขาสร้างเครื่องกีดขวางอันแล้วอันเล่าเพื่อซื้อเวลาสำหรับศึกสุดท้ายของพวกเขา ซึ่งพวกเขาไม่มีอาวุธ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถใช้เครื่องกีดขวางเหล่านี้ชะลอการบุกของฝ่ายตรงข้ามลงได้

 

กองทัพของทั้งสองในที่สุดก็ปะทะกัน กองทัพของประเทศขนาดใหญ่นั้นมีจิตวิญญาณและมั่นใจอย่างมากว่าทหารเกราะหนักของพวกเขาสามารถสั่นสะเทือนสนามรบได้ แล้วประเทศขนาดเล็กล่ะ? พวกเขาซ่อนตัวอยู่หลังสิ่งก่อสร้าง สั่นทึมด้วยความกลัวราวกับกำลังรอกองทหารม้ามาทำลายพวกเขา

 

สีหน้าที่ซีดเซียวด้วยความกลัว ไม่มีใครเชื่อว่าพวกเขาจะรอดชีวิต

 

แต่ทันใดนั้น เสียงกลองดังกึ่งก้องมาจากที่ไหนไม่รู้

 

ตูม ตูม ตูม!!….

 

เสียงกลองทุ้มต่ำดังสะท้อนไปทั่วสนามรบ มันเสียดแทงเข้าไปในจิตใจของผู้คนที่หวาดกลัว ดวงวิญญาณที่หวาดกลัวเมื่อได้ยินเสียงกลองก็เริ่มสงบลงและเริ่มเคาะโล่ตามจังหวะเสียงของกลองศึก เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาเคาะดังขึ้นเรื่อยๆ….และไม่นาน โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว สีหน้าของพวกเขาจากความกลัวนั้นหายไป เหลือเพียงความมั่นใจถูกทิ้งไว้บนใบหน้าของพวกเขา

 

ในวันชี้ชะตา เมื่อเสียงกลองศึกดังขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด เป็นครั้งแรกที่กองทหารม้าไร้เทียมทานถูกกดดัน ราวกับว่ากองทัพขนาดเล็กตรงหน้าพวกเขาได้ถูกเปลี่ยนกลายเป็นป้องปราการที่ไม่สามารถเอาชนะได้

 

หลังจากจบศึกในครั้งนั้น ทหารโล่กลายมาเป็นคลาสที่สามารถเลือกได้ในเกม กลองศึกเป็นสัญลักษณ์ของนักรบโล่และในเวลาเดียวกันก็เป็นความอัปยศของเหล่าอัศวิน

 

ไม่มีการโจมตีใดที่พวกเขาไม่สามารถหยุดได้ เมื่อพวกเขาอยู่ในสนามรบพร้อมกับโล่! ไม่ว่าจะเป็นจอมเวทย์หรือเรนเจอร์ที่ทรงพลัง พวกเขาจะกลายเป็นป้อมปราการที่พึ่งพาได้ ในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘นักรบโล่’ ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันในแนวหน้า

 

แต่……ไม่มีการโจมตีใดสามารถถูกหยุดได้….เอ๊ะ? ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว

 

เนื่องจากอัศวินและนักรบโล่ได้กลายมาเป็นขั้วตรงข้ามกันโดยสมบูรณ์ เหล่าอัศวินคิดว่านักรบโล่ทำให้พวกเขาเสียชื่อเสียงและเกียรติยศ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเหล่านักรบโล่รู้สึกดีใจ เมื่อพวกเขาได้ทำลายตำนานอย่าง ‘อัศวินไร้พ่าย’

 

มันเป็นไปอย่างงดงาม กลองศึกเป็นการกระทำที่ยั่วยุเหล่าอัศวินและยังหมายถึงการดวล

 

แต่ในเกม ผู้คนใช้มันจะพูดราวกับ….

 

“เฮ้แกน่ะ นายอัศวิน โล่ของปู่แกอยู่ที่นี่แล้ว เข้ามาเร็วๆ แล้วคิดว่าไม้จิ้มฟันนั่นสามารถทำลายโล่ของปู่แกได้งั้นเหรอ?”

 

มันเป็นคำสบประมาทที่ไม่อาจทนได้และแทงใจดำของอัศวินทุกคน

 

ดังนั้นเมื่อโรดส์ได้ยินเสียงกลองศึก เขาจึงตกใจอย่างมาก!

 

แอนพยายามทำอะไรกัน? นั่นมันเป็นการประกาศสงครามโดยตรงเลยนะ! เขาควรบอกเธอให้ชัดว่าให้เธอไปยื้ออัศวินแห่งความตาย แต่ตอนนี้เธอกำลังยั่วยุคนตรงหน้าอย่างรุนแรง….

 

บ้าเอ้ย!

 

โรดส์ส่งคำสั่งให้ซีเลียผ่านทางกระแสจิต จากนั้นเขาหันหน้าไปหาคนอื่นรอบๆ

 

“คุดลา นำกลุ่มของคุณไปที่ทางออกเดี๋ยวนี้ ไปตามทางที่ผมบอกคุณก่อนหน้านี้ เร็ว!”

 

จากนั้นเขาเงยหน้าไปมองไลซ์ และกวักมือเรียกเธอ

 

“ไลซ์ มากันผม!”

 

โรดส์ไม่อาจเสียเวลาไปมากกว่านี้ได้ เขาโยนการ์ดสีดำออกมา จากนั้น เซนทอร์ปรากฎขึ้นกลางอากาศ ทำให้เหล่าทหารรับจ้างอดมองโรดส์อย่างประหลาดใจไม่ได้ เพราะว่าโรดส์ไม่เคยแสดงความสามารถในการอัญเชิญมาตลอดทาง

 

โรดส์ไม่สนใจพวกเขา ราวกับเขามีบางสิ่งที่สำคัญกว่าต้องทำตอนนี้ เมื่อโบกมือเสร็จ เขาขึ้นขี่หลังเซนทอร์และดึงไลซ์ขึ้นมาเกาะหลังเขา โชคดีที่หลังของอัศวินเซนทอร์มีพื้นที่ว่างพอสำหรับพวกเขาทั้งสองคน จากนั้นเขาตบไหล่ของเซนทอร์เป็นการส่งสัญญาณให้มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด

 

เซเร็คที่อยู่ด้านข้างเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน เขาไม่ได้เอ่ยถามสิ่งที่ไม่จำเป็นและตามโรดส์ไปอย่างติดๆ

 

“คุณโรดส์ เกิดอะไรขึ้นคะ?”

 

ไลซ์ถามด้วยน้ำเสียงที่กังวล เธอไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับโรดส์ขนาดนี้มาก่อน แต่สัญชาตญาณของเธอบอกว่าโรดส์ไม่ได้พยายามฉวยโอกาสจากเธอและมีหายนะบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเล็กน้อย

 

“ยัยบ้าเอ้ย…!!”

 

โรดส์ไม่ได้ตอบเธอ กลับกันเขาขมวดคิ้วและยกคิ้วขึ้น

 

ด้วยการกระทำนั้น แอนจะดึงดูดความสนใจของอัศวินแห่งความตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่นั่นเท่ากับการมองหาความตาย เธอสามารถยื้อเขาได้โดยรับการโจมตีทั่วไป….และนั่นก็เพียงพอแล้ว….ดังนั้นทำไมเธอถึงตัดสินใจแบบนั้นกัน?!

 

เกียรติยศของนักรบโล่รึ?

 

โรดส์ไม่คิดว่าแอนจะสนใจกับเรื่องแบบนั้น มันอาจเป็นเพราะนิสัยของเธอที่ค่อนข้างตรงเกินไปมากกว่าสิ่งที่ทำให้เขาเชื่อว่าเธอให้ความสนใจในเกียรติและศักดิ์ศรี แต่ทำไมเธอถึงทำแบบนั้น?

 

เนื่องจากที่เป็นภารกิจแรกอย่างเป็นทางการของเธอหลังจากที่เข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้าง โรดส์ไม่คิดว่าเธอจะมองว่าสตาร์ไลท์เป็นบ้านของเธอ บางทีถ้าเธอเป็นสมาชิกเก่าของกลุ่ม บางทีเขาอาจจะเข้าใจว่าทำไมเธอถึงตัดสินใจทำสิ่งนี้

 

นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!!

 

เหล่าทหารรับจ้างต้องทำตามคำสั่ง แต่พวกเขาไม่ใช่ทหาร หน้าที่หลักของทหารคือการปฏิบัติตามคำสั่ง แม้ว่ามันจะหมายถึงความตาย แต่ทหารรับจ้างนั้นไม่เหมือนกัน พวกเขาเลือกที่จะไม่ทำตามคำสั่งก็ได้ ถ้าพวกเขาคิด!

 

หลังจากที่ขึ้นไปบนหลังเซนทอร์ได้ครู่หนึ่ง ในที่สุดโรดส์ก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

 

แอนกัดฟัน รอยยิ้มของเธอหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและแทนที่มาด้วยสีหน้าที่จริงจัง เธอถือโล่สีทองและเสริมด้วยโล่หัวใจศิลา โล่หัวใจศิลานั้นมีประโยชน์อย่างมากในการดูดซับความเสียหาย

 

ตรงหน้าเธอ อัศวินแห่งความตายถือหอก ขณะที่กำลังจ้องไปยังใจกลางโล่ ประกายไฟนับไม่ถ้วนกระจายอยู่รอบตัวเขา

 

ซีเลียที่มาถึงแล้ว แต่เธอเลือกที่จะไม่โจมตี กลับกันเธอลอยอยู่บนอากาศ ขณะที่มองการต่อสู้

 

“บัดซบ!”

 

โรดส์สบถ แน่นอนเขารู้แล้วว่าแอนพยายามทำอะไร มันเป็นสกิลที่น่ากลัวที่สุดของนักรบโล่ — การป้องกันสวนกลับ!!

 

พูดง่ายๆคือ เมื่อนักรบโล่ใช้สกิลนี้ พวกเขาจะใช้โล่ปะทะเข้ากับอาวุธของศัตรู และบังคับให้พวกเขาดวลกัน 1 ต่อ 1 และถ้าศัตรูอยากจะทิ้งอาวุธในการต่อสู้ พวกเขาจะถูกกระแทกโดยโล่ด้วยแรงมหาศาล

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เธอยังคงความเกรี้ยวกราดของเธอกับอัศวินแห่งความตายอยู่ ตามที่เหล่าผู้เล่นบอก มันเป็นสกิลที่เอาไว้ใช้ยั่วยุคนอื่น และยังเป็นสกิลที่ยากที่จะหลบหนี

 

มันเป็นสกิลที่อ้างอิงมาจากกฏฟิสิกส์  โรดส์ไม่เข้าใจการทำงานของมัน แต่ทุกคลาสต่างหวาดกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเคลื่อนไหวนี้ เมื่อสกิลนี้ถูกใช้ การต่อสู้จะจบลงที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ซีเลียไม่เคลื่อนไหวใดๆ เธอคิดว่าอัศวินแห่งความตายกำลังถูกยั่วยุและไม่ได้ระวังรอบๆ เธอสามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงได้ ถ้าเธอโจมตีในตอนนี้ แต่การโจมตีของเธออาจจะส่งผลต่อแอนที่กำลังตั้งสมาธิไปที่เป้าหมายของเธอ ถ้าเธอสูญเสียสมาธิ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้

 

“อะ-อะไร…กั-”

 

ไลซ์ตกตะลึงเมื่อเธอเห็นพวกเขากำลังจะต่อสู้กัน ราวกับว่าเวลาถูกหยุดไว้ พวกเขาเคลื่อนที่กันอย่างแปลกประหลาด ทำให้เธอไม่รู้สิ่งที่จะพูดต่อไป

 

“ไลซ์”

 

ในตอนนั้นเอง โรดส์พูดด้วยใบหน้ามืดมน

 

“ผมจะนับนะ เมื่อผมนับถึง ‘หนึ่ง’ คุณต้องร่ายบาเรียให้แอนและรักษาเธอไปพร้อมกัน”

 

“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”

 

ไลซ์บีบกำปั้นด้วยความกังวลและกัดริมฝีปาก

 

หลังจากที่พูดกับไลซ์จบ โรดส์ดึงดาบออกมาและหรี่ตาลง จากนั้นเขามองไปที่ตำแหน่งที่เปราะบางที่สุดของอัศวินแห่งความตาย โรดส์รู้ดีว่าทั้งสองกำลังแข่งขันเรื่องความอดทนและสมาธิ ด้วยการรับรู้ของอัศวินแห่งความตาย เขาสามารถสังเกตเห็นโรดส์ได้ ถ้าเขาสูญเสียสมาธิ และโอกาสชนะของแอนก็จะสูงขึ้น หลังจากนั้นการถูกมองจุดอ่อนโดยคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่น่าดีใจนัก

 

ในขณะนั้นเซเร็คได้มาถึง เขามองไปยังสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นและอ้าปากอุทานออกมา แต่ไม่นาน นักดาบก็สงบสติอารมณ์ เขาถือดาบและเริ่มตรวจสอบอัศวินแห่งความตายอย่างระมัดระวัง เห็นได้ชัดว่าเขามีความคิดเดียวกันโรดส์

 

คุดลาและคนอื่นๆยังคงหนีออกไปจากหุบเขา เมื่อเขามองไปยังการต่อสู้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป แต่เขาก็ไม่ได้หยุดวิ่ง กลับกันเขาส่งสัญญาณให้ลูกน้องของเขาพาเหล่านักบวชออกไปอีกด้านหนึ่ง ตามที่โรดส์บอก ตราบเท่าที่พวกเขาออกไปจากที่นี่ได้ พวกเขาจะออกจากรอยต่อชายแดนและสันเขาแห่งความเงียบได้

 

แต่ตอนนี้เหมือนมีบางสิ่งขาดไป

 

สีหน้าของโรดส์ดำคล้ำ เขาสามารถมองเห็นมือของแอนที่กำลังสั่นและใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยเหงื่อ เธอไม่สามารถทนได้อีกต่อไป แต่มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลก – นั่นเพราะศัตรูของเธอคืออัศวินแห่งความตาย! ถ้าเป็นนักรบโล่อื่นๆทั่วไป บางทีคนๆนั้นอาจจะถูกส่งไปสวรรค์แล้ว แต่แอนกลับสามารถยื้อไว้ได้เป็นเวลานานมาก ก่อนที่จะแสดงสีหน้าของความพ่ายแพ้ แค่นั้นก็ถือว่าดีมากแล้ว!

 

น่าเสียดาย ไม่ว่าเธอจะทำดีแค่ไหน สุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้

 

ตอนนี้โรดส์ไม่ได้กำลังคิดหนทางชนะ แต่เขากำลังคิดถึงปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งก็คือการปกป้องชีวิตของแอน!!

 

เคล้ง!! ทันใดนั้น วินาทีที่ถูกหยุดไปกลับมาเป็นปกติ

 

โล่ที่อยู่ในมือของแอนร่วงลงด้านข้าง และต่อมา คมหอกพุ่งตรงมาหาเธอด้วยความเร็วที่น่าใจหาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด