The Great Worm Lich 161

Now you are reading The Great Worm Lich Chapter 161 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะนี้ชายหนุ่มถูกทิ้งให้อยู่ภายในสำนักงานเพียงลำพัง เขาล็อคประตูแล้วหันกลับไปมองแสงอาทิตย์ที่มีเสน่ห์และหาได้ยากในช่วงฤดูหนาวผ่านทางหน้าต่าง เมื่อคิดว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เขาจึงเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเปิดดูบทความออนไลน์ใหม่ ๆ และรอการมาถึงของค่ำคืนนี้

 

ทันใดนั้น พาดหัวข่าวที่ว่า “การเดินทางของยูเอสหมายเลข 1 ได้เปิดทำการสรรหาผู้อยู่อาศัยถาวรชุดแรกสำหรับดาวเคราะห์ชั้นนอก” อาจฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลกแต่สำหรับจางลี่เฉินแล้วมันเป็นหัวข้อข่าวที่น่าสนใจมากทีเดียว

 

เขาคลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาข่าวที่มีอยู่ 10 บรรทัดอย่างรวดเร็ว

 

“สำนักข่าว AP – ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างถาวรที่นอกโลก! มันอาจฟังดูเหมือนแฟนตาซีแต่มันคือเรื่องจริง เวลา 10.30 น. วันนี้ องค์การอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาและสถาบันวิจัยที่ไม่แสวงหาผลกำไร ‘ศูนย์ค้นคว้าดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก‘ ได้จัดงานแถลงข่าวในกรุงวอชิงตันและประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่าพวกเขากำลังสรรหาพลเมืองผู้กล้าหาญของสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าร่วมในโครงการ ‘บ้านพักอาศัยถาวรนอกโลก’ ที่เป็นตั๋วเพียงเที่ยวเดียว ชุดของการคัดเลือกและการฝึกอบรมจะดำเนินการในอีกสองเดือนต่อมาท่ามกลางหมู่อาสาสมัครที่สมัครเข้ามากันอย่างน่าประทับใจ จะมีผู้ชาย 100 คนและผู้หญิง 100 คนที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้อพยพระหว่างดาวเคราะห์กลุ่มแรกของโลกและจะถูกย้ายไปอาศัยอยู่ยังดาวเคราะห์ใกล้โลกอย่างถาวร ผู้บุกเบิกเหล่านี้จะสร้างการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ถาวรเป็นครั้งแรกที่นอกโลก นอร์ตัน แอล ด็อปป์ ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ ‘บ้านพักอาศัยถาวรนอกโลก’ กล่าวว่าเขาได้เริ่มเตรียมแผนที่กล้าหาญนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว นาซ่าพร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากและผู้ได้รับรางวัลโนเบลจากบริษัทเทคโนโลยีอวกาศอื่น ๆ เชื่อว่าเทคโนโลยีอวกาศที่มนุษย์เชี่ยวชาญในปัจจุบันสามารถส่งมนุษย์อวกาศไปยังดาวเคราะห์ใกล้โลกเพื่อปักหลักอยู่ที่นั่นได้ … ”

 

เมื่อชายหนุ่มอ่านข้อความข่าวจบ เขาตะลึงกับข่าวไปครู่หนึ่งก่อนจะอ่านข้อความแสดงความคิดเห็นต่อที่ด้านล่าง

 

เกือบครึ่งหนึ่งของความคิดเห็นส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนี้:

 

“ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องตลกเมษาหน้าโง่ในวันคริสต์มาสแล้วล่ะก็ นาซ่าต้องกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการสังหารหมู่ที่โจ่งแจ้ง … ”

 

“ฉันเพิ่งบ่นเกี่ยวกับความแออัดของการจราจรไปเมื่อวานนี้และวันนี้ฉันก็กำลังอยู่ในยุคคไซไฟของการอพยพระหว่างดวงดาว! โอ้! นี่คงเป็นวิธีที่สร้างแรงบันดาลใจการมีชีวิตอยู่ต่อสินะ! ฉันไม่รู้ว่านี่ฉันกำลังอยู่ในความฝันหรือฉันกลายเป็นบ้าไปแล้วกันแน่ … ”

 

“IMHO** จะเป็นการดีกว่าไหมที่จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘การสรรหาคนโง่สำหรับเก้าอี้ไฟฟ้า!” ฉันโหวตให้รัฐบาลที่เพิ่มงบประมาณให้กับนาซ่าที่ไร้สาระเหรอเนี่ย! บ้าและไร้สาระสิ้นดี!”

 

(IMHO**หมายถึง ในความเห็นอันต่ำต้อยของตัวเองนั้น…, เป็นศัพท์แสลง)

 

— และความคิดเห็นที่สงสัยอีกมากมาย

 

อย่างไรก็ตาม มีหลายคนที่แสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่าพวกเขายินดีที่จะเสี่ยงต่อการเดินทางเที่ยวเดียวไปยังดาวเคราะห์ชั้นนอกและกลายเป็นผู้บุกเบิกดวงดาวระหว่างกาลครั้งแรกเพื่อมนุษยชาติ

 

“ดาวเคราะห์ชั้นนอก? พวกเขาควรเรียกมันว่าดินแดนเหนือธรรมชาติต่างหาก! ใช้วิธีการแบบวกวนเพื่อรับสมัครผู้อพยพกลุ่มแรก… วิธีการที่เหมาะสมและถูกกฎหมาย! นักการเมืองในสหรัฐฯเป็นพวกมีสมองมากจริง ๆ…” หลังจากอ่านข่าววนไปมาหลายครั้ง จางลี่เฉินก็พึมพำกับตัวเองด้วยท่าทางตกตะลึงขนแทบพูดไม่ออก

 

สิ่งนี้กระตุ้นให้เขาเกิดลางสังหรณ์ว่ายุคที่แท้จริงของนวัตกรรมกำลังจะเกิดขึ้น ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะการมาถึงของอาณาจักรเหนือธรรมชาติแต่เป็นเพราะความโลภที่อยู่ภายในตัวของมนุษย์เองต่างหาก

 

เมื่อรอยยิ้มที่มีความหมายของนักปราชญ์ชนพื้นเมืองทูบาลินปรากฏขึ้นในใจพร้อมกับคำพูดสุดท้ายที่เขาบอกกับชายหนุ่มไว้ก่อนที่พวกเขาจะแยกจากกัน “ที่คั่นจะถูกวางไว้ใกล้ความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น โชคดีเมื่อได้วางหนังสือลง”

 

ขณะนั้น ความหงุดหงิดและความโหดเหี้ยมส่องประกายขึ้นในดวงตา เขากระซิบกับตัวเองว่า “เข้าใจแล้วว่าความหมายของ ‘ที่คั่นจะถูกวางไว้ใกล้ความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น’ คืออะไร แต่ที่ว่า‘วางหนังสือลง’ นี่สิคืออะไรกันแน่? บ้าเอ้ย! ถ้ารู้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะกลายเป็นแบบนี้คงจะฆ่าชายชราผู้บ้าคลั่งไปเมื่อตอนเจอกันครั้งแรกแล้ว! ถ้าเป็นแบบนั้นทุกอย่างในตอนนี้ก็อาจไม่เกิดขึ้น … ”

 

ในขณะที่เขากำลังหลงทางอยู่ในความคิดมากมาย เวลายังคงเดินผ่านไปทีละวินาที ๆ จนกระทั่งเมื่อจางลี่เฉินกลับไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง เขาเผลอหรี่ตาเพราะหน้าจอสีขาวสว่างจ้าจนทำให้เขาแสบตาเล็กน้อยและกลับสู่โลกความเป็นจริงอีกครั้งได้ในที่สุด ที่ข้างนอกเริ่มจะมืดแล้ว ไฟทั่วสำนักงานสว่างขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ

 

เมื่อมองไปที่แสงค้างฟ้าของพระอาทิตย์ตกด้านนอกหน้าต่าง ชายหนุ่มส่ายหัวอย่างเหนื่อยล้าและเลิกคิดถึงคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบ หลังจากทำสเต็กพริกไทยดำให้ตัวเองเสร็จท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำมืดสนิท

 

เมื่อค่ำคืนมืดมิดที่เขารอมาถึง จางลี่เฉินใช้ผ้าเช็ดปากที่มันจากการกินอาการก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเริ่มปลอบใจตัวเอง “สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือความแข็งแกร่ง! ตราบใดที่เราแข็งแกร่งมากพอเราก็สามารถรับมือกับความประหลาดที่คาดไม่ถึงที่จะเกิดขึ้นได้ … ”

 

จากนั้นเขาก็ออกคำสั่งผ่านทางความคิดโดยให้เมานท์โทดที่ซ่อนตัวอยู่ในมหาสมุทรเลือดใต้โรงงานมานานกว่า 40 วันล่องหนและกระโดดมายังที่ที่เขาอยู่

 

ขนาดของสัตว์อาคมที่โตขึ้นจนพร้อมกับถูกย้อมด้วยสีแดงไปทั่วตัวด้วยเลือด ผิวหนังคางคกที่ตะปุ่มตะป่ำที่มีรูปร่างคล้ายดอกไม้ในตอนแรกตอนนี้กลายเป็นเหมือนเหรียญจีนโบราณที่เป็นวงด้านนอกแต่ข้างในเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ชายหนุ่มอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้

 

ความรู้สึกที่ได้รับจากเมานท์โทดที่กำลังหมอบอยู่บนพรมของสำนักงานเป็นประเภทของความรู้สึกที่น่ากลัวและหนาวเหน็บ คล้ายกับภูเขาไฟที่อยู่เฉยเพื่อรอเวลาที่จะระเบิดในไม่ช้า เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อสังเกตได้ว่าคืนนี้เป็นท้องฟ้าโปร่งเขาพึมพำขึ้นมาในทันที “ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงของเมานท์โทดจะไม่ต้องการสภาพแวดล้อมที่มีพายุรุนแรงอย่างโครโคดราก้อนสินะ ถ้าอย่างนั้นมันจะต้องเป็น … ”

 

ในขณะที่จางลี่เฉินกำลังพูดอยู่ สัตว์อาคมกำที่ลังหมอบอยู่กับพื้นก็อ้าปากกว้าง ปากของมันพร้อมกับรูที่คล้ายกับเหรียญเงินของจีนปกคลุมทั่วร่างกายเริ่มดูดซับอากาศจนเกิดเสียง “หึ่ง ๆ … ” พร้อมกับร่างกายของมันที่กำลังขยายตัว

 

ชายหนุ่มตะลึงงัน เขาตระหนักได้ว่าเวลาแค่เพียงไม่กี่วินาที ร่างกายของสัตว์อาคมของเขาได้ขยายตัวจนเกือบเท่าห้องสำนักงาน ด้วยความตกใจ เขารีบท่องคาถา “เชื่อมต่อ” และสั่งให้เมานท์โทดกลับไปล่องหนและให้มันลอยผ่านเมฆไปสู่มหาสมุทรผืนใหญ่

 

ต้องขอบคุณพลังรอบรู้ – เรียดสายน้ำและสายลมผ่านเมฆ ล่องเรือไปบนท้องฟ้าและเชยชมร่างที่เขาได้รับมาหลังจากโครโคดราก้อนได้เปลี่ยนไปเป็นเวิร์มดราก้อนทำให้มันสามารถเพิ่มความเร็วในการบินขึ้นได้ ในไม่ช้าเมานท์โทดก็บินและดำดิ่งสู่มหาสมุทรแอตแลนติกซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งไปมากกว่าสิบกิโลเมตร

 

ที่ด้านล่างของมหาสมุทร สัตว์อาคมตัวนี้ยังคงกลืนกินอากาศอย่างไม่หยุดยั้ง อย่างช้า ๆ มันก่อให้เกิดพายุไซโคลนคล้ายกระแสน้ำวนบนผิวน้ำซึ่งแยกน้ำออกจากกัน ขณะที่มันโหยหวน กระแสน้ำวนนั้นได้เปลี่ยนเป็นดวงตาของพายุทอร์นาโดแทน

 

อากาศจำนวนนับไม่ถ้วนถูกพัดเข้าสู่ร่างกายของสัตว์อาคมเนื่องจากลมที่โหมกระหน่ำกลายเป็นสิ่งโหดร้าย ในช่วงเวลาสั้น ๆ ร่างกายของมันได้ขยายจนเกือบมีขนาดเท่าอาคารสูงสิบชั้น

 

ในที่สุดการไหลเวียนของอากาศที่พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วเริ่มที่จะทำให้ร่างกายของเมานท์โทดที่เข้าใจพลังรอบรู้ “ขยาย – หดตัว” ไม่สามารถรับแรงกระแทกได้อีกต่อไป ผิวหนังที่มีแผลเป็นหนาของมันเริ่มถูกทำลายอย่างรุนแรง ดูเหมือนว่าร่างกายของมันจะถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ในไม่ช้า

 

“วิธีที่เมานท์โทดจะเปลี่ยนร่างคือแบบนี้เองสินะ! แต่ถึงอย่างนั้นก็หวังว่าคนอื่นจะคิดว่านี่คือพายุทอร์นาโดทั่ว  ๆ ไปและไม่ได้ไปดึงดูดความสนใจใครมากนัก… “

 

เมื่อจางลี่เฉินจ้องมองลมกรดเหมือนมังกรคลุมเครือที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างและรู้สึกถึงสถานการณ์ที่สัตว์อาคมกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ เขาถูกโจมตีด้วยความตระหนักรู้อย่างหนึ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา หลังจากปิดไฟสำนักงาน เขาเดินไปเปิดหน้าต่างบ้านยาวจากพื้นจรดฝ้าออก

 

ลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามาในห้องทำให้อุณหภูมิลดลงอย่างน้อย 4 – 5 องศา ชายหนุ่มเดินโซเซและนั่งลงบนพื้นก่อนจะหายใจเข้าลึก ๆ ทันใดนั้นหมอกสีดำเต็มปากก็ทะลักออกมาจากปากของเขา

 

การบำรุงสัตว์อาคมของเขาด้วยเลือดเป็นเทคนิคเดียวที่จางลี่เฉินรู้ด้วยชะตากรรมที่บิดเบี้ยวเมื่อเขาใกล้จะตายซึ่งจะช่วยให้สัตว์อาคมเปลี่ยนไป เมื่อหมอกเปลี่ยนไปเป็นเลือดหยดเล็ก ๆ ที่ลอยออกมาจากปาก มันค่อย ๆ ขยายตัวและลอยออกไปข้างหน้าเพื่อเข้าหาเมานท์โทดซึ่งอยู่ห่างออกไปสิบกว่ากิโลเมตรเป็นแนวต่อเนื่องแม้จะมีสายลมพัดตลอดก็ตาม

 

หลังจากนั้น คล้ายกับกรณีของโครโคดราก้อน บาดแผลของเมานท์โทดบนผิวหนังได้รับการเยียวยาขณะที่ได้รับการบำรุงโดยเลือดจากผู้เป็นนาย หลังจากนั้นร่างกายมันก็เริ่มขยายตัวจนแตกและได้รับการเยียวยาอีกครั้งโดยการบำรุงเลือดจากจางลี่เฉิน เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวจากการเปลี่ยนแปลงของโครโคดราก้อนคือตอนนี้ชายหนุ่มได้ก้าวขึ้นมาเป็นพ่อมดระดับ 6 ได้แล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำการเปลี่ยนร่าง แต่พลังพ่อมดของเขาได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานเมื่อเทียบกับระดับ 5 ไปแล้ว แม้ร่างกายของเขาจะเหนื่อยล้าและเริ่มผอมแห้งเมื่อทำการบำรุงเมานท์โทดด้วยเลือด แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีสัญญาณอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นอีกต่อไป

 

เมื่อเวลาผ่านไป เมานท์โทดที่อยู่ในมหาสมุทรก็เริ่มบวมจนมีขนาดเท่าภูเขาอย่างน่าประหลาดใจ พายุที่อยู่บนผิวน้ำกลายเป็นพายุทอร์นาโดยักษ์ 4 – 5 ลูกที่กำลังพัดพันกัน แม้แต่จางลี่เฉินที่อยู่ไกลฝั่งก็สามารถได้ยินเสียงคำรามของลมที่พัดผ่านมาได้อย่างชัดเจน

 

อย่างไรก็ตามในตอนนี้ชายหนุ่มไม่สนว่าพายุที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสัตว์อาคมจะดึงดูดความสนใจจากสาธารณชนได้หรือไม่ เขารู้สึกเพียงแค่ว่าการสูญเสียพลังงานในร่างกายทำให้ร่างกายของเขาเริ่มหมดความรู้สึก ชาและเจ็บปวดจนทนไม่ไหวสำหรับคนปกติ หากสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไปเขาอาจต้องทรมานตัวเองจนตาย

 

ในเวลานี้ จุดที่มีลักษณะคล้ายเหรียญสีแดงบนร่างของเมานท์โทดที่อยู่ด้านล่างของทะเลก็เริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองน้ำเงินในลักษณะที่สอดประสานกัน

 

เมื่อสีของจุดเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง พายุบนผิวน้ำทะเลก็สิ้นสุดลงในทันที น้ำทะเลที่แยกจากลมกรดคำรามทรุดตัวจมไปพร้อมกับสัตว์อาคมที่เริ่มหดตัว

 

ในที่สุดเมานท์โทดก็เสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด จางลี่เฉินหงายตัวล้มลงไปกับพื้นด้วยความโล่งใจ

 

เขาพ่นลมหายใจหอบอย่างหนักก่อนจะปิดตาไปเป็นเวลานานเพื่อทำให้จิตใจสงบ เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพรมและปิดหน้าต่างอย่างระมัดระวังก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เอนตัวลงบนเก้าอี้เพื่อทำให้ตัวเองมั่นคงแล้วออกคำสั่งให้สัตว์อาคมล่องหนเพื่อที่มันจะได้ทะยานมาหาเขาจากทะเล

 

เมื่อเขามองดูมันอีกครั้ง เมานท์โทดได้แตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง ขนาดลำตัวของมันได้ขยายออกไปจนเกือบเท่าขนาดของสุนัขล่าเนื้อ ผิวด้านนอกของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่มีจุดกลม ๆ สีฟ้าที่ล้อมด้วยรูปสี่เหลี่ยมสีกากี ก้ามสั้น ๆ ด้านหน้าสองอันที่โค้งอยู่บนพื้นเหมือนปกติ อย่างไรก็ตามมันมีขาหลังที่โดดเดี่ยวที่รองรับกลางท้องเพียงหนึ่งเดียว

 

“นี่คือรูปลักษณ์ของสัตว์ประหลาดโบราณ – มันนี่โทด ‘กลืนกินปฐพีและผืนฟ้า / ปรับขนาดเท่าที่ควรจะเป็น’ จางลี่เฉินมองดูสัตว์อาคมพลางพูดพึมพำกับอักษรโบราณที่ปรากฎขึ้นในใจโดยเป็นคำว่า “ท้องฟ้าทรงกลมและโลกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า … ดังนั้นสิ่งที่อยู่ด้านหลังของเมานท์โทดไม่ใช่เหรียญแต่เป็นตัวแทนของภาพสวรรค์และโลก! ในกรณีนี้ ตำนานของเด็กหนุ่มที่จำลองมันนี่โทดและมีเหรียญอยู่ที่หลัง … เดี๋ยวนะ! แล้วทำไมเราต้องมาคิดเรื่องนี้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงด้วยกัน?”

 

หลังจากพูดออกไปอย่างนั้นชายหนุ่มก็หัวเราะเบา ๆ และหลับตาลงก่อนจะหายใจถี่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

 

ชั่วโมงครึ่งต่อมา ในที่สุดเขาก็พ่นอากาศออกจากร่างกาย เมื่ออกของเขาจมลึกลงไปกับตัว เขาได้เปิดตาของตัวเองขึ้นมาอีกครั้งและมองดูเมานท์โทดที่อยู่ข้าง ๆ ในขณะที่จิตใจของเขากำลังอธิบายภาพลักษณ์ของปีศาจที่ว่องไวและชัดเจนระหว่างที่เขาเริ่มหายใจเบา ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด