The Great Worm Lich 170

Now you are reading The Great Worm Lich Chapter 170 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ได้สิครับ เชิญตามผมมาทางนี้” ไมรอนมีเหตุผลที่ชัดเจนและคำขอของเขาก็สมเหตุสมผลมากพอ ด้วยเหตุนี้จางลี่เฉินจึงพยักหน้าและเดินนำบรรณาธิการวารสาร ‘วิทยาศาสตร’ ขึ้นบันไดไปชั้นบนเพื่อไปยังห้องนอนของเขา

 

“เชิญครับ มิสเตอร์ไมรอน ด้วงนิ่มเปลี่ยนสี 2 ตัวอยู่ตรงนั้นไงครับ”

 

“ขอบคุณ” เมื่อไมรอนเดินเข้ามาในห้องของชายหนุ่ม เขาสังเกตเห็นการตกแต่งห้องที่ประกอบไปด้วยกล้องจุลทรรศน์ออปติคัล มอนิเตอร์อินฟราเรด และอุปกรณ์ให้อาหารแมลงขนาดใหญ่ที่มีตัวปรับอุณหภูมิและความชื้นแบบครบครัน

 

“มิสเตอร์จาง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงเขียนบทวิจัยที่ละเอียดได้ขนาดนั้น นี่เป็นห้องปฏิบัติการทางชีววิทยาขนาดเล็กระดับมืออาชีพเลยนะครับเนี่ย อ่า นี่สินะแมลงที่คุณค้นพบ โอ้ว้าว! พวกมันสามารถเปลี่ยนสีและล่องหนได้ด้วย รูปภาพทั้งหมดที่คุณโพสลงบนอินเทอร์เน็ตคือเรื่องจริง! มันคุ้มค่าอย่างมากกับการที่ผมยอมเลื่อนวันหยุดออกไปเพื่อจะได้มาหาคุณในวันนี้!”

 

“ถ้าคุณคิดแบบนั้นผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ มิสเตอร์ไมรอน” จางลี่เฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไมรอนมองดูแมลงโปร่งแสงที่กำลังบินขึ้นและลงด้วยรอยยิ้ม

 

“ถ้าอย่างนั้น มิสเตอร์จาง ตอนนี้เรามาคุยเรื่องการทำบทวิจัยกันเถอะครับ ผมขอแนะนำดร.แอนดินา จอร์จจากมหาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์เป็นผู้จัดทำผลงานวิจัยนี้ร่วมกับคุณเป็นการส่วนตัว มันจะต้องเป็นการ…” ไมรอนได้ละสายตาออกจากแมลงเปลี่ยนสีที่น่าสนใจมาที่จางลี่เฉินหลังพ้นช่วงเวลาแห่งการสังเกต

 

แต่ในขณะที่ไมรอนกำลังพูดแนะนำดร.คนหนึ่งให้เขารู้จักอยู่นั้น จางลี่เฉินก็พูดขัดประโยคเขาขึ้นมาก่อนว่า “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณนะครับมิสเตอร์ไมรอน แต่ผมมีนักชีววิทยาที่ดีที่จะให้มาทำงานร่วมกันอยู่แล้ว”

 

ทันใดนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน ไมรอนตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วของเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมฝืนแสดงรอยยิ้มออกมา “ชายหนุ่ม ผู้ร่วมมือที่คุณต้องการไม่ใช่แค่นักชีววิทยาที่ดีเท่านั้น แต่เขายังต้อง…”

 

“มิสเตอร์ไมรอน ผมรู้ดีครับว่าผมต้องการผู้ทำงานร่วมกันแบบไหน ขอเวลาผมสักครู่นะครับ” จางลี่เฉิมส่งยิ้มขอโทษให้ไมรอนแล้วเดินหลบไปด้านข้าง จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาสตีเว่น อาจารย์วิชาชีววิทยาที่มีความคาดหวังในตัวเขาสูงมากที่โบว์บิจ จูเนียร์ ไฮ ไม่เพียงแค่นั้นแต่เขายังเป็นคุณครูเพียงคนเดียวที่เต็มใจให้ A + ในการสอบปลายภาคหลังการขาดเรียนของเขาที่นานถึง 2 เดือน

 

สัญญาณโทรศัพท์ได้รับการเชื่อมต่อจากนั้นเสียงที่บ่งบอกถึงความชราวัยก็ดังก้องออกมาจากฝั่งผู้รับ “ลี่เฉิน ถ้าเธอจะเสียเวลาเพื่อขอให้ฉันอวยพรสุขสันต์วันคริสต์มาสให้ล่วงหน้านั่นหมายถึงเกรดวิชาชีววิทยาของเธอในเทอมหน้าจะเป็นได้แค่ B เท่านั้น…”

 

“แน่นอนว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะโทรมารบกวนอาจารย์ด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้หรอกนะครับมิสเตอร์สตีเว่น ตอนที่ผมไปเดินทางตั้งแคมป์ในป่าอเมซอนช่วงวันหยุดฤดูหนาวปีที่แล้วผมได้จับแมลงที่ร่างกายอ่อนนุ่มและเปลือกนอกเปลี่ยนสีได้มา 2 ตัว พอกลับมาที่บ้านผมก็คอยสังเกตการณ์พวกมันอยู่ตลอด ผมทำการค้นคว้าและบันทึกเป็นบทความลงบนอินเทอร์เน็ตสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเรื่องชีววิทยา ด้วยเหตุนี้บรรณาธิการของวารสาร ‘วิทยาศาสตร์’ จึงมาที่บ้านของผมและบอกว่าแมลง 2 ตัวนี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่สำคัญมากที่อาจชดเชยการเชื่อมโยงทางกีฏวิทยาที่ขาดหายไป … ”

 

“นี่เธอกำลังแกล้งล่อเล่นฉันอยู่ใช่ไหม?”

 

“ไม่แน่นอนครับ! ตอนนี้บรรณาธิการไมรอน เจอนาสก็อยู่ที่บ้านของผมด้วย หลังจากที่เขาได้เห็นแมลงทั้ง 2 ตัวเขาก็ตัดสินใจที่จะเชิญให้ผมร่วมงานวิจัยครั้งนี้รวมถึงแนะนำดร.แอนดินา จอร์จจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ในฐานะผู้ร่วมเผยแพร่ผลงานครั้งนี้อีกด้วย อย่างไรก็ตามผมรู้สึกว่าผมต้องการผู้เชี่ยวชาญที่จะทำให้บทความนี้ลึกลงไปได้อีกซึ่งไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าอาจารย์อีกแล้ว นี่คือเหตุผลที่ผมโทรมาในวันนี้”

 

อีกด้านของสายโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับมาว่า “ลี่เฉิน บ้านของเธออยู่ที่ไหน?”

 

“บ้านเลขที่ 167 ชุมชมโลว์บิจในบรู๊คลินครับ”

 

“ขอเวลาฉัน 5 นาที” สตีเว่นพูดก่อนวางสายโทรศัพท์ไป

 

จางลี่เฉินตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือลงตามเดิมแล้วเดินกลับไปหาไมรอนที่กำลังมีสีหน้าเคร่งเครียด “มิสเตอร์ไมรอน ผู่ร่วมงานของผมกำลังจะมาถึงในไม่ช้า โปรดรอสักครู่นะครับ”

 

“ผมขอเตือนคุณอย่างจริงจังเลยนะครับว่าแม้ว่าแมลง 2 ตัวที่คุณค้นพบจะมีความสำคัญแต่ผลงานการวิจัยของคุณจะไม่ปรากฏอยู่ในวารสารวิชาการระดับสูงเช่นวารสาร ‘วิทยาศาสตร์’ แน่นอนหากข้อมูลที่ได้ยังไม่ลึกมากพอ”

 

“มิสเตอร์ไมรอน คุณพูดต่างไปจากตอนแรกที่บอกผมมาเลยนี่ครับ” จางลี่เฉินตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

 

ไมรอนฮึมฮัมด้วยความไม่พอใจก่อนที่ทุกอย่างจะตกสู่ช่วงเวลาแห่งความเงียบงัน จากนั้นเขาก็เริ่มพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “มิสเตอร์จาง สิ่งที่ผมพูดไปจะเป็นการดีต่อตัวคุณเองนะครับ  ด้วยอายุและภูมิหลังของคุณ คุณจะไปรู้จักนักชีววิทยาที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไร? เราไม่ควรมองสิ่งต่าง ๆ ด้วยมุมมองแคบ ๆ …”

 

“ไมรอน เจอนาส ฉันคิดว่ามันคงไม่ใช่มุมมองที่คับแคบอะไรถ้าได้ฉัน สตีเว่น พิครอสคนนี้มาเป็นผู้ร่วมทำงานด้วยหรอกนะ” ทันใดนั้นเสียงจากบุคลลที่สามก็ดังขึ้นแทรกจังหวะการพูดของไมรอน ตามมาด้วยสตีเว่นที่เดินเข้ามาในห้องของจางลี่เฉินโดยการสวมแจ็กเก็ตเก่า ๆ

 

“ดร.สตีเว่น พิครอส! โอ้! โอ้พระเจ้า! ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ คุณไม่ได้หลงทางอยู่ในป่าบนเกาะชวาหรอกเหรอครับ?”

 

“ป่าบนเกาะชวา เกาะร้างบนมหาสมุทรแปซิฟิก ใต้เทือกเขาแอลป์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ … ข่าวลือมากมายนับไม่ถ้วนที่บอกว่าฉันถูกฝังร่างอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ แต่น่าเสียดายนะไมรอนที่ข่าวลือพวกนั้นไม่เป็นความจริงเลยสักนิด ฉันไม่ได้ออกห่างจากสหรัฐฯมานานหลายปีแล้ว แล้วชายหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าเธอก็คือนักเรียนของฉัน ฉันกำลังเป็นอาจารย์อยู่ในนิวยอร์ก”

 

“เขาไม่ใช่นักเรียนมัธยมปลายงั้นหรอกเหรอครับ?”

 

“ตอนนี้ฉันสอนอยู่ที่โลว์บิจ จูเนียร์ ไฮ มีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นในห้องแล็บดังนั้นการสอนอยู่ในโรงเรียนมัธยมเป็นวิธีเดียวที่ฉันจะยังคงอยู่ในสถาบันการศึกษาได้” สตีเว่นหัวเราะเบา ๆ อย่างไร้ซึ่งรอยยิ้มในดวงตา

 

“โอ้ อย่างนี้นี่เอง โอ้ ถ้างั้นก็เป็นโชคดีของคุณแล้วสินะ! คุณได้รับโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ได้!” ไมรอนตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งก่อนจะสงบสติลงและยอมรับความเป็นไป “โปรดจำไว้นะครับว่าคุณเป็นหนี้บุญคุณผม ดร.สตีเว่น” จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปในทันที

 

“ไปโดยไม่บอกลากันเลยเนี่ยนะ? นี่คือนิสัยของบรรณาธิการวารสารด้านการศึกษาชั้นนำของโลกจริง ๆ น่ะเหรอ?” เมื่อเห็นว่าไมรอนจากไปอย่างกระทันหันโดยไม่แม้แต่จะบอกลากัน จางลี่เฉินเลยเอ่ยถามไปด้วยความประหลาดใจ

 

“เขาเป็นคนมอบงานให้กับคนธรรมดาที่หมดหวังต่อการได้งานสอนไปตลอดทั้งชีวิต ดังนั้นจะให้เขาเป็นคนใจกว้างมากขนาดนั้นได้อย่างไรกัน?” สตีเว่นพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไหนล่ะลี่เฉิน ให้ฉันได้ดูแมลงและบทความของเธอหน่อย”

 

“นี่ไงครับ ดูได้ตามใจชอบเลยนะครับอาจารย์” จางลี่เฉินกล่าวก่อนจะเดินไปเปิดแล็ปท็อปและเปิดบทความกว่า 89 บทความที่เขาโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับด้วงเปลี่ยนสีเป็นเวลาหนึ่งปีขึ้นมา

 

หลังจากที่สตีเว่นจ้องมองแมลงที่เครื่องป้อนอาหารมานานกว่า 20 นาทีโดยไม่กระพริบตาเขาก็เอื้อมมือไปจับแมลงเปลี่ยนสีทั้ง 2 ตัวมาวางไว้ใต้กล้องจุลทรรศน์ออปติคัลในขณะที่ใช้ตาข่ายจับแมลงคุมตัวแล้วสังเกตอาการพวกมันอยู่ซักพักหนึ่ง จากนั้นการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นตื่นเต้นขึ้นทันที

 

“ลี่เฉิน แม้ไมรอนจะเป็นพวกเบียดเบียนที่น่ารังเกียจบนโลกวิชาการแต่เขามีวิจารณญาณและความสามารถที่ดีในการทำงานสายนี้ แมลง 2 ตัวที่เธอค้นพบมีคุณค่าทางวิทยาศาตร์อย่างมากทั้งในการศึกษาเชื้อสายชีวภาพและการวิจัยไบโอนิกส์ สิ่งนี้คือเนื้อหาบทความที่จะถูกกำหนดให้อยู่ในวารสารวิชาการอันดับหนึ่งของโลก” สตีเว่นอ่านบทวิจัยของชายหนุ่ม 10 บรรทัดแรกด้วยการชำเลืองตาผ่าน ๆ และลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงอึมครึม “การวิจัยเบื้องต้นของเธอเกี่ยวกับพวกมันนั้นครอบคลุมมาก เครื่องมือที่ใช้ในการสังเกตก็ได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวางในโลกวิชาการ … ”

 

“มิสเตอร์สตีเว่น สิ่งที่ผมต้องการคือความช่วยเหลือจากคุณ” จางลี่เฉินยิ้ม

 

สตีเว่นตัวแข็งทื่อครู่หนึ่งก่อนจะไตร่ตรองถึงเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “หลังจากที่ฉันช่วยเธอในงานนี้และหากฉันสามารถทำบทความวิจัยขึ้นมาได้สำเร็จ ฉันแน่ใจว่าฉันจะสามารถกลับไปดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ที่สแตนฟอร์ดและเป็นประธานห้องปฏิบัติการได้อีกครั้ง ในกรณีนี้ ฉันสามารถเป็นผู้รับรองให้กับเธอในปีหน้าและรับเธอเข้ามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้โดยตรง ด้วยการศึกษาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเรื่องด้วงจะทำให้เธอได้รับปริญญาเอก อย่างมากก็อีก 3 ปี”

 

“แต่ปีหน้าผมเพิ่งขึ้นเกรด 12 จะสามารถทำแบบนั้นได้เลยเหรอครับ?”

 

“แน่นอน เนื่องจากชื่อของเธอได้ปรากฏอยู่ในวารสาร ‘วิทยาศาตร์’ และกลายเป็นนักวิจัยร่วมกับฉันแล้ว ฉันสามารถลงทะเบียนให้เธอกลายเป็นบัณฑิตวิทยาลัยได้!”

 

“แต่แบบนี้จะไม่เป็นธรรมต่อนักเรียนคนอื่น ๆ เหรอครับ?”

 

“อัจฉริยะแตกต่างจากนักเรียนทั่วไปเสมอ มีอะไรที่ไม่ยุติธรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยงั้นเหรอ?” สตีเว่นถามด้วยความสับสน

 

“โอ้ ถ้างั้นผมคงคิดมากไปเอง” จางลี่เฉินยักไหล่ “ถ้างั้นผมจะให้คนไปส่งด้วงพร้อมกับอุปกรณ์ให้อาหารไปที่บ้านของอาจารย์ โอ้ใช่ รวมถึงงานวิจัยพวกนี้ด้วยเช่นกัน ผมมีต้นฉบับอยู่แล้วเพราะฉะนั้นคุณเอามันไปได้เลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาปริ้นเอกสารจากบนอินเทอร์เน็ต”

 

“เยี่ยมมากลี่เฉิน รอเวลาเพื่อฟังข่าวดีจากฉันก็พอ” การแสดงออกของความตื่นเต้นและความกระสับกระส่ายที่ไม่อาจคาดเดาได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสตีเว่น “1 เดือน! ฉันขอเวลาเพียง 1 เดือนและชื่อของเราจะไปปรากฏอยู่ในวารสาร ‘วิทยาศาสตร์’ เมื่อถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครมาหยุดฉันจากการกลับมาได้อีกต่อไป…”

 

ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นอารมณ์ที่แปรปรวนของสตีเว่นในขณะที่เขากัดฟัน อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดอะไรออกไปนอกจากแสดงท่าทีเห็นด้วยพร้อมพยักหน้า ในเวลาเดียวกัน เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและติดต่อบริษัทขนส่งที่ยังคงเปิดให้บริการเพื่อเคลื่อนย้ายสิ่งของขนาดใหญ่จากบ้านของเขาไปส่งที่บ้านของสตีเว่น

 

จากนั้นรถบรรทุกของบริษัทขนส่งเคลื่อนที่ตามรถสองประตูเก่า ๆ ของสตีเว่นและค่อย ๆ ขับรถออกจากสี่แยกไป

 

จางลี่เฉินกลับเข้ามาในบ้านและอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้กับลิลี่ที่ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเขาซึ่งกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ชั้นหนึ่งให้ฟัง “มิสเตอร์สตีเว่นสัญญาว่าจะร่วมมือกับผมในการทำบทความเพื่อตีพิมพ์ลงวารสาร วิทยาศาสตร์ ดังนั้นผมจึงส่งตัวด้วงไปไว้ที่บ้านของเขา โอ้ใช่! เขายังบอกอีกว่าหลังจากบทความได้ถูกตีพิมพ์แล้วเขาน่าจะมีโอกาสได้กลับเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดและเขาจะให้ผมเข้าเป็นนักศึกษาบัณฑิตในปีหน้า!”

 

“เข้าเรียนที่สแตนฟอร์ดได้โดยตรงเพื่อเป็นนักศึกษาบัณฑิต? นี่มันกระทันหันเกินไปแล้ว! แต่เมื่อลองคิดดูดี ๆ เนื่องจากลูกสามารถตีพิมพ์บทความลงบนวารสารวิทยาศาสตร์และมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับมิสเตอร์สตีเว่น การรับรองเป็นนักศึกษาบัณฑิตของเขาก็น่าจะเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้อยู่ โอ้! ลูกจะได้ประหยัดเวลาถึง 5 ปีในการกระโดดข้ามจากเกรด 12 ไปเป็นบัณฑิตวิทยาลัยโดยตรง! ว้าว มันน่าเหลือเชื่อมาก…!”

 

เมื่อได้เห็นความตื่นเต้นของแม่จางลี่เฉินจึงถือโอกาสในตอนนี้พูดไปว่า “แม่ ผมวางแผนที่จะกลับเสฉวนตะวันตกเพื่อกลับไปเยี่ยมคนที่นั่น ผมขอกลับไปได้ไหม?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด