The Rise of The White Lotus 136 นายคิดว่านายเป็นใครกัน?

Now you are reading The Rise of The White Lotus Chapter 136 นายคิดว่านายเป็นใครกัน? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 136 นายคิดว่านายเป็นใครกัน?

 

การจู่โจมอย่างกะทันหันทําให้มอริสหลิวเสียการทรงตัว ซึ่งทําให้เขาเซถอยหลังก่อนที่เขาจะสะดุดล้มลงกับพื้นคอนกรีต ชั่วขณะสิ่งที่เขาได้ยินคือเสียงแฟลตไลน์ดังขึ้นในหัวของเขาและความเจ็บปวดที่รุนแรงก็แล่นเข้ามาในจิตใจของเขา

 

อีธานลู่คลายเนคไทด์ของเขาอย่างลวก ๆ เขาขบฟันแน่นขณะที่มือของเขายังคงกําเป็นกําปั้น มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หน้าผากของเขา ตาของเขาคมกริบดอันตราย ในขณะที่เขามองลงไปที่เพื่อน

 

แม้ว่าเขาจะชกเพื่อนของเขาไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ดับความโกรธของเขาได้เลย ไม่เลยสักนิด

 

” มอริสหลิว! ” อีธานลู่เรียกชื่อของเขาด้วยฟันที่กัดแน่น

 

พระเจ้ารู้ดีว่าอีธานนั้นขับรถเร็วแค่ไหนเพื่อให้มาถึงที่นี่เร็วกว่าเดิม แทนที่จะใช้ความเร็วปกติของเขา เขารู้ว่ามอริสหลิวจะปฏิเสธที่จะรอแน่นอน โชคดีที่ตอนที่อีธานมาาถึงก่อนที่มอริสจะกลับออกไป

 

“นายน้อย !!” ผู้ช่วยของมอริสตื่นตระหนกตกใจ และก้มลงทันที่เพื่อตรวจสอบเจ้านายของเขา

 

จากนั้นเขาก็รีบเลื่อนมือเข้าไปในแจ็คเก็ตสูทเพื่อรับโทรศัพท์ หลังจากทําเช่นนั้นเขาก็ไม่ต้องเสียเวลาสักวินาทีและโทรออกเพื่อโทรเรียกรถพยาบาล อย่างไรก็ตามก่อนที่ผู้ช่วยเขาจะกดปุ่มสีเขียวโทรออก มอริสก็จับแขนไว้เพื่อหยุดเขา

 

“นายน้อย…”

 

มอริสหลิวไม่ตอบสนองต่อผู้ช่วยของเขา ในขณะที่เขาเช็ดเลือดที่มุมปากที่แตกด้วยนิ้วหัวแม่มือ แน่นอนว่า อีธานลู่ทาให้เขาทําได้ดีจริง ๆ ด้วยหมัดนั้นทําให้เขามึนงงไปถึงหนึ่งนาที

 

เมื่อมองขึ้นไปสบกับดวงตาที่ร้อนแรงคู่นั้น การจ้องมองที่เย็นชาของมอริสหลิวกลายเป็นน้ําแข็งและบรรยากาศรอบตัวของเขาลดลงเป็นศูนย์องศา ในทางกลับกัน บรรยากาศของอีธานนั้นแผดเผาไปด้วยเปลวไฟที่อยู่ยงคงกระพัน ซึ่งสามารถเผาผลาญได้ทุกอย่าง

 

หากมีใครไม่ระมัดระวังเพียงพอและบังเอิญล่วงล้ําเข้าไปในเขตของพวกเขา พวกเขาอาจจมอยู่ท่ามกลางอากาศที่เย็นยะเยือกและร้อนแรงนี้ได้

 

จากนั้นคริสหยูก็ออกมาจากอาคารอย่างไม่พอใจ ในขณะที่เกาหลังท้ายทอยด้วยความหงุดหงิด ปกติเขาไม่ตามมอริสหลิวหลางจากที่เดินออกไปแล้วหรอก เพราะเขาก็เป็นแบบนั้นเสมอ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง เท้าของเขาก็ลากเขาออกมาข้างนอกจนได้

 

“หมอนั่น…หมอนั่นต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ เขาก็รู้อยู่แล้วว่าพี่มอริสเกลียดการเสียเวลาแค่ไหน เราแค่ไปหา เขาที่ทํางานก็จบ – ทําไมต้องจัดการประชุมทางการ ถ้าเขาจะมาสายซะเอง ให้ตายสิ!” คริสหยูบ่น

 

“นายน้อยต้องมีเหตุผลของเขาอยู่แวครับ” เบื้องหลังคริสหยูคือท่าทางประกอบของลริคเจียง เขารู้ดีว่าไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้านายของเขาได้ และไม่สามารถหยุดมอริสหลิวได้ด้วยด้วยเหตุนี้ลิริคจึงตัดสินใจรอเจ้านายหนุ่มของเขามาถึงและรายงานว่าเขาล้มเหลวในการรั้งมอริสหลิว

 

วินาทีต่อมา สิ่งที่ต้อนรับพวกเขาจากด้านนอกคือฉากที่น่าเหลือเชื่อ ชายทั้งสองจ้องมองกัน จากมอริสหลิวที่ค่อยๆยืนขึ้นจากพื้น ไปยังอีธานลู่ที่ยังคงอยู่ในตําแหน่งของเขา พวกเขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

 

เมื่อรู้ตัว กรามของคริสหยูและลิริคเจียงก็แทบจะหล่นลงไปที่พื้น พวกเขาสรุปได้ว่าอีธานลู่ทําร้ายมอริสใช่หรือไม่? พวกเขาทะเลาะกันใช่ไหม? ไม่มีทางที่เขาจะทําอย่างนั้นใช่หรือเปล่า? แล้วทําไมดูเหมือนว่า เขาทําสิ่งที่อยู่ในความคิดของพวกเขากันล่ะ!

 

“โอ้พระแม่มารี” คริสหยูพึมพําด้วยความไม่เชื่อสายตา ในขณะที่เขาไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามาได้

 

ลิริคเจียง “…”

 

เมื่อมอริสหลิวลุกขึ้นยืนได้สําเร็จเขาก็กระอักเลือดออกมาที่ปากของเขา ก่อนที่เขาจะจ้องมองอย่างเย็นชากลับไปที่อีธานลู่ “หยุดทําไม”

 

“ฉันมาที่นี่เพื่อปลุกความรู้สึกบางอย่างในตัวนาย ไม่ใช่เพื่อฆ่านาย “

 

“หึ…งั้นนายอยากเจอฉันเพื่อ ปลุกความรู้สึกบางอย่างในตัวฉัน?” มอริสเน้นคําว่า ปลุก จากนั้นเขาก็สอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและคว้าซองบางที่บรรจุบุหรี่ เขาคบกันบุหรี่ไว้ระหว่างริมฝีปากของเขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ และจุดบุหรี่ด้วยไฟแช็คจากกระเป๋ากางเกง มอริสก็พ่นควันที่ลอยไปในอากาศ เขาว่าต่อ

 

” แล้วทําไมล่ะ นายคิดว่านายเป็นใครกัน? “

 

“เหอะ ” อีธานลู่เย้ยหยันขณะที่เขามองชายตรงหน้าด้วยความดูถูก

 

“มอริส ฉันไม่สนใจว่านายจะมีเรื่องอะไร เพราะมันเป็นเรื่องของนายไม่ใช่ของฉัน แต่นายนอนหลับอย่างสบายในตอนกลางคืนได้ยังไง? เมื่อรู้ว่าตัวนายกําลังเหยียบย่าชีวิตของคนอื่นอยู่ ทําให้พวกเขาสิ้นหวังและทําราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นายคิดว่านายเป็นใครกัน?!”

 

“แล้วยังไง? นายจะใช้ความรุนแรงเพื่อพวกเขา? ตลกดีนะ ” มอริสหลิวยิ้มเยาะขณะที่เขาส่ายหัวเล็กน้อยด้วยความผิดหวัง ก่อนจะสูบบุหรี่อีกครั้งและเป่ามันไปในอากาศ

 

เขาไม่จําเป็นต้องถามว่าคนตรงหน้าหมายถึงใคร เนื่องจากอีธานลู่ไปไหนมาไหนกับเล็กซีและมักถูกพบเห็นในคฤหาสน์หยาง เขารู้ได้อย่างไรน่ะเหรอ? เขาจับตาดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด … ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

 

“เพราะพวกเขาเหรอ? เฮอะ อาจจะใช่… แต่สาเหตุหลักที่ฉันหันมาใช้สิ่งนี้คือฉันเป็นเพื่อนของนาย” ที่จริงแล้วแม้ว่าอีธานสู่จะถูกกระตุ้นหลังจากได้ยินความกังวลของพ่อแม่หยางและสิ่งที่เล็กซี่ต้องเผชิญ แต่สิ่งที่ทําให้เขาโกรธมากคือความจริงที่ว่าเพื่อนของเขาเป็นต้นเหตุของมัน

 

เขาชื่นชมและมองขึ้นไปที่มอริสเสมอ และเขาเป็นคนสําคัญอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีที่เขาต่อสู่กับตระกูลหลิวและเป็นผู้นําอาณาจักรหลิวตั้งแต่อายุยังน้อย อย่างไรก็ตาม อีธานไม่ชอบวิธีการจัดการกับเล็กซี่ของเขา

 

มันยังคงเป็นปริศนาสําหรับอีธานลู่ ทําไมเพื่อนเขาไม่เลิกกับเล็กซี่หลังจากที่เขาพบผู้หญิงที่เขารักแล้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจมัน ในขณะที่เขาถือว่ามันมีความสําคัญเป็นศูนย์และต้องขอบคุณเขาแทน เพราะมันทําให้เขามีโอกาสที่จะอยู่กับเล็ก

 

ถึงกระนั้นหลังจากทุกสิ่งที่เขาได้ยินและคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ อีธานลู่ก็เหลือแต่เครื่องหมายคําถามขนาดใหญ่บนหัวของเขา ทําไมกัน? โดยไม่คํานึงถึงเหตุผลของเขา นี่ไม่ใช่คนแบบที่อีธานลู่ต้องการเป็นเพื่อน เหยียบย่ำใครบางคนเพียงเพื่อให้ไปอยู่ในจุดสูงสุด

 

” แล้ว ตอนนี้นายกําลังบอกว่าเพราะเป็นฉัน? ฉันควรจะขอบคุณนายแทนดีหรือไม่?” มอริสอยู่บนฟางเส้นสุดท้ายของความอดทน ในขณะที่เขาเหยียดหยาม

 

“ใช่ นายนั้นแหละที่ต้องขอบคุณฉัน!” เมื่อย้อนกลับไปถึงคําพูดถากถางของเขา อีธานลู่เริ่มก้าวเข้ามาหา เรื่อยๆ ขณะที่มอริสยังไม่ได้ทําอะไร แต่เมื่อเขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ลิริคเลี้ยงก็จับที่เอวของเขาไว้ แล้วคริสหยูก็เข้ามาขวางระหว่างพวกเขาที่เผชิญหน้ากัน ซึ่งดูเหมือนว่าเขาก็เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ด้วย

 

“นายสองคนกําลังทําอะไรกันอยู่เนี่ย?!” คริสหยูร้องเสียงหลงขณะจ้องมองมอริสหลิวก่อนที่เขาจะหันหน้าไปทางอีธาน

 

“นายน้อย นายน้อย ได้โปรดหยุดเถอะ!” ลิริคท่าลายภาพลักษณ์ของเขาในขณะที่เขาตื่นตระหนกและพยายามที่จะหยุดการก้าวเดินของอีธาน

 

“ปล่อยฉัน ! ฉันจะทุบตีหมอนั้นให้เจ็บซะบ้าง จนกว่าเขาจะรู้จักคําว่าเหมาะสม” อีธานลู่ยังดึงผู้ช่วยของเขาออกอย่างรุนแรง ลิริคก็ยิ่งก่ามือแน่นขึ้น

 

“ความเหมาะสม? ปล่อยเขามา แล้วฉันจะแสดงให้เห็นว่าอะไรกันแน่ที่เหมาะสมอย่างแท้จริง” ดวงตาของมอริสหลิวคมขึ้นขณะที่เขากัดฟันแน่น

 

“โว้ว โว้ว พี่น้อง ใจเย็นกันก่อน นี่มันอะไรกัน!” เมื่อเห็นว่าความผ่อนปรนของมอริสหมดลง คริสหยูก็ยืนอยู่ตรงหน้ามอริสพร้อมกับยกมือขึ้นครึ่งหนึ่ง เขาไม่ต้องการให้สิ่งนี้หลุดมือไปกว่าที่เป็นอยู่แล้ว

 

” นายน้อยโปรดใจเย็นๆก่อน !” ลิริคเจียงอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง

 

“พี่มอริส ได้โปรด…” น้ําเสียงของคริสหยูดูเคร่งขรึมขณะที่เขาจับจ้องไปที่มอริสหลิว เขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้หลุดการควบคุมตนเองแบบนี้มาก่อน มันง่ายที่จะหยุดเขามากกว่าที่จะหยุดอีธานลู่

 

มอริสหลิวจ้องตาของคริสหยูครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเย้ยหยันอย่างดูถูก เขาจะเหลือบมองไปผู้ช่วยของเขา “ไปกันเถอะ” จากนั้นเขาก็เดินไปที่รถของเขาที่จอดอยู่ด้านข้างและเดินเข้าไปข้างในอย่างไร้คําพูด

 

เมื่อรถของมอริสหลิวเร่งออกไป ลิริคก็ยอมปล่อยเจ้านายของเขา

 

“เชอะ จะหยิ่งไปถึงไหนวะ! “อีธานลู่เดาะลิ้นของเขาขณะปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าที่ยับย่น

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Rise of The White Lotus 136 นายคิดว่านายเป็นใครกัน?

Now you are reading The Rise of The White Lotus Chapter 136 นายคิดว่านายเป็นใครกัน? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 136 นายคิดว่านายเป็นใครกัน?

 

การจู่โจมอย่างกะทันหันทําให้มอริสหลิวเสียการทรงตัว ซึ่งทําให้เขาเซถอยหลังก่อนที่เขาจะสะดุดล้มลงกับพื้นคอนกรีต ชั่วขณะสิ่งที่เขาได้ยินคือเสียงแฟลตไลน์ดังขึ้นในหัวของเขาและความเจ็บปวดที่รุนแรงก็แล่นเข้ามาในจิตใจของเขา

 

อีธานลู่คลายเนคไทด์ของเขาอย่างลวก ๆ เขาขบฟันแน่นขณะที่มือของเขายังคงกําเป็นกําปั้น มีเส้นเลือดปรากฏขึ้นที่หน้าผากของเขา ตาของเขาคมกริบดอันตราย ในขณะที่เขามองลงไปที่เพื่อน

 

แม้ว่าเขาจะชกเพื่อนของเขาไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ดับความโกรธของเขาได้เลย ไม่เลยสักนิด

 

” มอริสหลิว! ” อีธานลู่เรียกชื่อของเขาด้วยฟันที่กัดแน่น

 

พระเจ้ารู้ดีว่าอีธานนั้นขับรถเร็วแค่ไหนเพื่อให้มาถึงที่นี่เร็วกว่าเดิม แทนที่จะใช้ความเร็วปกติของเขา เขารู้ว่ามอริสหลิวจะปฏิเสธที่จะรอแน่นอน โชคดีที่ตอนที่อีธานมาาถึงก่อนที่มอริสจะกลับออกไป

 

“นายน้อย !!” ผู้ช่วยของมอริสตื่นตระหนกตกใจ และก้มลงทันที่เพื่อตรวจสอบเจ้านายของเขา

 

จากนั้นเขาก็รีบเลื่อนมือเข้าไปในแจ็คเก็ตสูทเพื่อรับโทรศัพท์ หลังจากทําเช่นนั้นเขาก็ไม่ต้องเสียเวลาสักวินาทีและโทรออกเพื่อโทรเรียกรถพยาบาล อย่างไรก็ตามก่อนที่ผู้ช่วยเขาจะกดปุ่มสีเขียวโทรออก มอริสก็จับแขนไว้เพื่อหยุดเขา

 

“นายน้อย…”

 

มอริสหลิวไม่ตอบสนองต่อผู้ช่วยของเขา ในขณะที่เขาเช็ดเลือดที่มุมปากที่แตกด้วยนิ้วหัวแม่มือ แน่นอนว่า อีธานลู่ทาให้เขาทําได้ดีจริง ๆ ด้วยหมัดนั้นทําให้เขามึนงงไปถึงหนึ่งนาที

 

เมื่อมองขึ้นไปสบกับดวงตาที่ร้อนแรงคู่นั้น การจ้องมองที่เย็นชาของมอริสหลิวกลายเป็นน้ําแข็งและบรรยากาศรอบตัวของเขาลดลงเป็นศูนย์องศา ในทางกลับกัน บรรยากาศของอีธานนั้นแผดเผาไปด้วยเปลวไฟที่อยู่ยงคงกระพัน ซึ่งสามารถเผาผลาญได้ทุกอย่าง

 

หากมีใครไม่ระมัดระวังเพียงพอและบังเอิญล่วงล้ําเข้าไปในเขตของพวกเขา พวกเขาอาจจมอยู่ท่ามกลางอากาศที่เย็นยะเยือกและร้อนแรงนี้ได้

 

จากนั้นคริสหยูก็ออกมาจากอาคารอย่างไม่พอใจ ในขณะที่เกาหลังท้ายทอยด้วยความหงุดหงิด ปกติเขาไม่ตามมอริสหลิวหลางจากที่เดินออกไปแล้วหรอก เพราะเขาก็เป็นแบบนั้นเสมอ อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง เท้าของเขาก็ลากเขาออกมาข้างนอกจนได้

 

“หมอนั่น…หมอนั่นต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ เขาก็รู้อยู่แล้วว่าพี่มอริสเกลียดการเสียเวลาแค่ไหน เราแค่ไปหา เขาที่ทํางานก็จบ – ทําไมต้องจัดการประชุมทางการ ถ้าเขาจะมาสายซะเอง ให้ตายสิ!” คริสหยูบ่น

 

“นายน้อยต้องมีเหตุผลของเขาอยู่แวครับ” เบื้องหลังคริสหยูคือท่าทางประกอบของลริคเจียง เขารู้ดีว่าไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้านายของเขาได้ และไม่สามารถหยุดมอริสหลิวได้ด้วยด้วยเหตุนี้ลิริคจึงตัดสินใจรอเจ้านายหนุ่มของเขามาถึงและรายงานว่าเขาล้มเหลวในการรั้งมอริสหลิว

 

วินาทีต่อมา สิ่งที่ต้อนรับพวกเขาจากด้านนอกคือฉากที่น่าเหลือเชื่อ ชายทั้งสองจ้องมองกัน จากมอริสหลิวที่ค่อยๆยืนขึ้นจากพื้น ไปยังอีธานลู่ที่ยังคงอยู่ในตําแหน่งของเขา พวกเขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

 

เมื่อรู้ตัว กรามของคริสหยูและลิริคเจียงก็แทบจะหล่นลงไปที่พื้น พวกเขาสรุปได้ว่าอีธานลู่ทําร้ายมอริสใช่หรือไม่? พวกเขาทะเลาะกันใช่ไหม? ไม่มีทางที่เขาจะทําอย่างนั้นใช่หรือเปล่า? แล้วทําไมดูเหมือนว่า เขาทําสิ่งที่อยู่ในความคิดของพวกเขากันล่ะ!

 

“โอ้พระแม่มารี” คริสหยูพึมพําด้วยความไม่เชื่อสายตา ในขณะที่เขาไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามาได้

 

ลิริคเจียง “…”

 

เมื่อมอริสหลิวลุกขึ้นยืนได้สําเร็จเขาก็กระอักเลือดออกมาที่ปากของเขา ก่อนที่เขาจะจ้องมองอย่างเย็นชากลับไปที่อีธานลู่ “หยุดทําไม”

 

“ฉันมาที่นี่เพื่อปลุกความรู้สึกบางอย่างในตัวนาย ไม่ใช่เพื่อฆ่านาย “

 

“หึ…งั้นนายอยากเจอฉันเพื่อ ปลุกความรู้สึกบางอย่างในตัวฉัน?” มอริสเน้นคําว่า ปลุก จากนั้นเขาก็สอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและคว้าซองบางที่บรรจุบุหรี่ เขาคบกันบุหรี่ไว้ระหว่างริมฝีปากของเขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ และจุดบุหรี่ด้วยไฟแช็คจากกระเป๋ากางเกง มอริสก็พ่นควันที่ลอยไปในอากาศ เขาว่าต่อ

 

” แล้วทําไมล่ะ นายคิดว่านายเป็นใครกัน? “

 

“เหอะ ” อีธานลู่เย้ยหยันขณะที่เขามองชายตรงหน้าด้วยความดูถูก

 

“มอริส ฉันไม่สนใจว่านายจะมีเรื่องอะไร เพราะมันเป็นเรื่องของนายไม่ใช่ของฉัน แต่นายนอนหลับอย่างสบายในตอนกลางคืนได้ยังไง? เมื่อรู้ว่าตัวนายกําลังเหยียบย่าชีวิตของคนอื่นอยู่ ทําให้พวกเขาสิ้นหวังและทําราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นายคิดว่านายเป็นใครกัน?!”

 

“แล้วยังไง? นายจะใช้ความรุนแรงเพื่อพวกเขา? ตลกดีนะ ” มอริสหลิวยิ้มเยาะขณะที่เขาส่ายหัวเล็กน้อยด้วยความผิดหวัง ก่อนจะสูบบุหรี่อีกครั้งและเป่ามันไปในอากาศ

 

เขาไม่จําเป็นต้องถามว่าคนตรงหน้าหมายถึงใคร เนื่องจากอีธานลู่ไปไหนมาไหนกับเล็กซีและมักถูกพบเห็นในคฤหาสน์หยาง เขารู้ได้อย่างไรน่ะเหรอ? เขาจับตาดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด … ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

 

“เพราะพวกเขาเหรอ? เฮอะ อาจจะใช่… แต่สาเหตุหลักที่ฉันหันมาใช้สิ่งนี้คือฉันเป็นเพื่อนของนาย” ที่จริงแล้วแม้ว่าอีธานสู่จะถูกกระตุ้นหลังจากได้ยินความกังวลของพ่อแม่หยางและสิ่งที่เล็กซี่ต้องเผชิญ แต่สิ่งที่ทําให้เขาโกรธมากคือความจริงที่ว่าเพื่อนของเขาเป็นต้นเหตุของมัน

 

เขาชื่นชมและมองขึ้นไปที่มอริสเสมอ และเขาเป็นคนสําคัญอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีที่เขาต่อสู่กับตระกูลหลิวและเป็นผู้นําอาณาจักรหลิวตั้งแต่อายุยังน้อย อย่างไรก็ตาม อีธานไม่ชอบวิธีการจัดการกับเล็กซี่ของเขา

 

มันยังคงเป็นปริศนาสําหรับอีธานลู่ ทําไมเพื่อนเขาไม่เลิกกับเล็กซี่หลังจากที่เขาพบผู้หญิงที่เขารักแล้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจมัน ในขณะที่เขาถือว่ามันมีความสําคัญเป็นศูนย์และต้องขอบคุณเขาแทน เพราะมันทําให้เขามีโอกาสที่จะอยู่กับเล็ก

 

ถึงกระนั้นหลังจากทุกสิ่งที่เขาได้ยินและคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ อีธานลู่ก็เหลือแต่เครื่องหมายคําถามขนาดใหญ่บนหัวของเขา ทําไมกัน? โดยไม่คํานึงถึงเหตุผลของเขา นี่ไม่ใช่คนแบบที่อีธานลู่ต้องการเป็นเพื่อน เหยียบย่ำใครบางคนเพียงเพื่อให้ไปอยู่ในจุดสูงสุด

 

” แล้ว ตอนนี้นายกําลังบอกว่าเพราะเป็นฉัน? ฉันควรจะขอบคุณนายแทนดีหรือไม่?” มอริสอยู่บนฟางเส้นสุดท้ายของความอดทน ในขณะที่เขาเหยียดหยาม

 

“ใช่ นายนั้นแหละที่ต้องขอบคุณฉัน!” เมื่อย้อนกลับไปถึงคําพูดถากถางของเขา อีธานลู่เริ่มก้าวเข้ามาหา เรื่อยๆ ขณะที่มอริสยังไม่ได้ทําอะไร แต่เมื่อเขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ลิริคเลี้ยงก็จับที่เอวของเขาไว้ แล้วคริสหยูก็เข้ามาขวางระหว่างพวกเขาที่เผชิญหน้ากัน ซึ่งดูเหมือนว่าเขาก็เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ด้วย

 

“นายสองคนกําลังทําอะไรกันอยู่เนี่ย?!” คริสหยูร้องเสียงหลงขณะจ้องมองมอริสหลิวก่อนที่เขาจะหันหน้าไปทางอีธาน

 

“นายน้อย นายน้อย ได้โปรดหยุดเถอะ!” ลิริคท่าลายภาพลักษณ์ของเขาในขณะที่เขาตื่นตระหนกและพยายามที่จะหยุดการก้าวเดินของอีธาน

 

“ปล่อยฉัน ! ฉันจะทุบตีหมอนั้นให้เจ็บซะบ้าง จนกว่าเขาจะรู้จักคําว่าเหมาะสม” อีธานลู่ยังดึงผู้ช่วยของเขาออกอย่างรุนแรง ลิริคก็ยิ่งก่ามือแน่นขึ้น

 

“ความเหมาะสม? ปล่อยเขามา แล้วฉันจะแสดงให้เห็นว่าอะไรกันแน่ที่เหมาะสมอย่างแท้จริง” ดวงตาของมอริสหลิวคมขึ้นขณะที่เขากัดฟันแน่น

 

“โว้ว โว้ว พี่น้อง ใจเย็นกันก่อน นี่มันอะไรกัน!” เมื่อเห็นว่าความผ่อนปรนของมอริสหมดลง คริสหยูก็ยืนอยู่ตรงหน้ามอริสพร้อมกับยกมือขึ้นครึ่งหนึ่ง เขาไม่ต้องการให้สิ่งนี้หลุดมือไปกว่าที่เป็นอยู่แล้ว

 

” นายน้อยโปรดใจเย็นๆก่อน !” ลิริคเจียงอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง

 

“พี่มอริส ได้โปรด…” น้ําเสียงของคริสหยูดูเคร่งขรึมขณะที่เขาจับจ้องไปที่มอริสหลิว เขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้หลุดการควบคุมตนเองแบบนี้มาก่อน มันง่ายที่จะหยุดเขามากกว่าที่จะหยุดอีธานลู่

 

มอริสหลิวจ้องตาของคริสหยูครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเย้ยหยันอย่างดูถูก เขาจะเหลือบมองไปผู้ช่วยของเขา “ไปกันเถอะ” จากนั้นเขาก็เดินไปที่รถของเขาที่จอดอยู่ด้านข้างและเดินเข้าไปข้างในอย่างไร้คําพูด

 

เมื่อรถของมอริสหลิวเร่งออกไป ลิริคก็ยอมปล่อยเจ้านายของเขา

 

“เชอะ จะหยิ่งไปถึงไหนวะ! “อีธานลู่เดาะลิ้นของเขาขณะปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าที่ยับย่น

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+