ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 120 ฉันแค่คิดไม่ถึงเท่านั้น

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 120 ฉันแค่คิดไม่ถึงเท่านั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเซียวเถี่ยเฟิงพากู้จิ้งหนีไป พวกเขาก็ไม่สามารถเดินทางไปตามถนนหลวงได้อีก ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนไปใช้ทางเล็กขึ้นเขาแทน เขาคิดจะหาสถานที่สักแห่งลงหลักปักฐาน แม้ในใจจะเฝ้าหวังให้บ้านยังอยู่ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่ได้ไหม

แต่ไม่ว่าจะอ้อมอย่างไร พวกเขาก็ต้องผ่านปากทางขึ้นเขาอยู่ดี

บริเวณปากทางขึ้นเขาในยามนี้ดูเจริญขึ้นมาก เรียกได้ว่าคึกคักยิ่งกว่าตลาดเสียอีก ข้างทางเต็มไปด้วยแผงขายของกินชนิดต่างๆ แผงดูดวง แผงขายผ้า แผงขายของป่า มีแม้กระทั่งแผงรักษาโรค

ที่มากยิ่งกว่านั้นคือ คนที่มากราบไหว้ต้าเซียน

ตรงปากทางขึ้นเขาเว่ยอวิ๋นมีรูปสลักของหญิงสาวคนหนึ่งตั้งอยู่ นางสวมชุดสีขาว เส้นผมและเสื้อผ้าปลิวไสวไปตามสายลม ใบหน้าแหงนเงยขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังทอดตามองไปไกล

ที่เบื้องล่างคือเหล่าสาธุชนซึ่งเดินทางมากราบไหว้

กู้จิ้งเห็นเช่นนี้ก็ตกใจมาก

“มีอะไรหรือ?” เซียวเถี่ยเฟิงกระซิบถาม จริงๆ แล้วพวกเขาน่าจะชินกับภาพแบบนี้ได้แล้วไม่ใช่หรือ?

“ไม่มีอะไร ฉันแค่คิดไม่ถึงเท่านั้น”

กู้จิ้งทอดถอนใจ คิดไม่ถึงเลยว่ารูปสลักที่เคยเห็นในอีกหนึ่งพันปีข้างหน้า รูปสลักที่เธอเคยใช้กิ่งไม้ฟันเล่นในยามว่าง รูปสลักที่เพื่อนก้นเปลือยข้างบ้านเคยใช้หนังสติ๊กยิงลูกตา…จะเป็นตัวเธอเอง!

ถ้ารู้แบบนี้ เธอคงจะบอกเพื่อนๆ ไปแล้วว่านี่คือเซียน จะล่วงเกินไม่ได้เด็ดขาด

ไม่ได้ เธอกับเซียวเถี่ยเฟิงจะต้องรีบรับเด็กๆ มาเลี้ยงเป็นลูก จากนั้นก็ต้องตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นให้ลูกๆ ปฏิบัติตาม

ลูกหลานทุกคนมีหน้าที่ต้องปกป้องรูปสลักของหมอเทวดา

“เรารีบรับเด็กมาเลี้ยงกันเถอะ” ถึงตอนนี้กู้จิ้งค่อยนึกถึงเรื่องสำคัญเรื่องนี้ขึ้นมาได้

“อืม ข้าคิดดูแล้ว ครั้งนี้เรากลับมาเขาเว่ยอวิ๋นก็คัดเลือกดู ลองรับมาเลี้ยงสักสองคนก่อน”

“ได้ ตามใจนาย”

ระหว่างที่พูด ทั้งสองก็แอบเดินอ้อมรูปสลักขึ้นไปบนเขา

“ไม่รู้ว่าเพราะอายุมากขึ้นหรือเปล่า ตอนนี้แค่ปีนเขาฉันก็เหนื่อยแล้ว” กู้จิ้งถอนใจ

ทำไมถึงปวดเอวปวดหลังแบบนี้นะ แขนขาก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง

“มา ข้าจะแบกเจ้า” เซียวเถี่ยเฟิงก้มตัวลงให้กู้จิ้งปีนขึ้นมาบนหลัง

กู้จิ้งรู้สึกเหนื่อยมาก จึงยอมให้เขาแบกแต่โดยดี

เธอซบร่างแนบแผ่นหลังแข็งแกร่งพลางใช้มือโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ตามองทิวทัศน์บนภูเขาในเดือนสาม สายลมที่โชยมาสัมผัสกับใบหน้าเบาๆ ทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ในอดีต

“เจ้ายังจำผลหรูหรูที่เราเคยกินได้ไหม?” สิ่งแรกที่ทำให้พวกเขาสองคนสื่อสารกันรู้เรื่องคือผลหรูหรู

“จำได้อยู่แล้ว” ตอนนั้นเขาอุ้มเธอเอาไว้ เธออยากกินผลหรูหรูมากจนถึงขั้นแค่เห็นก็น้ำลายไหล

“ไม่รู้ว่าตอนนี้มีผลหรูหรูไหม ฉันยังอยากกินอีก”

“ได้ เจ้านั่งรออยู่ตรงหินก้อนนี้ก่อน ข้าจะไปเด็ดมาให้!”

“อืมๆ!”

ผ่านไปครู่หนึ่ง เซียวเถี่ยเฟิงก็เด็ดผลหรูหรูสดใหม่กลับมา เขาเอามันไปล้างที่ลำธารให้สะอาดก่อนจะเอามาส่งให้เธอเหมือนครั้งแรกที่ได้พบกัน ดวงตาของกู้จิ้งเปล่งประกายสุกใส เธอขยับไปนั่งข้างๆ เซียวเถี่ยเฟิงแล้วเอนกายพิงเขา จากนั้นก็เริ่มกิน

“อย่ากินมากเกินไป ไม่อย่างนั้นจะเข็ดฟันอีก” ไม่มีทางเลือก ยัยโง่ตัวน้อยนี่ต้องให้เขาคอยเป็นห่วงอยู่เรื่อย

“รู้แล้วน่า…” กู้จิ้งยิ้มออดอ้อน

เธอจะไม่ทำผิดพลาดแบบนั้นเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด

“ใช่แล้ว ตอนเจ้าเด็กๆ ข้าก็เคยพาเจ้ามากินผลหรูหรู” เซียวเถี่ยเฟิงมองทิวทัศน์อันงดงามตรงหน้าพลางคิดถึงเรื่องในอดีตเมื่อหลายปีก่อน สมัยที่กู้จิ้งเป็นเด็กตัวเล็กๆ เขาเคยพาเธอเดินเข้ามาในป่าแล้วเก็บผลหรูหรูให้กิน

“ตอนนั้นเจ้ายังเล็กมาก รู้แค่ว่ามันอร่อย แต่ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร ข้าเป็นคนสอนเจ้า”

“งั้นหรือ?” กู้จิ้งจำไม่ได้ว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย เธอป้อนผลหรูหรูให้เขาพลางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “นายเล่าเรื่องสมัยฉันยังเด็กให้ฟังหน่อยสิ”

เซียวเถี่ยเฟิงลิ้มรสเปรี้ยวอมหวานในปาก จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องในอดีตให้เธอฟัง

จริงๆ ก็ไม่มีอะไร ตอนนั้นเธอเป็นแขกของตระกูลจ้าว แถมยังมาอยู่ที่หมู่บ้านแค่ไม่กี่วัน เขาเองก็ได้พบกับเธอแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น

“ข้าเป็นคนสอนให้เจ้ารู้ว่านี่คือผลหรูหรู ตอนนั้นเจ้ายังเล็กมาก ยังพูดไม่ค่อยคล่อง แถมยังไม่ค่อยฉลาด หัดพูดน้ำลายไหลยืดอยู่ตั้งนานถึงจะพูดคำว่าผลหรูหรูเป็น”

เซียวเถี่ยเฟิงพูดความจริง

แต่กู้จิ้งไม่พอใจ เธอแค่นเสียงฮึดฮัดอยู่ในอ้อมอกของเขา “นายสิโง่!”

เซียวเถี่ยเฟิงกอดเธอแน่น “ได้ ข้าโง่ก็ได้”

แต่กู้จิ้งยังไม่พอใจ เธอใช้มือข่วนเขา “เล่าต่อสิ”

เธอกับเขาเคยมีอดีตร่วมกันแบบนั้นด้วยหรือ ถ้าอย่างนั้นก็นับว่าเป็นคู่รักที่เล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็กได้น่ะสิ?

เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินว่ากู้จิ้งยังอยากฟังอีกก็คิดจะเล่าเรื่องสมัยเธอยังเด็กให้ฟัง แต่เขาก็ไม่รู้จะเล่าอะไร ดังนั้นจึงได้แต่พูดว่า “เจ้าว่า ทำไมการออกเสียงคำหลายๆ คำในอีกหนึ่งพันปีข้างหน้าไม่เหมือนกับตอนนี้ แต่คำว่าผลหรูหรูกลับยังออกเสียงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด?”

“ฉันจะรู้ได้ยังไง!”

วัฒนธรรมจีนลึกล้ำ ภาษากับสำเนียงพูดอาจเปลี่ยนไปตามกาลเวลา อย่าว่าแต่ในอนาคตหนึ่งพันปีข้างหน้ายังมีการหลอมรวมวัฒนธรรมบางอย่างเข้ากับชนต่างเผ่า นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาทั่วไปซึ่งไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญจะอธิบายให้ชัดเจนได้ด้วยคำพูดสั้นๆ เพียงประโยคเดียว

“เป็นไปได้ไหมว่า…” กู้จิ้งนึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง

แต่ในตอนที่เธอกำลังคิดจะวิเคราะห์ปัญหานี้กับเซียวเถี่ยเฟิงต่อ ความรู้สึกพะอืดพะอมกับรสเปรี้ยวอมฝาดของอะไรบางอย่างก็พุ่งขึ้นมาในลำคอ ทำให้เธอเกือบจะอาเจียนสิ่งที่เพิ่งกินลงไปออกมาจนหมด

เธอยกมือขึ้นปิดปากแล้วก้มลงอาเจียนไม่หยุด

เซียวเถี่ยเฟิงรีบประคองเธอเอาไว้ เดี๋ยวก็ส่งน้ำให้ดื่ม เดี๋ยวก็ช่วยทุบหลังให้ ผ่านไปครู่ใหญ่ กู้จิ้งก็หยุดอาเจียน แต่ใบหน้ากลับซีดขาว ดวงตาทั้งคู่คลอด้วยน้ำตา บนริมฝีปากยังมีคราบสกปรกเปรอะเปื้อน ดูกระเซอะกระเซิงมาก

“เป็นอะไรไปหรือ? คงไม่ใช่ผลหรูหรูไม่สะอาดหรอกนะ?”

เขารีบหยิบผลหรูหรูมาตรวจดู แต่ก็ไม่พบปัญหาอะไร

กู้จิ้งซบหน้ากับบ่าของเซียวเถี่ยเฟิงด้วยท่าทางอ่อนล้า ปากกล่าวอย่างอ่อนแรง “ฉันคิดว่าน่าจะไม่ได้เป็นเพราะผลหรูหรู…”

“แล้วเป็นเพราะอะไรล่ะ?”

กู้จิ้งถอนใจ “ฉันสงสัย… ฉันคาดเดา… ฉันคิดว่านี่น่าจะเป็น…”

ในใจเธอสังหรณ์อะไรบางอย่าง เพียงแต่ไม่กล้าเชื่อเท่านั้น

เพราะเรื่องนี้มีความสำคัญมาก มันเกี่ยวพันถึงผลการตรวจวินิจฉัยของแพทย์ในยุคปัจจุบัน เกี่ยวพันถึงกฎเกณฑ์ประวัติศาสตร์ที่แสนน่าอัศจรรย์ เกี่ยวพันถึงชีวิตของจักรวาล…

ออกนอกเรื่องเกินไปแล้ว สรุปแล้วเรื่องนี้เกินความคาดหมายมาก

“ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เซียวเถี่ยเฟิงกุมไหล่เธอแน่นพลางถามด้วยความร้อนใจ

“ฉันคิดว่า ฉันอาจจะตั้งครรภ์”

เธอถอนใจคำหนึ่งก่อนจะกล่าวคำพูดประโยคนี้ออกมา

 

“ตั้งครรภ์?” เซียวเถี่ยเฟิงพูดซ้ำพลางขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“คือฉันคิดว่าบางทีอาจจะเป็นไปได้ว่า…ฉันกำลังท้อง!” กู้จิ้งสูดหายใจลึกก่อนจะพูดโพล่งออกมา

“ท้อง?” เขายังตั้งสติไม่ได้ ดังนั้นจึงยังคงเอาแต่ขมวดคิ้วพลางพูดตามคำพูดของเธอเหมือนหุ่นยนต์

“ในโลกอนาคตหนึ่งพันปีข้างหน้า ฉันไม่มีประจำเดือน ดังนั้นจึงตั้งครรภ์ไม่ได้ แต่หลังจากมาอยู่ในยุคสมัยนี้ สนามแม่เหล็กในตัวฉันอาจจะเข้ากับยุคสมัยนี้ ประจำเดือนของฉันก็เลยมา” เธอมองเขา “มีประจำเดือน ฉันก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้”

จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้เธอก็เคยคิดแบบนี้ เพียงแต่รู้สึกว่ามันดูเหลือเชื่อเกินไป ดังนั้นจึงไม่กล้าบอกเขา กลัวว่าหากเขายิ่งมีความหวังก็จะยิ่งผิดหวัง ตอนนี้เธอมีอาการต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น เธอก็เลยสังหรณ์มาตั้งแต่เมื่อวานซืนแล้วว่าตัวเองน่าจะกำลังตั้งครรภ์

เช้านี้หลังจากตรวจชีพจรดู เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่น่าจะผิด

กำลังลังเลว่าควรจะบอกเขาไหม ควรบอกเขาอย่างไรถึงจะไม่ทำให้เขาดีใจเก้อ หลังจากคิดทบทวนอยู่นาน หลังจากเกือบจะอาเจียนออกมา เธอก็ตัดสินใจบอกเขา

ไม่ว่าสำเร็จหรือล้มเหลว เธอก็ควรบอกเขา เธอกับเขาควรจะแบกรับทุกอย่างร่วมกัน

“เสี่ยวจิ้งเอ๋อ เจ้า…เจ้าหมายความว่า…” เซียวเถี่ยเฟิงยังคงไม่อยากเชื่อ เพราะก่อนหน้านี้กู้จิ้งยังพูดถึงเรื่องรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก แต่จู่ๆ ตอนนี้เรื่องกลับตาลปัตร “ในท้องของเจ้า…มีเด็กอยู่?”

เซียวเถี่ยเฟิงจ้องท้องของกู้จิ้งด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ตรงนั้นยังคงแบนเรียบ ไม่มีร่องรอยอะไรสักนิด

แต่ตรงนี้ อาจจะมีลูกของเธอกับเขากำลังเติบโตอยู่?

“อืม อาการทั้งหมดของฉันในช่วงหลายวันมานี้บ่งบอกว่าฉันอาจจะกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจ ยิ่งไม่กล้ารับรองว่าท้องนี้จะคลอดออกมาได้อย่างราบรื่น”

สมัยนี้ยังไม่มีการอัลตร้าซาวด์ ไม่มีชุดตรวจการตั้งครรภ์ เธอลองตรวจชีพจรตัวเองดู ประกอบกับพิจารณาจากอาการต่างๆ ก็รู้สึกว่าน่าจะใช่

เซียวเถี่ยเฟิงยังคงจ้องท้องของกู้จิ้งด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ หลังจากจ้องอยู่ครู่ใหญ่ เขาก็เหมือนจะตั้งสติได้ ทันใดนั้น แววตื่นเต้นยินดีก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ชายหนุ่มเอาแต่พึมพำซ้ำๆ กันว่า “เจ้า…เจ้าตั้งครรภ์แล้ว? ตั้งครรภ์แล้ว?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 120 ฉันแค่คิดไม่ถึงเท่านั้น

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 120 ฉันแค่คิดไม่ถึงเท่านั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเซียวเถี่ยเฟิงพากู้จิ้งหนีไป พวกเขาก็ไม่สามารถเดินทางไปตามถนนหลวงได้อีก ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนไปใช้ทางเล็กขึ้นเขาแทน เขาคิดจะหาสถานที่สักแห่งลงหลักปักฐาน แม้ในใจจะเฝ้าหวังให้บ้านยังอยู่ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่ได้ไหม

แต่ไม่ว่าจะอ้อมอย่างไร พวกเขาก็ต้องผ่านปากทางขึ้นเขาอยู่ดี

บริเวณปากทางขึ้นเขาในยามนี้ดูเจริญขึ้นมาก เรียกได้ว่าคึกคักยิ่งกว่าตลาดเสียอีก ข้างทางเต็มไปด้วยแผงขายของกินชนิดต่างๆ แผงดูดวง แผงขายผ้า แผงขายของป่า มีแม้กระทั่งแผงรักษาโรค

ที่มากยิ่งกว่านั้นคือ คนที่มากราบไหว้ต้าเซียน

ตรงปากทางขึ้นเขาเว่ยอวิ๋นมีรูปสลักของหญิงสาวคนหนึ่งตั้งอยู่ นางสวมชุดสีขาว เส้นผมและเสื้อผ้าปลิวไสวไปตามสายลม ใบหน้าแหงนเงยขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังทอดตามองไปไกล

ที่เบื้องล่างคือเหล่าสาธุชนซึ่งเดินทางมากราบไหว้

กู้จิ้งเห็นเช่นนี้ก็ตกใจมาก

“มีอะไรหรือ?” เซียวเถี่ยเฟิงกระซิบถาม จริงๆ แล้วพวกเขาน่าจะชินกับภาพแบบนี้ได้แล้วไม่ใช่หรือ?

“ไม่มีอะไร ฉันแค่คิดไม่ถึงเท่านั้น”

กู้จิ้งทอดถอนใจ คิดไม่ถึงเลยว่ารูปสลักที่เคยเห็นในอีกหนึ่งพันปีข้างหน้า รูปสลักที่เธอเคยใช้กิ่งไม้ฟันเล่นในยามว่าง รูปสลักที่เพื่อนก้นเปลือยข้างบ้านเคยใช้หนังสติ๊กยิงลูกตา…จะเป็นตัวเธอเอง!

ถ้ารู้แบบนี้ เธอคงจะบอกเพื่อนๆ ไปแล้วว่านี่คือเซียน จะล่วงเกินไม่ได้เด็ดขาด

ไม่ได้ เธอกับเซียวเถี่ยเฟิงจะต้องรีบรับเด็กๆ มาเลี้ยงเป็นลูก จากนั้นก็ต้องตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นให้ลูกๆ ปฏิบัติตาม

ลูกหลานทุกคนมีหน้าที่ต้องปกป้องรูปสลักของหมอเทวดา

“เรารีบรับเด็กมาเลี้ยงกันเถอะ” ถึงตอนนี้กู้จิ้งค่อยนึกถึงเรื่องสำคัญเรื่องนี้ขึ้นมาได้

“อืม ข้าคิดดูแล้ว ครั้งนี้เรากลับมาเขาเว่ยอวิ๋นก็คัดเลือกดู ลองรับมาเลี้ยงสักสองคนก่อน”

“ได้ ตามใจนาย”

ระหว่างที่พูด ทั้งสองก็แอบเดินอ้อมรูปสลักขึ้นไปบนเขา

“ไม่รู้ว่าเพราะอายุมากขึ้นหรือเปล่า ตอนนี้แค่ปีนเขาฉันก็เหนื่อยแล้ว” กู้จิ้งถอนใจ

ทำไมถึงปวดเอวปวดหลังแบบนี้นะ แขนขาก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง

“มา ข้าจะแบกเจ้า” เซียวเถี่ยเฟิงก้มตัวลงให้กู้จิ้งปีนขึ้นมาบนหลัง

กู้จิ้งรู้สึกเหนื่อยมาก จึงยอมให้เขาแบกแต่โดยดี

เธอซบร่างแนบแผ่นหลังแข็งแกร่งพลางใช้มือโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ตามองทิวทัศน์บนภูเขาในเดือนสาม สายลมที่โชยมาสัมผัสกับใบหน้าเบาๆ ทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ในอดีต

“เจ้ายังจำผลหรูหรูที่เราเคยกินได้ไหม?” สิ่งแรกที่ทำให้พวกเขาสองคนสื่อสารกันรู้เรื่องคือผลหรูหรู

“จำได้อยู่แล้ว” ตอนนั้นเขาอุ้มเธอเอาไว้ เธออยากกินผลหรูหรูมากจนถึงขั้นแค่เห็นก็น้ำลายไหล

“ไม่รู้ว่าตอนนี้มีผลหรูหรูไหม ฉันยังอยากกินอีก”

“ได้ เจ้านั่งรออยู่ตรงหินก้อนนี้ก่อน ข้าจะไปเด็ดมาให้!”

“อืมๆ!”

ผ่านไปครู่หนึ่ง เซียวเถี่ยเฟิงก็เด็ดผลหรูหรูสดใหม่กลับมา เขาเอามันไปล้างที่ลำธารให้สะอาดก่อนจะเอามาส่งให้เธอเหมือนครั้งแรกที่ได้พบกัน ดวงตาของกู้จิ้งเปล่งประกายสุกใส เธอขยับไปนั่งข้างๆ เซียวเถี่ยเฟิงแล้วเอนกายพิงเขา จากนั้นก็เริ่มกิน

“อย่ากินมากเกินไป ไม่อย่างนั้นจะเข็ดฟันอีก” ไม่มีทางเลือก ยัยโง่ตัวน้อยนี่ต้องให้เขาคอยเป็นห่วงอยู่เรื่อย

“รู้แล้วน่า…” กู้จิ้งยิ้มออดอ้อน

เธอจะไม่ทำผิดพลาดแบบนั้นเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด

“ใช่แล้ว ตอนเจ้าเด็กๆ ข้าก็เคยพาเจ้ามากินผลหรูหรู” เซียวเถี่ยเฟิงมองทิวทัศน์อันงดงามตรงหน้าพลางคิดถึงเรื่องในอดีตเมื่อหลายปีก่อน สมัยที่กู้จิ้งเป็นเด็กตัวเล็กๆ เขาเคยพาเธอเดินเข้ามาในป่าแล้วเก็บผลหรูหรูให้กิน

“ตอนนั้นเจ้ายังเล็กมาก รู้แค่ว่ามันอร่อย แต่ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร ข้าเป็นคนสอนเจ้า”

“งั้นหรือ?” กู้จิ้งจำไม่ได้ว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย เธอป้อนผลหรูหรูให้เขาพลางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “นายเล่าเรื่องสมัยฉันยังเด็กให้ฟังหน่อยสิ”

เซียวเถี่ยเฟิงลิ้มรสเปรี้ยวอมหวานในปาก จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องในอดีตให้เธอฟัง

จริงๆ ก็ไม่มีอะไร ตอนนั้นเธอเป็นแขกของตระกูลจ้าว แถมยังมาอยู่ที่หมู่บ้านแค่ไม่กี่วัน เขาเองก็ได้พบกับเธอแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น

“ข้าเป็นคนสอนให้เจ้ารู้ว่านี่คือผลหรูหรู ตอนนั้นเจ้ายังเล็กมาก ยังพูดไม่ค่อยคล่อง แถมยังไม่ค่อยฉลาด หัดพูดน้ำลายไหลยืดอยู่ตั้งนานถึงจะพูดคำว่าผลหรูหรูเป็น”

เซียวเถี่ยเฟิงพูดความจริง

แต่กู้จิ้งไม่พอใจ เธอแค่นเสียงฮึดฮัดอยู่ในอ้อมอกของเขา “นายสิโง่!”

เซียวเถี่ยเฟิงกอดเธอแน่น “ได้ ข้าโง่ก็ได้”

แต่กู้จิ้งยังไม่พอใจ เธอใช้มือข่วนเขา “เล่าต่อสิ”

เธอกับเขาเคยมีอดีตร่วมกันแบบนั้นด้วยหรือ ถ้าอย่างนั้นก็นับว่าเป็นคู่รักที่เล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็กได้น่ะสิ?

เซียวเถี่ยเฟิงได้ยินว่ากู้จิ้งยังอยากฟังอีกก็คิดจะเล่าเรื่องสมัยเธอยังเด็กให้ฟัง แต่เขาก็ไม่รู้จะเล่าอะไร ดังนั้นจึงได้แต่พูดว่า “เจ้าว่า ทำไมการออกเสียงคำหลายๆ คำในอีกหนึ่งพันปีข้างหน้าไม่เหมือนกับตอนนี้ แต่คำว่าผลหรูหรูกลับยังออกเสียงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด?”

“ฉันจะรู้ได้ยังไง!”

วัฒนธรรมจีนลึกล้ำ ภาษากับสำเนียงพูดอาจเปลี่ยนไปตามกาลเวลา อย่าว่าแต่ในอนาคตหนึ่งพันปีข้างหน้ายังมีการหลอมรวมวัฒนธรรมบางอย่างเข้ากับชนต่างเผ่า นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาทั่วไปซึ่งไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญจะอธิบายให้ชัดเจนได้ด้วยคำพูดสั้นๆ เพียงประโยคเดียว

“เป็นไปได้ไหมว่า…” กู้จิ้งนึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง

แต่ในตอนที่เธอกำลังคิดจะวิเคราะห์ปัญหานี้กับเซียวเถี่ยเฟิงต่อ ความรู้สึกพะอืดพะอมกับรสเปรี้ยวอมฝาดของอะไรบางอย่างก็พุ่งขึ้นมาในลำคอ ทำให้เธอเกือบจะอาเจียนสิ่งที่เพิ่งกินลงไปออกมาจนหมด

เธอยกมือขึ้นปิดปากแล้วก้มลงอาเจียนไม่หยุด

เซียวเถี่ยเฟิงรีบประคองเธอเอาไว้ เดี๋ยวก็ส่งน้ำให้ดื่ม เดี๋ยวก็ช่วยทุบหลังให้ ผ่านไปครู่ใหญ่ กู้จิ้งก็หยุดอาเจียน แต่ใบหน้ากลับซีดขาว ดวงตาทั้งคู่คลอด้วยน้ำตา บนริมฝีปากยังมีคราบสกปรกเปรอะเปื้อน ดูกระเซอะกระเซิงมาก

“เป็นอะไรไปหรือ? คงไม่ใช่ผลหรูหรูไม่สะอาดหรอกนะ?”

เขารีบหยิบผลหรูหรูมาตรวจดู แต่ก็ไม่พบปัญหาอะไร

กู้จิ้งซบหน้ากับบ่าของเซียวเถี่ยเฟิงด้วยท่าทางอ่อนล้า ปากกล่าวอย่างอ่อนแรง “ฉันคิดว่าน่าจะไม่ได้เป็นเพราะผลหรูหรู…”

“แล้วเป็นเพราะอะไรล่ะ?”

กู้จิ้งถอนใจ “ฉันสงสัย… ฉันคาดเดา… ฉันคิดว่านี่น่าจะเป็น…”

ในใจเธอสังหรณ์อะไรบางอย่าง เพียงแต่ไม่กล้าเชื่อเท่านั้น

เพราะเรื่องนี้มีความสำคัญมาก มันเกี่ยวพันถึงผลการตรวจวินิจฉัยของแพทย์ในยุคปัจจุบัน เกี่ยวพันถึงกฎเกณฑ์ประวัติศาสตร์ที่แสนน่าอัศจรรย์ เกี่ยวพันถึงชีวิตของจักรวาล…

ออกนอกเรื่องเกินไปแล้ว สรุปแล้วเรื่องนี้เกินความคาดหมายมาก

“ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เซียวเถี่ยเฟิงกุมไหล่เธอแน่นพลางถามด้วยความร้อนใจ

“ฉันคิดว่า ฉันอาจจะตั้งครรภ์”

เธอถอนใจคำหนึ่งก่อนจะกล่าวคำพูดประโยคนี้ออกมา

 

“ตั้งครรภ์?” เซียวเถี่ยเฟิงพูดซ้ำพลางขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“คือฉันคิดว่าบางทีอาจจะเป็นไปได้ว่า…ฉันกำลังท้อง!” กู้จิ้งสูดหายใจลึกก่อนจะพูดโพล่งออกมา

“ท้อง?” เขายังตั้งสติไม่ได้ ดังนั้นจึงยังคงเอาแต่ขมวดคิ้วพลางพูดตามคำพูดของเธอเหมือนหุ่นยนต์

“ในโลกอนาคตหนึ่งพันปีข้างหน้า ฉันไม่มีประจำเดือน ดังนั้นจึงตั้งครรภ์ไม่ได้ แต่หลังจากมาอยู่ในยุคสมัยนี้ สนามแม่เหล็กในตัวฉันอาจจะเข้ากับยุคสมัยนี้ ประจำเดือนของฉันก็เลยมา” เธอมองเขา “มีประจำเดือน ฉันก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้”

จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้เธอก็เคยคิดแบบนี้ เพียงแต่รู้สึกว่ามันดูเหลือเชื่อเกินไป ดังนั้นจึงไม่กล้าบอกเขา กลัวว่าหากเขายิ่งมีความหวังก็จะยิ่งผิดหวัง ตอนนี้เธอมีอาการต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น เธอก็เลยสังหรณ์มาตั้งแต่เมื่อวานซืนแล้วว่าตัวเองน่าจะกำลังตั้งครรภ์

เช้านี้หลังจากตรวจชีพจรดู เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่น่าจะผิด

กำลังลังเลว่าควรจะบอกเขาไหม ควรบอกเขาอย่างไรถึงจะไม่ทำให้เขาดีใจเก้อ หลังจากคิดทบทวนอยู่นาน หลังจากเกือบจะอาเจียนออกมา เธอก็ตัดสินใจบอกเขา

ไม่ว่าสำเร็จหรือล้มเหลว เธอก็ควรบอกเขา เธอกับเขาควรจะแบกรับทุกอย่างร่วมกัน

“เสี่ยวจิ้งเอ๋อ เจ้า…เจ้าหมายความว่า…” เซียวเถี่ยเฟิงยังคงไม่อยากเชื่อ เพราะก่อนหน้านี้กู้จิ้งยังพูดถึงเรื่องรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก แต่จู่ๆ ตอนนี้เรื่องกลับตาลปัตร “ในท้องของเจ้า…มีเด็กอยู่?”

เซียวเถี่ยเฟิงจ้องท้องของกู้จิ้งด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ตรงนั้นยังคงแบนเรียบ ไม่มีร่องรอยอะไรสักนิด

แต่ตรงนี้ อาจจะมีลูกของเธอกับเขากำลังเติบโตอยู่?

“อืม อาการทั้งหมดของฉันในช่วงหลายวันมานี้บ่งบอกว่าฉันอาจจะกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจ ยิ่งไม่กล้ารับรองว่าท้องนี้จะคลอดออกมาได้อย่างราบรื่น”

สมัยนี้ยังไม่มีการอัลตร้าซาวด์ ไม่มีชุดตรวจการตั้งครรภ์ เธอลองตรวจชีพจรตัวเองดู ประกอบกับพิจารณาจากอาการต่างๆ ก็รู้สึกว่าน่าจะใช่

เซียวเถี่ยเฟิงยังคงจ้องท้องของกู้จิ้งด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ หลังจากจ้องอยู่ครู่ใหญ่ เขาก็เหมือนจะตั้งสติได้ ทันใดนั้น แววตื่นเต้นยินดีก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ชายหนุ่มเอาแต่พึมพำซ้ำๆ กันว่า “เจ้า…เจ้าตั้งครรภ์แล้ว? ตั้งครรภ์แล้ว?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+