ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 34 เหมือนได้กินแตงโมเย็นๆ

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 34 เหมือนได้กินแตงโมเย็นๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สิ่งที่ค้นพบทำให้เขารู้สึกสดชื่นเหมือนได้กินแตงโมเย็นๆ ในฤดูร้อน ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกรักถนอมปีศาจสาวของตนมากยิ่งกว่าเดิม เขาอยากจะกอดนางเอาไว้กับอกตลอดชีวิต อยากมอบไอหยางทั้งหมดที่มีให้กับนาง

ต่อให้ถูกดูดไอหยางจนร่างกายเหือดแห้งแล้วจะทำไม เขาเต็มใจเสียอย่าง

แต่เมื่อเข้าสู่หูของกู้จิ้ง ความหมายของคำพูดนี้กลับกลายเป็นอย่างอื่น เธอหัวเราะพรืด

“ปีศาจน้อย? ปีศาจน้อย? ฮ่าๆๆ!” เดิมเธอยังเขินอายอยู่บ้าง แต่ยามนี้กลับหัวเราะเสียงดังลั่น

หรือนี่จะเป็นคำพูดทำนอง ‘ปีศาจน้อยที่ดีแต่ทำร้ายผู้คน ข้าควรจะทำอย่างไรกับเจ้าดี’ ที่ผู้คนร่ำลือกัน!

เซียวเถี่ยเฟิงเห็นปีศาจสาวในอ้อมอกหัวเราะขึ้นมาก็อดประหลาดใจไม่ได้

กู้จิ้งชี้ตัวเองพลางถามว่า “ข้า ชื่อ?”

เซียวเถี่ยเฟิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มจนใจปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก

เขาเรียกนางในใจว่าปีศาจสาวมาตลอด ไม่เคยรู้เลยว่านางชื่ออะไร

กู้จิ้งส่ายหน้าพลางทอดถอนใจ เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้หนังสือหรือไม่ เขียนให้เขาดูก่อนก็แล้วกัน ว่าแล้วเธอก็ใช้นิ้วเขียนอักษรคำว่า ‘กู้ จิ้ง’ ลงบนฝ่ามือของเขา

โชคดีที่เธอเคยอ่านหนังสือที่เขียนด้วยตัวอักษรจีนตัวเต็มบนชั้นหนังสือของคุณพ่อมาไม่น้อย ดังนั้นจึงพอจะเขียนได้บ้าง แม้จะไม่ถูกต้องทั้งหมดก็เถอะ

เซียวเถี่ยเฟิงมองดูปีศาจสาวเขียนตัวอักษรลงบนฝ่ามือของเขา แม้ตัวอักษรนั้นจะโย้ไปเย้มา แถมยังอาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่านี่คืออักษรคำว่า ‘กู้ จิ้ง’

เขาอ่านออกเสียงเบาๆ ใจคิดว่าชื่อช่างสมตัวยิ่งนัก ล้วนบริสุทธิ์น่าหลงใหล น้ำเสียงกังวานใสลอยวนอยู่ตรงข้างหู คิดแล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ “ที่แท้เจ้าก็มีชื่อเหมือนกัน”

แต่ไหนแต่ไรมาเขาคิดว่าปีศาจสาวอาศัยอยู่ในป่าลึก อาจจะไม่รู้จักตั้งชื่อให้ตัวเอง

แต่คิดๆ แล้วก็ยิ้มออกมา บางทีปีศาจสาวอาจจะมีพ่อแม่และมีชื่อเหมือนกัน แถมตอนนั้นนางยังร้องไห้เสียอกเสียใจอยู่ในอ้อมอกของเขา ในโลกปีศาจอาจจะไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องของนางอีกแล้วก็เป็นได้

ปีศาจสาวกู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็แค่นเสียงฮึดฮัดพลางมองเขาด้วยสายตาดูแคลน

เขายิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิม จากนั้นจึงดึงมือเธอไปเขียนชื่อของเขาลงบนฝ่ามือของเธอบ้าง

‘เซียวเถี่ยเฟิง’ หญิงสาวมองดูปลายนิ้วหยาบกร้านเขียนตัวอักษรลงบนฝ่ามือพลางออกเสียงอ่านตาม จากนั้นก็อดงุนงงไม่ได้

ถึงก่อนหน้านี้เธอจะรู้ชื่อของเขา แต่เพราะเสียงอ่านไม่เหมือนกับยุคปัจจุบันเธอก็เลยไม่แน่ใจนัก ที่แท้ก็เป็นตัวอักษรสามตัวนี้เอง

บัดนี้ได้เห็นตัวอักษรสามตัวนี้ เธอกลับรู้สึกคุ้นตาอย่างน่าประหลาด

ราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

เธอเอนกายพิงอกของของเขาพลางมองดูหยาดฝนโปรยปรายที่ด้านนอก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองต้องเคยเห็นชื่อนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง แถมยังน่าจะมีส่วนเกี่ยวพันกับกระดาษที่เก่าจนเหลืองกรอบกับกลุ่มควันที่ลอยวนอยู่รอบด้านอีกด้วย

แต่ทำไมเธอถึงคิดไม่ออกนะ…

ในตอนนั้นเอง ที่ด้านนอกก็มีเสียงพูดคุยดังขึ้น ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงของเถ้าแก่กำลังพูดกับใครบางคน จากนั้นก็มีคนหลายคนเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม คนที่อยู่หน้าสุดคือเถ้าแก่ซึ่งกำลังกางร่มเดินนำคนทั้งกลุ่มเข้ามา

“เป็นที่นี่ขอรับ ท่านเซียวผู้นั้นกับ…กับแม่นางท่านนั้นพักอยู่ที่ห้องนี้ขอรับ”

เพราะสตรีผู้นั้นปล่อยผมยาวสยายจนดูไม่ออกว่าเป็นสตรีที่ออกเรือนแล้วหรือไม่ เขาจึงได้แต่ใช้คำว่าแม่นาง แต่พอพูดออกไปก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องนัก หากเป็นแม่นางจะพักอยู่ร่วมห้องกับบุรุษได้อย่างไร ดูท่าเขาคงจะเรียกผิดเสียแล้ว

คนทั้งกลุ่มเดินตรงมาที่ห้องของกู้จิ้งกับเซียวเถี่ยเฟิง

เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเช่นนี้ก็รีบหยิบกางเกงมาสวม จากนั้นก็คว้าเสื้อมาคลุมร่างเอาไว้

“เจ้าค่อยๆ แต่งตัวนะ” ระหว่างที่พูดเขาก็รีบรูดม่านเนื้อหยาบลงมา

กู้จิ้งหลบไปที่หลังม่าน เธอหยิบเสื้อขึ้นมาสวมพลางแอบฟังการเคลื่อนไหวที่ด้านนอก

พวกเขาไม่ได้จงใจพูดช้าๆ คำบางคำเธอจึงฟังไม่ชัดเจนนัก แต่ก็พอจะคาดเดาความหมายได้

ที่แท้ผู้มาก็มีคนฆ่าสัตว์แซ่จางกับภรรยา รวมทั้งญาติๆ นอกจากนี้ยังดูเหมือนจะมีท่านหมอฉางแห่งร้านเป่าอันถังด้วย พวกเขามาเพื่อขอบคุณเซียวเถี่ยเฟิงอย่างนั้นหรือ? ด้วยเหตุนี้เธอจึงค่อยๆ สวมเสื้อผ้าต่อโดยไม่สนใจอะไรมากนัก

 

ที่นอกหน้าต่าง

“เมื่อเช้าท่านหมอฉางไปตรวจดูบาดแผลของลูกข้า ท่านบอกว่าบาดแผลใหญ่มาก หากไม่รักษาให้ดี เกรงว่าจะมีเรื่องยุ่งยากตามมา แต่โชคดีที่ได้รับการรักษาทันท่วงที ลูกของข้าไม่มีไข้สูง นับว่าไม่เป็นอะไรแล้ว! ท่านหมอฉางบอกว่าแม่นางผู้นั้นมีวิชาแพทย์สูงส่งยิ่งนัก ข้าสมควรต้องมาขอบคุณให้มากๆ” เขาเกาศีรษะด้วยท่าทางขัดเขิน “ข้าเป็นคนฆ่าสัตว์หยาบกร้านไม่รู้ความ เมื่อวานล่วงเกินท่านเซียวและแม่นางท่านนั้นไป หวังว่าพวกท่านอย่าได้ถือสา ข้า…ข้าขอโขกศีรษะขอขมา และขอขอบคุณในบุญคุณใหญ่หลวงของพวกท่านด้วย!”

พูดจบเขาก็ดึงภรรยาให้คุกเข่าลงพร้อมกัน

ภรรยาของเขายิ่งซาบซึ้งใจนัก “ท่านเซียว ขอบคุณท่านเซียว ขอบคุณแม่นางเมื่อวานนี้ด้วย”

เซียวเถี่ยเฟิงไม่ประหลาดใจสักนิด

เขารู้อยู่แล้วว่าปีศาจสาวของเขาจะต้องช่วยคนได้

“ข้าเคยบอกแล้วว่านางเป็นภรรยาของข้า”

ไม่ใช่แม่นางอะไรเสียหน่อย

สองสามีภรรยาชะงักไปวูบหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “ใช่ๆ ที่แท้ก็เป็นฮูหยินเซียว พวกข้าผิดไปแล้ว ขออภัยท่านเซียวกับฮูหยินเซียวด้วย!”

ท่านหมอฉางขยับเข้ามาบ้าง “ไม่ทราบว่าฮูหยินของท่านอยู่หรือไม่? วันนี้ข้าไปตรวจดูบาดแผลของเด็ก วิชาแพทย์ของฮูหยินท่านช่างสูงส่งยิ่งนัก ข้าเป็นหมอมาสิบกว่าปี ไม่เคยเห็นวิธีรักษาเช่นนี้มาก่อน รู้สึกเลื่อมใสเหลือเกิน! หวังว่าจะมีโอกาสได้คารวะฮูหยินของท่านเพื่อขอคำชี้แนะสักครั้ง”

ยามนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมหรือคนที่เดินผ่านไปมาด้านนอกต่างก็พอจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนท้องถนนเมื่อวานด้วยกันทั้งสิ้น พวกเขาจึงพากันชะโงกหน้ามาดู

ทุกคนเริ่มส่งเสียงซุบซิบกัน “นี่คือเซียวเถี่ยเฟิงแห่งเขาเว่ยอวิ๋น เมื่อวานเขาเป็นคนช่วยเด็กตระกูลหวังเอาไว้ เมียของเขาก็เป็นคนรักษาอาการบาดเจ็บของเด็กตระกูลจาง”

“คนที่ใช้เข็มเย็บผ้าเย็บแผลน่ะหรือ?”

“ใช่ๆๆ คนนั้นล่ะ ตอนนั้นข้าก็อยู่ในเหตุการณ์ เห็นแล้วหวาดเสียวเป็นบ้า! แต่ได้ยินมาว่าวันนี้ท่านหมอฉางไปตรวจดูแล้ว บอกว่ารักษาได้ดีมาก ต่อให้ท่านเป็นคนรักษาเองก็อาจทำได้ไม่ดีเท่าฮูหยินท่านนั้น เห็นไหม แม้กระทั่งท่านหมอฉางก็ยังมาคำนับฮูหยินท่านนั้นด้วยเลย”

“จุ๊ๆๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาเว่ยอวิ๋นจะมีหมอเทวดาแบบนี้อยู่ด้วย!”

“วันนี้เจ้าพูดแบบนี้ เมื่อวานใครกันที่เอาแต่ส่ายหน้าแล้วพูดว่านางเห็นชีวิตเด็กเป็นเรื่องล้อเล่น?”

“ฮ่าๆๆ ข้าเองๆ ก็ข้ามันไม่รู้ความนี่นา!”

ในตอนนั้นเอง กู้จิ้งซึ่งอยู่ในห้องกำลังตบเข่าฉาด ในที่สุดเธอก็คิดออกแล้วว่าเคยเห็นตัวอักษรคำว่าเซียวเถี่ยเฟิงมาจากที่ไหน!

หญิงสาวไม่มีเวลามาสนใจอะไรอีก เธอรีบลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอกเพราะอยากจะไปพิจารณาดูใบหน้าของเซียวเถี่ยเฟิงอีกสักรอบ แต่คิดไม่ถึงว่าพอก้าวออกไปกลับถูกผู้คนมองมาด้วยสายตาเคารพเลื่อมใส

“ดูสิ นี่ก็คือฮูหยินเซียวท่านนั้นอย่างไรเล่า!”

“อายุยังน้อย ไม่คิดเลยว่าจะมีวิชาแพทย์สูงส่งเช่นนี้!”

ดวงตาของท่านหมอฉางเปล่งประกายระยิบระยับ “ฮูหยินเซียว ได้ยินชื่อมานาน ข้าขอคารวะ!”

สายตาเคารพเลื่อมใสของทุกคนทำให้กู้จิ้งถึงกับตะลึงงัน เธอหันไปมองเซียวเถี่ยเฟิงด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ

เซียวเถี่ยเฟิงคว้ามือเธอไปกุมเอาไว้พลางกล่าวกับท่านหมอฉางว่า “ข้าได้ยินชื่อร้านเป่าอันถังของท่านหมอฉางมานานแล้ว ท่านช่วยเหลือผู้คน รักษาคนยากคนจน นับได้ว่าเป็นแบบอย่างของผู้ที่มีใจเมตตากรุณาอย่างแท้จริง เซียวเถี่ยเฟิงรู้สึกเลื่อมใสนัก ภรรยาของข้ารู้วิชาแพทย์เล็กน้อย ที่ได้ช่วยเด็กคนนั้นก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญ ฝีมือเล็กน้อยจะกล้าโอ้อวดต่อหน้าท่านหมอฉางได้อย่างไร”

ท่านหมอฉางมองกู้จิ้งด้วยสายตางุนงง

เซียวเถี่ยเฟิงเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย “ภรรยาของข้าเป็นคนต่างถิ่น นางยังพูดภาษาถิ่นของเราได้ไม่คล่องนัก”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ไยท่านเซียวต้องถ่อมตัวเช่นนี้ด้วย ข้ารู้สึกเลื่อมใสวิชาแพทย์ของฮูหยินท่านยิ่งนัก หากมีโอกาสก็อยากขอคำชี้แนะจากฮูหยินสักครั้ง”

คนฆ่าสัตว์แซ่จางขยับเข้ามาบ้าง “ท่านเซียว ข้าเป็นคนหยาบกร้าน ไม่รู้จักพูดจาอ้อมค้อม วันนี้ข้าขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าตระกูลจางเราไม่มีอย่างอื่น แต่มีเนื้อมากมาย หากท่านเซียวกับฮูหยินต้องการเนื้ออะไรก็มาเอาได้ตลอดเวลา รับรองว่ามีให้มากพอแน่!”

เซียวเถี่ยเฟิงยิ้มพลางพยักหน้า “ขอบคุณน้ำใจของท่านจาง ข้าเองก็มีเรื่องอยากจะรบกวน ปกติข้าอยู่บนภูเขาพอจะล่าสัตว์ได้บ้าง หากไม่รังเกียจ ข้าก็อยากจะนำเนื้อที่ล่าได้ไปฝากขายที่ร้านของท่าน อย่างน้อยก็จะได้มีรายได้เล็กๆ น้อยๆ บ้าง”

คนฆ่าสัตว์แซ่จางได้ยินเช่นนี้ก็ตบอกรับคำทันที “นี่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย หากท่านเซียวล่าสัตว์ได้ก็ส่งมาได้เลย มีมากแค่ไหนข้าก็จะรับเอาไว้ทั้งหมด!”

เซียวเถี่ยเฟิงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ต้องขอขอบคุณล่วงหน้าแล้ว”

การค้ารายนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 34 เหมือนได้กินแตงโมเย็นๆ

Now you are reading ข้าจับปีศาจสาวได้ตัวหนึ่ง 天上掉下个美娇娘 Chapter 34 เหมือนได้กินแตงโมเย็นๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สิ่งที่ค้นพบทำให้เขารู้สึกสดชื่นเหมือนได้กินแตงโมเย็นๆ ในฤดูร้อน ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกรักถนอมปีศาจสาวของตนมากยิ่งกว่าเดิม เขาอยากจะกอดนางเอาไว้กับอกตลอดชีวิต อยากมอบไอหยางทั้งหมดที่มีให้กับนาง

ต่อให้ถูกดูดไอหยางจนร่างกายเหือดแห้งแล้วจะทำไม เขาเต็มใจเสียอย่าง

แต่เมื่อเข้าสู่หูของกู้จิ้ง ความหมายของคำพูดนี้กลับกลายเป็นอย่างอื่น เธอหัวเราะพรืด

“ปีศาจน้อย? ปีศาจน้อย? ฮ่าๆๆ!” เดิมเธอยังเขินอายอยู่บ้าง แต่ยามนี้กลับหัวเราะเสียงดังลั่น

หรือนี่จะเป็นคำพูดทำนอง ‘ปีศาจน้อยที่ดีแต่ทำร้ายผู้คน ข้าควรจะทำอย่างไรกับเจ้าดี’ ที่ผู้คนร่ำลือกัน!

เซียวเถี่ยเฟิงเห็นปีศาจสาวในอ้อมอกหัวเราะขึ้นมาก็อดประหลาดใจไม่ได้

กู้จิ้งชี้ตัวเองพลางถามว่า “ข้า ชื่อ?”

เซียวเถี่ยเฟิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มจนใจปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก

เขาเรียกนางในใจว่าปีศาจสาวมาตลอด ไม่เคยรู้เลยว่านางชื่ออะไร

กู้จิ้งส่ายหน้าพลางทอดถอนใจ เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้หนังสือหรือไม่ เขียนให้เขาดูก่อนก็แล้วกัน ว่าแล้วเธอก็ใช้นิ้วเขียนอักษรคำว่า ‘กู้ จิ้ง’ ลงบนฝ่ามือของเขา

โชคดีที่เธอเคยอ่านหนังสือที่เขียนด้วยตัวอักษรจีนตัวเต็มบนชั้นหนังสือของคุณพ่อมาไม่น้อย ดังนั้นจึงพอจะเขียนได้บ้าง แม้จะไม่ถูกต้องทั้งหมดก็เถอะ

เซียวเถี่ยเฟิงมองดูปีศาจสาวเขียนตัวอักษรลงบนฝ่ามือของเขา แม้ตัวอักษรนั้นจะโย้ไปเย้มา แถมยังอาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่านี่คืออักษรคำว่า ‘กู้ จิ้ง’

เขาอ่านออกเสียงเบาๆ ใจคิดว่าชื่อช่างสมตัวยิ่งนัก ล้วนบริสุทธิ์น่าหลงใหล น้ำเสียงกังวานใสลอยวนอยู่ตรงข้างหู คิดแล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ “ที่แท้เจ้าก็มีชื่อเหมือนกัน”

แต่ไหนแต่ไรมาเขาคิดว่าปีศาจสาวอาศัยอยู่ในป่าลึก อาจจะไม่รู้จักตั้งชื่อให้ตัวเอง

แต่คิดๆ แล้วก็ยิ้มออกมา บางทีปีศาจสาวอาจจะมีพ่อแม่และมีชื่อเหมือนกัน แถมตอนนั้นนางยังร้องไห้เสียอกเสียใจอยู่ในอ้อมอกของเขา ในโลกปีศาจอาจจะไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องของนางอีกแล้วก็เป็นได้

ปีศาจสาวกู้จิ้งได้ยินเช่นนี้ก็แค่นเสียงฮึดฮัดพลางมองเขาด้วยสายตาดูแคลน

เขายิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิม จากนั้นจึงดึงมือเธอไปเขียนชื่อของเขาลงบนฝ่ามือของเธอบ้าง

‘เซียวเถี่ยเฟิง’ หญิงสาวมองดูปลายนิ้วหยาบกร้านเขียนตัวอักษรลงบนฝ่ามือพลางออกเสียงอ่านตาม จากนั้นก็อดงุนงงไม่ได้

ถึงก่อนหน้านี้เธอจะรู้ชื่อของเขา แต่เพราะเสียงอ่านไม่เหมือนกับยุคปัจจุบันเธอก็เลยไม่แน่ใจนัก ที่แท้ก็เป็นตัวอักษรสามตัวนี้เอง

บัดนี้ได้เห็นตัวอักษรสามตัวนี้ เธอกลับรู้สึกคุ้นตาอย่างน่าประหลาด

ราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

เธอเอนกายพิงอกของของเขาพลางมองดูหยาดฝนโปรยปรายที่ด้านนอก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองต้องเคยเห็นชื่อนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง แถมยังน่าจะมีส่วนเกี่ยวพันกับกระดาษที่เก่าจนเหลืองกรอบกับกลุ่มควันที่ลอยวนอยู่รอบด้านอีกด้วย

แต่ทำไมเธอถึงคิดไม่ออกนะ…

ในตอนนั้นเอง ที่ด้านนอกก็มีเสียงพูดคุยดังขึ้น ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงของเถ้าแก่กำลังพูดกับใครบางคน จากนั้นก็มีคนหลายคนเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม คนที่อยู่หน้าสุดคือเถ้าแก่ซึ่งกำลังกางร่มเดินนำคนทั้งกลุ่มเข้ามา

“เป็นที่นี่ขอรับ ท่านเซียวผู้นั้นกับ…กับแม่นางท่านนั้นพักอยู่ที่ห้องนี้ขอรับ”

เพราะสตรีผู้นั้นปล่อยผมยาวสยายจนดูไม่ออกว่าเป็นสตรีที่ออกเรือนแล้วหรือไม่ เขาจึงได้แต่ใช้คำว่าแม่นาง แต่พอพูดออกไปก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องนัก หากเป็นแม่นางจะพักอยู่ร่วมห้องกับบุรุษได้อย่างไร ดูท่าเขาคงจะเรียกผิดเสียแล้ว

คนทั้งกลุ่มเดินตรงมาที่ห้องของกู้จิ้งกับเซียวเถี่ยเฟิง

เซียวเถี่ยเฟิงเห็นเช่นนี้ก็รีบหยิบกางเกงมาสวม จากนั้นก็คว้าเสื้อมาคลุมร่างเอาไว้

“เจ้าค่อยๆ แต่งตัวนะ” ระหว่างที่พูดเขาก็รีบรูดม่านเนื้อหยาบลงมา

กู้จิ้งหลบไปที่หลังม่าน เธอหยิบเสื้อขึ้นมาสวมพลางแอบฟังการเคลื่อนไหวที่ด้านนอก

พวกเขาไม่ได้จงใจพูดช้าๆ คำบางคำเธอจึงฟังไม่ชัดเจนนัก แต่ก็พอจะคาดเดาความหมายได้

ที่แท้ผู้มาก็มีคนฆ่าสัตว์แซ่จางกับภรรยา รวมทั้งญาติๆ นอกจากนี้ยังดูเหมือนจะมีท่านหมอฉางแห่งร้านเป่าอันถังด้วย พวกเขามาเพื่อขอบคุณเซียวเถี่ยเฟิงอย่างนั้นหรือ? ด้วยเหตุนี้เธอจึงค่อยๆ สวมเสื้อผ้าต่อโดยไม่สนใจอะไรมากนัก

 

ที่นอกหน้าต่าง

“เมื่อเช้าท่านหมอฉางไปตรวจดูบาดแผลของลูกข้า ท่านบอกว่าบาดแผลใหญ่มาก หากไม่รักษาให้ดี เกรงว่าจะมีเรื่องยุ่งยากตามมา แต่โชคดีที่ได้รับการรักษาทันท่วงที ลูกของข้าไม่มีไข้สูง นับว่าไม่เป็นอะไรแล้ว! ท่านหมอฉางบอกว่าแม่นางผู้นั้นมีวิชาแพทย์สูงส่งยิ่งนัก ข้าสมควรต้องมาขอบคุณให้มากๆ” เขาเกาศีรษะด้วยท่าทางขัดเขิน “ข้าเป็นคนฆ่าสัตว์หยาบกร้านไม่รู้ความ เมื่อวานล่วงเกินท่านเซียวและแม่นางท่านนั้นไป หวังว่าพวกท่านอย่าได้ถือสา ข้า…ข้าขอโขกศีรษะขอขมา และขอขอบคุณในบุญคุณใหญ่หลวงของพวกท่านด้วย!”

พูดจบเขาก็ดึงภรรยาให้คุกเข่าลงพร้อมกัน

ภรรยาของเขายิ่งซาบซึ้งใจนัก “ท่านเซียว ขอบคุณท่านเซียว ขอบคุณแม่นางเมื่อวานนี้ด้วย”

เซียวเถี่ยเฟิงไม่ประหลาดใจสักนิด

เขารู้อยู่แล้วว่าปีศาจสาวของเขาจะต้องช่วยคนได้

“ข้าเคยบอกแล้วว่านางเป็นภรรยาของข้า”

ไม่ใช่แม่นางอะไรเสียหน่อย

สองสามีภรรยาชะงักไปวูบหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “ใช่ๆ ที่แท้ก็เป็นฮูหยินเซียว พวกข้าผิดไปแล้ว ขออภัยท่านเซียวกับฮูหยินเซียวด้วย!”

ท่านหมอฉางขยับเข้ามาบ้าง “ไม่ทราบว่าฮูหยินของท่านอยู่หรือไม่? วันนี้ข้าไปตรวจดูบาดแผลของเด็ก วิชาแพทย์ของฮูหยินท่านช่างสูงส่งยิ่งนัก ข้าเป็นหมอมาสิบกว่าปี ไม่เคยเห็นวิธีรักษาเช่นนี้มาก่อน รู้สึกเลื่อมใสเหลือเกิน! หวังว่าจะมีโอกาสได้คารวะฮูหยินของท่านเพื่อขอคำชี้แนะสักครั้ง”

ยามนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมหรือคนที่เดินผ่านไปมาด้านนอกต่างก็พอจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนท้องถนนเมื่อวานด้วยกันทั้งสิ้น พวกเขาจึงพากันชะโงกหน้ามาดู

ทุกคนเริ่มส่งเสียงซุบซิบกัน “นี่คือเซียวเถี่ยเฟิงแห่งเขาเว่ยอวิ๋น เมื่อวานเขาเป็นคนช่วยเด็กตระกูลหวังเอาไว้ เมียของเขาก็เป็นคนรักษาอาการบาดเจ็บของเด็กตระกูลจาง”

“คนที่ใช้เข็มเย็บผ้าเย็บแผลน่ะหรือ?”

“ใช่ๆๆ คนนั้นล่ะ ตอนนั้นข้าก็อยู่ในเหตุการณ์ เห็นแล้วหวาดเสียวเป็นบ้า! แต่ได้ยินมาว่าวันนี้ท่านหมอฉางไปตรวจดูแล้ว บอกว่ารักษาได้ดีมาก ต่อให้ท่านเป็นคนรักษาเองก็อาจทำได้ไม่ดีเท่าฮูหยินท่านนั้น เห็นไหม แม้กระทั่งท่านหมอฉางก็ยังมาคำนับฮูหยินท่านนั้นด้วยเลย”

“จุ๊ๆๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาเว่ยอวิ๋นจะมีหมอเทวดาแบบนี้อยู่ด้วย!”

“วันนี้เจ้าพูดแบบนี้ เมื่อวานใครกันที่เอาแต่ส่ายหน้าแล้วพูดว่านางเห็นชีวิตเด็กเป็นเรื่องล้อเล่น?”

“ฮ่าๆๆ ข้าเองๆ ก็ข้ามันไม่รู้ความนี่นา!”

ในตอนนั้นเอง กู้จิ้งซึ่งอยู่ในห้องกำลังตบเข่าฉาด ในที่สุดเธอก็คิดออกแล้วว่าเคยเห็นตัวอักษรคำว่าเซียวเถี่ยเฟิงมาจากที่ไหน!

หญิงสาวไม่มีเวลามาสนใจอะไรอีก เธอรีบลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอกเพราะอยากจะไปพิจารณาดูใบหน้าของเซียวเถี่ยเฟิงอีกสักรอบ แต่คิดไม่ถึงว่าพอก้าวออกไปกลับถูกผู้คนมองมาด้วยสายตาเคารพเลื่อมใส

“ดูสิ นี่ก็คือฮูหยินเซียวท่านนั้นอย่างไรเล่า!”

“อายุยังน้อย ไม่คิดเลยว่าจะมีวิชาแพทย์สูงส่งเช่นนี้!”

ดวงตาของท่านหมอฉางเปล่งประกายระยิบระยับ “ฮูหยินเซียว ได้ยินชื่อมานาน ข้าขอคารวะ!”

สายตาเคารพเลื่อมใสของทุกคนทำให้กู้จิ้งถึงกับตะลึงงัน เธอหันไปมองเซียวเถี่ยเฟิงด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ

เซียวเถี่ยเฟิงคว้ามือเธอไปกุมเอาไว้พลางกล่าวกับท่านหมอฉางว่า “ข้าได้ยินชื่อร้านเป่าอันถังของท่านหมอฉางมานานแล้ว ท่านช่วยเหลือผู้คน รักษาคนยากคนจน นับได้ว่าเป็นแบบอย่างของผู้ที่มีใจเมตตากรุณาอย่างแท้จริง เซียวเถี่ยเฟิงรู้สึกเลื่อมใสนัก ภรรยาของข้ารู้วิชาแพทย์เล็กน้อย ที่ได้ช่วยเด็กคนนั้นก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญ ฝีมือเล็กน้อยจะกล้าโอ้อวดต่อหน้าท่านหมอฉางได้อย่างไร”

ท่านหมอฉางมองกู้จิ้งด้วยสายตางุนงง

เซียวเถี่ยเฟิงเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย “ภรรยาของข้าเป็นคนต่างถิ่น นางยังพูดภาษาถิ่นของเราได้ไม่คล่องนัก”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ไยท่านเซียวต้องถ่อมตัวเช่นนี้ด้วย ข้ารู้สึกเลื่อมใสวิชาแพทย์ของฮูหยินท่านยิ่งนัก หากมีโอกาสก็อยากขอคำชี้แนะจากฮูหยินสักครั้ง”

คนฆ่าสัตว์แซ่จางขยับเข้ามาบ้าง “ท่านเซียว ข้าเป็นคนหยาบกร้าน ไม่รู้จักพูดจาอ้อมค้อม วันนี้ข้าขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าตระกูลจางเราไม่มีอย่างอื่น แต่มีเนื้อมากมาย หากท่านเซียวกับฮูหยินต้องการเนื้ออะไรก็มาเอาได้ตลอดเวลา รับรองว่ามีให้มากพอแน่!”

เซียวเถี่ยเฟิงยิ้มพลางพยักหน้า “ขอบคุณน้ำใจของท่านจาง ข้าเองก็มีเรื่องอยากจะรบกวน ปกติข้าอยู่บนภูเขาพอจะล่าสัตว์ได้บ้าง หากไม่รังเกียจ ข้าก็อยากจะนำเนื้อที่ล่าได้ไปฝากขายที่ร้านของท่าน อย่างน้อยก็จะได้มีรายได้เล็กๆ น้อยๆ บ้าง”

คนฆ่าสัตว์แซ่จางได้ยินเช่นนี้ก็ตบอกรับคำทันที “นี่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย หากท่านเซียวล่าสัตว์ได้ก็ส่งมาได้เลย มีมากแค่ไหนข้าก็จะรับเอาไว้ทั้งหมด!”

เซียวเถี่ยเฟิงพยักหน้า “เช่นนั้นก็ต้องขอขอบคุณล่วงหน้าแล้ว”

การค้ารายนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+