ซ่างเย่ 14 คุณชายขี้โรคผู้สง่างาม

Now you are reading ซ่างเย่ Chapter 14 คุณชายขี้โรคผู้สง่างาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเข้าไปในเรือนของฟู่จิ่วชิงแล้ว จิ้นเยว่ก็เห็นหมอที่เพิ่งออกมาจากห้องของเขา

"คุณหญิง เร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะ!" ซวงจือเร่งนาง

จิ้นเยว่รีบก้าวเข้าไปยังประตูห้อง กลิ่นของยาฉุนอบอวลลอยมาเตะจมูก และกระจายฟุ้งไปทั่วห้อง

ด้านในห้องมีแสงสลัวๆ เฟอร์นิเจอร์ไม้จันทน์เพียงมิกี่ชิ้นวางตกแต่ง มองไปช่างว่างเปล่า ดูเหมือนมิเหมาะสมกับตำแหน่งคุณชายห้าฟู่จิ่วชิงของเขา

จิ้นเยว่พยายามก้าวเข้ามาด้วยเสียงอันเบา ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงหลับตาสนิท ใบหน้าของเขาไร้เส้นเลือดฝาด

จวินซานเดินออกมาส่งหมอกลับไป จากนั้นกลับมาคารวะจิ้นเยว่

"เกิดอะไรขึ้นกัน?" จิ้นเยว่เอ่ยถามอย่างงุนงง "ก่อนหน้านี้มิใช่ว่าดีๆอยู่หรือ?"

เมื่อวานเขายังกระฉับกระเฉง อีกทั้งกัดนางเข้าเต็มเปา!

"ท่านหมอกล่าวว่ามิมีอะไรร้ายแรงขอรับ เพียงแค่โรคเก่ากำเริบเท่านั้น คุณหญิงมิต้องกังวลไป!" จวินซานกล่าวขึ้นพลางดูแลเขา

จิ้นเยว่อ้าปากขึ้นดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำว่า "เป็นเพราะเรื่องที่ข้าผลักเจ้านายรองใช่หรือไม่?"

จวินซานเงยหน้าขึ้นทันที สีหน้าของเขาสั่นเล็กน้อย

ใช่! นางเดาถูกแล้ว!

"จวินซาน น้ำ……" ฟู่จิ่วชิงลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ อาจเป็นเพราะอาการป่วยของเขาจึงทำให้เสียงดูเบาลง

จิ้นเยว่รู้สึกว่าเสียงนั้นสั่นคลอนและอ่อนแอยิ่ง

จวินซานรินน้ำหนึ่งแก้วและยื่นเข้าไปตรงหัวเตียงแต่กลับถูกจิ้นเยว่คว้ามันไปเสียก่อน "ข้าเอง!"

เมื่อเห็นดังนี้ จวินซานก็โค้งคำนับแล้วออกจากห้องไป

ซวงจือยืนชะเง้อมองอยู่ข้างนอก จวินซานโบกมือให้นาง เป็นความหมายว่าให้นางถอยออกมา

ด้านในเรือน

จิ้นเยว่พยุงฟู่จิ่วชิงขึ้นมาและนำเบาะนุ่มๆวางไว้ข้างหลังเพื่อให้เขาได้พิงสบายขึ้น หลังจากที่นั่งอย่างมั่นคงแล้ว นางก็ยื่นแก้วน้ำให้เขา

แต่ทว่า……

มือของจิ้นเยว่ยื่นออกไปกลางอากาศเป็นเวลานาน ก็มิได้เห็นเขาเอื้อมมือออกมารับไป

สายตาของทั้งสองประสานกัน

หมายความว่าอย่างไร……ให้นางป้อนงั้นหรือ?

แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของจวินซาน จิ้นเยว่รู้สึกละอายใจและมิถือสาผู้นอนป่วย นางขมวดคิ้วแล้วยื่นแก้วไปป้อนให้ฟู่จิ่วชิงดื่ม

"เจ้าถูกลงโทษอย่างไร?" จิ้นเยว่วางแก้วน้ำลง

ท่ามกลางแสงสลัว ฟู่จิ่วชิงนั่งเงียบโดยมิตอบอันใดออกมา เขาเพียงสบตาและจ้องไปที่นาง ในดวงตาดำของเขามีเพียงเงาของแม่นางผู้นั่งอยู่ตรงหน้าครอบคลุมไปทั้งดวง

ลมพัดผ่านหน้าต่าง เงาของแสงเทียนสั่นไหว

เขานำมือขึ้นปิดแนบริมฝีปากและไอออกมาอย่างกลั้นมิได้ ส่งผลให้ไหล่ของเขาสั่นเล็กน้อย

"ข้าจะไปปิดหน้าต่าง" จิ้นเยว่รีบลุกขึ้น

ใจของนางเต็มไปด้วยภาพดวงตาคู่นั้นของเขาเมื่อครู่ หัวใจของนางก็ห่อเหี่ยวราวกับว่านางทำอะไรผิดจริงๆอย่างนั้น

"อีกสองวันก็จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว ร่างกายข้าเป็นเช่นนี้คงมิอาจ……เดินทางไปร่วมงานเลี้ยงตามคำเชิญของท่านเจ้าเมืองได้ แต่เจ้าไปได้" ฟู่จิ่วชิงส่งเสียงไอออกมา

จิ้นเยว่รินน้ำอุ่นอีกแก้วให้แก่เขา จากนั้นกลับไปยังเตียงแล้วนั่งลงยื่นแก้วให้กล่าวว่า "หากเจ้ามิไป แล้วข้าจะไปอย่างไรเล่า? อย่างไรเสียข้าก็เป็นภรรยาของเจ้า หากมิมีเจ้าแล้ว ต่อให้ข้าอยู่ในตระกูลฟู่ก็หาได้มีค่าอันใดไม่"

ทันทีที่นางเอ่ยออกมา ขนตาของฟู่จิ่วชิงก็สั่นกะพริบ แล้วมองดูนางอย่างมีความหมาย ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำมาจิบไปสองอึกโดยมิเอ่ยอะไรสักคำ

เมื่อเห็นท่าทางเขาอันงุนงงเงอะงะของเขาซึ่งแตกต่างกับท่าทีเย็นชาก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง จิ้นเยว่รู้สึกกังวลเล็กน้อยและเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าผากของเขา "โอ้โห!ร้อนมาก!"

"ทรมานมากหรือไม่?" นางถาม

ฟู่จิ่วชิงคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าตาลอย "ทรมานยิ่งนัก!"

จิ้นเยว่รีบดึงฟูกด้านหลังเขาช่วยให้เอนกายลง จากนั้นนำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำผืนเล็กๆวางลงตรงหน้าผากของเขา "น่าสงสารเสียจริง อายุก็ยังน้อยแต่ร่างกายกลับอ่อนแอเพียงนี้!"

เขากลืนน้ำลายลงคอ ดวงตาของฟู่จิ่วชิงมืดมน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ

จิ้นเยว่ยกแขนเสื้อของนางขึ้นและเปลี่ยนผ้าเช็ดหน้าที่หน้าผากให้เขา

มือขาวราวกับหยกบิดผ้าเช็ดหน้า แล้วมองไปบริเวณริมฝีปาก จมูก คิ้ว และนำผ้าเย็นๆวางลงตรงหน้าผากของเขา

เมื่อแขนของนางอยู่บนแก้มของเขา ซึ่งระยะห่างเช่นนี้ใกล้ชิดกับเขามาก เขาขึงมองเห็นผ้าพันแผลที่แขนของนางและได้กลิ่นหอมจางๆจากผ้าพันแผลนั้น

ขนตาดกหนาสั่นคลอนเล็กน้อย เพื่อซ่อนความรู้สึกผิดภายใต้ดวงตาคู่นั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด