ซ่างเย่ 32 จิ้งจอกเจ้าเล่ห์

Now you are reading ซ่างเย่ Chapter 32 จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้คนกลุ่มหนึ่งยืนเบียดกันอยู่ในลานแล้วจ้องมองตรงมาที่นาง

จิ้นเยว่รีบเลิกคิ้วและมองดูตัวเอง ดูเหมือนว่าเสื้อผ้านี้มิค่อยสวยงามนัก แม้ฟู่จิ่วชิงจะมองนางเช่นนี้ก็มิเป็นไร แต่เหตุใดทุกคนจึงได้เป็นเช่นนี้?

"เสื้อผ้าของข้าชุดนี้ ดูมิดีจริงหรือ?" จิ้นเยว่หันศีรษะถามซวงจือ

สีหน้าของซวงจือดูซีดเซียวลงเล็กน้อย "คุณหญิงเจ้าคะ พวกเขา……"

พวกเขาแหวกทางออก กู้รั่วลี้คลุมผ้าคลุมไหล่ของตนและยืนอย่างอ่อนแออยู่ในลานบ้าน ใบหน้าอันซีดเซียวของนางมิมีสีของเลือดแม้แต่น้อย ดวงตาอันสวยงามของนางดูเหมือนจะมีน้ำตา ดูช่างน่าสงสารนัก ดูเหมือนว่านางจะถูกรังแก

"คุณหญิงห้าเจ้าคะ" กู้รั่วลี้ยังคงยืนอยู่ที่นั่น ร่างกายของนางสั่นเล็กน้อยเมื่อถูกลมพัด

บ่าวสาวรับใช้รีบวิ่งไปกอดนาง และเอ่ยเบาๆว่า "เหนียงเหนียงเพคะ ท่านยังป่วยอยู่ มิควรออกมาตากอากาศเยี่ยงนี้"

"ข้ามิเป็นไร!" กู้รั่วลี้เผยอริมฝีปากของนางขึ้นและมองไปที่จิ้นเยว่อย่างอ่อนโยน "เมื่อคืนนี้ขอขอบคุณคุณหญิงห้าเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการช่วยชีวิตข้าเอาไว้!"

จิ้นเยว่เดินลงบันไดเพื่อคำนับ "พระชายารองทรงเกรงใจมากไปแล้วเพคะ เรื่องการช่วยผู้คนให้พ้นจากอันตรายเช่นนี้ มิจำเป็นต้องกล่าวคำขอบคุณ!"

จู่ๆกู้รั่วลี้ก้าวไปข้างหน้าและจับมือจิ้นเยว่ไว้ "คุณหญิงห้า เนื่องจากเจ้าช่วยข้าไว้ในครั้งนี้ข้าจึงได้ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ สู้เราสองมาเคารพนับถือกันเช่นพี่น้องดีหรือไม่?"

"พระชายารอง……" จิ้นเยว่รีบดึงมือของนางออก "ตัวตนของจิ้นเยว่ต่ำต้อยนัก มิสามารถปีนขึ้นไปสูงได้เช่นนั้นเพคะ"

"เจ้าปฏิเสธที่จะตกลงกับข้างั้นหรือ?" น้ำเสียงของกู้รั่วลี้เหมือนกับจะร้องไห้ "พี่สาว……"

จิ้นเยว่อ้าปากค้าง นางปฏิเสธไปแล้วแท้ๆ กลับมาเรียกนางว่าพี่สาวอีก??

"คุณหญิงเจ้าคะ!" ซวงจือรีบก้าวไปข้างหน้า "ข้างนอกเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ!"

หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หัวใจของจิ้นเยว่สั่นคลอน "เกิดอันใดขึ้นงั้นหรือ?"

มิใช่เพียงเกิดเรื่อง แต่เป็นเรื่องใหญ่ร้ายแรงเสียด้วย!

เมื่อวิ่งออกไปจากเรือนซ่างอี๋ จิ้นเยว่จึงได้ตระหนักว่าทหารได้ล้อมจวนฟู่ไว้ทั้งหมดแล้ว คนในตระกูลฟู่ทั้งหมดถูกจับกุมตัว ข้อกล่าวหาคือการลอบสังหารเมื่อคืนนี้

ตอนนี้คนทั้งหมดถูกขังอยู่ในเรือนขังของหน่วยงานราชการ มิว่านักฆ่านั้นจะเกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่จริงหรือไม่ แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นในตระกูลฟู่ คนในตระกูลฟู่ทุกคนก็น่าสงสัย และมิมีใครหนีไปได้

"พี่สาวมิต้องห่วง ข้าจะพาไปที่ศาลาว่าการ ท่านเจ้าเมืองคงจะเห็นแก่ข้าอยู่บ้าง และให้พี่เข้าพบ" กู้รั่วลี้ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

"ซวงจือ ตามข้ามา" จิ้นเยว่ยกกระโปรงขึ้นและเข้าไปในรถม้า ตอนนี้นางเพียงหวังว่าท่านเจ้าเมืองจะเห็นแก่หน้ากู้รั่วลี้ และปล่อยให้นางไปเข้าเรือนขัง และแน่นอนว่านางมิอาจทิ้งซงจือไว้ได้ เพราะเกรงว่าคนเหล่านี้จะจับนางไปด้วย!

"เจ้าค่ะ!" ซวงจือตอบรับ แต่นางก็รู้สึกอึดอัดในใจ นางรู้สึกว่าพระชายารองมีประสงค์มิดีเท่าไรนัก

คุณหญิงมักใจดีกับผู้อื่นอยู่เสมอ นางมิมีความคิดร้ายใดๆเลย ดังนั้นนางจึงต้องคอยจ้องมองไว้ มิเช่นนั้นคุณหญิงอาจเสียเปรียบได้

ดูเหมือนว่าเฉินเนี่ยงจะเดาได้ว่าพวกนางจะเดินทางมา เขาจึงรออยู่หน้าศาลาว่าการแล้วทำความเคารพกู้รั่วลี้ "พระชายารอง เสด็จมาที่นี่เพื่อเหตุพ่ะย่ะค่ะ? ท่านอ๋องทรงพักผ่อนอยู่ที่เรือนข้างๆ มิทราบว่า……"

"ท่านเฉิน ช่วยเห็นแก่หน้าข้าแล้วให้คุณหญิงห้าเข้าไปพบคนจากจวนฟู่ได้หรือไม่?" น้ำเสียงของกู้รั่วลี้ดูเป็นกังวล ราวกับว่านางเป็นห่วงคนในจวนฟู่จริงๆ

เฉินเนี่ยงคิดอยู่ในใจว่า ท่านอ๋องได้ออกคำสั่งไว้แล้ว สามารถให้คุณหญิงห้าเข้าไปเยี่ยมคนจากจวนฟู่ได้ พระชายารองมิทรงรู้หรืออย่างไร…… แต่เพราะเห็นแก่หน้านาง เขาจึงมิกล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก ได้แต่พยักหน้าอย่างนุ่มนวล "ได้พ่ะย่ะค่ะ! ท่านอาจารย์ พาคุณหญิงห้าเข้าไปเถิด"

"ขอบคุณท่านเฉินมากเจ้าค่ะ!" จิ้นเยว่ก้าวขาออกไป แต่เมื่อเดินไปถึงประตู จิ้นเยว่ก็หันกลับมาอีกครั้งและโค้งคำนับกู้รั่วลี้ "ขอบพระทัยเพคะพระชายารอง!"

กู้รั่วลี้ยิ้มให้ด้วยท่าทางที่อ่อนโยน

มีผู้คนจำนวนมากในเรือนขัง และเพื่อเห็นแก่ที่ผ่านมาเฉินเนี่ยงมีความสัมพันธ์ที่ดีงามต่อตระกูลฟู่ จึงได้จัดบริเวณที่มีแสงสว่างเป็นพิเศษสำหรับคนในตระกูลฟู่

บ่าวรับใช้ชายหญิงถูกแยกกักขัง และเรือนจำอันว่างเปล่าก่อนหน้านี้เต็มในชั่วข้ามคืน

ณ เรือนรับรองด้านข้าง

ซ่งเยี่ยนกำลังนั่งดื่มชาอย่างสบายอารมณ์ เขามิเชื่อว่าหลังจากเกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นแล้ว ตระกูลฟู่จะกล้าเก็บใครเอาไว้!

"องค์ชายเล็กเพคะ!"กู้รั่วลี้กล่าวทักทาย

ซ่งเยี่ยนตอบรับเบาๆ เมื่อเขาลืมตาขึ้นเพื่อมองนาง สายตาของเขาเอียงไปเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังมองไปยังข้างหลังของนาง แต่เขาก็หลับตาลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขามืดมนในทันที

กู้รั่วลี้รู้ว่าซ่งเยี่ยนกำลังรอจิ้นเยว่มาขอร้องเขา

ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง กู้รั่วลี้เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า "คุณหญิงห้าเป็นกังวลเรื่องคุณชายห้ายิ่ง นางรีบเดินทางไปเยี่ยมคุณชายห้าจึงได้เข้าไปในเรือนขัง คาดว่านางคงเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณชายห้า เมื่อนางครุ่นคิดดีแล้ว คาดว่านางคงจะมาขอร้องท่านแน่"

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หัวใจของจิ้นเยว่เต็มไปด้วยตระกูลฟู่

"ตระกูลฟู่! ตระกูลฟู่! อะไรก็ตระกูลฟู่!" ซ่งเยี่ยนทุบถ้วยลงกับพื้นอย่างเย็นชา "ตระกูลฟู่มีดีอย่างไรกัน? เป็นแค่พ่อค้าเท่านั้น! เหอะๆ! พวกชาวนาพ่อค้าจัดอยู่อันดับล่างๆด้วยซ้ำไป แตกต่างอันใดจากชาวบ้านธรรมดากัน?"

เมื่อรู้ว่าซ่งเยี่ยนโกรธ กู้รั่วลี้ก็ก้มหน้าลงและไอออกมาเบาๆ

"ร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" ซ่งเยี่ยนพยายามระงับความโกรธในใจของเขา แม้จะเป็นการไถ่ถามถึงความห่วงใย แต่เมื่อออกมาจากปากของเขากลับกลายเป็นความเยือกเย็น

"ขอบพระทัยสำหรับความห่วงใยขององค์ชายเล็กเพคะ แต่หม่อมฉันมิเป็นอะไร เพียงแค่เป็นหวัดเท่านั้น แต่ก็เกรงว่าจะลามไปติดองค์ชายเล็กด้วย ดังนั้นหม่อมฉันจึงมิกล้าเข้าใกล้มากเกินไป ได้โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วย!" กู้รั่วลี้มิได้เข้าไปใกล้จริงๆ เพียงยืนเงียบๆอยู่ตรงนั้น

ท่ามกลางแสงสลัว ความงามที่อ่อนโยน รอยยิ้มที่ริมฝีปากและความเสน่หาในดวงตาของนาง

ซ่งเยี่ยนคิดอยู่ในใจว่า ตอนแรกเขามิได้ชื่นชอบความอ่อนโยนเช่นนี้หรอกหรือ? เหตุใดบัดนี้รู้สึกว่าบางอย่างแตกต่างไปจากเดิม นางเปลี่ยนไป หรือใจเขากันแน่ที่เปลี่ยน ตัวเขาเองก็บอกมิได้

"จงรักษาสุขภาพให้ดี อย่าออกมาตากลมบ่อยนัก" ซ่งเยี่ยนเอ่ยอย่างเป็นกันเอง

"เพคะ!"กู้รั่วลี้ก้มศีรษะลง มองไปแล้วช่างมีกิริยามารยาทงดงาม

เฉิงหนานสั่งให้คนนำถ้วยชามาใหม่ แล้วเก็บกวาดเศษถ้วยเดิมที่แตกกระจายจนเรียบร้อย

จิตใจเขาสงบลงบ้างเล็กน้อย เมื่อเฉิงหนานนำบ่าวรับใช้จากไป ซ่งเยี่ยนก็จิบชาจากถ้วยแล้วเอ่ยถามอย่างเป็นกันเองว่า "นางเอ่ยอันใดอีก?"

"พี่สาวเพียงถามเกี่ยวกับตระกูลฟู่ ส่วนเรื่องอื่นๆ……" กู้รั่วลี้กัดริมฝีปากล่างของนาง

มิมีคำอื่นใดรวมถึงชื่อเขา ซ่งเยี่ยน!

ถ้วยน้ำชาของซ่งเยี่ยนถูกวางลงบนโต๊ะอย่างแรง ใบหน้าของเขามืดมนมาก แต่นางกลับอารมณ์ดี

จากภายในสู่ภายนอก เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!

"รั่วลี้รู้สึกละอายใจเหลือเกิน เรื่องนี้มิควรโทษพี่สาว" กู้รั่วลี้กะพริบตาของนางและร้องไห้ออกมา "องค์ชายเล็กเพคะ พี่สาวคงอาจต้องการตัดขาดเรื่องราวจากเมื่อก่อน ดังนั้นนางจึง……"

"ตัดขาดงั้นหรือ!?" ซ่งเยี่ยนกัดฟันกรอดๆ ดวงตาของเขาแดงก่ำ "นางมีคุณสมบัติอะไรทำเช่นนี้? จะตัดขาดก็ทำได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ? ข้าออกตามหานางมาถึงสองปี แต่บัดนี้นางกลับหันหลังให้แล้วไปสมรสกับผู้อื่น! เหอะๆ คำใดๆที่นางเคยเอ่ยไว้ นางลืมมันไปหมดแล้วงั้นหรือ?"

กู้รั่วลี้คุกเข่าและเช็ดน้ำตาของนางอย่างเงียบๆ "องค์ชายเล็กโปรดอย่าพิโรธเพคะ บางทีพี่สาวอาจยังโกรธอยู่!"

คำว่าโกรธนี้ทำให้ความโมโหของซ่งเยี่ยนหายไปทันที มิมีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่จิ้นเยว่จะถูกปิดล้อม แต่มีข่าวลือว่าหลังจากที่โจรภูเขาจับกองทัพทหารหญิงเอาไว้……พวกมันก็มิได้ปล่อยใครออกมา!

ซ่งเยี่ยนกลับไปนั่งเงียบๆ แต่สีหน้าของเขายังคงมืดมน แต่มิได้เอ่ยคำใดๆออกมาอีก

ยังมิทันได้เดินเข้าไปในเรือนขัง จิ้นเยว่ก็ได้ยินเสียงไออันคุ้นเคย และอดมิได้ที่จะเร่งฝีเท้าของนางเข้าไป

"ฟู่จิ่วชิง!"จิ้นเยว่กระโดดไปที่ประตูห้องขัง

คนที่นางพบเห็นเป็นคนแรกมิใช่ฟู่จิ่วชิง แต่เป็นฟู่ตงเป่าที่แสนโง่เขลา

"โอ้! น้องสะใภ้ห้า! น้องสะใภ้ห้ามาเยี่ยมพวกเราแล้ว!" ฟู่ตงเป่าปรบมือขึ้นอย่างแรงแล้วยิ้มอย่างมีความสุข

ฟู่หยุนเจี๋ยและฟู่หยุนเซียวต่างก็ตกตะลึง "เหตุใดเจ้าจึงมิถูกจับ?"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ซ่างเย่ 32 จิ้งจอกเจ้าเล่ห์

Now you are reading ซ่างเย่ Chapter 32 จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้คนกลุ่มหนึ่งยืนเบียดกันอยู่ในลานแล้วจ้องมองตรงมาที่นาง

จิ้นเยว่รีบเลิกคิ้วและมองดูตัวเอง ดูเหมือนว่าเสื้อผ้านี้มิค่อยสวยงามนัก แม้ฟู่จิ่วชิงจะมองนางเช่นนี้ก็มิเป็นไร แต่เหตุใดทุกคนจึงได้เป็นเช่นนี้?

"เสื้อผ้าของข้าชุดนี้ ดูมิดีจริงหรือ?" จิ้นเยว่หันศีรษะถามซวงจือ

สีหน้าของซวงจือดูซีดเซียวลงเล็กน้อย "คุณหญิงเจ้าคะ พวกเขา……"

พวกเขาแหวกทางออก กู้รั่วลี้คลุมผ้าคลุมไหล่ของตนและยืนอย่างอ่อนแออยู่ในลานบ้าน ใบหน้าอันซีดเซียวของนางมิมีสีของเลือดแม้แต่น้อย ดวงตาอันสวยงามของนางดูเหมือนจะมีน้ำตา ดูช่างน่าสงสารนัก ดูเหมือนว่านางจะถูกรังแก

"คุณหญิงห้าเจ้าคะ" กู้รั่วลี้ยังคงยืนอยู่ที่นั่น ร่างกายของนางสั่นเล็กน้อยเมื่อถูกลมพัด

บ่าวสาวรับใช้รีบวิ่งไปกอดนาง และเอ่ยเบาๆว่า "เหนียงเหนียงเพคะ ท่านยังป่วยอยู่ มิควรออกมาตากอากาศเยี่ยงนี้"

"ข้ามิเป็นไร!" กู้รั่วลี้เผยอริมฝีปากของนางขึ้นและมองไปที่จิ้นเยว่อย่างอ่อนโยน "เมื่อคืนนี้ขอขอบคุณคุณหญิงห้าเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการช่วยชีวิตข้าเอาไว้!"

จิ้นเยว่เดินลงบันไดเพื่อคำนับ "พระชายารองทรงเกรงใจมากไปแล้วเพคะ เรื่องการช่วยผู้คนให้พ้นจากอันตรายเช่นนี้ มิจำเป็นต้องกล่าวคำขอบคุณ!"

จู่ๆกู้รั่วลี้ก้าวไปข้างหน้าและจับมือจิ้นเยว่ไว้ "คุณหญิงห้า เนื่องจากเจ้าช่วยข้าไว้ในครั้งนี้ข้าจึงได้ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ สู้เราสองมาเคารพนับถือกันเช่นพี่น้องดีหรือไม่?"

"พระชายารอง……" จิ้นเยว่รีบดึงมือของนางออก "ตัวตนของจิ้นเยว่ต่ำต้อยนัก มิสามารถปีนขึ้นไปสูงได้เช่นนั้นเพคะ"

"เจ้าปฏิเสธที่จะตกลงกับข้างั้นหรือ?" น้ำเสียงของกู้รั่วลี้เหมือนกับจะร้องไห้ "พี่สาว……"

จิ้นเยว่อ้าปากค้าง นางปฏิเสธไปแล้วแท้ๆ กลับมาเรียกนางว่าพี่สาวอีก??

"คุณหญิงเจ้าคะ!" ซวงจือรีบก้าวไปข้างหน้า "ข้างนอกเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ!"

หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หัวใจของจิ้นเยว่สั่นคลอน "เกิดอันใดขึ้นงั้นหรือ?"

มิใช่เพียงเกิดเรื่อง แต่เป็นเรื่องใหญ่ร้ายแรงเสียด้วย!

เมื่อวิ่งออกไปจากเรือนซ่างอี๋ จิ้นเยว่จึงได้ตระหนักว่าทหารได้ล้อมจวนฟู่ไว้ทั้งหมดแล้ว คนในตระกูลฟู่ทั้งหมดถูกจับกุมตัว ข้อกล่าวหาคือการลอบสังหารเมื่อคืนนี้

ตอนนี้คนทั้งหมดถูกขังอยู่ในเรือนขังของหน่วยงานราชการ มิว่านักฆ่านั้นจะเกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่จริงหรือไม่ แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นในตระกูลฟู่ คนในตระกูลฟู่ทุกคนก็น่าสงสัย และมิมีใครหนีไปได้

"พี่สาวมิต้องห่วง ข้าจะพาไปที่ศาลาว่าการ ท่านเจ้าเมืองคงจะเห็นแก่ข้าอยู่บ้าง และให้พี่เข้าพบ" กู้รั่วลี้ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

"ซวงจือ ตามข้ามา" จิ้นเยว่ยกกระโปรงขึ้นและเข้าไปในรถม้า ตอนนี้นางเพียงหวังว่าท่านเจ้าเมืองจะเห็นแก่หน้ากู้รั่วลี้ และปล่อยให้นางไปเข้าเรือนขัง และแน่นอนว่านางมิอาจทิ้งซงจือไว้ได้ เพราะเกรงว่าคนเหล่านี้จะจับนางไปด้วย!

"เจ้าค่ะ!" ซวงจือตอบรับ แต่นางก็รู้สึกอึดอัดในใจ นางรู้สึกว่าพระชายารองมีประสงค์มิดีเท่าไรนัก

คุณหญิงมักใจดีกับผู้อื่นอยู่เสมอ นางมิมีความคิดร้ายใดๆเลย ดังนั้นนางจึงต้องคอยจ้องมองไว้ มิเช่นนั้นคุณหญิงอาจเสียเปรียบได้

ดูเหมือนว่าเฉินเนี่ยงจะเดาได้ว่าพวกนางจะเดินทางมา เขาจึงรออยู่หน้าศาลาว่าการแล้วทำความเคารพกู้รั่วลี้ "พระชายารอง เสด็จมาที่นี่เพื่อเหตุพ่ะย่ะค่ะ? ท่านอ๋องทรงพักผ่อนอยู่ที่เรือนข้างๆ มิทราบว่า……"

"ท่านเฉิน ช่วยเห็นแก่หน้าข้าแล้วให้คุณหญิงห้าเข้าไปพบคนจากจวนฟู่ได้หรือไม่?" น้ำเสียงของกู้รั่วลี้ดูเป็นกังวล ราวกับว่านางเป็นห่วงคนในจวนฟู่จริงๆ

เฉินเนี่ยงคิดอยู่ในใจว่า ท่านอ๋องได้ออกคำสั่งไว้แล้ว สามารถให้คุณหญิงห้าเข้าไปเยี่ยมคนจากจวนฟู่ได้ พระชายารองมิทรงรู้หรืออย่างไร…… แต่เพราะเห็นแก่หน้านาง เขาจึงมิกล้าเอ่ยอะไรออกมาอีก ได้แต่พยักหน้าอย่างนุ่มนวล "ได้พ่ะย่ะค่ะ! ท่านอาจารย์ พาคุณหญิงห้าเข้าไปเถิด"

"ขอบคุณท่านเฉินมากเจ้าค่ะ!" จิ้นเยว่ก้าวขาออกไป แต่เมื่อเดินไปถึงประตู จิ้นเยว่ก็หันกลับมาอีกครั้งและโค้งคำนับกู้รั่วลี้ "ขอบพระทัยเพคะพระชายารอง!"

กู้รั่วลี้ยิ้มให้ด้วยท่าทางที่อ่อนโยน

มีผู้คนจำนวนมากในเรือนขัง และเพื่อเห็นแก่ที่ผ่านมาเฉินเนี่ยงมีความสัมพันธ์ที่ดีงามต่อตระกูลฟู่ จึงได้จัดบริเวณที่มีแสงสว่างเป็นพิเศษสำหรับคนในตระกูลฟู่

บ่าวรับใช้ชายหญิงถูกแยกกักขัง และเรือนจำอันว่างเปล่าก่อนหน้านี้เต็มในชั่วข้ามคืน

ณ เรือนรับรองด้านข้าง

ซ่งเยี่ยนกำลังนั่งดื่มชาอย่างสบายอารมณ์ เขามิเชื่อว่าหลังจากเกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นแล้ว ตระกูลฟู่จะกล้าเก็บใครเอาไว้!

"องค์ชายเล็กเพคะ!"กู้รั่วลี้กล่าวทักทาย

ซ่งเยี่ยนตอบรับเบาๆ เมื่อเขาลืมตาขึ้นเพื่อมองนาง สายตาของเขาเอียงไปเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังมองไปยังข้างหลังของนาง แต่เขาก็หลับตาลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขามืดมนในทันที

กู้รั่วลี้รู้ว่าซ่งเยี่ยนกำลังรอจิ้นเยว่มาขอร้องเขา

ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง กู้รั่วลี้เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า "คุณหญิงห้าเป็นกังวลเรื่องคุณชายห้ายิ่ง นางรีบเดินทางไปเยี่ยมคุณชายห้าจึงได้เข้าไปในเรือนขัง คาดว่านางคงเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณชายห้า เมื่อนางครุ่นคิดดีแล้ว คาดว่านางคงจะมาขอร้องท่านแน่"

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หัวใจของจิ้นเยว่เต็มไปด้วยตระกูลฟู่

"ตระกูลฟู่! ตระกูลฟู่! อะไรก็ตระกูลฟู่!" ซ่งเยี่ยนทุบถ้วยลงกับพื้นอย่างเย็นชา "ตระกูลฟู่มีดีอย่างไรกัน? เป็นแค่พ่อค้าเท่านั้น! เหอะๆ! พวกชาวนาพ่อค้าจัดอยู่อันดับล่างๆด้วยซ้ำไป แตกต่างอันใดจากชาวบ้านธรรมดากัน?"

เมื่อรู้ว่าซ่งเยี่ยนโกรธ กู้รั่วลี้ก็ก้มหน้าลงและไอออกมาเบาๆ

"ร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" ซ่งเยี่ยนพยายามระงับความโกรธในใจของเขา แม้จะเป็นการไถ่ถามถึงความห่วงใย แต่เมื่อออกมาจากปากของเขากลับกลายเป็นความเยือกเย็น

"ขอบพระทัยสำหรับความห่วงใยขององค์ชายเล็กเพคะ แต่หม่อมฉันมิเป็นอะไร เพียงแค่เป็นหวัดเท่านั้น แต่ก็เกรงว่าจะลามไปติดองค์ชายเล็กด้วย ดังนั้นหม่อมฉันจึงมิกล้าเข้าใกล้มากเกินไป ได้โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วย!" กู้รั่วลี้มิได้เข้าไปใกล้จริงๆ เพียงยืนเงียบๆอยู่ตรงนั้น

ท่ามกลางแสงสลัว ความงามที่อ่อนโยน รอยยิ้มที่ริมฝีปากและความเสน่หาในดวงตาของนาง

ซ่งเยี่ยนคิดอยู่ในใจว่า ตอนแรกเขามิได้ชื่นชอบความอ่อนโยนเช่นนี้หรอกหรือ? เหตุใดบัดนี้รู้สึกว่าบางอย่างแตกต่างไปจากเดิม นางเปลี่ยนไป หรือใจเขากันแน่ที่เปลี่ยน ตัวเขาเองก็บอกมิได้

"จงรักษาสุขภาพให้ดี อย่าออกมาตากลมบ่อยนัก" ซ่งเยี่ยนเอ่ยอย่างเป็นกันเอง

"เพคะ!"กู้รั่วลี้ก้มศีรษะลง มองไปแล้วช่างมีกิริยามารยาทงดงาม

เฉิงหนานสั่งให้คนนำถ้วยชามาใหม่ แล้วเก็บกวาดเศษถ้วยเดิมที่แตกกระจายจนเรียบร้อย

จิตใจเขาสงบลงบ้างเล็กน้อย เมื่อเฉิงหนานนำบ่าวรับใช้จากไป ซ่งเยี่ยนก็จิบชาจากถ้วยแล้วเอ่ยถามอย่างเป็นกันเองว่า "นางเอ่ยอันใดอีก?"

"พี่สาวเพียงถามเกี่ยวกับตระกูลฟู่ ส่วนเรื่องอื่นๆ……" กู้รั่วลี้กัดริมฝีปากล่างของนาง

มิมีคำอื่นใดรวมถึงชื่อเขา ซ่งเยี่ยน!

ถ้วยน้ำชาของซ่งเยี่ยนถูกวางลงบนโต๊ะอย่างแรง ใบหน้าของเขามืดมนมาก แต่นางกลับอารมณ์ดี

จากภายในสู่ภายนอก เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!

"รั่วลี้รู้สึกละอายใจเหลือเกิน เรื่องนี้มิควรโทษพี่สาว" กู้รั่วลี้กะพริบตาของนางและร้องไห้ออกมา "องค์ชายเล็กเพคะ พี่สาวคงอาจต้องการตัดขาดเรื่องราวจากเมื่อก่อน ดังนั้นนางจึง……"

"ตัดขาดงั้นหรือ!?" ซ่งเยี่ยนกัดฟันกรอดๆ ดวงตาของเขาแดงก่ำ "นางมีคุณสมบัติอะไรทำเช่นนี้? จะตัดขาดก็ทำได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ? ข้าออกตามหานางมาถึงสองปี แต่บัดนี้นางกลับหันหลังให้แล้วไปสมรสกับผู้อื่น! เหอะๆ คำใดๆที่นางเคยเอ่ยไว้ นางลืมมันไปหมดแล้วงั้นหรือ?"

กู้รั่วลี้คุกเข่าและเช็ดน้ำตาของนางอย่างเงียบๆ "องค์ชายเล็กโปรดอย่าพิโรธเพคะ บางทีพี่สาวอาจยังโกรธอยู่!"

คำว่าโกรธนี้ทำให้ความโมโหของซ่งเยี่ยนหายไปทันที มิมีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่จิ้นเยว่จะถูกปิดล้อม แต่มีข่าวลือว่าหลังจากที่โจรภูเขาจับกองทัพทหารหญิงเอาไว้……พวกมันก็มิได้ปล่อยใครออกมา!

ซ่งเยี่ยนกลับไปนั่งเงียบๆ แต่สีหน้าของเขายังคงมืดมน แต่มิได้เอ่ยคำใดๆออกมาอีก

ยังมิทันได้เดินเข้าไปในเรือนขัง จิ้นเยว่ก็ได้ยินเสียงไออันคุ้นเคย และอดมิได้ที่จะเร่งฝีเท้าของนางเข้าไป

"ฟู่จิ่วชิง!"จิ้นเยว่กระโดดไปที่ประตูห้องขัง

คนที่นางพบเห็นเป็นคนแรกมิใช่ฟู่จิ่วชิง แต่เป็นฟู่ตงเป่าที่แสนโง่เขลา

"โอ้! น้องสะใภ้ห้า! น้องสะใภ้ห้ามาเยี่ยมพวกเราแล้ว!" ฟู่ตงเป่าปรบมือขึ้นอย่างแรงแล้วยิ้มอย่างมีความสุข

ฟู่หยุนเจี๋ยและฟู่หยุนเซียวต่างก็ตกตะลึง "เหตุใดเจ้าจึงมิถูกจับ?"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+