ซ่างเย่ 34 เวลาสามวัน

Now you are reading ซ่างเย่ Chapter 34 เวลาสามวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

รูม่านตาของซ่งเยี่ยนหดตัวลงทันที ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างกะทันหัน มิมีเสียงใดออกมาจากลำคอของเขา

ขนตาของจิ้นเยว่สั่นเทา นางกล่าวออกมาเบาๆว่า "องค์ชายเล็กเพคะ?"

หมายความว่าอย่างไรกันแน่? เห็นด้วย? หรือมิเห็นด้วย?

"สามวันใช่หรือไม่?" ซ่งเยี่ยนได้สติกลับคืนมาแล้วหายใจเข้าเบาๆ

จิ้นเยว่พยักหน้า "สามวันก็เพียงพอเพคะ!"

"เอาล่ะ จงอย่าหาว่าข้ามิให้โอกาสเจ้า ภายในสามวันจักต้องลากคอผู้กระทำความผิดในการลอบสังหารมา มิฉะนั้น ข้าจะเข้าฟ้องร้องต่อศาลและถอนรากถอนโคนตระกูลฟู่จนสิ้น!" ซ่งเยี่ยนหันหลังกลับและขึ้นขี่ม้าของเขา สายตาจ้องเขม็งไปที่นาง "หากเจ้าเปลี่ยนใจ จงมาหาข้า แล้วข้าจะดูแลเจ้าให้ปลอดภัย!"

จิ้นเยว่มิตอบสนองใดๆ ได้แต่ก้มศีรษะคำนับ

ซ่งเยี่ยนเก็บความโมโหเอาไว้ในใจ จากนั้นกำบังเหียน กระตุกแส้ม้าอย่างแรงจนม้าส่งเสียงออกมาอันดังแล้วจากไป

"คุณหญิงเจ้าคะ?" เมื่อเห็นทุกคนถอยกลับไปแล้ว ซวงจือก็หน้าซีดเผือด "ภายในสามวัน เราจะไปหาผู้กระทำผิดได้ที่ใด?ผู้ลอบสังหารเสียเลือดมากจนมิได้สติ พวกเรา พวกเราตายแน่!"

"แม้จะตายแล้ว แต่ศพยังคงอยู่ที่นั่น" จิ้นเยว่เอามือยันพื้นแล้ววลุกขึ้นยืน "ข้ามิเชื่อว่าเมื่อถอนขนมันจนสิ้นแล้ว ยังจะมิพบร่องรอยใดๆ!"

"คุณหญิง เราจะไปไหนกันเจ้าคะ?"

"กลับเรือน!"

"แต่ที่ประตูเต็มไปด้วยทหาร"

"องค์ชายเล็กให้สัญญากับข้าแล้ว ใครกล้าปฏิเสธก็ให้ไปทูลถามองค์ชายเล็กด้วยตนเอง"

ให้ไปถามองค์ชายเล็กงั้นหรือ?

ใครจะกล้ากันเล่า?!

เมื่อกลับมายังจวนฟู่ จิ้นเยว่ก็ได้พาซวงจือไปยังศาลาชิวสุ่ย

"คุณหญิงเจ้าคะ เรามาทำอะไรที่นี่?" ซวงจือรู้สึกเย็นยะเยือก เพราะหลายสิ่งหลายอย่างนี้เริ่มต้นขึ้นมาจากศาลาชิวสุ่ย

"ข้ามาหาใครบางคน!"จิ้นเยว่เดินข้ามศาลาและมุ่งไปยังภูเขาหินจำลอง

ซวงจือตกใจใบหน้าซีดขาว "คน……"

มิมีใครอยู่ที่นี่เลย หรือว่าคุณหญิงสามารถสองเห็น……

เมื่อตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ข้างหลังนาง จิ้นเยว่จึงหยุดลงชั่วคราวและหันไปมองดูนางอย่างช่วยมิได้ "ในหัวเจ้าคิดสิ่งใดอยู่กัน? ข้ามาหาจวินซานต่างหากเล่า โง่จริงเชียว!"

ซวงจือ "……"

ด้านหลังหินนั้น จวินซานก้าวออกมาอย่างช้าๆ ราวกับเขาได้ยินเสียงของจิ้นเยว่

"คุณหญิงขอรับ!" จวินซานคำนับ

ซวงจือประหลาดใจยิ่ง "ทุกคนถูกจับไปหมดแล้ว เหตุใดเจ้า……"

"หลังจากเหตุการณ์นั้น คุณชายก็ได้กำชับให้ข้าน้อยปิดกั้นทางออกทั้งหมดในทันที ต่อมาเมื่อทหารเต้าค้นจวน ข้าน้อยก็ได้ทำตามคำแนะนำของคุณชายและซ่อนตัวอยู่ที่นี่เพื่อรอให้คุณหญิงเดินทางมา" จวินซานอธิบาย

"อืม ช่างสมเป็นจิ้งจอกพันปีเสียจริง"จิ้นเยว่พึมพำแล้วเลิกคิ้วมองจวินซาน "ฟู่จิ่วชิงสั่งให้ข้ามาหาเจ้า โดยบอกว่าเจ้าจะเล่าเบาะแสบางอย่างที่สามารถแก้ปัญหาแก่ตระกูลฟู่ได้"

จวินซานโค้งคำนับ "คุณหญิงเชิญตามข้าน้อยมาขอรับ!"

จิ้นเยว่คาดมิถึงว่ากลุ่มภูเขาจำลองดูเหมือนธรรมดา แต่ถ้ำข้างในนั้นซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน หากมองดูจากภายนอกจะมิเห็นเบาะแสเลยเพราะมีประตูหินอยู่ด้านใน ต้องดันออกก่อนจึงจะเข้าไปได้

แสงจากตะบันไฟค่อนข้างริบหรี่ จิ้นเยว่และซวงจือก้าวเดินด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง พวกนางรู้สึกว่าถ้ำมืดนี้เหมือนกดต่ำลงมา ทำให้หายใจหายคอมิสะดวกนัก

ประตูหินด้านหน้าถูกเปิดออกอีกครั้ง เมื่อแสงส่องเข้ามาทั้งสองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเดินตามหลังจวินซานไปอย่างรวดเร็ว

นี่คือกระท่อมของชาวสวนซึ่งมักจะวางเครื่องใช้ต่างๆเอาไว้ จึงค่อนข้างระเกะระกะ

จวินซานมองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามิมีใครอยู่ใกล้ๆ ก่อนที่จะพาจิ้นเยว่และซวงจือเดินเข้ามา เมื่อดึงกองหญ้าออกก็พบว่ามีชายคนหนึ่งถูกมัดมือและเท้าของเขาไว้ ปากของเขาถูกปิดอยู่ ซึ่งถูกซ่อนไว้อย่างแน่นหนา

"ผู้ใด?" จิ้นเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย

"หลังจากเหตุการณ์นั้น ก็ดักเขาไว้ได้ที่ประตูเล็ก ขณะนั้นเขาดูเป็นกังวล ข้าน้อยยังมิได้เอ่ยถามอันใด เขาก็วิ่งหนีไปเสียแล้ว เมื่อถูกรั้งไว้ได้ ในอ้อมแขนของเขามีของมีค่าอยู่ด้วย เห็นได้ว่ามีการเตรียมตัวมาก่อน" จวินซานดึงถุงเล็กๆออกมาจากด้านหลังกองหญ้าแล้ววางลงบนโต๊ะ

ซวงจือรีบเปิดออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางเบิกกว้าง "เงินมากเช่นนี้เชียวหรือ?"

ทั้งทองและเงินรวมกันได้หลายร้อยตำลึง

"เขาผู้นี้คือทาสของศาลาชิวสุ่ย จากการคำนวณรายได้แต่ละเดือนแล้ว แม้ว่าเขาจะมิกินมิ ก็ยังมิอาจเก็บออมเงินได้มากมายเช่นนี้"จวินซานอธิบาย

จิ้นเยว่ขมวดคิ้วและเหลือบมองซวงจือ

ซวงจือพยักหน้าอีกครั้ง "มิน่ามีเงินมากมายเท่านี้ได้"

"เช่นนั้นคงเป็นคนอื่นให้มา"จิ้นเยว่เหลือบมองชายบนพื้นผู้นั้น "เขาสารภาพความจริงหรือไม่?"

"หาได้ไม่ เขาเพียงให้คนพวกนั้นเข้ามา แล้วก็ดึงดูดความสนใจของคุณชายสี่ไป" สีหน้าของจวินซานมืดมนลงเล็กน้อย

มิน่าแปลกใจเลย แม้ว่าจวินซานจะจับพยานเอาไว้ได้ แต่เขาก็ยังมิกล้าส่งไปยังที่ว่าการอำเภอ เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นในจวนฟู่ หากองค์ชายเล็กมิเชื่อเรื่องนี้ คาดว่าตระกูลฟู่ทั้งตระกูลคงถูกคิดบัญชีแน่

เว้นแต่จะจับผู้อยู่เบื้องหลังได้จริงๆ!

ใครคือผู้ลอบสังหารองค์ชายเล็กกันแน่?

"ผู้ลอบสังหารนั้นเป็นคนใต้บังคับบัญชาขององค์ชายเล็กมิใช่หรอกหรือ?" จิ้นเยว่ทำสีหน้ามิดี "แล้วเหตุใดองค์ชายเล็กจึงมิตรวจสอบด้วยพระองค์เองเล่า?"

"มือสังหารนั้นเข้ามารับใช้องค์ชายเล็กก่อน แล้วจึงทำการฆาตกรรมขึ้นในจวนฟู่" จวินซานลดเสียงลงเอ่ยเบาๆ

จู่ๆนางก็เบิกตาขึ้น จิ้นเยว่จ้องมายังจวินซานด้วยความประหลาดใจ นางมิได้เอ่ยอันใดออกมาเป็นเวลานาน

ซวงจือมิเข้าใจ จึงเอ่ยถามว่า "เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? ก่อนหน้านั้นมิมีโอกาสลงมือหรือ?"

"หึๆ! หาใช่ไม่ เขาจงใจโยนความผิดให้ตระกูลฟู่" จิ้นเยว่กัดฟันกรอด "เรื่องทั้งหมดนี้เพราะมีคนต้องการจัดการตระกูลฟู่"

"จะเป็นผู้ใดกัน?" ซวงจือกัดริมฝีของนาง

ธุรกิจการค้าของตระกูลฟู่นับว่าทำได้ดียิ่ง บางครั้งก็อาจทำให้ใครคนอื่นขุ่นเคือง แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ อีกฝ่ายต้องการยืมมือขององค์ชายเล็กเพื่อจัดการตระกูลฟู่ ให้ตระกูลฟู่ต้องสูญสิ้น……ความเกลียดชังอันรุนแรงเช่นนี้ คาดว่าคงมีเพียงมิกี่คนกระมัง?

"คุณชายของเจ้าได้บอกหรือไม่ว่าเป็นผู้ใด?" จิ้นเยว่ถาม

จวินซานส่ายหัว "คุณชายเอ่ยเพียงว่า ให้คุณหญิงเป็นผู้จัดการทั้งสิ้น!"

จิ้นเยว่ปวดศีรษะขึ้นมาทันใด สมองของนางเต็มไปด้วยท่าทางที่เย้ายวนของจิ้งจอกฟู่เจ้าเล่ห์คนนั้น เขากำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่? ให้นางจัดการทั้งสิ้น? นางมิใช่ทหารหรือขุนนางในเมืองหลวงสักหน่อย!

ตัวเขาอยู่ในเรือนขังแท้ๆ แต่ก็มิลืมที่จะบอกนางว่าให้ไปโอ้อวดตนต่อหน้าซ่งเยี่ยน ขอเวลาสามวันเพื่อที่นางจะได้จัดการ บัดนี้เป็นเช่นไรเล่า นางได้กล่าวไปตามนั้นแล้ว แต่จวินซานกลับให้เบาะแสได้เพียงเท่านี้!

"ศพของผู้ลอบสังหารอยู่ที่ใด?" จิ้นเยว่ถามขึ้น

ซวงจือได้สอบถามไว้ล่วงหน้าแล้ว "อยู่ในที่ว่าการอำเภอเจ้าค่ะ! เดิมทีได้ให้หมอช่วยชีวิตเขาเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังตายในที่สุด ร่างถูกเก็บไว้ในห้องเก็บศพของที่ว่าการอำเภอเพื่อทำการตรวจสอบต่อไปเจ้าค่ะ"

"เจ้าจงอยู่ในเรือนนี้และคอยจับตามองเรื่องของคุณชายสี่ ในเวลานั้นผู้สังหารสวมเสื้อผ้าของคุณชายสี่อยู่ มองดูแล้วเขาต้องเคยเข้าไปในเรือยของคุณชายสี่เป็นแน่ ข้าจะพาซวงจือไปดูที่ที่ว่าการอำเภอ" "จิ้นเยว่สั่ง

จวินซานโค้งคำนับ "คุณหญิงระมัดระวังขอรับ"

จิ้นเยว่รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วและกลับไปเรือนซ่างอี๋ก่อน จากนั้นจึงรวบรวมเงินบางส่วนมาพกติดตัวไว้ หากจำเป็น บางทีเมื่อเข้าประตูที่ว่าการอำเภออาจต้องใช้มัน ต่อมา เมื่อนางเดินทางไปถึงที่ว่าการอำเภอ ก็ได้ยินว่าห้องเก็บศพเกิดเรื่องขึ้นแล้ว

ผู้สังหารเสียเลือดมากและเสียชีวิตในตอนเที่ยงคืน หมอและผู้บันทึกสามารถพิสูจน์ได้ แต่บัดนี้ดวงตาของศพได้หายไป! จากการตรวจสอบอีกครั้งพบว่ามิมีความเสียหายอื่นใดๆกับศพ มีเพียงดวงตาคู่เดียวที่สูญเสียไป

"ดวงตางั้นหรือ?" จิ้นเยว่ยืนอยู่ท่ามกลางแดดร้อน นางรู้สึกว่าดวงอาทิตย์ที่อยู่เหนือศีรษะของนางทำให้รู้สึกตื่นตระหนก

ซวงจือกลืนน้ำลายลงคอ "คุณหญิงเจ้าคะ นี่มันมิโหดร้ายผิดปกติไปหน่อยหรือ?"

"งั้นหรือ?" จิ้นเยว่หันไปมองนาง

ซวงจือพยักหน้าซ้ำๆ "ตายไปแล้วแม้ๆ แต่กลับมิเว้นแม้แต่ดวงตา มิเรียกว่าโหดร้ายแล้วควรเรียกว่าอย่างไรเจ้าคะ?"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ซ่างเย่ 34 เวลาสามวัน

Now you are reading ซ่างเย่ Chapter 34 เวลาสามวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

รูม่านตาของซ่งเยี่ยนหดตัวลงทันที ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างกะทันหัน มิมีเสียงใดออกมาจากลำคอของเขา

ขนตาของจิ้นเยว่สั่นเทา นางกล่าวออกมาเบาๆว่า "องค์ชายเล็กเพคะ?"

หมายความว่าอย่างไรกันแน่? เห็นด้วย? หรือมิเห็นด้วย?

"สามวันใช่หรือไม่?" ซ่งเยี่ยนได้สติกลับคืนมาแล้วหายใจเข้าเบาๆ

จิ้นเยว่พยักหน้า "สามวันก็เพียงพอเพคะ!"

"เอาล่ะ จงอย่าหาว่าข้ามิให้โอกาสเจ้า ภายในสามวันจักต้องลากคอผู้กระทำความผิดในการลอบสังหารมา มิฉะนั้น ข้าจะเข้าฟ้องร้องต่อศาลและถอนรากถอนโคนตระกูลฟู่จนสิ้น!" ซ่งเยี่ยนหันหลังกลับและขึ้นขี่ม้าของเขา สายตาจ้องเขม็งไปที่นาง "หากเจ้าเปลี่ยนใจ จงมาหาข้า แล้วข้าจะดูแลเจ้าให้ปลอดภัย!"

จิ้นเยว่มิตอบสนองใดๆ ได้แต่ก้มศีรษะคำนับ

ซ่งเยี่ยนเก็บความโมโหเอาไว้ในใจ จากนั้นกำบังเหียน กระตุกแส้ม้าอย่างแรงจนม้าส่งเสียงออกมาอันดังแล้วจากไป

"คุณหญิงเจ้าคะ?" เมื่อเห็นทุกคนถอยกลับไปแล้ว ซวงจือก็หน้าซีดเผือด "ภายในสามวัน เราจะไปหาผู้กระทำผิดได้ที่ใด?ผู้ลอบสังหารเสียเลือดมากจนมิได้สติ พวกเรา พวกเราตายแน่!"

"แม้จะตายแล้ว แต่ศพยังคงอยู่ที่นั่น" จิ้นเยว่เอามือยันพื้นแล้ววลุกขึ้นยืน "ข้ามิเชื่อว่าเมื่อถอนขนมันจนสิ้นแล้ว ยังจะมิพบร่องรอยใดๆ!"

"คุณหญิง เราจะไปไหนกันเจ้าคะ?"

"กลับเรือน!"

"แต่ที่ประตูเต็มไปด้วยทหาร"

"องค์ชายเล็กให้สัญญากับข้าแล้ว ใครกล้าปฏิเสธก็ให้ไปทูลถามองค์ชายเล็กด้วยตนเอง"

ให้ไปถามองค์ชายเล็กงั้นหรือ?

ใครจะกล้ากันเล่า?!

เมื่อกลับมายังจวนฟู่ จิ้นเยว่ก็ได้พาซวงจือไปยังศาลาชิวสุ่ย

"คุณหญิงเจ้าคะ เรามาทำอะไรที่นี่?" ซวงจือรู้สึกเย็นยะเยือก เพราะหลายสิ่งหลายอย่างนี้เริ่มต้นขึ้นมาจากศาลาชิวสุ่ย

"ข้ามาหาใครบางคน!"จิ้นเยว่เดินข้ามศาลาและมุ่งไปยังภูเขาหินจำลอง

ซวงจือตกใจใบหน้าซีดขาว "คน……"

มิมีใครอยู่ที่นี่เลย หรือว่าคุณหญิงสามารถสองเห็น……

เมื่อตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่ข้างหลังนาง จิ้นเยว่จึงหยุดลงชั่วคราวและหันไปมองดูนางอย่างช่วยมิได้ "ในหัวเจ้าคิดสิ่งใดอยู่กัน? ข้ามาหาจวินซานต่างหากเล่า โง่จริงเชียว!"

ซวงจือ "……"

ด้านหลังหินนั้น จวินซานก้าวออกมาอย่างช้าๆ ราวกับเขาได้ยินเสียงของจิ้นเยว่

"คุณหญิงขอรับ!" จวินซานคำนับ

ซวงจือประหลาดใจยิ่ง "ทุกคนถูกจับไปหมดแล้ว เหตุใดเจ้า……"

"หลังจากเหตุการณ์นั้น คุณชายก็ได้กำชับให้ข้าน้อยปิดกั้นทางออกทั้งหมดในทันที ต่อมาเมื่อทหารเต้าค้นจวน ข้าน้อยก็ได้ทำตามคำแนะนำของคุณชายและซ่อนตัวอยู่ที่นี่เพื่อรอให้คุณหญิงเดินทางมา" จวินซานอธิบาย

"อืม ช่างสมเป็นจิ้งจอกพันปีเสียจริง"จิ้นเยว่พึมพำแล้วเลิกคิ้วมองจวินซาน "ฟู่จิ่วชิงสั่งให้ข้ามาหาเจ้า โดยบอกว่าเจ้าจะเล่าเบาะแสบางอย่างที่สามารถแก้ปัญหาแก่ตระกูลฟู่ได้"

จวินซานโค้งคำนับ "คุณหญิงเชิญตามข้าน้อยมาขอรับ!"

จิ้นเยว่คาดมิถึงว่ากลุ่มภูเขาจำลองดูเหมือนธรรมดา แต่ถ้ำข้างในนั้นซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน หากมองดูจากภายนอกจะมิเห็นเบาะแสเลยเพราะมีประตูหินอยู่ด้านใน ต้องดันออกก่อนจึงจะเข้าไปได้

แสงจากตะบันไฟค่อนข้างริบหรี่ จิ้นเยว่และซวงจือก้าวเดินด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง พวกนางรู้สึกว่าถ้ำมืดนี้เหมือนกดต่ำลงมา ทำให้หายใจหายคอมิสะดวกนัก

ประตูหินด้านหน้าถูกเปิดออกอีกครั้ง เมื่อแสงส่องเข้ามาทั้งสองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเดินตามหลังจวินซานไปอย่างรวดเร็ว

นี่คือกระท่อมของชาวสวนซึ่งมักจะวางเครื่องใช้ต่างๆเอาไว้ จึงค่อนข้างระเกะระกะ

จวินซานมองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามิมีใครอยู่ใกล้ๆ ก่อนที่จะพาจิ้นเยว่และซวงจือเดินเข้ามา เมื่อดึงกองหญ้าออกก็พบว่ามีชายคนหนึ่งถูกมัดมือและเท้าของเขาไว้ ปากของเขาถูกปิดอยู่ ซึ่งถูกซ่อนไว้อย่างแน่นหนา

"ผู้ใด?" จิ้นเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย

"หลังจากเหตุการณ์นั้น ก็ดักเขาไว้ได้ที่ประตูเล็ก ขณะนั้นเขาดูเป็นกังวล ข้าน้อยยังมิได้เอ่ยถามอันใด เขาก็วิ่งหนีไปเสียแล้ว เมื่อถูกรั้งไว้ได้ ในอ้อมแขนของเขามีของมีค่าอยู่ด้วย เห็นได้ว่ามีการเตรียมตัวมาก่อน" จวินซานดึงถุงเล็กๆออกมาจากด้านหลังกองหญ้าแล้ววางลงบนโต๊ะ

ซวงจือรีบเปิดออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางเบิกกว้าง "เงินมากเช่นนี้เชียวหรือ?"

ทั้งทองและเงินรวมกันได้หลายร้อยตำลึง

"เขาผู้นี้คือทาสของศาลาชิวสุ่ย จากการคำนวณรายได้แต่ละเดือนแล้ว แม้ว่าเขาจะมิกินมิ ก็ยังมิอาจเก็บออมเงินได้มากมายเช่นนี้"จวินซานอธิบาย

จิ้นเยว่ขมวดคิ้วและเหลือบมองซวงจือ

ซวงจือพยักหน้าอีกครั้ง "มิน่ามีเงินมากมายเท่านี้ได้"

"เช่นนั้นคงเป็นคนอื่นให้มา"จิ้นเยว่เหลือบมองชายบนพื้นผู้นั้น "เขาสารภาพความจริงหรือไม่?"

"หาได้ไม่ เขาเพียงให้คนพวกนั้นเข้ามา แล้วก็ดึงดูดความสนใจของคุณชายสี่ไป" สีหน้าของจวินซานมืดมนลงเล็กน้อย

มิน่าแปลกใจเลย แม้ว่าจวินซานจะจับพยานเอาไว้ได้ แต่เขาก็ยังมิกล้าส่งไปยังที่ว่าการอำเภอ เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นในจวนฟู่ หากองค์ชายเล็กมิเชื่อเรื่องนี้ คาดว่าตระกูลฟู่ทั้งตระกูลคงถูกคิดบัญชีแน่

เว้นแต่จะจับผู้อยู่เบื้องหลังได้จริงๆ!

ใครคือผู้ลอบสังหารองค์ชายเล็กกันแน่?

"ผู้ลอบสังหารนั้นเป็นคนใต้บังคับบัญชาขององค์ชายเล็กมิใช่หรอกหรือ?" จิ้นเยว่ทำสีหน้ามิดี "แล้วเหตุใดองค์ชายเล็กจึงมิตรวจสอบด้วยพระองค์เองเล่า?"

"มือสังหารนั้นเข้ามารับใช้องค์ชายเล็กก่อน แล้วจึงทำการฆาตกรรมขึ้นในจวนฟู่" จวินซานลดเสียงลงเอ่ยเบาๆ

จู่ๆนางก็เบิกตาขึ้น จิ้นเยว่จ้องมายังจวินซานด้วยความประหลาดใจ นางมิได้เอ่ยอันใดออกมาเป็นเวลานาน

ซวงจือมิเข้าใจ จึงเอ่ยถามว่า "เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? ก่อนหน้านั้นมิมีโอกาสลงมือหรือ?"

"หึๆ! หาใช่ไม่ เขาจงใจโยนความผิดให้ตระกูลฟู่" จิ้นเยว่กัดฟันกรอด "เรื่องทั้งหมดนี้เพราะมีคนต้องการจัดการตระกูลฟู่"

"จะเป็นผู้ใดกัน?" ซวงจือกัดริมฝีของนาง

ธุรกิจการค้าของตระกูลฟู่นับว่าทำได้ดียิ่ง บางครั้งก็อาจทำให้ใครคนอื่นขุ่นเคือง แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ อีกฝ่ายต้องการยืมมือขององค์ชายเล็กเพื่อจัดการตระกูลฟู่ ให้ตระกูลฟู่ต้องสูญสิ้น……ความเกลียดชังอันรุนแรงเช่นนี้ คาดว่าคงมีเพียงมิกี่คนกระมัง?

"คุณชายของเจ้าได้บอกหรือไม่ว่าเป็นผู้ใด?" จิ้นเยว่ถาม

จวินซานส่ายหัว "คุณชายเอ่ยเพียงว่า ให้คุณหญิงเป็นผู้จัดการทั้งสิ้น!"

จิ้นเยว่ปวดศีรษะขึ้นมาทันใด สมองของนางเต็มไปด้วยท่าทางที่เย้ายวนของจิ้งจอกฟู่เจ้าเล่ห์คนนั้น เขากำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่? ให้นางจัดการทั้งสิ้น? นางมิใช่ทหารหรือขุนนางในเมืองหลวงสักหน่อย!

ตัวเขาอยู่ในเรือนขังแท้ๆ แต่ก็มิลืมที่จะบอกนางว่าให้ไปโอ้อวดตนต่อหน้าซ่งเยี่ยน ขอเวลาสามวันเพื่อที่นางจะได้จัดการ บัดนี้เป็นเช่นไรเล่า นางได้กล่าวไปตามนั้นแล้ว แต่จวินซานกลับให้เบาะแสได้เพียงเท่านี้!

"ศพของผู้ลอบสังหารอยู่ที่ใด?" จิ้นเยว่ถามขึ้น

ซวงจือได้สอบถามไว้ล่วงหน้าแล้ว "อยู่ในที่ว่าการอำเภอเจ้าค่ะ! เดิมทีได้ให้หมอช่วยชีวิตเขาเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังตายในที่สุด ร่างถูกเก็บไว้ในห้องเก็บศพของที่ว่าการอำเภอเพื่อทำการตรวจสอบต่อไปเจ้าค่ะ"

"เจ้าจงอยู่ในเรือนนี้และคอยจับตามองเรื่องของคุณชายสี่ ในเวลานั้นผู้สังหารสวมเสื้อผ้าของคุณชายสี่อยู่ มองดูแล้วเขาต้องเคยเข้าไปในเรือยของคุณชายสี่เป็นแน่ ข้าจะพาซวงจือไปดูที่ที่ว่าการอำเภอ" "จิ้นเยว่สั่ง

จวินซานโค้งคำนับ "คุณหญิงระมัดระวังขอรับ"

จิ้นเยว่รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วและกลับไปเรือนซ่างอี๋ก่อน จากนั้นจึงรวบรวมเงินบางส่วนมาพกติดตัวไว้ หากจำเป็น บางทีเมื่อเข้าประตูที่ว่าการอำเภออาจต้องใช้มัน ต่อมา เมื่อนางเดินทางไปถึงที่ว่าการอำเภอ ก็ได้ยินว่าห้องเก็บศพเกิดเรื่องขึ้นแล้ว

ผู้สังหารเสียเลือดมากและเสียชีวิตในตอนเที่ยงคืน หมอและผู้บันทึกสามารถพิสูจน์ได้ แต่บัดนี้ดวงตาของศพได้หายไป! จากการตรวจสอบอีกครั้งพบว่ามิมีความเสียหายอื่นใดๆกับศพ มีเพียงดวงตาคู่เดียวที่สูญเสียไป

"ดวงตางั้นหรือ?" จิ้นเยว่ยืนอยู่ท่ามกลางแดดร้อน นางรู้สึกว่าดวงอาทิตย์ที่อยู่เหนือศีรษะของนางทำให้รู้สึกตื่นตระหนก

ซวงจือกลืนน้ำลายลงคอ "คุณหญิงเจ้าคะ นี่มันมิโหดร้ายผิดปกติไปหน่อยหรือ?"

"งั้นหรือ?" จิ้นเยว่หันไปมองนาง

ซวงจือพยักหน้าซ้ำๆ "ตายไปแล้วแม้ๆ แต่กลับมิเว้นแม้แต่ดวงตา มิเรียกว่าโหดร้ายแล้วควรเรียกว่าอย่างไรเจ้าคะ?"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+